ห้องที่คุ้นเคย?
เจ้าของขนตาแพยาวไร้การเสริมแต่ง กวาดมองไปทั่วห้องก่อนขึงตาโต ชนิดกว้างครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนเห็นควันโขมงพร้อมกลิ่นลอยอยู่บนอากาศ บริเวณนอกโดยมีประตูเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนกับระเบียง ด้วยกระจกที่ใสมองเห็นจากข้างในแต่ทึบข้างนอกไร้ผ้าม่านปกคลุม ทำให้เจ้าของควันถูกมองไม่ชัด เขายืนอยู่ในท่าหันหลัง ด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่
หญิงสาวก้มมองเลือดบนเตียงสลับกับเขาอยู่หลายรอบ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงก็ตอนเขามองข้ามไหล่กลับมา
“กรี๊ด!!!!”
ครืน ครืน
“เฮือก!”
เสียงโทรศัพท์ทำคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับ ไม่ใช่แค่ความตกใจจากฝันเสมือนจริงทำให้เธอปวดหัว แต่เป็นฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักหน่วงของเมื่อคืนด้วย
“บ้าจริง”
อินถาลูบหน้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ปล่อยให้ดังตั้งนาน
(เธอ เป็นไงบ้าง)
“นะ นักรบ”
เสียงแหบพร่าร้องเรียก ปลายสายที่มักจะโทรมาได้จังหวะ และเธอมักจะลืมดูหน้าจอก่อนกดรับทุกที
(ฟังจากเสียง น่าจะดูแย่เหมือนกันนะ ไหวไหมเนี่ย ถ้าไม่ไหวลางานก็ได้ เดี๋ยวเรื่องลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ รบจะไปแทนเอง)
“เดี๋ยวนะ..”
หญิงสาวหันมองนาฬิกาบนหัวเตียง บอกให้รู้อีกครึ่งชั่วโมงจะสาย เธอไปไม่ทันนัดที่ว่านั้นแน่ การหลับตานิ่งมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ
(ว่าไง โอเคไหม)
“ใครมาส่ง ฉะ ฉัน แกเหรอ?”
ไม่ได้สนใจเรื่องที่ปลายสายพูด การงุนงงทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเน้นๆอีกครั้ง เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งต่อการตั้งสติ ภาพสุดท้ายของเมื่อคืนก่อนจะถูกตัดไปคือเธออยู่กับเขาจริงๆ
(รบไง)
“ฮะ!?”
(นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ)
“ไม่อะ..”
(เฮ้อ ก็คงใช่ เมาซะขนาดนั้น บอกแล้วให้รบยืนรอหน้าห้องน้ำซะก็จบ)
ดวงตาแดงก่ำขึงขึ้นจากความตกใจเท่าทวี กวาดมองไปทั่ว เห็นรอบบริเวณเป็นห้องของเธอ ก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ แต่รู้สึกโล่งใจเปราะหนึ่งก็ตอนก้มลงสำรวจแล้วพบเสื้อผ้ายังอยู่ครบ
“ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเลย?”
(ฝัน? ใครฝัน? เธอไม่ได้ฝัน รบไปส่งจริงๆ ไม่เชื่อถามพี่ รปภ ดู)
“เกี่ยวอะไรกับพี่ รปภ?”
(ก็เขาหามหัว รบหามท้าย)
"ฮะ? อะไรนะ! หามหัวหามท้าย ล้อเล่นปะเนี่ย"
(ล้อเล่นกับผีอะดิ เขายังบ่นอยู่เลย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้หนักใช่เล่นเลยนะฮะ ฮ่าๆๆ )
"พูดให้จริงนะรบ ถ้าไม่จริงฉันจะตุยท้องแก"
(เอามีดมาปาดคอเลยก็ได้)
"ชิ! ว่าแต่เขาคนนั้นล่ะ จำได้ว่าเจอเขาที่ห้องน้ำ"
ปลายสายเงียบไปสักพัก เพื่อใช้ความคิด
(คนไหน? อ่อ.. คนนั้นนะหรือ ใช่เขาแบกเธอมาส่งที่โต๊ะ เชื่อไหมพี่มลขอโทษขอพายใหญ่เลย คงรู้จักกัน )
อินถากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ ได้แต่ตำหนิตัวเองในใจที่จำอะไรไม่ได้เลย
“แบก?”
(อันที่จริงก็ไม่ใช่แบกหรอก เรียกว่าพาดบ่ามาจะดีกว่า)
ฮะ?! ทำไมมันฟังดูแย่กว่าเดิมล่ะ...
