ทันใดนั้น หวังเยี่ยนหลงก็โผล่มายืนอยู่ข้างบ่อน้ำเก่า เขามองดูรอบตัวไม่เห็นผู้ใด แต่กลับได้ยินเสียงร้องเรียกอยู่ไม่ไกล อาการวิงเวียนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว มือทั้งสองข้างกุมขมับเพราะปวดจนแทบทนไม่ไหว พลันพลังบางอย่างฉุดตัวของเขาลงไปในบ่อน้ำลึก
ร่างอันหนักอึ้งของเขาจมดิ่งลงมายังด้านล่าง แทนที่จะเป็นก้นบ่อแล้งน้ำกลับกลายเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง หวังเยี่ยนหลงพยายามลุกขึ้นหาทางออกไปจากที่แห่งนี้ แต่พลังนั้นกลับเรียกร้องเขาไม่หยุด
เขาเดินไปตามเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว มือสองข้างพยายามพิงผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ อากาศข้างในชื้นแฉะบีบอัดจนรู้สึกหายใจติดขัด ยิ่งเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของถ้ำ หวังเยี่ยนหลงก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกบางสิ่งบางอย่างดูดกลืน
&nbs
ทันใดนั้น หวังเยี่ยนหลงก็โผล่มายืนอยู่ข้างบ่อน้ำเก่าเขามองดูรอบตัวไม่เห็นผู้ใด แต่กลับได้ยินเสียงร้องเรียกอยู่ไม่ไกล อาการวิงเวียนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว มือทั้งสองข้างกุมขมับเพราะปวดจนแทบทนไม่ไหว พลันพลังบางอย่างฉุดตัวของเขาลงไปในบ่อน้ำลึก ร่างอันหนักอึ้งของเขาจมดิ่งลงมายังด้านล่าง แทนที่จะเป็นก้นบ่อแล้งน้ำกลับกลายเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง หวังเยี่ยนหลงพยายามลุกขึ้นหาทางออกไปจากที่แห่งนี้ แต่พลังนั้นกลับเรียกร้องเขาไม่หยุด เขาเดินไปตามเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว มือสองข้างพยายามพิงผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ อากาศข้างในชื้นแฉะบีบอัดจนรู้สึกหายใจติดขัด ยิ่งเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของถ้ำ หวังเยี่ยนหลงก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกบางสิ่งบางอย่างดูดกลืน&nbs
ขั้นตอนสุดท้ายหลังจากกลั่นโอสถแล้ว เขาต้องโคจรพลังปราณทดลองใช้วิชาเคลื่อนย้ายหัวใจ เป็นขั้นตอนที่เขาต้องใช้สมาธิสูงและไม่อาจปล่อยให้ตนเองวอกแวกได้ หวังซีซวนจึงให้เซี่ยฟานฝึกโคจรพลังปราณกับเหอชิงหยางด้านนอกสำนัก เหอชิงหยางออกมารอรับเซี่ยฟานที่จุดนัดพบ ทันทีที่ได้พบหน้า เขาก็รีบวิ่งมาสวมกอดด้วยความคิดถึง เซี่ยฟานเองก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ในใจกลับแปลกไป “รีบไปกันเถอะ” เซี่ยฟานบอกเขา พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ทั้งสองคนช่วยกันฝึกตามที่หวังซีซวนบอก เซี่ยฟานสามารถโคจรพลังปราณได้มากกว่าเดิม ทำให้เจ้าตัวรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือน หวังเยี่ยนหลงปฏิบัติกับเซี่ยฟานแปลกไปไม่ได้บังคับให้ทำอะไร ไม่ได้รังแกร่างกายและจิตใจของเซี่ยฟาน แต่ก็ไม่ยอมให้เขามาเจอกับหวังซีซวน ถือเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด ช่วงหลัง ๆ เซี่ยฟานมักจะมีอาการฝันร้ายยามค่ำคืน เขานอนละเมอเรียกหามารดาที่ล่วงลับไปและคนที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงกลับเป็นหวังเยี่ยนหลง เซี่ยฟานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งเขาเหมือนได้รู้อารมณ์และความคิดของหวังเยี่ยนหลง ทั้งยังสังเกตได้ว่าตัวเองนั้นเริ่มมีไอสีดำเหมือนเขา รุ่งเช้า
หวังเยี่ยนหลงไม่เข้าใจสิ่งที่น้องชายพูดก็แค่ทาสคนหนึ่ง ตายไปก็หาคนใหม่ เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่อยากหาคนใหม่ให้วุ่นวายก็เท่านั้น หางตาเหลือบมองท่าทางของน้องชายแล้วนึกขัน ใครจะไปคิดว่าคุณชายของตระกูลยอมทำทุกอย่างให้คนไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้ เซี่ยฟานยังคงนอนไม่รู้สึกตัวเพราะหนอนไหมทำร้ายร่างกายภายในอย่างหนักหน่วง ครั้นไม่เห็นว่าทาสคนนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที หวังเยี่ยนหลงจึงต้องคอยป้อนยาให้เขาสามเวลา หนึ่งเพราะรู้สึกหงุดหงิด สองเพราะไม่อยากให้หวังซีซวนมายุ่มย่าม เขานั่งมองเซี่ยฟานที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ได้สนใจมากนัก แต่สังเกตเห็นไอสีดำจาง
ทันทีที่เข้ามาด้านในเรือน เขาก็หัวเราะร่าเยาะเย้ยเซี่ยฟาน “เจ้าห้าไม่ได้บอกหรืออย่างไรว่าห้ามเปิดประตูให้ใคร” หวังเยี่ยนหลงถากถาง "คะ คุณชาย ต้องการอะไรหรือ” เซี่ยฟานถามตะกุกตะกัก น้ำตาเริ่มคลอเบ้า “คุณชายต้องการยารักษาหรือขอรับ ข้าจะไปเตรียมมาให้” เขาบ่ายเบี่ยงเดินเลี่ยงไปอีกทาง พยายามเข้าใกล้ประตูให้มากที่สุด “ประตูนั่น ข้าเพิ่งร่ายอาคม ถ้าไม่ใช่ข้า ย่อมออกไปไม่ได้” เสียงของหวังเยี่ยนหลงดังขึ้นทำลายสิ่งที่เซี่ยฟานกำลังคิดในใจ “ไม่
“ทาสรับใช้ผู้นั้นมีดีอะไร พวกเจ้าถึงได้ยื้อแย่งกันไปมา”เสียงเยือกเย็นของหวังเฉิงเย่ถามลองเชิง ไม่นึกว่าตนเองจะต้องมานั่งตัดสินใจกับเรื่องไร้สาระของบุตรชาย “เซี่ยฟานช่วยข้ากลั่นโอสถได้ขอรับ งานที่ท่านพ่อสั่งจะได้สำเร็จเร็วขึ้นอีก เขามีความรู้เรื่องสมุนไพรจึงช่วยแบ่งเบาภาระข้าไปได้มาก” หวังซีซวนรู้ว่าบิดาเขาใส่ใจกับเรื่องใดมากที่สุด จึงพูดออกไปเช่นนั้น “ตามใจเจ้า” เขาบอกปัดอย่างส่ง ๆ แล้วเดินออกไปฝึกศิษย์ในสำนักต่อ หวังซีซวนยิ้มดีใจ รีบกล่าวขอบคุณแล้วไปบอกข่าวดีกับเซี่ยฟาน