LOGINโปรย :ย้อนเวลากลับมาอดีตก็ว่าแย่แล้ว จะมีสามีกับเขาทั้งทีกลับได้สามีตาบอด เฮ้อ! ชีวิตจะเศร้าไปไหน เกิดใหม่มีสามีตาบอด เรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในเขตอีสานเหมือนเดิมนะคะ แต่คราวนี้ไม่มีมิติไม่มีของวิเศษใด ๆ ค่ะ ปมไม่หนักไม่มีดรามาไม่มีการแก้แค้นเอาคืน เนื้อเรื่องย่อยง่าย เป็นแนวบ้าน ๆ ตามเคย อ่านได้เรื่อย ๆ แต่ภาษาที่ใช้จะใช้เป็นภาษากลางทั้งหมดนะคะ หากใครชอบแนวนี้ฝากกดเข้าชั้นกดหัวใจให้ไรต์ด้วยน้า บางบทบางตอนในนิยายอาจไม่สมเหตุสมผล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ลลิลสาวโสดวัยสามสิบปีต้องย้อนกลับไปในอดีต จิตสุดท้ายก่อนจากโลกปัจจุบันไปเธออยากมีสามีหล่อรวยและที่สำคัญเขาต้องรักเธอ แต่ทว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ที่ผอมแห้งแรงน้อยแถมยังขี้โรคแล้วจะมีชายใดมาเมียงมอง และที่แย่ไปกว่านั้นเธอต้องแต่งงานกับชายตาบอดแทนพี่สาวฝาแฝดของเธออีกด้วยที่สำคัญเขาคนนั้น…ไม่ได้ต้องการเธอ
View Moreรถกระบะสี่ประตูถูกขับเคลื่อนไปบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่ภาคอีสานด้วยความเร็วไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทุก ๆ ปีหลังจบเทศกาลปีใหม่ลลิลจะต้องกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของตัวเอง หรืออย่างน้อยก็ปีละครั้ง เธอจอดรถพักสามสี่ครั้งกว่าจะเดินทางถึงบ้านที่มีระยะทางห่างจากเมืองหลวงมากกว่าห้าร้อยกิโลเมตร
ลลิลเลือกกลับบ้านในช่วงวันปกติเพราะถ้าเป็นช่วงเทศกาลรถจะติดมาก บางครั้งขับรถนานเป็นวันก็ยังไม่ถึงบ้านเหยียบเบรกเหยียบคลัตช์จนขาแข็งไปหมด และก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบรถเกียร์กระปุกทั้งที่เป็นคนตัวเล็กและเหมาะกับรถคันเล็กเกียร์ออโต้มากกว่า ด้วยความที่เธอต้องเดินทางเพียงลำพังทุกครั้งตั้งแต่เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ และเลือกที่จะทำงานต่อที่นั่นเธอก็เดินทางคนเดียวมาตลอด ถึงการเป็นโสดจะทำให้ลลิลมีความสุขดี แต่บางครั้งก็อดน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟนสักทีทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร
หลายครั้งได้แต่ภาวนาในใจว่าหากชาตินี้เธอมีคู่ก็ขอให้ได้คู่ที่มีศีลเสมอกัน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใจดีก็ขอคนรวย ๆ หน่อยเถอะ เธอจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนถวายชีวิตให้กับบริษัทเอกชนเหมือนทุกวันนี้ ความหล่อก็ขอคนที่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนฮยอนบิน ดวงตาและคิ้วเข้มเหมือนหวังอี้ป๋อ จมูกและปากเหมือนลีมินโฮ ผิวสวยเหมือนยองแจ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว ไม่รู้ว่าเทวดาและนางฟ้าจะได้ยินคำขอของเธอบ้างหรือไม่ อีกไม่กี่วันเธอก็จะอายุครบสามสิบปีแล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นเธอก็จะหาแฟนยากมากขึ้นเท่านั้น หรือเป็นเพราะเธอเลือกมากเอง
ขับรถไปเปิดเพลงคลอไปและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เกือบหกโมงรถรถกระบะสี่ประตูคันสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ทรงโมเดิร์น ภายนอกถูกฉาบด้วยสีเงินและสีเทาไว้อย่างเรียบง่าย มองแล้วรู้สึกเย็นสบายตา ลลิลรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน คิดไว้ในใจว่าอีกสิบปีถ้าเธอเก็บเงินได้สักก้อนแล้วจะกลับมาทำเกษตรที่บ้านกับน้องชายและน้องสะใภ้ แต่เธอไม่เคยได้ลงมือทำสักครั้งหรอกนะ แค่คิดว่าอยากทำเท่านั้น
ลลิลปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหยิบของฝากที่ซื้อมาจากกรุงเทพฯเพื่อนำมาให้หลานทั้งสองที่เกิดจากน้องชายของเธอ