อินถาขึงโตขณะฟังปลายสายเล่า
(รบเห็นเธอหายไปนาน ก็เลยเดินกลับไปใหม่ เขากำลังอุ้มเธอมาที่โต๊ะพอดี มารู้ว่าเป็นเจ้าของผับก็ตอนพี่มลทักนั่นแหละ )
“ฮะ เจ้าของผับ?”
(อืม โอเคอิน เราขับรถอยู่อะ เอาเป็นว่าเธอพักผ่อนไปนะ ช่วงบ่ายจะไปเจอลูกค้าแทนให้ ตอนนี้ขอทำงานเราก่อน)
“อะ อืม”
เสียงแผ่วเบาตัดบทด้วยความเหม่อลอย ใจไม่ได้อยู่ในห้องนี้สักเท่าไหร่ แต่หายกลับไปยังอดีตช่วงเมื่อคืน
สรุป ฝันไปหรอกหรือเนี่ย?!
“หึ ตลกชะมัด”
กว่าจะเรียกสติกลับมาได้อย่างครบถ้วนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ร่างบางในชุดกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดสีขาวยืนพิงโต๊ะบาร์ ในมือถือแก้วน้ำที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างใจลอย ก่อนจะวางมันลงก้นกระแทกแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางกดโทรศัพท์แนบหูไปด้วย ทว่าปลายสายให้ฝากข้อความเสียงซะงั้น
++เฮ้ นักรับสุดหล่อครับ ถ้าไม่รับสายคือไม่ว่าง ได้ยินไหมไม่ว่าง บอกว่าไม่ว่าง เอ๊! ยังไม่วางอีก++
ติ๊ด!
“ไอ้บ้า”
หญิงสาวสบถด่ากลั้วหัวเราะ ส่ายศีรษะให้กับความทะเล้นของเจ้าของเสียง เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเร่งแต่งตัว อย่าให้ทันนักรบต้องทำงานแทน ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกมองไม่ดี การถูกมองแย่ในเรื่องงานสำหรับเธอนั้นเรื่องใหญ่มาก ความเมาจะต้องไม่เป็นอุปสรรคกับสิ่งนี้!
และถ้าจำเป็นจะมีอุปสรรคจริงๆ ภาวนาให้เป็นเรื่องอื่นดีกว่า เรื่องที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเธอควบคุมไม่ได้ อาทิเช่น เวลาประจวบเหมาะที่เรียกว่าบังเอิญ จังหวะเธอเปิดประตูออกมา แล้วประตูข้างห้องนั้นก็เปิดออกมาด้วย
ชิ้ง!
สายตาคนทั้งคู่บรรจบสบกัน แน่นอนหากแข่งว่าใครเป็นผู้ชนะในเรื่องจ้องตาคงหนีไม่พ้นเขา ร่างสูงไม่มีแม้แต่สะทกสะท้าน แถมเลิกคิ้วสูงอีกต่างหาก
“อะไรติดหน้าพี่งั้นหรือ?”
เหมือนโดนสะกดจิต คนตัวเล็กยืนนิ่ง ราวอัมพาตจับริมฝีปาก ถูกเม้มสนิทขยับไม่ได้ กลายเป็นจำต้องส่ายหัว ใช้สมองอย่างหนักหน่วงเพื่อเลือกระหว่างการหมุนตัวหนี กับเดินหน้าให้รู้แล้วรู้รอด และแน่นอนเธอเลือกอย่างหลัง
“เมื่อคืนเป็นคุณใช่ไหมคะ”
หัวคิ้วคนถูกถามย่นลงเล็กน้อยขณะมองหน้าหล่อน ก่อนคลายสู่สภาพเดิมตอนนึกขึ้นได้ ลากสายตายากจะคาดเดานั้นหลุบลง จดจ่ออยู่ตรงมือที่พันด้วยผ้าพันแผลแล้วยิ้มมุมปาก
“คิดว่าน่าจะใช่..”
ด้วยแววตาเฉยเมยเย็นชา คราวนี้เป็นอินถาที่ต้องขมวดคิ้วบ้างเพราะงงในท่าทางของเขา คล้ายๆกับว่าเมื่อคืนมีอะไรมากกว่าที่นักรบ เพื่อนของเธอเล่า
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเหลือฉัน..คือฉันเมาซะจนไม่ได้สติ..”
“ค่ะ พี่ทราบ”
“คะ?”
