เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว ที่ชายหนุ่มเริ่มชินกับร่างกายและกิจวัตรประจำวันของเจ้าของร่าง มีแค่บางสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยกับมันสักทีนั่นคือความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใยของผู้เป็นแม่
ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ในร่างอีเลน เขารู้เลยว่าหญิงวัยกลางคนรักและใส่ใจลูกตัวเองมากแค่ไหน
พ่อของเด็กชายเป็นทนายชื่อดังขึ้นศาลทุกครั้งชนะทุกรอบ เพราะความมีชื่อเสียงจึงทำให้มีงานยุ่งมากจนไม่มีเวลากลับบ้าน จะกลับมานานทีปีใหม่ไม่ก็วันสำคัญเลย
ผู้เป็นภรรยาจึงได้แต่อยู่เฝ้าบ้านพร้อมดูแลลูกชายตัวน้อยเพียงลำพัง อาจเป็นเพราะอาการเหงาจากการไม่ได้เจอสามีนาน ตลอดเวลาเธอจึงเอาใจใส่และให้ความรักมากมายกับลูกน้อยเป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าลูกป่วยทางจิตยิ่งดูแลหนักขึ้นกว่าเดิม
ทุกวันเป็นไปอย่างเงียบสงบ คนเป็นแม่เฝ้ามองลูกชายที่ไม่แสดงอารมณ์ ใด ได้แต่นั่งนิ่งมองท้องฟ้าสีครามไปวัน ๆ
หญิงอายุเยอะรู้สึกปวดใจ มีบางครั้งยอมถึงขั้นออกไปซื้อศพหนูกลับมาให้เด็กชายที่เอาแต่นั่งเฉยหน้านิ่งไปวัน ๆ
เธอเข้าใจดีว่าการกระทำของตัวเองนั้นผิดมากเพียงใด แต่ขอแค่ได้เห็นใบหน้าลูกชายแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมาบ้าง นั่นก็ทำให้หญิงคนนี้รู้สึกชื่นใจขึ้นบ้างแล้ว
ปัจจุบันชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าอีเลนตอนนี้นั่งคนถ้วยโกโก้ร้อนที่แม่ชงให้อยู่บนโต๊ะอาหาร สมองพลันนึกถึงเนื้อหาเหตุการณ์ในนิยายบางส่วน ในอกเขารู้สึกบีบรัดกับความรู้สึกบางอย่างแม้มันจะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
ร่างน้อยกระเถิบตัวลงจากเก้าอี้ เดินเข้าไปกอดคนที่กำลังยืนทำอาหารเย็นอยู่ในห้องครัว ผู้เป็นแม่สัมผัสได้ถึงมือน้อย ๆ ที่โอบกอดตนจากด้านหลัง น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้น
"หิวเหรอลูก รอแม่ทำอาหารอีกแป๊บเดียวนะ"
เธอบอกพลางลูบหัวเจ้าตัวน้อยของตน เมื่ออีเลนได้รับความอบอุ่น ในจิตวิญญาณของชายหนุ่มอายุยี่สิบสองปีซึ่งผ่านโลกมามากเกินกว่าอายุของกายหยาบ ตัดสินใจพูดบางสิ่งที่ตนนั่งคบคิดมานานออกไป
“แม่ลองไปหาหมอได้ไหมครับ”
อีเลนรู้สึกว่าหญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ของตนในตอนนี้น่าจะมีอาการป่วยทางจิตอ่อน ๆ หากปล่อยไว้นานวันเข้าคงเกิดเรื่องไม่ดีแน่ ที่เขาคิดแบบนั้นเป็นเพราะตัวเองถูกปกป้องจากเธอมากเกินไป
ยิ่งสองอาทิตย์นี้หมอบอกว่าอาการดีขึ้นควรทานยาให้ตรงเวลาและนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่นานก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ คุณผู้หญิงได้ยินจึงไม่ปล่อยให้ลูกออกจากบ้านไปไหนเลย ผนวกรวมกับเนื้อหาในนิยายที่ตนรู้ อีเลนคิดว่าตอนนี้หญิงตรงหน้าเขา น่าจะมีอาการทางจิตที่ติดมาจากอีเลนคนก่อน จะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้
อีกอย่างเขาอยากได้เวลาส่วนตัวหาวันว่างลองพิสูจน์ว่าร่างกายนี้ยังตอบสนองกับเลือดไหม แม้จิตวิญญาณจะถูกสับเปลี่ยนแต่ร่างกายอาจจะยังตอบสนองเหมือนเดิมก็ได้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกใจสั่น คนเป็นแม่มองมือเล็กที่กำลังสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เธอคิดไปเองว่าลูกชายคงเข้าใจผิดว่าตัวเธอป่วยเลยแสดงอาการแบบนี้ออกมา ในใจรู้สึกเบิกบานที่ลูกตนแสดงอารมณ์ได้หลากหลายขึ้น เริ่มใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกปวดใจกับอาการเหล่านี้ของลูกอยู่ดี
“ก็ได้ แม่จะลองไปหาหมอดูนะ” เธอพูดหวังให้ลูกรักสบายใจ
อีเลนเบิกตากว้าง ยิ้มแป้นมือจับชายเสื้อหญิงซึ่งกำลังถือทัพพีคนหม้อซุปไว้แน่น
“จริงนะครับแม่ แม่ต้องไปหาหมอจิตแพทย์นะ ไม่ใช่หมอธรรมดาแต่ต้องเป็นหมอจิตแพทย์นะครับ แล้วแม่ต้องเอาใบตรวจมาให้ผมดูเป็นหลักฐานด้วย!!”
