공유

บทที่ 13

작가: เฉียวเหมย
ชายชราสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินชิงเสวี่ยพูดเมื่อสักครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวงผู้ใหญ่! แม้แต่ใบหน้าของฮั่วหยุนเซียวเธอก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ!

ชายชรารู้สึกเสียหน้า จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเท่านั้น “เสี่ยวมู่รู้ความมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รบกวนเวลางานของเธอใช่ไหม?”

ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองเฉินมู่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มชาแวบหนึ่งและขำออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ รู้ความมากจริง ๆ”

เฉินมู่สำลักน้ำในปาก คราวก่อนเธอก็ถูกชมว่ารู้ความ หมายถึงแนวคิดคร่าว ๆ ตอนฆ่าคน เธอเลือกที่จะลั่นไกไม่ใช้การต่อสู้แบบประจัญบานน่ะนะ

“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ๆ...”ชายชราคิดว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ผิดใจกับตระกูลฮั่ว แบบไหนก็ดีทั้งนั้น

ฮั่วหยุนเซียวเก็บรอยยิ้มและพูดต่อ “ที่มาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร? หยุนเซียว ไหนเธอลองว่ามาสิ” ชายชราถามกลับทันที

ฮั่วหยุนเซียวเงยหน้ากวาดตามองเฉินชิงเสวี่ยครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยก็สะดุ้งเฮือก พลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจ

ฮั่วหยุนเซียวรับใบเรียกเก็บเงินมาจากมือของฮานเฉิงและวางมันลงบนโต๊ะดื่มชาหินอ่อน

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “วันนี้ตอนเช้า คุณชายตระกูลลู่พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปสร้างปัญหาในร้านอาหารของหยุนเฉิน ว่ากันว่าคนที่ไปด้วยก็คือคุณหนูรองของตระกูลเฉิน?”

นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการประณามฝั่งตรงข้าม ชายชราไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้ง เขารีบหันไปมองเฉินชิงเสวี่ยและตะคอกใส่ทันควัน “เจ้าหลานไม่รักดี!”

เฉินชิงเสวี่ยลุกขึ้นยืนอธิบายด้วยใบหน้าซีดเผือดว่า “เปล่านะ...ไม่ใช่ฉันนะคะ...ไม่ใช่ฉัน...จริง ๆแล้วเป็น....”

“คุณหนูเฉินกำลังบอกว่า บอสฮั่วอย่างผมเสียเวลามาตั้งไกลเพื่อยัดข้อหาให้คุณโดยเฉพาะหรือครับ?” ฮั่วหยุนเซียวเลื่อนสายตาไปมองที่เธอ

มีข่าวลือว่าฮั่วหยุนเซียวนั้นเป็นผู้มีอำนาจทั้งด้านมืดและด้านสว่าง มาวันนี้เฉินชิงเสวี่ยรับรู้แล้ว เพียงแค่ครู่เดียวบรรยากาศก็กดดันจนตัวเธอพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ซู่หรูหลานปกป้องลูกสาวที่อยู่ด้านหลังแล้วอธิบายอย่างนอบน้อมว่า “ไม่ใช่แน่นอน! ไม่ใช่แน่นอนค่ะ! เป็นชิงเสวี่ยเองที่ยังไม่รู้ความ!”

ฮั่วหยุนเซียวมองไปยังชายชรา นิ้วมือที่ขึ้นข้อต่อกระดูกวางซ้อนกันลงบนหัวเข่าแล้วกล่าวเพิ่ม “หยุนเฉินเป็นคนโมโหง่าย คุณก็รู้”

ฮานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฮั่วหยุนเซียวก็พูดเสริมขึ้นมาอีก “คุณหนูเฉินคนรองไม่ได้นัดหมายเอาไว้ แถมยังไปก่อเรื่องที่ร้านเซียวเซียงซวน ทำให้พื้นร้านอาหารสกปรก วัสดุปูพื้นของร้านเซียวเซียงซวนเป็นสิ่งของที่นำเข้าจากต่างประเทศ คุณชายรองมีนิสัยที่รักสะอาดจึงต้องเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด ราคารวมมูลค่าสองแสนเจ็ดหมื่นสามพันหยวนครับ”

ใบหน้าของชายชราแดงก่ำด้วยความขายหน้าจนต้องรีบเอ่ยขึ้นมาทันที “พ่อบ้าน ไป ไปแจ้งฝ่ายการเงินให้บอสฮั่ว...”