ยิ่งประโยคนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตาคู่สวยขึงขึ้น พร้อมอ้าปากเหวอ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อ
มุมปากผู้ชายตรงหน้ากระตุก ขณะล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเชื่องช้าเข้ามา
เรื่อยๆซะจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอย ก่อนจะเจอทางตันด้วยแผ่นหลังแนบชิดประตู กลายเป็นหนูติดจั่นหลังวงแขนของเขายกขึ้นมาเหนือศีรษะ เท้ายันไว้กับขอบประตู ต้องการขังคนตัวเล็กไม่ให้ขยับ
“แล้ว..แผลเป็นยังไงบ้าง”
โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
อ๊างงง!
เขาจงใจอ่อยเธอชัดๆ
อะไรกันเนี่ย?! เจตนาจริงๆต้องการจะหาคำตอบ มายืนยันให้มั่นใจว่าแท้จริงแล้วเป็นเธอที่เพ้อเจ้อ เก็บเอาเขาไปฝัน หรือเป็นเขาทำจริง แต่กลับถูกเพิ่มความทรงจำให้หวั่นไหวซะงั้น!
“เอ่อ..ดีขึ้นแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก้มลงต่ำมากกว่าเดิม
“เหรอคะ..”
แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาสื่อ แต่เธอก็ชอบแบบนี้ หญิงสาวพยักหน้า มือข้างที่เจ็บเผลอขยุ้มเสื้อตรงตำแหน่งหัวใจ และเหมือนร่างสูงจะสังเกตเห็น เขาเหลือบตาลงมาดู จ้องเขม็งผ้าก็อตนั้นก่อนจะพามือตัวเองเลื่อนมากุมเบาๆ
"พี่ขอโทษแทนผู้หญิงของพี่ด้วยนะ”
พร้อมประโยคที่ทำให้คนได้ยินหัวใจร่วงหล่นลงตาตุ่ม
“คะ?”
“...ที่กล้าดีไปทำหนูเจ็บ”
“อ๋อ..”อินถาลากเสียงยานคาง หันไปมองเจ้าของชื่อที่แฟนหนุ่มแนะนำ จงใจยียวนกวนประสาท ก่อนจะโน้มตัวลงโค้งคำนับ“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่จินดา หนู..อินถา แฟนพี่ราล์ฟนะคะพี่”ฝ่ายชายถึงกับทำปากอมลมขณะยืดอก พลางหันไปทางอื่น รู้สึกร้อนวูบวาบทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเด็กผู้หญิงตรงหน้ามีดีอะไร ทำไมถึงเลือกที่จะปกป้องด้วยการเงียบ ปล่อยให้เธอจิกกัดอีกฝ่าย“จริงเหรอ ราล์ฟไม่เห็นเคยพูดเรื่องนี้เลย พี่ก็นึกว่าโสดอยู่ซะอีก ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องอิน”“อินถาค่ะ ชื่อมีสองพยางค์”ถ้าไม่นับว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเคร่งเครียดอยู่ละก็ เขาคงขำไปแล้ว ขำให้กับความก๋ากั่นของเธอเขาเองรับรู้ถึงความอึดอัดของจินดา แต่ช่วยไม่ได้หล่อนอยากวอนหาเรื่องเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องสถานะ และความสัมพันธ์ที่ใคร่จะเปลี่ยนแปลงไปอนาคตจินดาเองก็ลากเสียง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นใหญ่ที่เธอจะเอาเรื่อง คนข้างๆต่างหากที่จะต้องรับผิดชอบ หญิงสาวปรายตาหันไปมองพร้อมกอดอกราล์ฟถึงกับถอนหายใจ“โอเค..”พยักหน้าเป็นอันเข้าใจในความต้องการ ก่อนจะจูงมือบาง พาเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่คิดจะเอ่ยลาจินดาสักคำ ชายหนุ
“มากับไอ้ราล์ฟมันหรือ”ดวงตาพร่ามัวขึงขึ้นและเปลี่ยนเป็นชัดแจ๋วในเวลาต่อมา หลังต้องใช้ม่านตาเพ่งเล็งคนตรงหน้า ชายปริศนาที่เธอไม่รู้จัก“คะ?”“เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสินะ" เธอไม่รู้ประโยคที่เขาพูดหมายถึงอะไร อีกนัยคือเสียงดนตรีดังซะจนฟังไม่ถนัด แต่ก็พออ่านปากออกและเข้าใจได้ "ผมเป็นเพื่อนมันฮะ”สาวเจ้าพยักหน้า ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะใช่ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร“สวัสดีค่ะ”“รอมันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ อีกเดี๋ยวคงมา เขาบอกแบบนั้น”“ราล์ฟงานเข้าแบบนี้จะนานนะ อย่ารอมันเลย”คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหา มองคนตรงหน้าผ่านกระจกแว่นกรองแสงที่ใส่ พลางขยับให้เข้าที่หลังประหม่าจนขาแว่นกระโดด“อย่ารอ? อ่อไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมากับเขา”“มากับมัน?" การถามย้ำ ทำให้เธอเริ่มรับรู้ถึงแรงกดดันปนไม่น่าไว้ใจสุด "อยู่ด้วยกันจริงๆสินะ ไอ้ที่บอกว่าย้ายออกแล้ว จริงๆคือย้ายไปอยู่ห้องเธอ?”“เดี๋ยวค่ะ ฉันไม่รู้คุณหมายถึงอะไร แต่คุณไม่ควรมาพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้นะคะ”ดวงตาทรงพระจันทร์เสี้ยวหรี่เข้าหากันเป็นวงรี พร้อมแสงประกายเจิดจรัสขณะมองเธออยู่ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ถึงขนาดทำอังครชะงักค้างกลางคันได้ ยาม
ติ๊ด!เสียงเครื่องสแกนดังก่อนประตูถูกผลักเข้า ดวงตาเฉี่ยวรีปะทะกับกลมโตแต่เศร้ามอง ราวกับคนไม่ได้นอนมาหลายคืน พลางเลิกคิ้ว เลือกที่จะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาก่อนจะตั้งคำถาม“ทำไมขอบตาดำแบบนั้นละคะ”คนมาใหม่ทำตัวไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่เป็นต้นเหตุเพราะเขานั้นหายไปทั้งวันทั้งคืน“นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”เธอตอบ ไม่ได้มองหน้า ยังคงจ้องมองจอโทรศัพท์ตัวเองทำทีไม่สนใจ ทั้งที่น้ำเสียงในประโยคไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งชายหนุ่มเองก็รู้ สาวเจ้าโกรธเขาเรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลาเขายิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู สูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก มือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินมาหยุดฝั่งตรงข้าม ก่อนจะโน้มตัวลงใบหน้าอยู่ระดับเดียว ที่ห่างกันสองคืบ“เนี่ย ปากกับจมูกมันจะชนกันแล้วค่ะ”แหย่เธอพร้อมยักคิ้วอินถาละสายตาจากสิ่งที่ถือขึ้นมามองเขา สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที“ไม่ต้องเลย”“โอ๋~ ก็พี่บอกหนูแล้วไงคะ ว่าพี่ติดประชุม”“ประชุมอะไรตอนดึก รุ่งสาง เช้าตรู่..”เธอแวดใส่ ชายหนุ่มหลุดเสียงขำ“ไม่เอาน่า อย่าเป็นอย่างนี้ดิ ก็นี่ไงพี่กลับมาแล้วไง ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย”“หาย หายไปทำงาน หนึ่งวันหนึ่งคืน..”“โอเค..” แขนแกร่งยกขึ้นราวกับยกธงขาว พร้อมพยักหน้
จินดาหน้าชา ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มอ้าขึ้นอัตโนมัติ และขยับภายหลังโดยไม่มีเสียง หล่อนคงตกใจหนักซะจนลืมพูด หรือไม่สมองก็ขาวโพลนหยุดทำงานชั่วคราวหมายความว่าไง?การเลื่อนสถานะจากบุคคลที่เคยถูกหลอก เข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ กลายเป็นคนพิเศษในเวลาต่อมา ต่อจากนี้จะไม่ได้มีแค่หล่อนเพียงคนเดียวแล้ว แต่จะมีอีกบุคคลปริศนาหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักซะมากกว่าจะทำยังไงดี..สาวเจ้าขบริมฝีปากตัวเอง รู้สึกถึงกลิ่นคาวรสชาติปะแล่มของเลือด แต่ความเจ็บปวดตรงนี้ยังเทียบไม่เท่ากับหัวใจเสียงถามตัวเองกึกก้องไปทั่วทั้งหัว“แล้วยังไง ยูจะไปจากไอเหรอ”ราล์ฟเงียบ ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความเมตตา ต่างกันกลับถัดไปฝั่งตรงข้ามมากกว่า ราวกับเขาเตรียมการเอาไว้แล้วชายหนุ่มส่ายศีรษะ“ยังไม่ได้พูดสักคำ”“ถ้างั้น?”