Share

บทที่ 14

Author: เฉียวเหมย
เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”

แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”

เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”

ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”

เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”

“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”

เฉินมู่ยิ้มเย็นแล้วพูด “เลี้ยงหนูเหรอ? คุณปู่คะ ให้ข้าวคำเดียวนี่หรือที่เรียกว่าการเลี้ยงดูหนูเหรอคะ?”

“หลานกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร!” ชายชราหน้าตึงและกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ

เฉินมู่ก้มศีรษะออกแรงกำมือของชายชราเล็กน้อย

“ปู่คะ ปกติที่บ้านหลังนี้ก็มีคนเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูเอาใจใส่ฉัน ตอนนี้ปู่ควรจะรู้ไว้นะคะ ที่ข้อมือหนูมีบาดแผลยาวประมาณสามเซนติเมตร และปู่ก็กำลังบีบปากแผลของหนูอยู่ค่ะ”

ชายชราตกใจรีบปล่อยมือออกทันที เลือดได้ซึมออกมาจากผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว สีแดงคล้ำของมันทำให้ผู้ที่พบเห็นตกตะลึงต่อภาพที่พบเห็น

เฉินมู่ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยเสียงเรียบ “คุณปู่คะ หนุมีใบหน้าที่เสียโฉม เกรงว่าจะทำให้บอสฮั่วรู้สึกตรงกันข้ามเสียมากกว่า ตระกูลเฉินได้อบรมสั่งสอนเฉินชิงเสวี่ยมาตั้งนานหลายปีไม่ใช่เหรอคะ เธอต่างหากที่สมควรตอบแทนบุญคุณคนที่เลี้ยงดูมา!”

“เฉินมู่!” ชายชราตะโกนพูดด้วยความโกรธจากด้านหลัง พร้อมทิ้งท้ายมาประโยคหนึ่ง “แกนี่มันนิสัยใจคอเหี้ยมโหดอำมหิตจริง ๆ บีบบังคับพ่อของตัวเองทำให้ชิงเสวี่ยต้องแต่งงานกับตระกูลลู่!”

“ตามใจเลยค่ะ” เฉินมู่เดินออกจากประตูใหญ่ไป ขาเรียวสาวเท้าโบกรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลอันเซิ่งอีกครั้ง

เฉินมู่นั่งอยู่ในห้องทำงานของโอวจิน เมื่อเห็นสีหน้าหมดคำจะพูดของโอวจินจึงได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนออกมา “แผลฉีกน่ะ ขอรบกวนคุณหน่อยนะ”

โอวจินทำแผลไปถามไป “คุณหนูเฉินครับ ผมแปลกใจจริง ๆ ภายในหนึ่งวันคุณทำให้ตัวเองเจ็บตัวซ้ำไปมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

เฉินมู่ยิ้มแล้วกระซิบกระซาบออกมา “ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ”

โอวจินคิดว่าตอนนี้เธอคงไม่อยากพูดอะไรมากจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก

ในความเป็นจริง ไม่รู้ว่านี่เป็นความสามารถติดตัวของร่างกายนี้หรือเปล่า ภายในใจของเฉินมู่ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้างแล้วกับความสามารถอันนี้ของตัวเธอ จริง ๆ แล้วเธอทรมานตัวเองให้ตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรกันนะ?

เวลาไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอมักจะตกเป็นเป้าหมายที่คนในตระกูลเฉินรุมกลั่นแกล้ง เวลาเกิดเรื่องขึ้นก็มักจะให้เธอสวมบทลูกสาวผู้กตัญญู บังคับให้ตัวเธอแสดงความกตัญญู

โอวจินพันผ้าพันแผลให้เธอใหม่อีกครั้ง ตกเย็นเฉินมู่ที่เพิ่งจะกลับถึงบ้านก็เจอเข้ากับลู่ซีเจ๋อที่ดักรอหน้าประตูเสียก่อน

พอลู่ซีเจ๋อเห็นเฉินมู่ก็รีบเดินมาและตะโกนเรียกทันที “เสี่ยวมู่!”

เฉินมู่ไม่ยอมหยุดฝีเท้า แถมยังพูดทิ้งท้ายไว้ “เฉินชิงเสวี่ยถูกลงโทษให้นั่งคุกเข่าอยู่ที่ศาลเจ้าบรรพบุรุษ”

“เสี่ยวมู่ ผมมาหาคุณต่างหาก!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบเสียงดัง

เฉินมู่ชะงักไป “มาหาฉัน?”