“ไม่ต้องแล้วครับ”ฮั่วหยุนเซียวหยุดชายชราไว้ก่อน

“เรื่องเงินแค่สองแสนกว่า ๆ ผมให้หยุนเฉินไปเบิกเอากับฮั่วกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว เท่านี้ก็จบเรื่อง ผมแค่มาทักทายคุณปู่ตามคำสั่งของคุณพ่อ อย่างไรเสียคราวก่อนที่คุณแม่เป็นลมข้างนอก ต้องขอบคุณตระกูลเฉินที่ช่วยไว้เป็นอย่างมาก”

พอพูดจบ ชายชราจึงได้เข้าใจสิ่งที่ฮั่วหยุนเซียวต้องการจะสื่อ

เหตุผลที่สามารถเชิญตระกูลฮั่วมาร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ ของตระกูลเฉินได้ทั้งหมดมันก็เริ่มมาจากน้ำใจในครั้งนั้น!

ก่อนหน้านี้คุณนายฮั่วเคยเป็นลมที่ด้านนอก บังเอิญว่าเป็นตระกูลเฉินที่เป็นคนพาไปส่งโรงพยาบาล ถ้ายกน้ำใจในครั้งนั้นขึ้นมาใช้ ไม่นานก็คงจะได้พึ่งบารมีของตระกูลฮั่วดั่งใจหวัง!

แต่ว่าในตอนนี้ เพราะเฉินชิงเสวี่ยก่อปัญหา น้ำใจแสนยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นได้ถูกฮั่วหยุนเซียวใช้เงินเพียงแค่สองแสนกว่าหยวนหักล้างไปแล้ว!

ฮั่วหยุนเซียวลุกขึ้นยืนจัดชุดสูทให้เข้าที่และพูดว่า “บริษัทของผมยังมีธุระอยู่ ต้องขอตัวก่อนนะครับ”

ชายชราพยักหน้า ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะมาสุภาพกับฮั่วหยุนเซียวแล้ว สมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องของเฉินชิงเสวี่ยที่ทำลายโอกาสอันยิ่งใหญ่ทิ้งไป!

ฮั่วหยุนเซียวมองเฉินมู่แวบหนึ่ง ชายชราจึงรีบเอ่ยขึ้น “เสี่ยวมู่ หลานไปส่งบอสฮั่วสิ”

“คะ? อ้อ” เฉินมู่ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “บอสฮั่วคะ เชิญค่ะ”

เมื่อเดินออกจากประตูของตระกูลเฉิน ฮานเฉิงรับรู้ได้จากการสื่อสารผ่านสายตาจึงเข้าไปภายในรถ

เฉินมู่มองฮั่วหยุนเซียวที่ยืนอยู่ข้างรถ เมื่อเห็นว่าฮั่วหยุนเซียวไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นรถ เธอจึงกระพริบตาและไตร่ตรองได้ว่าบอสใหญ่อาจจะต้องการให้คนอื่นดูแลล่ะมั้ง?

เฉินมู่เดินเงียบ ๆ ไปเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มตรงหน้า “บอสฮั่ว ขึ้นรถได้แล้วค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวมองเธอแวบหนึ่ง “ยื่นมือออกมา”

เฉินมู่ยกมือข้างที่พันด้วยผ้าพันแผลขึ้นมา มือใหญ่ของฮั่วหยุนเซียวสัมผัสที่ข้อมือของเธอและถามด้วยเสียงทุ่มต่ำ “เจ็บหรือเปล่า?”