“ยูอยู่ได้ไหมล่ะ”“ฮะ..”ความรู้สึกราวตะคริวกินอก เพิ่มเติมเป็นใบหน้าชาวาบและหูดับ หัวใจเต้นแรงเร็วเสี่ยงทะลุออกมาดิ้นพล่าน มือบางผสานกุมกันเอาไว้“ถ้ายูอยู่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม”ดวงตาเคยสดใสเต็มไปด้วยหยดน้ำตา อันที่จริงหล่อนทราบดีคนตรงหน้าโคตรเห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมองเห็นหัวใครหน้าไหน ทว่าไม
บ้านหลังหนึ่ง สร้างด้วยช่างฝีมือดี ตั้งตระหง่านอยู่บนเขตนอกชานเมือง ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และพืชเขียวขจี ราวกับอาณาเขตนั้นจงใจถูกจัดแต่งโดยเจ้าของบ้านที่รักอิสระทว่าไม่ใช่ ไม่เลย..เพราะนั่นคือตรงกันข้ามหล่อนมักจะอ้างว้างทุกครั้งยามต้องอยู่คนเดียว และยิ้มดีอกดีใจก็ตอนประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเปิด ตอนรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนผ่านเข้ามา ใช่เลยเป็นเขาคนที่รออยู่“มาแล้วเหรอ”เสียงหวานถามทันทีที่เห็นร่างสูงหลุดวงกบประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”เสียงแหบพร่าถามกลับ ไม่ได้มองหล่อนเต็มตาสักเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนฟูกพร้อมพ่นลมหายใจเขาคงเหนื่อยมาก มากซะจนไม่มีอารมณ์จะมองตากันดวงตากลมโตของจินดาขึงกว้างขึ้นเล็กน้อย หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งจัดว่ารู้จักเขาดีมากกว่าใครอื่น ถึงได้รู้อารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนี้นั้นยากจะควบคุมของเขา หากพูดผิดหูไปเพียงนิดเดียว อาจจะโดนตะเพิด และทำเขาหายไปจากบ้านหลังนี้ได้ จึงเลือกที่จะกลืนน้ำลายดับความน้อยใจลงก่อน ถึงจะเอาตัวเข้าไปใกล้“อะไรเย็นๆหน่อยไหม”แม้ว่าจินดาจะจัดไปทางคนเจ้าอารมณ์ ชอบเหวี่ยงชอบวีน แต่หล่อนก็อยู่เป็น เลือกที่จะใช้ท่าทางและคำพูดได้ดีและถู
นับตั้งแต่นั้น ความระแวงก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ ภายในห้องใหญ่แต่เบาเสียง ชนิดไร้ซึ่งการหยอกล้อระหว่างคนสองคน และกำลังเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ ที่อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนได้ราล์ฟกลับบ้านดึกทุกวัน บางครั้งอินถาหลับไปแล้ว กว่าจะเห็นเขานอนอยู่ข้างๆก็ตอนเช้าตรู่ความตึงเครียดจึงเริ่มมีอิทธิพล สาวเจ้าในวันทำงานไร้รอยยิ้มและวันผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย จนนักรบเพื่อนร่วมงานทันสังเกต และเริ่มสงสัยจริงจังก็ตอนอยู่กันตามลำพังในร้านกาแฟของบริษัท“มีปัญหากันใช่ไหม”“อืม”“ตั้งแต่เมื่อไหร่”“สักพักละ”“ตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ”“อืม”คนถูกถามเอาแต่พยักหน้า ขณะสายตาหลุบต่ำจ้องเพียงแก้วกาแฟที่เพิ่งจะลดลงไปไม่ถึงคืบ เพียงเพราะมันขมกว่าวันปกติจนกลืนไม่ลงชายหนุ่มถอนลมหายใจพรืด ฉุดมือนั้นไว้และบังคับให้แก้วลดลง เพื่อจะเห็นสีหน้าบูดบึ้งอย่างชัดเจน“อิน..”“หืม?”“รบหวังดีนะ”ประโยคบอกเล่า ให้ความรู้สึกถึงคนพูดไม่สู้ดีนัก ทำคนฟังชะงักกึก ยอมที่จะละทิ้งความตะขิดตะขวงใจไว้เบื้องหลัง ความประหม่าถูกทาบทับลดระดับลง หลงเหลือความซึ้งใจให้พึงระลึกแทน“เรารู้” หญิงสาวพยักหน้า ช้อนตาขึ้น “แยกแยะได้แหละน่า มันไม่เกี่ยวกับร