Share

บทที่ 14

เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”

แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”

เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”

ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”

เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”

“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”

เฉินมู่ยิ้มเย็นแล้วพูด “เลี้ยงหนูเหรอ? คุณปู่คะ ให้ข้าวคำเดียวนี่หรือที่เรียกว่าการเลี้ยงดูหนูเหรอคะ?”

“หลานกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร!” ชายชราหน้าตึงและกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ

เฉินมู่ก้มศีรษะออกแรงกำมือของชายชราเล็กน้อย

“ปู่คะ ปกติที่บ้านหลังนี้ก็มีคนเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูเอาใจใส่ฉัน ตอนนี้ปู่ควรจะรู้ไว้นะคะ ที่ข้อมือหนูมีบาดแผลยาวประมาณสามเซนติเมตร และปู่ก็กำลังบีบปากแผลของหนูอยู่ค่ะ”

ชายชราตกใจรีบปล่อยมือออกทันที เลือดได้ซึมออกมาจากผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว สีแดงคล้ำของมันทำให้ผู้ที่พบเห็นตกตะลึงต่อภาพที่พบเห็น

เฉินมู่ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยเสียงเรียบ “คุณปู่คะ หนุมีใบหน้าที่เสียโฉม เกรงว่าจะทำให้บอสฮั่วรู้สึกตรงกันข้ามเสียมากกว่า ตระกูลเฉินได้อบรมสั่งสอนเฉินชิงเสวี่ยมาตั้งนานหลายปีไม่ใช่เหรอคะ เธอต่างหากที่สมควรตอบแทนบุญคุณคนที่เลี้ยงดูมา!”

“เฉินมู่!” ชายชราตะโกนพูดด้วยความโกรธจากด้านหลัง พร้อมทิ้งท้ายมาประโยคหนึ่ง “แกนี่มันนิสัยใจคอเหี้ยมโหดอำมหิตจริง ๆ บีบบังคับพ่อของตัวเองทำให้ชิงเสวี่ยต้องแต่งงานกับตระกูลลู่!”

“ตามใจเลยค่ะ” เฉินมู่เดินออกจากประตูใหญ่ไป ขาเรียวสาวเท้าโบกรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลอันเซิ่งอีกครั้ง

เฉินมู่นั่งอยู่ในห้องทำงานของโอวจิน เมื่อเห็นสีหน้าหมดคำจะพูดของโอวจินจึงได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนออกมา “แผลฉีกน่ะ ขอรบกวนคุณหน่อยนะ”

โอวจินทำแผลไปถามไป “คุณหนูเฉินครับ ผมแปลกใจจริง ๆ ภายในหนึ่งวันคุณทำให้ตัวเองเจ็บตัวซ้ำไปมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

เฉินมู่ยิ้มแล้วกระซิบกระซาบออกมา “ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ”

โอวจินคิดว่าตอนนี้เธอคงไม่อยากพูดอะไรมากจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก

ในความเป็นจริง ไม่รู้ว่านี่เป็นความสามารถติดตัวของร่างกายนี้หรือเปล่า ภายในใจของเฉินมู่ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้างแล้วกับความสามารถอันนี้ของตัวเธอ จริง ๆ แล้วเธอทรมานตัวเองให้ตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรกันนะ?

เวลาไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอมักจะตกเป็นเป้าหมายที่คนในตระกูลเฉินรุมกลั่นแกล้ง เวลาเกิดเรื่องขึ้นก็มักจะให้เธอสวมบทลูกสาวผู้กตัญญู บังคับให้ตัวเธอแสดงความกตัญญู

โอวจินพันผ้าพันแผลให้เธอใหม่อีกครั้ง ตกเย็นเฉินมู่ที่เพิ่งจะกลับถึงบ้านก็เจอเข้ากับลู่ซีเจ๋อที่ดักรอหน้าประตูเสียก่อน

พอลู่ซีเจ๋อเห็นเฉินมู่ก็รีบเดินมาและตะโกนเรียกทันที “เสี่ยวมู่!”

เฉินมู่ไม่ยอมหยุดฝีเท้า แถมยังพูดทิ้งท้ายไว้ “เฉินชิงเสวี่ยถูกลงโทษให้นั่งคุกเข่าอยู่ที่ศาลเจ้าบรรพบุรุษ”

“เสี่ยวมู่ ผมมาหาคุณต่างหาก!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบเสียงดัง

เฉินมู่ชะงักไป “มาหาฉัน?”