พอเปิดประตูรถก้าวขาออกมาร่างกายก็ปะทะเข้ากับลมหนาว พอถึงฤดูหนาวอีสานมักจะหนาวและอากาศแห้งกว่าภาคอื่น ๆ
“ป้าลิลมาแล้ว” หลานชายคนโตพูดขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นหน้าผู้เป็นป้า
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ” ลลิลพนมมือไหว้พ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอเธออยู่กับหลานทั้งสอง
“ป้าลิลมีขนมมาฝากลูกตาลไหมคะ” หลานสาวคนเล็กถามขึ้นดวงตาทอประกายพราวระยับ
“มีสิจ๊ะ นี่ไง” ลลิลยกขนมในมือขึ้นโชว์หลานทั้งสองแล้ววางไว้บนโต๊ะใต้โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังบ้าน
“กินข้าวก่อนค่อยกินขนมนะเด็ก ๆ” เสียงย่าบอกกับหลานทั้งสอง คนโตอายุสิบขวบส่วนคนเล็กอายุแปดขวบ
“ครับ/ค่ะ” ลูกตาลกับนนทพัทธ์รับคำอย่างว่าง่าย เพราะทั้งสองเคยกินขนมแล้วไม่ได้กินข้าวจนทำให้ปวดท้องพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะกินมันอีก
“แล้วพลกับหน่อยยังไม่กลับจากนาเหรอคะ” ลลิลถามหาน้องชายและน้องสะใภ้ที่ออกไปนาเพื่อปลูกมันสำปะหลัง
“ใกล้มาถึงแล้วแหละแม่เพิ่งโทร. ไปตามเมื่อกี้”
“งั้นลิลขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ลลิลเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่แล้วก็เดินเข้าห้องตัวเองที่แม่ทำความสะอาดไว้ให้เป็นอย่างดี มุมปากคลี่ยิ้มออกมาด้วยแววตาอ่อนโยน เธอคิดถึงเตียงนอนในห้องนี้เหลือเกิน คิดแล้วก็อยากกลับมาอยู่บ้านในเร็ววัน ทุกวันนี้ทำงานวันหยุดเหมือนไม่ได้หยุด ต้องคอยรับโทรศัพท์ลูกน้องราวกับว่าเป็นเจ้าของบริษัทเสียเอง จะทำอย่างไรได้ถ้ายังทำงานอยู่ตรงนั้นก็ต้องมีความรับผิดชอบ
มื้อค่ำวันนั้นทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้ลลิลคิดไว้ว่าจะไปเยี่ยมยายที่อาศัยอยู่กับป้าผู้เป็นพี่สาวของแม่
สิบโมงของวันใหม่ลลิลขับรถมาหายายพร้อมกับของฝากที่ซื้อมาจากกรุงเทพฯ ก้าวขาลงจากรถแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ก่อนมาเธอไม่ได้โทร.บอกใครเพราะอยากมาเซอร์ไพรส์ ลลิลกวาดสายตามองไปโดยรอบ นึกขึ้นได้ว่าบ้านป้ามีสวนหลังบ้านและยายของเธอชอบไปขลุกอยู่ในสวนเป็นเวลานานลลิลจึงตัดสินใจเดินไปตามยายที่หลังบ้าน
พอก้าวขาออกไปแค่ก้าวแรกตาข้างขวาก็กระตุกแรงสามครั้ง
ลลิลยกมือขวาขึ้นตีตาข้างที่มันกระตุกเบา ๆ สามที
“จะกระตุกอะไรนักหนาเนี่ย” ลลิลบ่นพึมพำเพราะถึงแม้เธอจะใช้มือตีตาข้างขวาแล้วแต่มันก็ยังกระตุกอีกหลายที ตัวเธอเองเป็นคนมีเซ้นส์แรงและเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ตากระตุกข้างขวาก็เหมือนเป็นลางบอกเหตุไม่ดีบางอย่าง
แต่ก็ช่างเถอะมันคงไม่มีอะไร ลลิลได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ
หลังบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้และผักหลายชนิดเพราะยายเป็นคนชอบปลูกทุกสิ่งอย่างที่กินได้ เช่น ขนุน มะม่วงทั้งเปรี้ยวทั้งมัน นอกจากนั้นยังมี ข่า มะรุม ผักหนาม ไผ่ ผักติ้ว และอีกหลายอย่างจนมันดูเกือบจะรก ดีที่ยายยังมีลูกเขยคอยตัดแต่งกิ่งและดายหญ้าให้อยู่เป็นนิจ
ลลิลหยุดเดินแล้วไล่สายตามองไปโดยรอบ
“ยายจันทร์จ๋า” ลลิลตะโกนเรียกยายเสียงดัง ยายอาจจะอยู่ข้างกอไผ่สักกอ เธอร้องเรียกอีกครั้งเมื่อไม่มีใครขานรับ “ยายจ๋า”
ลลิลยืนอยู่เกือบสองนาทีเมื่อไม่มีเสียงตอบรับเธอจึงคิดจะกลับไปบ้านก่อนตอนเย็นค่อยมาใหม่ เท้าขวาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่ทันระวังขาจึงสะดุดเข้ากับบ่อน้ำที่ใช้ท่อปูนเรียงซ้อนกันขึ้นมาสูงแค่หน้าแข้ง รอบ ๆ มีผักหนามขึ้นเต็มขอบบ่อเพราะผักหนามชอบความชื้นยายจึงปลูกไว้ใกล้น้ำ
“ว้าย!” ลลิลกรีดร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อร่างเธอหงายท้องล้มทับไม้กระดานอันผุพังที่วางปิดปากบ่อไว้สองแผ่น
ตู้ม!