ลู่ซีเจ๋อยิ้มอ่อนและพยักหน้า “ใช่แล้ว ผมมาหาคุณ! คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า? พวกเราไปทานมื้อเย็นด้วยกันดีไหม?”

เขายิ้มออกมาราวกับเจ้าชายผู้สง่างาม เหมือนเขากำลังหยิบยื่นน้ำใจไมตรีมาให้ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วโลกทุกคนก็คงจะซาบซึ้งในบุญคุณที่ได้รับ

ลู่ซีเจ๋อคิดว่าเฉินมู่ตามตื๊อเขาอยู่มาเป็นเวลานาน ตอนนี้เขามาชวนเธอไปทานข้าวด้วยตัวเองถึงที่ เฉินมู่ต้องดีใจจนแทบจะจุดพลุฉลองเป็นแน่!

“ไม่ว่าง” เฉินมู่หมุนตัวเดินเข้าไปในประตูคฤหาสน์ ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา

ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปนานมาก ชายหนุ่มมองไปที่แผ่นหลังอันผอมบางของเฉินมู่ แต่เธอกลับไม่ได้เดินก้มหัวตัวงอเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้เธอยืดแผ่นหลังตั้งตรง แม้แต่บุคลิกของร่างทั้งร่างก็ยังปรากฏความเยือกเย็นสุขุมและดูสูงส่งสง่างาม

“กริ๊ง ๆ ๆ” โทรศัพท์ของลู่ซีเจ๋อแผดเสียงดังขึ้น

เขากดรับสายอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แม่ครับ! มีอะไรอีกล่ะ?”

“ซีเจ๋อ เสี่ยวมู่ตอบตกลงหรือยัง?” คุณนายลู่ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ

ลู่ซีเจ๋อส่ายหัว “ไม่! ไม่ตกลง! แม่ครับ สรุปทำไมแม่ถึงต้องให้ผมไปทานข้าวกับเธอด้วย! แม่ก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบเธอ!”

“เหลวไหล!” คุณนายลู่ตำหนิออกมา “แกยังไม่ทันจะได้ทำความรู้จักกับเสี่ยวมู่เลยด้วยซ้ำ! จะไปรู้ได้อย่างไรว่าไม่ชอบ?”

“ฉันแค่ให้แกไปทานข้าวกับเธอ ไม่ได้ขอให้ไปจดทะเบียนสมรสเสียหน่อย! ไม่ว่าอย่างไรแกก็ต้องไปเกลี้ยกล่อมเธอให้แม่! มิฉะนั้นลูกก็รอให้พ่อของลูกมาจัดการได้เลย!”

สายตัดไปแล้ว ลู่ซีเจ๋อร้อนรนขึ้นมาทันที นังหนูเฉินมู่ผู้ไร้เดียงสาที่แต่ก่อนแต่ไรเรียกให้มาหาก็มาได้หายไปไหนแล้วนะ! ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดยากนัก?

ลู่ซีเจ๋อตามเฉินมู่เข้าไปในตระกูลมู่ พอซู่หรูหยุนมองเห็นลู่ซีเจ๋อจึงรีบทักขึ้นทันที “ซีเจ๋อ เธอมาหาชิงเสวี่ยเหรอ?”

ลู่ซีเจ๋ออึดอัดขึ้นมาทันที เขาส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเบา “คุณป้าซู่ ผมมาหาเฉินมู่ครับ”

“อะไรนะ?” ซู่หรูหลานเสียงสูงขึ้นมา ทันทีที่เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองลืมตัวเผลอเสียมารยาทออกไป จึงลดเสียงต่ำลง “เอาเถอะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาหาเสี่ยวมู่ได้ล่ะ?”

ลู่ซีเจ๋อถอนหายใจ เล่าเรื่องที่คุณนายลู่ใช้อำนาจขู่เขาเพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ออกมาแล้วสาบานอย่างหนักแน่นจริงใจออกมา “คุณป้าครับ คุณป้าวางใจเถอะ แค่ไปทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ รอผมจัดการเรื่องของลู่กรุ๊ปเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะรีบให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานเข้าตระกูลทันที!”