ลู่ซีเจ๋อยิ้มอ่อนและพยักหน้า “ใช่แล้ว ผมมาหาคุณ! คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า? พวกเราไปทานมื้อเย็นด้วยกันดีไหม?”

เขายิ้มออกมาราวกับเจ้าชายผู้สง่างาม เหมือนเขากำลังหยิบยื่นน้ำใจไมตรีมาให้ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วโลกทุกคนก็คงจะซาบซึ้งในบุญคุณที่ได้รับ

ลู่ซีเจ๋อคิดว่าเฉินมู่ตามตื๊อเขาอยู่มาเป็นเวลานาน ตอนนี้เขามาชวนเธอไปทานข้าวด้วยตัวเองถึงที่ เฉินมู่ต้องดีใจจนแทบจะจุดพลุฉลองเป็นแน่!

“ไม่ว่าง” เฉินมู่หมุนตัวเดินเข้าไปในประตูคฤหาสน์ ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา

ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปนานมาก ชายหนุ่มมองไปที่แผ่นหลังอันผอมบางของเฉินมู่ แต่เธอกลับไม่ได้เดินก้มหัวตัวงอเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้เธอยืดแผ่นหลังตั้งตรง แม้แต่บุคลิกของร่างทั้งร่างก็ยังปรากฏความเยือกเย็นสุขุมและดูสูงส่งสง่างาม

“กริ๊ง ๆ ๆ” โทรศัพท์ของลู่ซีเจ๋อแผดเสียงดังขึ้น

เขากดรับสายอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แม่ครับ! มีอะไรอีกล่ะ?”

“ซีเจ๋อ เสี่ยวมู่ตอบตกลงหรือยัง?” คุณนายลู่ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ

ลู่ซีเจ๋อส่ายหัว “ไม่! ไม่ตกลง! แม่ครับ สรุปทำไมแม่ถึงต้องให้ผมไปทานข้าวกับเธอด้วย! แม่ก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบเธอ!”

“เหลวไหล!” คุณนายลู่ตำหนิออกมา “แกยังไม่ทันจะได้ทำความรู้จักกับเสี่ยวมู่เลยด้วยซ้ำ! จะไปรู้ได้อย่างไรว่าไม่ชอบ?”

“ฉันแค่ให้แกไปทานข้าวกับเธอ ไม่ได้ขอให้ไปจดทะเบียนสมรสเสียหน่อย! ไม่ว่าอย่างไรแกก็ต้องไปเกลี้ยกล่อมเธอให้แม่! มิฉะนั้นลูกก็รอให้พ่อของลูกมาจัดการได้เลย!”

สายตัดไปแล้ว ลู่ซีเจ๋อร้อนรนขึ้นมาทันที นังหนูเฉินมู่ผู้ไร้เดียงสาที่แต่ก่อนแต่ไรเรียกให้มาหาก็มาได้หายไปไหนแล้วนะ! ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดยากนัก?

ลู่ซีเจ๋อตามเฉินมู่เข้าไปในตระกูลมู่ พอซู่หรูหยุนมองเห็นลู่ซีเจ๋อจึงรีบทักขึ้นทันที “ซีเจ๋อ เธอมาหาชิงเสวี่ยเหรอ?”

ลู่ซีเจ๋ออึดอัดขึ้นมาทันที เขาส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเบา “คุณป้าซู่ ผมมาหาเฉินมู่ครับ”

“อะไรนะ?” ซู่หรูหลานเสียงสูงขึ้นมา ทันทีที่เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองลืมตัวเผลอเสียมารยาทออกไป จึงลดเสียงต่ำลง “เอาเถอะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาหาเสี่ยวมู่ได้ล่ะ?”

ลู่ซีเจ๋อถอนหายใจ เล่าเรื่องที่คุณนายลู่ใช้อำนาจขู่เขาเพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ออกมาแล้วสาบานอย่างหนักแน่นจริงใจออกมา “คุณป้าครับ คุณป้าวางใจเถอะ แค่ไปทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ รอผมจัดการเรื่องของลู่กรุ๊ปเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะรีบให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานเข้าตระกูลทันที!”

