ชายอายุยี่สิบสองปีในร่างเด็กน้อยวัยสิบสองขวบ นั่งอ้าปากพะงาบ ๆ ในใจอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ถ้อยคำจุกอยู่ที่ลำคอ
คนที่อ้างว่าตัวเองเป็นแม่เด็กแสดงอาการเป็นห่วงพลันมองสำรวจร่างน้อยตรงหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพันสั่นระริกฉายแววแตกตื่นระคนแปลกใจก่อนจะตั้งสติรีบพุ่งตรงไปยังโทรศัพท์บ้าน ต่อสายหาคุณหมอประจำตัวลูกชายอย่างรวดเร็ว
“คุณหมอคะ อีเลนแสดงอารมณ์ได้แล้วค่ะคุณหมอ!!!”
หญิงวัยกลางคนพูดน้ำเสียงดีใจคลอสั่นเครือ ริมฝีปากมีร่องรอยตามอายุเผยรอยยิ้มกว้าง คนถูกเรียกว่าอีเลนสตั๊นมองการกระทำของหญิงไม่คุ้นหน้าพลันสมองนึกย้อนเหตุการณ์ทั้งหมด
วันนั้นเป็นวันที่ลมพัดแรงมากจนผิดปกติ เหมือนทั้งโลกพยายามจงใจจะฆ่าเขา จำได้ว่าตนหลีกหนีความตายมาได้อย่างหวุดหวิด นึกว่ารอดแล้วแต่ดันเปิดประตูมาเจอโจรอีก
เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นรวดเร็วมากมายเกินไปจนทำให้ขาดสติ ลืมคิดหน้าคิดหลังถอดอีแตะหยิบปาใส่หน้าโจร เตรียมตัวกลั้นใจวิ่งกระโดดอัดขาคู่ ใส่คนสวมไอ้โม่งสีดำตรงหน้า!!
ร่างขโมยกระเด็นตัวปลิวทะลุหน้าต่างแตก เขายิ้มดีใจนึกว่าคงเป็นอุปสรรคครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ
ถึงตัวเองจะเคยเอ่ยปากอยากไปต่างโลกแต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าถ้าเกิดตายจริงแล้วจะได้ไปแน่ ๆ เสียหน่อย
หลังกระโดดวัดดวงแทบเป็นแทบตาย ตัวเขาลอยเคว้งอยู่กลางอากาศจากการฟรีคิกเพียงไม่กี่วิ ก่อนทั้งร่างร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว หัวกระแทกเข้ากับขอบหนังสือนิยายที่วางไว้ไม่เป็นระเบียบน็อคเอ้าท์คาที่
"อ่า ให้ตายสิ!"
วินาทีนั้นชายหนุ่มปลงกับทุกสิ่ง ถ้าจะพยายามทำขนาดนี้เอาเลยจะพาไปไหนก็ไปเลย
ชายในร่างเด็กเผลอนั่งกอดเข่าตนเองแสดงอาการสั่นกลัวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตัวเขาหน้าซีด ไร้สี ลมหายใจติดขัดจนผู้เป็นแม่สังเกตได้ หญิงมีอายุเห็นดังนั้นก็ปวดใจ วางสายจากคุณหมอเดินเข้ามาหย่อนกายลงข้างลูกรักหวังปลอบใจ
มือหนึ่งเอื้อมไปสัมผัสศีรษะลูกน้อยให้ค่อย ๆ ซบไหล่ตนเบา ๆ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเอ่ยท่องคาถาแสนอ่อนโยนที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ
“โอ๋ ๆ ความเจ็บปวดจงหายไป ความเศร้าเอ๊ยจงหายไป”
หลังร่ายคาถาเสร็จ เธอเอนหัวมาพิงกับศีรษะเล็กเบา ๆ มือบางยกลูบไล้เส้นผมลูกชายอย่างปลอบประโลม
น้ำเสียงอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยความรักพูดวนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้แก้วตาดวงใจหายกลัว
ชายผู้ได้ชื่อว่าอีเลนตอนนี้เงยหน้ามองหญิงแปลกหน้าดวงตาปริบ ๆ ในใจท่วมท้นเต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหาอย่างบอกไม่ถูก เขาทั้งรู้สึกเศร้าและอบอุ่นหัวใจในเวลาเดียวกัน หยาดน้ำตาสีใสเอ่อล้นจนคลอเบ้า
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบสองปียังไม่เคยมีใครมอบความรักความอบอุ่นแบบนี้ให้เขาเลย เกิดมาตัวคนเดียวใช้ชีวิตเพียงลำพังจนเคยชิน มีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งไม่หวังพึ่งพาใคร
ถ้าวันไหนรู้สึกทนไม่ไหวต้องการใครสักคนขึ้นมาจริง ๆ วันนั้นคงเป็นวันที่แสนเจ็บปวดมากสำหรับเขา
ทุกวันได้แต่บอกกับตัวเองว่าอยู่คนเดียวได้ไม่เป็นไรเราเข้มแข็งจะตาย ไม่ต้องการให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตหรอกไม่ต้องการเลย ทั้งที่จริงข้างในลึก ๆ ขัดแย้งกับความต้องการ
ริมฝีปากเล็กเม้มชิดกันจนเป็นเส้นตรง แม้ใจจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแต่หยดน้ำตากลับสวนทางจนร่วงหล่นอาบแก้ม คนเป็นแม่ตกใจไม่เคยเห็นลูกชายตนเป็นอย่างนี้มาก่อน เสียงนุ่มเอ่ยถามเจ้าตัวน้อยของเธอด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
“ลูกรัก ร้องไห้ทำไมหืม….”
