ซีรู้สึกราวกับกำลังถูกล่อลวงด้วยแรงดึงดูดมหาศาล เขาค่อยๆ เดินไปยังผลงานที่วางอยู่ที่มุมห้องเพียงลำพัง ก่อนจะยืนมองหยกชิ้นนั้นราวกับว่ามันมีชีวิต
“คุณซีสนใจหยกชิ้นนี้เหรอครับ นี่คือหยกหงส์แดงครับ เป็นหยกล้ำค่า คาดว่าน่าจะเป็นหยกประจำตระกูลครับ” ชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ก่อนจะช่วยอธิบายผลงานให้ดาราดังได้ฟัง
“หยกชิ้นนี้ เป็นของยุคไหนเหรอครับ” คนที่ไม่สนใจศิลปะเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกสนใจกับของชิ้นนี้อย่างน่าประหลาด
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ มีนักวิชาการวิเคราะห์กันไว้หลากหลาย แต่อีกด้านมีชื่อสกุลหลิวสลักไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของตระกูลหลิวครับ แต่ตระกูลนี้ลึกลับมากพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับตระกูลนี้สักเท่าไหร่ ดูเหมือนจะเป็นตระกูลที่ไร้ทายาท สิ้นตระกูลไปแล้ว”
ไม่มีทายาทแล้วเหรอ
หืม ไม่จริง แล้วทำไมแม่ของเขาก่อนตายถึงได้บอกกับเขาว่า แท้จริงเธอมาจากตระกูลหลิว
เขานี่ไงคือ ทายาทตระกูลหลิว และดูเหมือนจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวเสียด้วย
“อะแฮ่ม ผมขอจับได้มั้ย” เขาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ทว่าผู้ดูแลที่มาให้ความรู้กลับมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ ก่อนจะหยิบวัตถุโบราณด้วยมือเปล่าแล้วยื่นมาที่เขาอย่างง่ายๆ
ทันทีที่ได้สัมผัส เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่าง รับรู้ได้ว่ารอบกายนั้นสั่นสะเทือนอย่างน่าสยอง แต่เขากลับถูกดึงดูดไว้ด้วยหยกชิ้นนี้ ไม่อาจขยับหนีไปไหนได้เลย
นี่มัน..แผ่นดินไหว
เขามองรอบกายเห็นผู้คนต่างพากันวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างจ้าละหวั่น กลุ่มชนชั้นสูง ผู้ดี คนดังที่มาร่วมงานที่แต่งตัวมาอย่างเต็มยศ เมื่อถึงช่วงวิกฤต ต่างไม่มีใครไว้ตัว พวกเขาต่างวิ่งหาทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็วจนแทบจะเหยียบกันตายไร้ท่าทางสง่างามเช่นตอนแรก
แต่ซีกลับไม่อาจไปไหนได้ ไม่สิ ส่วนลึกในใจเขาไม่ต้องการที่จะไปเองต่างหาก
เขาเงยหน้ามองผู้ดูแลที่อยู่ในชุดสูทผู้นี้อีกครั้งคล้ายกับต้องการถามคำถามบางอย่าง แต่กลับนึกไม่ออก ผู้ดูแลชราผมยาวสีดอกเลายกยิ้มเอ็นดู ท่ามกลางเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางกรุง ก่อนที่อาคารพิพิธภัณฑ์จะถล่มลงมาทับร่างของเขา
จากนั้นโลกรอบตัวก็กลายเป็นความมืดมิด
เฮือก!!
เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ประดับประดาตามสไตล์จีนโบราณแบบที่เขาเพิ่งเดินชมมาเมื่อครู่ รอบกายเต็มไปด้วยแสงสว่างไสว ลมเย็นสบายพัดผ่านร่าง แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่แปลกถิ่น แต่เขาสัมผัสได้ว่าเวลานี้เขาปลอดภัยแล้ว
“นี่เราตายไปแล้ว หรือว่ายังไม่ตาย มันคืออะไรกันแน่วะเนี่ย”
เขากะพริบตาถี่ ก่อนจะมองไปที่มือขวาของตนที่กำหยกโบราณชิ้นนั้นไว้แน่น
“นี่มันหยกหงส์แดงนี่หว่า นี่เราหยิบมันติดมือมาถึงที่นี่เลยเหรอ แล้วนี่มันที่ไหนกันแน่วะเนี่ย ใครมาเล่นตลกกับเราวะ”
ซียังสงวนท่าที เผื่อกรณีที่เขากำลังถูกอำในรายการกลั่นแกล้งชื่อดังที่ชอบแกล้งดาราด้วยมุกประหลาดๆ เขาลุกขึ้นมามองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่คือเรือนแบบจีนโบราณที่ดูหรูหราไม่น้อย พระเอกหนุ่มได้ยินเสียงโวยวายโต้เถียงดังออกมาจากข้างนอกจึงค่อยๆ เดินตามเสียงไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบกับชายชราผมสีดอกเลายาวถึงกลางหลังอยู่ในชุดฮั่นฝูหรูหราแบบจีนโบราณ กำลังยืนคุยกับตัวเองอยู่
“ไอหยา แบบนี้แย่แล้ว แย่แล้ว”
“แล้วจะทำยังไง ทำยังไง”
“ต้องรักษาชีวิต ต้องมีทายาท”
เดี๋ยวนะ ตาแก่นี่มันคนที่เป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ที่เอาหยกมาให้เรานี่หว่า แล้วพูดคนเดียวแบบนี้ สติดีอยู่รึเปล่า
“เป็นบ้ารึเปล่าเนี่ย” ซีพึมพำเบาๆ แต่ตาแก่กลับหันขวับมาทันที
“สามหาว ข้าไม่ได้บ้า”
อ้าว ได้ยินด้วยเหรอ
“เอ่อ ครับ แล้วคุณเป็นใครครับ ผมอยู่ที่ไหนกันแน่”
ชายชรายืดหลังตรงด้วยท่าทางองอาจ ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“ที่นี่คือมิติส่วนตัวของตระกูลหลิว ข้ามีชื่อว่าหลิวหงชิง เป็นบรรพบุรุษของเจ้าอย่างไรล่ะ เจ้าหลานชายตัวน้อย”
“ผมไม่ใช่..”
“อย่ามาปฏิเสธ ข้ารู้ดีกว่าตัวเจ้าด้วยซ้ำ รีบเข้ามากราบท่านตาเสียสิ”
ซีมองคนตรงหน้าราวกับมองคนบ้า เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าคนผู้นี้มาแอบอ้างว่าเป็นคนของตระกูลหลิวไปทำไม หรือว่าคิดจะมาหาผลประโยชน์กับเขา
“ไม่ต้องมามองหน้าข้าเช่นนี้ เจ้าควรจะคุกเข่าคำนับท่านตาและขอบคุณเสีย ที่ข้าช่วยเจ้าเอาไว้ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่พิพิธภัณฑ์”
“ท่านกำลังบอกว่าผมยังไม่ตาย” ดาราดังมีสายตาเป็นประกายขึ้นมา
“ตายแล้ว”
เอ้า ตาแก่นี่
ซีถอนหายใจยาว ตากลมที่เป็นประกายฉายแววสลดลงมา เขาเป็นห่วงบริษัท เป็นห่วงแฟนคลับ ป่านนี้คงวุ่นวายกันไปหมดแล้ว ส่วนเพื่อนฝูงญาติพี่น้องหรือคนรักล้วนไม่มีเขาจึงไม่มีห่วงในเรื่องนั้น
ไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกดีใจหรือเศร้าใจกันแน่ ที่แม้แต่จะตายยังไร้ความผูกพันกับใคร น่าเสียดายที่ชีวิตครั้งก่อนโดดเดี่ยวเกิน หากได้กลับไปหรือย้อนเวลากลับไปแก้ไข เขาก็อยากจะรักษาเพื่อนและคนรอบกาย มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับคนรักดีๆ สักคน
เสียดายที่เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
“เวลานี้เจ้าตายไปแล้ว แต่หากเจ้ายังคะนึงถึงชีวิตที่ล่วงผ่านไปแล้ว ข้าช่วยเจ้าได้นะ”
“ ...” ซีมองตาแก่ที่กำลังหว่านล้อมเขา ด้วยท่าทางราวกับกำลังหลอกเด็ก
นี่คิดว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่
“ไอ้หลานชาย ได้พบกันครั้งนี้ นับว่าสวรรค์เข้าข้างตระกูลหลิวแล้ว ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าปรารถนา”’
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