ร่างของคนตัวเล็กตกลงไปในบ่อน้ำอย่างรวดเร็วทั้งกลัวทั้งตกใจลลิลพยายามตะเกียกตะกายอยู่ครู่ใหญ่ แต่น้ำในบ่อนั้นลึกมากจนทำให้เธอหมดแรงและไม่มีที่ยึดเกาะ ไม้กระดานที่หักลงไปด้วยก็ไม่สามารถรับน้ำหนักของเธอได้ ร่างของเธอค่อย ๆ จมดิ่งลงไป จิตสุดท้ายของเธอภาวนาแค่ว่าขอให้มีคนพบศพเธอโดยเร็ววัน และสิ่งที่เธออ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องคู่ครองเธอก็ยังยืนยันคำเดิม
หากชาติหน้ามีจริงขอให้เธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ขอให้เธอมีโอกาสได้รักกับใครสักคนและเขาก็รักเธอด้วย
ไม่นานจิตของเธอก็สงบลงพร้อมกับร่างที่จมอยู่ก้นบ่อ
ไกรสรเดินเข้ามาในห้องเห็นภรรยากำลังจัดของอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ ก้มลงหอมไหล่มนของภรรยาแล้วพูดขึ้น “น่ารักจัง” ถุงมือถุงเท้าหลายสีสำหรับเด็กอ่อนเกือบสิบคู่ถูกเรียงไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ “ตาเอามาฝากค่ะ” ไกรสรทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ “น่าจะเห่อหลานมาก” ไพลินเพิ่งจะท้องได้ห้าเดือนเศษแต่เพียงตาก็เตรียมของใช้มาให้หลานตั้งหลายอย่าง “ค่ะ เห่อมาก” เพียงตาเล่าให้ไพลินฟังว่าพอได้มีเวลาอยู่กับเด็กแล้วก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองบ้าง ติดแค่ตรงที่ยังหาแฟนไม่ได้ “แล้วนี่…” ไกรสรเลิกคิ้วสูง มือหยิบชุดคลุมท้องตาข่ายสีม่วงพาสเทลขึ้นมา “ชุดคลุมท้องค่ะ” ไพลินว่าพลางยิ้ม “ใครจะให้ใส่” เขาทำเสียงเขียว ขืนใส่ตัวนี้ออกไปเดินมีหวังคนมองกันทั้งหมู่บ้าน “เอาไว้ใส่นอนก็ได้ค่ะ ผ้ามันนุ่ม” “อือ…” เขาเห็นตามนั้นผ้ามันนุ่มจริง ๆ “งั้นใส่ชุดนี้แล้วพี่จะวาดรูปลิน” มันคงสวยมากแน่ ๆ หากเธอสวมชุดคลุมท้องนี้แล้วนั่งบนเก้าอี้ให้เขาวาดภาพ “ฮื้อ! เดี
ภายในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เสียงไพลินกับเด็กอนุบาลกำลังร้องเพลงช้างพร้อมกันดังก้องไปทั้งห้องเรียน พาขวัญกับนพพลแอบมองลูกสาวด้วยความภูมิใจ ในที่สุดเพียงตาก็ใช้ชีวิตอยู่กับเด็กได้อย่างมีความสุข ทั้งตามล้างปัสสาวะอุจจาระเด็กเพียงตาก็ทำได้เป็นอย่างดี เพราะตอนนี้เธอทำใจได้แล้วว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป อย่างไรมันก็ห้ามไม่ได้ ทั้งสองคิดถึงหมอดูคนที่เคยทักดวงไพลินแล้วก็ขนลุก ไม่คิดว่าลูกสาวคนเล็กจะมีคู่ครองแต่ก็มีเหตุให้เธอได้แต่งงานเฉยเลยและตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนร่ำรวยและมีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็นเพราะบารมีของครอบครัวฝั่งสามีด้วย หลังเลิกเรียนผู้ปกครองมารับลูกจนครบพาขวัญจึงเดินมาหาลูกสาวเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน “วันนี้ตาจะแวะเอาถุงมือถุงเท้าไปให้ลินด้วยค่ะ” จากที่แต่ก่อนไพลินชอบถักโครเชต์ ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงตาเองที่รื้อของน้องออกมาทำต่อ เหตุผลคือเธอว่างหลังเลิกเรียนและช่วงวันหยุดก็ไม่มีอะไรทำ เพราะเธอไม่ชอบปลูกผักทำสวนเหมือนพ่อกับแม่ เธอจึงลองเอาอุปกรณ์ของน้องมาลองทำดู และเธอก็พบว่าเธอชอบมัน เพียงตาจึงถั