ราวกับว่าหัวใจของเฉินมู่นั้นถูกไฟรนจนอ่อนนุ่มไปหมด เธอส่ายหน้าตอบ “ไม่เจ็บค่ะ”

นี่มันเจ็บตรงไหนกัน? ตอนนั้นไหล่เธอถูกเจาะด้วยลูกกระสุน แถมยังเคยถูกจับมัดกับเก้าอี้ไฟฟ้าแล้วช็อตตั้งสองรอบ ตอนนี้มันก็เป็นแค่แผลเล็ก ๆ ที่ทำให้เห็นเลือดแค่ไม่กี่หยดก็เท่านั้นเอง

“ยัยนักต้มตุ๋นตัวน้อย” ฮั่วหยุนเซียวใช้ท้องนิ้วที่ค่อนข้างหยาบแฉลบผ่านผ้าพันแผล เฉินมู่รู้สึกเหมือนถูกกรีดเข้าที่แผลของเธอและเจ็บขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว

ความรู้สึกนี้ทำให้เฉินมู่ไม่สบายใจ พูดให้ถูกก็คือเขาสัมผัสโดนแนวป้องกันในใจของเธอเข้าให้แล้ว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่เธอยังเป็นฉินมู่ สถานที่ที่เต็มไปด้วยภยันตรายเธอก็ผ่านมาหมดแล้ว ต่อให้ผิวหนังถูกลอกออกเป็นชั้น ๆ เธอก็ยังสามารถกลับไปพูดคุยหัวเราะกับองค์กรได้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

เธอไม่เคยชินกับการเผยความอ่อนแอ ยิ่งไม่คุ้นเคยกับการบอกเล่าความทุกข์ในใจ

เฉินมู่ดึงมือกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันนี้คุณชายฮั่วโกหกได้อย่างหน้าไม่เปลี่ยนสีเลยนะคะ”

“อืม”ฝ่ามือของฮั่วหยุนเซียวนั้นว่างเปล่าทว่าไม่โกรธเคืองอะไร เขาอมยิ้มพลางพูด “ยากนะที่จะโกหก”

เฉินมู่ขมวดคิ้ว “ยาก? คนแบบคุณนี่มันเทพอาชญากรชัด ๆ เลยนะคะ!”

“ไม่มีใครสมควรได้รับคำโกหกจากผมหรอก” ฮั่วหยุนเซียวบอก

พูดอีกก็ถูกอีก ฮั่วหยุนเซียวเป็นคนที่สูงส่งตั้งขนาดนี้ ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะต้องโกหกเลย

ดวงตาอ่อนโยนของชายหนุ่มจดจ้องอยู่บนรอยแผลเป็นบนใบหน้าฝั่งขวาของเธอ ริมฝีปากเผยยิ้มบาง ๆ ออกมา “มันยากนะที่จะทำลายกฎของตัวเอง”

ในใจของเฉินมู่นั้นสั่นระรัว ผู้ชายคนนี้คิดที่จะทะลวงเข้ามาในใจเธอ เป็นมือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ในหัวใจ มันเป็นจุดอ่อน พอมีจุดอ่อน ความตายก็อยู่ห่างไปไม่ไกล

เฉินมู่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงการสัมผัสของฮั่วหยุนเซียวพลันขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย

“อย่าลืมใส่ยาล่ะ” ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้เคืองใจ แต่หมุนตัวขึ้นรถไปแทน ฮานเฉิงยิ้มตาหยีแล้วพูดกับเฉินมู่ “ลานะครับคุณหนูเฉิน”

เบนท์ลีย์สีดำหายไปราวกับควัน ในสมองของเฉินมู่มันก้องไปด้วยประโยคของฮั่วหยุนเซียวที่พูดว่า “มันยากที่จะทำลายกฎของตัวเอง”