สิ้นสุดเสียงหญิงตรงหน้า ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองปีในร่างเด็กอายุสิบสองขวบ ปล่อยโฮออกมาเหมือนคนที่ไม่เคยร้องไห้ทั้งชีวิต
‘ฟืด ฟาด’ ชายในร่างเด็กนั่งสูดน้ำมูกตนเองอยู่ปลายเตียงบนห้องนอนสไตล์เรียบ ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นห้องของเด็กอายุสิบสองขวบ
ทุกอย่างธรรมดาไปหมดไม่มีแม้แต่ของเล่น มีก็แต่หนังสือเรียนเกี่ยวกับกายวิภาคหลายเล่มวางอยู่บนชั้นเท่านั้น ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องของเด็กนักเรียนเตรียมสอบเข้ามหาลัยมากกว่าชั้นประถมปลาย
หลังจากที่ร้องไห้ขึ้นมายกใหญ่ คุณหมอประจำตัวเจ้าของร่างก็มาถึงพอดี หญิงชุดขาวตรงเข้ามาตรวจร่างกายดูอาการให้เสร็จสรรพก่อนจ่ายยาบรรเทาอาการให้แล้วจากไป
คุณแม่พาเขาเข้ามานอนพักในห้องหลังตรวจเรียบร้อย ทำให้เจ้าตัวมีเวลาทบทวนเรื่องราวทั้งหมดพร้อมเรียกคืนสติตนเอง
“ให้ตายสิ นี่เราเข้ามาอยู่ในนิยายที่พึ่งอ่านจบจริงสินะ”
คิดพลางมองรูปร่างในกระจกที่ติดกับผนังใกล้ตู้เสื้อผ้า เด็กชายตาสีส้มอมเหลือง ผมสีขาวปอยเหลืองเล็กน้อย สะท้อนภาพในกระจกใส สันจมูกคมยาว ใบหน้าแผ่ออร่าหล่อเหลาแม้จะยังเด็ก
โดยรวมลักษณะภายนอกของเด็กคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพระอาทิตย์เคลื่อนที่ได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูสว่างจ้าจนแสบตาไปหมด
“หน้าสมกับเป็นตัวเอกมาก!”
ชายหนุ่มรู้สึกทึ่งกับใบหน้าของเด็กชาย คิดว่าคนอะไรจะหล่อได้ขนาดนี้พลันหันซ้ายทีขวาทีก่อนจะลองเก๊กทำท่าหล่ออย่างลืมตัว
“อ๊ะ!” พอรู้ตัวก็เขินอายกับการกระทำของตัวเอง ก่อนจะค่อยเอนตัวล้มนอนบนเตียงใหญ่พลางนึกถึงเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ไปด้วย
รักสุดซาดิสม์ เป็นนิยายที่เขาพึ่งอ่านจบไปเมื่อวาน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับพระเอกชื่อ อีเลน
ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชตัวละครนี้มักชอบทำหน้านิ่งมีปัญหาในการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ สิ่งที่เจ้าตัวชอบคือการเห็นเลือดของสิ่งมีชีวิตยิ่งตายแล้วจะชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กชายรู้สึกตื่นเต้น
วัยเด็กของอีเลนมักชอบเล่นซนไปเก็บศพสัตว์ตัวเล็กแถวบ้านมาฝากแม่ตัวเองเสมอ ตอนแรกคนเป็นแม่นึกว่าเป็นการกลั่นแกล้งของเด็กไม่รู้ประสีประสาวัยนี้
จนอีเลนได้รับบาดเจ็บทางรถยนต์เลือดออกหนัก ข้อเท้าซ้ายได้รับความเสียหายแต่กลับไม่ร้องไห้เลยสักนิด ทั้งยังมองบาดแผลของตนและเผยรอยยิ้มอันน่าขนลุกอย่างพึงพอใจ
แม่ของเด็กชายขนลุกซู่ สีหน้าพลันซีดเผือดมองการกระทำของลูกน้อยอย่างสับสน ก่อนตัดสินใจพาตัวส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวตั้งแต่แปดขวบ
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะพรรณนาถึงการฆาตกรรมอันเลือดเย็นของพระเอก กักขังหน่วงเหนี่ยวนางเอกแย่งชิงปะทะฝีมือกับตัวร้ายสุดเก่งของเรื่อง พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วใจเขารู้สึกหวาดหวั่น มองมือเล็ก ๆ ของเจ้าของร่างตัวน้อยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
‘มือนี้ฆ่าไปไม่รู้กี่คนแล้ว เราจะไม่ติดโรคทางจิตของพระเอกมาด้วยใช่ไหม’
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกวูบโหวงในใจ เขากลัวเลือดเขาไม่อยากเป็นฆาตกร!!“ อีเลน ลงมากินข้าวไหวไหมลูก”
น้ำเสียงหญิงที่เรียกเขาว่าลูกดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดอันฟุ้งซ่านให้เลือนหายไปในพริบตา
หนุ่มมหาลัยภายในร่างเด็กน้อยรู้สึกอบอุ่นวาบภายในหัวใจ นี่เป็นหนึ่งในความฝันของเขา ความฝันที่อยากให้ใครสักคนเรียกมากินข้าวด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยน
ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มบางก่อนจะหยัดยืนขึ้นพร้อมเกิดประกายแรงมุ่งมั่นตั้งเป้ากับตัวเองไว้ในใจ
'ถึงร่างกายนี้จะเป็นของอีเลน แต่เนื้อแท้เราไม่ใช่อีเลน ไหน ๆ ก็พามาแล้วจะขอใช้ชีวิตตัวเอกตามใจชอบละนะ!!"
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา