ฮั่วหยุนเซียวสะบัดผ้าห่มขึ้น ลุกจากเตียงแล้วออกไปพร้อมกับเสื้อคลุม “อยู่ที่ไหน?”ฮานเฉิงเดินตามฮั่วหยุนเซียวไปอย่างเร่งรีบและจริงจัง “ยังอยู่ในเมือง แต่อยู่ในสถานที่เก่า ๆ และดูเหมือนว่ามันจะตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่นั่นด้วย”ฮั่วหยุนเซียวเหลือบมองที่หน้าจอ “ช่างเก่งกล้าจริง ๆ”แฮ็กเกอร์ที่ขโมยเงินของฮั่วหยุนเซียว แถมยังตั้งฐานที่มั่นไว้ใต้จมูกของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายอำนาจของฮั่วหยุนเซียวอย่างไม่ต้องสงสัยมีรถรออยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฮั่วหยุนเซียวนั่งเบาะหลังพลันเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการรอคอยแฮ็กเกอร์คนนี้เฉินมู่ขบกัดนิ้วไม่หยุด ม่านรับแสงในตาคมค่อย ๆ หรี่ลง พริตาดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นทว่ายังไม่ทันจะได้มีความสุข หน้าจอก็ดับลง และสัญญาณก็หายไปอีกครั้ง!เฉินมู่รู้สึกเหมือนทำของเล่นหาย เธอหงุดหงิดมาก จากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ และเดินลงบันไดไปพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง การติดตามในวันนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ทุกอย่างต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปรถของฮั่วหยุนเซียวหยุดที่สัญญาณไฟจราจร ฮานเฉิงยื่นแท็บเล็ตให้ฮั่วหยุนเซียวดูด้วยความหงุดหงิดใจ “บอส สัญญาณหาย
จากนั้นก็เคี้ยวมันอย่างระมัดระวังเฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกระพริบตามองเขา “เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”กลิ่นของเนื้อละลายหลอมรวมกันระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา รวมไปถึงกลิ่นของแป้ง ทำให้ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปรับลิ้นตัวเองให้เข้ากับมัน ก่อนพยักหน้า “ก็ไม่เลวนะ”คำชมของฮั่วหยุนเซียวทำให้เฉินมู่มีความสุขมาก ร่างบางเดินไปพลางกินหมั่นโถวไปพลาง ก่อนเอ่ยถาม “คุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ? ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหยุดเท้าครู่หนึ่ง แล้วพูดตอบกลับ “อืม ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ออกมาทำอะไรบางอย่างนะ”ทั้งสองเดินไปที่สี่แยก พลันเห็นฮานเฉิงยืนรออยู่ข้างรถ เฉินมู่ค่อยหัวไปมองที่ฮั่วหยุนเซียว เห็นได้ชัดว่านี่คงเป็นการเดินเล่นมากกว่าการทำงานเสียแล้วฮั่วหยุนเซียวหันศีรษะไปที่เฉินมู่บ้าง “คุณจะกลับบ้านเลยไหม? ผมจะได้ไปส่ง”เฉินมู่พยักหน้า “อืม กลับเลย แต่พรุ่งนี้เช้าฉันจะต้องไปทำขนมที่บ้านคุณ ตอนเช้าคุณอยู่บ้านไหม?”ฮั่วหยุนเซียวอมยิ้ม “อยู่”พอทั้งสองนัดกันเสร็จ เฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้างถนนก็รีบทานของกินในมือให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อไม่ให้รถเบนท์ลีย์ที่ราคาแพงคันนี้เ
เฉินมู่หยิบคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ออกมาทีละชิ้นแล้วใส่ลงในกล่อง จากนั้นร่างบางก็ถือกล่องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลันประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ความดีใจทำให้เฉินมู่เหลือบมองไปทางห้องนอนและทักทายอย่างร่าเริง “คุณฮั่ว สวัส…”ก่อนที่คำว่า “ดี” จะเอ่ย เสียงนั่นหยุดลงกะทันหัน พร้อมกับร่างที่หยุดนิ่ง มือของเธอที่ถือคุกกี้หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมจ้องไม่กะพริบพลางชื่นชมชายตรงหน้า...เพิ่งออกจากอ่างอาบน้ำเหรอ?ชายหนุ่มคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีปอยผมห้อยลงมาเล็กน้อย รวมทั้งหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของเขา มันกลิ้งไปมาบนกล้ามเนื้อและหน้าท้องที่แข็งแรง ก่อนจะซึมหายไปในผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบไว้ฮั่วหยุนเซียวถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาใช้มันเช็ดผมด้านหลังใบหูพลางเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน เสียงของเขาแหบแห้ง “คุณเฉิน น้ำลายหกแล้วนะ”เฉินมู่รีบกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปอีกทางทันที “ฉันไม่รู้คุณ...เอ่อ...ฉันมาที่นี่เพื่อทำ...คุกกี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็น มัน…”เหมือนดั่งสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อวานเธอเพิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของฮั่วหยุนเซียวในใจเงียบ ๆ แต่วันนี้กลับต้องมาน้ำลา
เฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองชะงักกลายเป็นหินไปห้าวินาที คำพูดของฮั่วหยุนเซียวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คุณชอบไหม ชอบไหมเหรอ?ชอบก็บ้าแล้ว! ที่เธอยอมทุ่มเทความพยายามทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตำราอาหารบ้า ๆ นี่! แถมยังมีลายเซ็นเชฟอีก มันไม่เกี่ยวอะไรกับจุดประสงค์หลักของเธอเลยไม่ใช่เหรอ?ผู้ชายคนนี้ยังจำได้ไหมว่าเขาซื้อบริษัทของเธอไป!!“เฉินมู่?” เสียงของฮั่วหยุนเซียวดึงความคิดของเธอกลับมาเฉินมู่บีบตำราอาหารไร้สาระนี้ในมือแน่น ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อม “ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณคุณฮั่วนะคะ”พลันร่างบางก็หันหลังเดินจากไปพร้อมความรู้สึกสับสนในใจ วิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เธอคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อเอาบริษัทกลับมาให้ได้“เฉินมู่” ฮั่วหยุนเซียวเรียกอีกครั้งขาเรียวหยุดเดิน แต่ยังไม่หันหลังกลับ ถ้าจะให้พูดตามตรง ตอนนี้เธอไม่ต้องการเห็นหน้าฮั่วหยุนเซียวไม่ใช่เพราะโกรธ แต่แค่รู้สึกว่าความพยายามของตัวเองนั้นสูญเปล่า เฉินมู่เหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนสมองฮั่วหยุนเซียวมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาว เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเฉินมู่เปลี่ยนไป หล่อนดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย แต่กลับปฏิเสธที่จะพูดออกมา“นี่ไม่ใช่ของขวัญที่คุณต
ไม่นานคนรับใช้ก็มาเคาะประตูเรียก “คุณหนูใหญ่ คุณปู่กลับมาแล้ว ท่านให้มาเรียกคุณไปทานอาหารด้วยกันค่ะ!”เฉินมู่ลูบจัดผมยาวยุ่ง ๆ ของตัวเองพักหนึ่ง ที่ผ่านมาคุณปู่ไปพักตากอากาศที่รีสอร์ทบนภูเขา ดังนั้นช่วงที่ครอบครัวกำลังประสบปัญหาท่านจึงไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเลย ทว่าวันนี้ท่านกลับมาแล้ว แต่ทำไมถึงเรียกหาเธอด้วยเลยล่ะ?“รู้แล้ว” เฉินมู่เอ่ยพลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของคุณปู่ช้า ๆตระกูลเฉินมักจะมารวมตัวกันที่ห้องอาหารของคฤหาสน์เสมอ ส่วนคุณปู่จะทานอาหารในห้องส่วนตัวของตนเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ต้องมารวมตัวกันที่ห้องอาหารอยู่ดีเมื่อเฉินมู่เดินเข้าไปก็เห็นว่าครอบครัวของเฉินลี้ซานนั่งอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน คุณปู่ต้องมีอะไรจะประกาศแน่ ๆ ถึงได้เรียกหาทุกคนแบบนี้“คุณปู่” เฉินมู่กล่าวทักทาย จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงเฉินลี้ซานเอ่ยขึ้นบ้าง “พ่อ ที่พ่อเรียกหาพวกเราไปทั้งหมด เพราะมีอะไรจะประกาศใช่ไหมครับ?”คุณปู่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันครบแล้ว ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก กองทุนเทียนสื่อส่งจดหมายเชิญมาให้ฉัน กองทุนนี้เป็นงานการกุศล
เมื่อถามคำถามออกมา เฉินลี้ซานก็หยุดพูด ส่วนซู่หรูหลานก็มองไปทางอื่นและนิ่งเงียบนี่เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก แต่กลับไม่มีใครตอบในที่สุดคุณปู่ก็ทำลายความเงียบ “เพราะแม่ของหลานยังไงล่ะ ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ แม่หลานทำหน้าที่เป็นครูในเขตสงครามเป็นเวลาหนึ่งปี และได้รับการยอมรับเป็นพิเศษในฐานะสมาชิกจากกองทุนเทียนสื่อ”เฉินมู่ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ กองทุนเทียนสื่อมีไว้เพื่อการบรรเทาทุกข์ ดังนั้นสมาชิกของกองทุนจะต้องมีทรัพยากรทางการเงินที่เข้มแข็ง ความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และการกุศลที่กระตือรือร้น แม่ของหนูเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับความเคารพเช่นนั้น แล้วทำไมยังจะดึงเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาอีกล่ะค่ะ?”ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเฉินมู่กำลังทำให้เธออับอาย!เธอเข้ามาได้ยังน่ะเหรอ? แน่นอนว่าเธอและเฉินลี้ซานก็แอบอ้างใช้สิทธิ์ของผู้หญิงที่ตายแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกในกองทุนน่ะสิ!เฉินมู่วางมือลงที่โต๊ะ พลันมองไปทางเฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา “คุณปู่คะ ถามหนูว่าหนูคิดยังไงเหรอคะ? หนูคิดว่าไม่มีใครสามารถขโมยของของแม่ไปได้ นอกจากหนู!”ซู่หรูหลานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวมู่ พูดแบ
เขารู้ดีถึงความคับข้องใจของภรรยา เพราะมันความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของภรรยารองอย่างเธอ และเขาก็ไม่สามารถเอาใจพ่อตัวเองได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้แม้แต่เฉินมู่ก็กล้าที่จะตะโกนใส่เธอ!เฉินลี้ซานตบโต๊ะอีกครั้ง “เฉินมู่! ขอโทษป้าเดี๋ยวนี้!”เฉินมู่เบนสายตาขึ้นมอง มือบางกำตะเกียบแน่น ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “คุณป้าซู่ ถ้าแม่ของหนูยังมีชีวิตอยู่ คุณคงไม่ใส่ใจเป็นอยู่ของหนูแบบนี้หรอกค่ะ อีกอย่างคุณก็คงไม่ได้แต่งงานใหม่ด้วย”“คุณทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูหนู แต่หนูก็เสียโฉมและฆ่าตัวตาย คู่หมั้นของหนูก็ต้องกลายเป็นแฟนของลูกสาวคุณ แถมคุณยังทำให้หนูขายหน้าจนคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะเย้ยอีก!”“ละครบางเรื่องมันน่าเบื่อ ถ้าคุณแสดงออกมากเกินไป หากพูดในฐานะมนุษย์ด้วยกันแล้ว คุณไม่เคยให้เกียรติอีกฝั่งหนึ่งเลย คุณคิดว่าจริงไหมล่ะคะ?”ซู่หรูหลานรู้มานานแล้วว่า เฉินมู่คนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ในอดีตเฉินมู่ไม่กล้าแม้แต่จะมองดูพวกเขา เธอทำได้เพียงเลิกคิ้วและสัญญาตอบตกลงเท่านั้นทว่าตอนนี้ เฉินมู่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหารนั่นไม่สนใจใยดี แค่การบีบตะเกียบในมือก็แสดงให้เห็น
ภายในคฤหาสน์ เฉินชิงเสวี่ยนั่งอยู่ในห้องแล้วพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “คุณปู่กินยาผิดหรือไงนะ? แต่ก่อนปู่เคยชายตามองนังเฉินมู่ที่ไหนกัน! งานกองทุนเทียนสื่อเชียวนะ! งานที่สำคัญขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะให้นังเฉินมู่เป็นคนไป!”ซู่หรูหลานพูดอย่างร้อนใจว่า “ลูกมาบ่นให้แม่ฟังที่นี่แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? ใครจะไปควบคุมคุณปู่ได้? แม้แต่พ่อของลูกก็พูดไม่ได้หรอก!”“จะว่าไป ไม่ใช่เพราะลูกก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมาหลายครั้งหรอกเหรอ นังเฉินมู่มันถึงได้เสนอหน้ามาอยู่ต่อหน้าของคุณปู่ได้”เฉินชิงเสวี่ยร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นลูกสาวคนเล็กที่สมควรจะได้รับความรักมากที่สุดในบ้าน แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งสิ่งที่เธอเฝ้าไขว่คว้าจะไปตกอยู่บนหัวของนังเฉินมู่!ซู่หรูหลานถอนหายใจ “พอ ๆ ตอนนี้ลูกร้อนใจไปก็เปล่าประโยชน์ ตระกูลลู่ก็น่าจะยังโกรธอยู่ ลูกฝึกเปียโนอยู่บ้านอย่างสงบเสงี่ยมไปก่อน เดือนหน้าพอคุณนายลู่จัดงานเลี้ยง ลูกต้องเอาลู่ซีเจ๋อกลับมาให้ได้!”เฉินชิงเสวี่ยลุกขึ้นมาจากเตียง พลันเตะโซฟาอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ไม่ได้ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้นังเฉินมู่ได้ไปต่างประเทศอย่างสบายใจแน่ ๆ”“แม่คะ แม่ล