คุณผู้หญิงได้ยินลูกชายพูดดังนั้น ริมฝีปากมีรอยเหี่ยวย่นพลันแย้มยิ้ม แม้ในใจบางครั้งจะคิดว่าลูกชายมักชอบพูดจาเหมือนกับคนที่โตแล้วไปบ้างก็ตาม
เช้าวันต่อมา อีเลนโบกมือให้คนเป็นแม่ซึ่งตอนนี้ใส่เสื้อคลุมสะพายกระเป๋าเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถแท็กซี่ เหตุเพราะเมื่อวาน เขาออดอ้อนขอให้เธอไปหาหมอวันพรุ่งนี้เลย จึงเป็นเหตุให้มายืนโบกมือลากันอย่างตอนนี้ ชายหนุ่มรู้ตัวเองดีว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ เป็นแค่คนทะลุมิติเข้ามาสิงร่างเท่านั้น ถึงงั้นก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน เขาอยากตอบแทนความอบอุ่นและความรักที่หญิงคนนี้มอบให้
ถึงตนไม่ใช่ลูกที่แท้จริงแต่ก็จะดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้าของร่างซึ่งทำให้เขาได้สัมผัสถึงไออุ่นที่เฝ้าฝันด้วย
เด็กชายมองรถที่แล่นออกไปจนลับตา ก่อนกลับมาโฟกัสกับตัวเอง‘เอาละ ตอนนี้จะทดสอบร่างนี้ยังไงดี’
ร่างเล็กเดินวกไปวนมาอยู่หน้าบ้าน พยายามนึกว่าอีเลนคนเก่าไปหาพวกศพสัตว์มาได้ยังไง ยืนแช่อยู่นานในที่สุดภาพ ภาพหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมองประหนึ่งดื่มยาช่วยกระตุ้นความทรงจำ
สองเท้ารีบก้าวตรงไปยังหลังบ้านทันที เขาพบกำแพงรั้วไม้สีขาวเป็นรูโหว่มีแผ่นไม้สีน้ำตาลปิดทับอย่างที่คาดไว้
มือเล็กค่อยๆ เลื่อนแผ่นไม้ออก คาดเดาเอาว่าแม่เจ้าของร่างต้องเป็นคนเอามาปิดรูนี้ไว้แน่
ร่างน้อยนั่งรอบนพื้นหญ้าอย่างใจเย็นอยู่สักพัก ไม่นานเจ้าเหมียวตัวน้อยก็เดินสองเท้าเตาะแตะคาบลูกหนูที่อยู่ในปากเข้ามาหา
ในส่วนนี้ไม่มีอธิบายเนื้อเรื่องอยู่ในนิยาย แต่ได้ความทรงจำของอีเลนคนเก่า สมัยที่เจ้าตัวชอบแอบแม่มานั่งทำลับลมคมในบริเวณหลังบ้านแทนในวันหนึ่งที่อีเลนกำลังเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ดังวันปกติ
มีเจ้าแมวสีขาววิ่งไล่หนูตัวน้อยหลงมายังหลังบ้าน เด็กชายมองภาพหนูตัวเล็กดิ้นรนต่อสู้กับแมวตัวใหญ่กว่ามันด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ในใจเกิดความยินดี เมื่อเห็นเลือดสีเข้มหยดลงจากตัวหนูซึ่งนอนแน่นิ่งไม่ขยับ
จากวันนั้นเขาจึงเฝ้ารอให้แมวสีขาวเข้ามาอีก เขาคอยให้อาหารและเล่นกับแมวจรจัดเพื่อหวังว่ามันจะแสดงโชว์แบบในวันแรกให้ชมแต่มันก็ทำให้แค่นานครั้งเท่านั้น
ปัจจุบันชายหนุ่มในร่างเด็กเล็กมองแมวตัวสีขาวที่คาบลูกหนูตัวกลมเดินมาให้ เขาแค่เสี่ยงทายมาลองนั่งแบบในความทรงจำไม่คิดว่าแมวน้อยจะมาแสดงโชว์ให้ดูจริง ๆ
อีเลนตัดสินใจนั่งมองแมวเหมียวตะปบหนูอ้วนวิ่งไปวิ่งมา เขาอยากพิสูจน์ว่าร่างกายนี้จะตอบสนองกับเลือดหรือไม่
หนูตัวจ้อยวิ่งไปซ้ายทีขวาทีก็ถูกแมวขาวดักทางไว้หมด เจ้าเหมียวคาบหนูตัวเล็กกลับมาให้เขาอีกครั้ง พอไม่รับก็ปล่อยให้มันวิ่งหนีไป ก่อนจะตามกลับไปคาบมาใหม่
เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเลือดสีสดเริ่มออกมาจากตัวเหยื่อผู้น่าสงสาร อีเลนใจระส่ำระสายไม่ใช่เพราะเขาตื่นเต้นแต่เพราะเขากลัวเลือด!!! ในจิตวิญญาณเขากลัวเลือดขั้นสุดขีด
ผู้ใหญ่ในร่างเด็กรีบวิ่งไปไล่แมวเหมียวที่กำลังจะตะปบหนูใกล้สิ้นลมอีกครั้งด้วยใจรู้สึกผิด หัวใจเต้นรัวแรง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าร่างกายภาพของเจ้าของเดิมไม่ส่งผลต่อความรู้สึกเขา
อีเลนมองแมวสีขาววิ่งหนีเตลิดกลับเข้าไปในรูเดิม มือเล็กค่อย ๆ ยกแผ่นไม้เลื่อนเข้ามาปิดทับไว้ดังเดิมก่อนจะหันหลังกลับมามองหนูตัวอ้วนที่นอนซมเลือดซิบอยู่ตอนนี้
'เอาไงกับเจ้านี่ดี'
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา