Share

บทที่ 11

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม!

เหม่อลอยเพียงครู่เดียว ฉินเย่ว์เจียวก็ขยับมาอยู่ข้างเขาแล้ว นางเปิดผ้าห่มครึ่งหนึ่งแล้วห่มไว้บนตัวเฉินฝาน

อบอุ่นและมีกลิ่นหอม

กลิ่นหอมจากตัวฉินเย่ว์เจียวพอ ๆ กับนิสัยดุดันของนาง

เข้มข้น เร่าร้อน!

เฉินฝานถึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ผู้ชายแผ่นดินนี้ช่างมีความสุขจริงๆ !

ช่วงเวลาที่เฉินฝานประทับใจ ข้างกายของเขาพลันว่างเปล่า……

รู้สึกตัวอีกที ฉินเย่ว์เจียวลงจากเตียงเตาไปแล้ว

เวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าเฉินฝานจะรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้ฉินเย่ว์เจียวเพียงแค่ช่วยให้ความอบอุ่นกับผ้าห่มเท่านั้น

เขาคิดว่า……พูดตามตรง เขารู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในเล็กน้อย

“แค่ก ๆ !”

“ยังอุ่นไม่พอรึ” ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาถาม

“พอแล้ว ๆ!” เฉินฝานรีบตอบ

พูดจบ ความจริงแล้วข้างในรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เฉินฝาน กลัวอะไรวะ ต้องพูดว่าไม่พอสิ

เตียงเตาใหญ่มาก สองพี่น้องตระกูลฉินคงจะนอนอีกฝั่ง แต่เวลาผ่านไปพักใหญ่ เฉินฝานก็ไม่เห็นสองเงาของพี่น้องตระกูลฉิน

พลันมีเสียงแซก ๆ ดังมาจากพื้น เฉินฝานชะโงกหัวตามที่มาของเสียง

สองพี่น้องตระกูลฉินปูหญ้าอยู่ตรงมุมที่ใกล้เขาที่สุด พวกนางม้วนตัวอยู่บนเตียงหญ้า ผ้าห่มบนตัวบางกว่าและผุพังกว่าของเขามาก

ฉินเย่ว์โหรวกลัวหนาว ฉินเย่ว์เจียวจึงคลุมผ้าห่มให้นางเป็นส่วนใหญ่

เฉินฝานมองแล้วรู้สึกไม่สบายใจมาก

แม้จะก่อไฟเตียงเตาแล้ว แต่อุณหภูมิลงต่ำเมื่อถึงยามดึก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เฉินฝานจึงไม่ได้ใส่มูลวัวเข้าไปมาก

“ทำไมพวกเจ้าไม่ขึ้นมานอนบนเตียงเตาล่ะ!”

“ข้ารับปากว่าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”

เฉินฝานกลัวสองพี่น้องเข้าใจผิดจึงกล่าวเสริม

สองพี่น้องมองเฉินฝานราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อน

ตั้งแต่แต่งงานเข้ามา พวกนางนอนพื้นมาตลอด ไม่ใช่เพราะพวกนางไม่อยากนอนเตียงเตาแต่เพราะเฉินฝานไม่อนุญาต

“เห้อ!”

เฉินฝานตบหน้าผากแปะ ๆ เจ้าของร่างเดิมไม่อนุญาตให้สองพี่น้องขึ้นมาบนเตียงเตา เขาจำเรื่องนี้ได้แล้ว

“ข้าขอสั่งพวกเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปต้องขึ้นมานอนบนเตียงเตา ห้ามขัดคำสั่ง!”

เฉินฝานย้ำว่าห้ามขัดคำสั่งถึงสามครั้ง สองพี่น้องถึงย้ายขึ้นมาบนเตียงเตาด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย จากนั้นก็นอนลงตรงที่ห่างเฉินฝานมากที่สุด

ค่ำคืนนี้ เฉินฝานไม่รู้ว่าสองพี่น้องที่อยู่ห่างจากเขาหลับลงหรือไม่ แต่เขาหลับไม่ลง

เขาจัดการความทรงจำในสมองอยู่นานถึงพบสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมไม่แตะต้องพวกนาง

เมื่อสมัยเจ้าของร่างเดิมยังเป็นเด็ก เขาเคยถูกผู้หญิงโตกว่ารังแก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีอาการทางจิต

เขาแต่งภรรยานอกจากเป็นการจัดสรรจากราชสำนักแล้ว เขายังต้องการให้ภรรยาหาเงินให้เขา ปรนนิบัติรับใช้เขา

……

ไก่ขันไม่นาน ฉินเย่ว์เจียวก็ตื่นแล้ว นางมองฉินเย่ว์โหรวที่นอนข้าง ๆ

คงเป็นเพราะความอุ่นจากเตา ทำให้ใบหน้าของนางเป็นสีแดงก่ำและหลับลึกมากกว่าครั้งไหน ๆ

ถ้าเป็นเช่นนี้ทุกวันก็คงจะดี

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีข้าวสารในโอ่งแล้ว หัวใจของฉินเย่ว์เจียวบีบตัวกะทะหัน

นางไม่อาจทนมองน้องสาวทุกข์ทรมานอีกต่อไป ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน วันนี้นางก็จะออกไปล่าสัตว์ให้จงได้

เมื่อคลุมผ้าห่มให้ฉินเย่ว์โหรวเสร็จ ฉินเย่ว์เจียวก็ลุกขึ้นเบา ๆ

“เย่ว์เจียว”

ฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งลงจากเตียงเตาตกใจสะดุ้ง

ในเวลาเดียวกัน เฉินฝานเปิดม่านกั้นประตูเข้ามาพอดี

“นายท่าน ทำไมตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

นางไม่เคยคิดเลยว่าเฉินฝานจะตื่นเช้าเพียงนี้ นางเลยไม่ได้สังเกตอีกฝั่งว่าเขาไม่อยู่บนเตียงเตาแล้ว

“อืม!” เฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าตื่นตั้งนานแล้วล่ะ กำลังรอเจ้าน่ะ”

“รอข้าน้อย!” ฉินเย่ว์เจียวทั้งงุนงงและสงสัย

“ใช่น่ะสิ!” เฉินฝานนั่งข้างเตียงเตาแล้วเปลี่ยนร้องเท้าผ้าที่แน่นหนากว่า

สายตาของฉินเย่ว์เจียวถูกผ้าห่มข้างหลังเฉินฝานดึงดูด

เขาเป็นคนพับผ้าห่มนั่นรึ!

เขาพับผ้าห่มเป็นด้วย!

เป็นก้อนสี่เหลี่ยมอย่างกับเต้าหู้ เขาทำมันได้อย่างไร!

ต่อมา ฉินเย่ว์เจียวเคยแอบลองพับ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็พับไม่ได้อย่างที่เฉินฝานทำ

ไม่เพียงแค่ฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์โหรวที่ตื่นนอนแล้วเห็นผ้าห่มของเฉินฝาน นางก็ทำตามแล้วแต่ก็ไม่ได้เหมือนกัน

“ยังนิ่งอยู่ทำไมเล่า เจ้าไม่ได้จะไปล่าสัตว์หรอกรึ!”

“อ่อ ๆ” เมื่อฉินเย่ว์เจียวได้สติ นางก็รีบเดินออกไป เมื่อเดินถึงหน้าประตูนางพลันตะลึงอีกครั้ง “นายท่าน รู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าข้าน้อยจะไปล่าสัตว์”

“แฮะ!” เฉินฝานยิ้มแห้งจากนั้นกดเสียงต่ำลงเพราะกลัวจะรบกวนฉินเย่ว์โหรว “ความคิดง่าย ๆ ที่มาจากยัยเด็กไร้เดียงสาอย่างเจ้า มีหรือข้าจะไม่เข้าใจ!”

ที่นี่ก็เหมือนสมัยโบราณของจีน ทุกคนต่างแต่งงานเร็ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวก็เป็นหญิงสาวอายุเพียงสิบขวบ

เฉินฝานในยุคปัจจุบันอายุมากกว่ายี่สิบห้าแล้ว

ดังนั้น เวลาฉินเย่ว์เจียวอยู่ตรงหน้าเขา ก็คือเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง

“ข้ารู้ด้วยว่าที่ ๆ เจ้าจะไปภูเขาหัวเสือ”

เมื่อคืนนอนไม่หลับ เฉินฝานจึงจัดการความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

แม้ว่ายังไม่ครบถ้วนดี อย่างเช่นว่าเขามีภรรยากี่คน ตอนนี้พวกนางอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้เขายังนึกไม่ออก

แต่เขาจำสภาพแวดล้อมแถวนี้ได้ทั้งหมดแล้ว

สองพี่น้องตระกูลฉินดีต่อกันมาก เมื่อกลัวว่าเขาจะไม่มีอะไรกินแล้วลงมือกับฉินเย่ว์โหรว ฉินเย่ว์เจียวย่อมตื่นแต่เช้าไปล่าสัตว์แน่ ซึ่งสถานที่ที่จะมีสัตว์ให้ล่าในเวลานี้ก็คงเป็นภูเขาหัวเสือ

ภูเขาหัวเสือ เป็นสถานที่สมดังชื่อนั่นก็คือมีเสืออยู่บนนั้น ว่ากันว่ามีอย่างน้อยสามตัวขึ้นไป ต่อให้เป็นนักล่าฝีมือฉกาจมีประสบการณ์ก็ไม่ควรขึ้นไปคนเดียว ต่อให้ฝีมือยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวเก่งไม่เบา แต่นางเพิ่งมีอายุได้สิบกว่าปี หากไปคนเดียวจะอันตรายเกินไป

หลังจากฉินเย่ว์เจียวชำละตัวเสร็จ เฉินฝานก็เดินออกมาจากห้อง

“ไปกัน ข้าไปกับเจ้าด้วย!”

“ท่านวางแผนอะไรอยู่กันแน่” ฉินเย่ว์เจียวมองเฉินฝานด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “ใช้โอกาสที่ข้าน้อยไม่อยู่ ให้คนอี๋ชุนย่วนมาพาน้องสี่ไปใช่หรือไม่”

“หืม!” เฉินฝานส่ายหัวและยิ้ม “กระบวนการคิดนี้ของเจ้าไม่ถูกต้อง ถ้าเจ้าจะออกล่าสัตว์ เจ้าไม่อยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ข้าจะให้คนของอี๋ชุนย่วนมาพาเย่ว์โหรวไปแล้วทำไมต้องตามเจ้าไปที่ภูเขาหัวเสือด้วยล่ะ”

กระบวนการคิด?

คือสิ่งใด?

“ไปกันเถอะ” ขณะที่ฉินเย่ว์เจียวกำลังงุนงงไม่เข้าใจ เฉินฝานเดินมากุมมือฉินเย่ว์เจียว “พวกเรารีบไปรีบกลับ”

เพราะถ้ากลับช้าไป คนของอี๋ชุนย่วนคงได้มาที่นี่จริง ๆ

เมื่อวานเขาข่มขู่พวกนั้นได้เพียงชั่วคราว เจ้าของร่างเดิมรับเงินมาแล้ว หอนางโลมอี๋ชุนย่วนไม่มีวันปล่อยไปง่าย ๆ แน่

“ปล่อยข้านะ ข้าเดินเองได้!”

เฉินฝานหันกลับมาก็พบใบหน้ารูปไข่ที่เขินอายและโมโห

วินาทีนี้ เขาละทิ้งความคิดปล่อยมือทันที

เฉินฝานเพิ่มแรงมือมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่ปล่อย!”

“ท่าน……”

ฉินเย่ว์เจียวกระทืบเท้าจ้องเขม่นเฉินฝาน

“เจ้าทำท่าเช่นนี้แล้วสวยจริง ๆ”

พูดจบ เฉินฝานไม่สนใจใบหน้าที่แดงระเรื่อของฉินเย่ว์เจียว เขากุมมือฉินเย่ว์เจียวและย่างเท้าเดินไปข้างหน้า

ตอนเริ่มต้น ฉินเย่ว์เจียวยังเดินช้ามาก แต่พอเลี้ยวมุมเสร็จ เมื่อเดินถึงถนนที่ต้องผ่านหมู่บ้าน นางเดินเร็วยิ่งกว่าเฉินฝาน

คนที่ไม่รู้เรื่อง คงคิดว่านางเป็นคนจับมือเฉินฝานและพาเขาเดิน

เฉินฝานมองฉินเย่ว์เจียวที่ก้มหน้าเดินเร็วแล้วพลางยิ้มอ่อน

เขารู้ว่ายัยเด็กคนนี้เดินเร็วเพราะกลัวชาวบ้านจะเห็น

เฉินฝานจับมือฉินเย่ว์เจียวแน่นและไม่วางมือตลอดทาง

แรกเริ่มเพราะคิดจะแกล้งนาง เขาชอบท่าทางที่ฉินเย่ว์เจียวโมโหหน้าแดง แต่ภายหลังเมื่อใกล้จะถึงภูเขาหัวเสือเพราะกลัวว่าจะมีอันตราย

“โฮก!” พวกเขาเดินเข้ามาไม่นานก็มีเสียงร้องของเสือดังมาจากข้างหน้า

ดูเหมือนว่าความอันตรายในภูเขาหัวเสือสูงกว่าที่เฉินฝานคิดไว้มาก!
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (3)
goodnovel comment avatar
warutty soawinee
กวยกดเลือกตอนยังไงวะกุต้องเลื่อนจากตอนที่1เลยเหรอ
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
ชื่นชอบมากกกกกกกกครับ
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สุกสนุกสนุก
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status