ซู่หรูหลานพยักหน้าตอบกลับ “ป้าเชื่อเธอ เรื่องชิงเสวี่ย ทางป้าจะเป็นคนปลอบโยนเอง ชิงเสวี่ยจะต้องเข้าใจเธอแน่ เธอไปเถอะ เสี่ยวมู่อยู่ในห้อง”

ลู่ซีเจ๋อมองแววตาอ่อนโยนของซู่หรูหลานแล้วนึกถึงท่าทางน่ารักของเฉินชิงเสวี่ยอีกครั้งหนึ่ง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเฉินมู่วางยาอะไรให้แม่ของตัวเองถึงต้องมาแนะนำให้พวกเขาคู่กัน!

ลู่ซีเจ๋อเคาะประตูห้องของเฉินมู่ ไม่นานเฉินมู่เปิดประตูออก ทว่าพอเห็นหน้าลู่ซีเจ๋อก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจพร้อมเอ่ย “ลู่ซีเจ๋อ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่าง”

“ในมือของผมมีของที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้ด้วยนะ!” ทันใดนั้นลู่ซีเจ๋อก็โพล่งขึ้นมา

“อะไรนะ?” มือที่กำลังจะปิดประตูของเฉินมู่ชะงักค้าง

ลู่ซีเจ๋อพูดยิ้ม ๆ ว่า “แม่ของคุณเป็นเพื่อนรักกับแม่ของผม บ้านของเรายังคงเก็บจี้หยกที่แม่เธอให้มาตั้งแต่ที่กำหนดให้เราแต่งงานกันตอนยังเป็นเด็กไว้อีกด้วย ในเมื่อถอนหมั้นกันแล้ว มาเอาของหมั้นกลับไปเถอะ”

เฉินมู่หัวใจสั่นไหว เสียงเล็กถามต่อ “แค่ทานข้าวเย็น?”

“ใช่ แค่ทานข้าวเย็น” ลู่ซีเจ๋อพยักหน้า

“ดี เข้าใจแล้วล่ะ” เฉินมู่ปิดประตูจนเสียงดัง “ปัง”

ลู่ซีเจ๋อส่ายหน้ายิ้ม ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าเฉินมู่จะปล่อยวางแล้วเสียอีก ตอนนี้ยังจะเรียกยากไม่ยอมมาอีกได้เหรอ?

การจัดการกับเฉินมู่นี่มันง่ายเสียยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้อีก

ที่ศาลเจ้า

เฉินชิงเสวี่ยเปล่งเสียงแหลมออกมาว่า “อะไรนะ? ซีเจ๋อต้องไปทานมื้อเย็นกับเฉินมู่? จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ซีเจ๋อเป็นของหนูนะ! เฉินมู่นังสารเลวนั่นใช้วิธีอะไรล่อลวงเขาอีก!”

ซู่หรูหลานดึงมือเธอมากุม “ก็แค่ทานข้าวเองน่า ไม่เห็นจะมีเรื่องดีตรงไหนเลย!”

เฉินชิงเสวี่ยถามขึ้นด้วยความตะลึงงัน “แม่คะ แม่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่? รีบบอกหนูมาเลยนะ!”

ซู่หรูหลานพยักหน้าอย่างผยองแล้วพูดเสียงต่ำ “สามีของคุณนายจางมีความชอบพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ตอนทานข้าวก็แค่หลอกให้เธอไปเท่านั้นก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นคง...”

เฉินชิงเสวี่ยฟังจบถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา “จริงเหรอคะ? คราวนี้แหละ จะต้องไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้อีก! รอให้ชื่อเสียงของเธอถูกทำลายก่อนเถอะ คอยดูสิว่ายังจะมีผู้ชายคนไหนอยากได้เธออีก! ไม่สิ! เกรงว่าถึงตอนนั้นขึ้นมาเธอคงอยากที่จะฆ่าตัวตายให้มันเร็วขึ้นใช่ไหมล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ!”

ซู่หรูหลานกอดแล้วปลอบเฉินชิงเสวี่ยว่า “ชิงเสวี่ย ลูกวางใจเถอะ กว่าแม่จะได้แต่งเข้าตระกูลเฉินน่ะมันไม่ง่ายเลยนะ แม่จะคิดหาหนทางที่ดีเพื่อลูกเอง เฉินมู่อยากแต่งเข้าตระกูลลู่ อยากจะแบ่งทรัพย์สมบัติของตระกูลเฉินไปเป็นสินสอดอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!”

เฉินชิงเสวี่ยพยักหน้า ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ก็รักเธอมากที่สุด แต่นังเฉินมู่ มันก็เป็นได้เพียงแค่นังแพศยาที่มีแม่ผู้ให้กำเนิดแต่ไม่มีแม่คอยเลี้ยงดูก็เท่านั้น!

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status