ปีต่อมาหลังจากที่แม่โอนไร่นาในส่วนของเขาให้ ไกรสรจึงเปิดลานรับซื้ออ้อยและมันสำปะหลังเพื่อไม่ให้ภรรยาทำงานหนักมากเกินไป อีกอย่างตอนนี้ไพลินก็กำลังท้องลูกแฝดของเขาด้วย พื้นที่ในส่วนของพ่อกับแม่อีกห้าสิบไร่เขาก็เป็นคนดูแลจัดการให้โดยมีสงวนเป็นคนช่วยดูแลและจัดการหน้างานอีกทีตอนนี้สงวนกับนางย้ายครอบครัวที่ต่างจังหวัดมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเสี่ยธนา สงวนพาพ่อกับแม่และลูกสาวคนเดียวมาอยู่ด้วย นางเป็นเด็กกำพร้าเธอจึงไม่มีอะไรให้ห่วง พวกเขาซื้อที่ดินและปลูกบ้านชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่มากที่ลานรับซื้ออ้อยและมันสำปะหลังนางเป็นคนชั่งน้ำหนักอ้อยกับมันสำปะหลังที่มีชาวไร่นำมาขาย ไพลินเป็นคนคิดเงินและจ่ายเงินให้ มีลูกน้องผู้ชายอีกสี่คนอยู่งานนอก คอยเป็นผู้ชี้จุดเทอ้อยและมันสำปะหลัง และลำเลียงอ้อยและหัวมันสำปะหลังขึ้นรถสิบล้อเพื่อนำไปขายที่โรงงานรวมถึงทำความสะอาดลานด้วยแต่ละวันมีรถเกษตรที่บรรทุกอ้อยและมันสำปะหลังเข้ามาขายหลายสิบคัน เพราะลานรับซื้อแห่งนี้ให้ราคาเหมาะสมไม่เอาเปรียบชาวไร่ การที่ชาวไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังเอาผลผลิตมาขายตรงนี้ก็ดีกว่าเพราะไม่ต้องเดินทางไกลให้สิ้นเปลืองน้ำมัน อีกทั้งไม่ต้องรอ
เกือบเดือนแล้วที่เพียงตานอนอยู่บ้านเฉย ๆ เธอได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นมีเวลาไตร่ตรองและคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา บางครั้งก็อดทึ่งในตัวน้องสาวฝาแฝดของตนไม่ได้ว่าทำไมเธอเก่งจัง ที่สามารถอยู่กับผู้ชายอย่างไกรสรได้อย่างมีความสุข ไพลินโทร. มาบ้านทีไรไม่เคยเลยที่เธอจะได้ยินเสียงบ่นของน้องสาว มีแต่เสียงหัวเราะและวาจาอันสดใส ทั้งที่อยู่บ้านสามีเธอก็ไม่ได้นอนงอมืองอเท้ารอกินอย่างเดียวแล้วเธอล่ะ เรียนจบปริญญาตรีแต่ไม่มีงานทำ มีผู้ชายมากหน้าหลายตาทั้งในหมู่บ้านและต่างถิ่นมารุมจีบ แต่เธอก็ไม่เคยสนใจใครสักคนเพราะคิดว่าตัวเองมีดีและสามารถหาผู้ชายได้ดีกว่านี้ แต่ทำไมไพลินถึงมีความสุขได้กับสามีที่แสนจะธรรมดาแถมก่อนหน้าเขายังตาบอดด้วยซ้ำ ไพลินไม่เคยบ่นไม่เคยด่าไม่เคยต่อว่ากับสิ่งที่เธอทำไว้กับน้องสาว หรือว่า…ถึงเวลาที่เธอจะต้องมองตัวเองใหม่ พาขวัญกับนพพลเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านเห็นเพียงตานั่งเหงาอยู่โซฟาหน้าโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้แต่สายตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับเหม่อมองผ่านหน้าจอนั้นไปอย่างไร้จุดหมาย “คิดอะไรอยู่” พาขวัญถามลูกสาวเสียงอ่อนโยนรู้สึกไม่ค่อยดีนักที่เพ