ซู่หรูหลานพยักหน้าตอบกลับ “ป้าเชื่อเธอ เรื่องชิงเสวี่ย ทางป้าจะเป็นคนปลอบโยนเอง ชิงเสวี่ยจะต้องเข้าใจเธอแน่ เธอไปเถอะ เสี่ยวมู่อยู่ในห้อง”

ลู่ซีเจ๋อมองแววตาอ่อนโยนของซู่หรูหลานแล้วนึกถึงท่าทางน่ารักของเฉินชิงเสวี่ยอีกครั้งหนึ่ง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเฉินมู่วางยาอะไรให้แม่ของตัวเองถึงต้องมาแนะนำให้พวกเขาคู่กัน!

ลู่ซีเจ๋อเคาะประตูห้องของเฉินมู่ ไม่นานเฉินมู่เปิดประตูออก ทว่าพอเห็นหน้าลู่ซีเจ๋อก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจพร้อมเอ่ย “ลู่ซีเจ๋อ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่าง”

“ในมือของผมมีของที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้ด้วยนะ!” ทันใดนั้นลู่ซีเจ๋อก็โพล่งขึ้นมา

“อะไรนะ?” มือที่กำลังจะปิดประตูของเฉินมู่ชะงักค้าง

ลู่ซีเจ๋อพูดยิ้ม ๆ ว่า “แม่ของคุณเป็นเพื่อนรักกับแม่ของผม บ้านของเรายังคงเก็บจี้หยกที่แม่เธอให้มาตั้งแต่ที่กำหนดให้เราแต่งงานกันตอนยังเป็นเด็กไว้อีกด้วย ในเมื่อถอนหมั้นกันแล้ว มาเอาของหมั้นกลับไปเถอะ”

เฉินมู่หัวใจสั่นไหว เสียงเล็กถามต่อ “แค่ทานข้าวเย็น?”

“ใช่ แค่ทานข้าวเย็น” ลู่ซีเจ๋อพยักหน้า

“ดี เข้าใจแล้วล่ะ” เฉินมู่ปิดประตูจนเสียงดัง “ปัง”

ลู่ซีเจ๋อส่ายหน้ายิ้ม ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าเฉินมู่จะปล่อยวางแล้วเสียอีก ตอนนี้ยังจะเรียกยากไม่ยอมมาอีกได้เหรอ?

การจัดการกับเฉินมู่นี่มันง่ายเสียยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้อีก

ที่ศาลเจ้า

เฉินชิงเสวี่ยเปล่งเสียงแหลมออกมาว่า “อะไรนะ? ซีเจ๋อต้องไปทานมื้อเย็นกับเฉินมู่? จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ซีเจ๋อเป็นของหนูนะ! เฉินมู่นังสารเลวนั่นใช้วิธีอะไรล่อลวงเขาอีก!”

ซู่หรูหลานดึงมือเธอมากุม “ก็แค่ทานข้าวเองน่า ไม่เห็นจะมีเรื่องดีตรงไหนเลย!”

เฉินชิงเสวี่ยถามขึ้นด้วยความตะลึงงัน “แม่คะ แม่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่? รีบบอกหนูมาเลยนะ!”

ซู่หรูหลานพยักหน้าอย่างผยองแล้วพูดเสียงต่ำ “สามีของคุณนายจางมีความชอบพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ตอนทานข้าวก็แค่หลอกให้เธอไปเท่านั้นก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นคง...”

เฉินชิงเสวี่ยฟังจบถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา “จริงเหรอคะ? คราวนี้แหละ จะต้องไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้อีก! รอให้ชื่อเสียงของเธอถูกทำลายก่อนเถอะ คอยดูสิว่ายังจะมีผู้ชายคนไหนอยากได้เธออีก! ไม่สิ! เกรงว่าถึงตอนนั้นขึ้นมาเธอคงอยากที่จะฆ่าตัวตายให้มันเร็วขึ้นใช่ไหมล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ!”

ซู่หรูหลานกอดแล้วปลอบเฉินชิงเสวี่ยว่า “ชิงเสวี่ย ลูกวางใจเถอะ กว่าแม่จะได้แต่งเข้าตระกูลเฉินน่ะมันไม่ง่ายเลยนะ แม่จะคิดหาหนทางที่ดีเพื่อลูกเอง เฉินมู่อยากแต่งเข้าตระกูลลู่ อยากจะแบ่งทรัพย์สมบัติของตระกูลเฉินไปเป็นสินสอดอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!”

เฉินชิงเสวี่ยพยักหน้า ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ก็รักเธอมากที่สุด แต่นังเฉินมู่ มันก็เป็นได้เพียงแค่นังแพศยาที่มีแม่ผู้ให้กำเนิดแต่ไม่มีแม่คอยเลี้ยงดูก็เท่านั้น!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status