เธอยกมือขึ้นและสัมผัสบริเวณหัวใจ เธอแค่ใช้ชื่อของเฉินมู่เฉย ๆ แต่ลึกลงไปในจิตใจ เธอคือฉินมู่ ตำนานของเคโจว ทุกอย่างในที่นี้ล้วนเป็นเส้นทางที่ไม่เคยพบเจอ

เฉินมู่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตระกูลเฉิน ตอนนี้ในห้องรับแขกวุ่นวายไปหมด

เฉินชิงเสวี่ยคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก ส่วนซู่หรูหลานก็ยืนอยู่อีกฝั่งไม่กล้าพูดอะไร

ชายชราโกรธจนหน้าเขียวพร้อมดุด่า “เธอเลี้ยงลูกได้ดีมาก! ทั้งขี้โกหก! ชอบสร้างเรื่องวุ่นวาย! พาลไปถึงอาณาเขตของตระกูลฮั่วแล้ว!”

ซู่หรูหลานกล่าวขึ้นด้วยความคับข้องใจ “คุณพ่อคะ เรื่องนี้จะโทษชิงเสวี่ยไม่ได้นะคะ.....ก็แค่ทำพื้นเลอะนิดเดียวเอง คุณชายรองตระกูลฮั่วคนนั้นไม่ได้บอกนี่ว่ามีนิสัยรักสะอาด เงินแค่แสนสองแสนบ้านเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญญาชดใช้เสียหน่อย ใครจะไปรู้กันคะ ว่าตระกูลฮั่วจะขี้จุกจิกขนาดนี้...”

“ไร้สาระ!” ชายชราโยนถ้วยน้ำชาด้วยความโกรธ! “ฮั่วหยุนเซียวสนใจเงินสองแสนนั่นที่ไหนกันเล่า! เห็นได้ชัดว่าเป็นการตอกหน้าฉันอยู่! เขายอมควักเงินสองแสนของตัวเองจ่ายให้คนอื่นมากกว่าที่จะยอมเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเราเสียอีก!”

“อย่างนั้น...อย่างนั้นเรื่องนี้ก็สมควรโทษลู่ซีเจ๋อ เป็นเขาที่พาชิงเสวี่ยไปวางอำนาจใส่ที่ร้านเซียวเซียงเซียน ชิงเสวี่ยอายุยังน้อย จะไปรู้ความขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?” ซู่หรูหลานรีบแก้ตัวให้แก่ลูกสาว

เฉินชิงเสวี่ยพูดปนสะอึกสะอื้น “เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะพี่เขา! เป็นพี่เขาต่างหากที่ทำพื้นเลอะ คุณชายเลยรองปัดความผิดมาให้ฉันกับซีเจ๋อ!”

เฉินมู่แค่นเสียงเยาะเย้ยออกมา “อย่างนั้นมันก็น่าสนใจมากเลยนะ ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮั่วหยุนเซียวแท้ ๆ ทำไมเขาไม่โยนบิลมาให้ฉันล่ะ?”

ชายชราตะโกนขึ้นด้วยความโกรธว่า “มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะปรักปรำพี่สาวแกอีกเหรอ! แกไสหัวไปนั่งคุกเข่าในศาลเจ้าซะ! วันนี้ห้ามออกมาทานข้าวเย็น! ไป!”

เฉินชิงเสวี่ยร่ำไห้วิ่งหนีไป ชายชราจึงสูดลมหายใจลึก ๆ อยู่นานกว่าจะได้สงบสติลง เขาหันไปทางเฉินมู่แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวมู่ มาสิ หลานมานั่งตรงนี้”

เฉินมู่ขมวดคิ้วมองคุณปู่ที่ดึงข้อมือเธอแล้วถาม “ทำไมเหรอคะ?”

ชายชราลองถามหยั่งเชิงไปว่า “หลานกับฮั่วหยุนเซียว ความสัมพันธ์ตอนนี้คืออะไรกันแน่?”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status