Beranda / มาเฟีย / เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู / ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า

Share

ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-21 19:53:28

หลินซือหยูรู้สึกถึงอาการปวดตุบ ๆ ที่ขมับขณะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่า ๆ สาดลงมาบนใบหน้าของเธอ อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรปนดินและกลิ่นไม้ไหม้จาง ๆ ที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่น เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ร่างกายหนักอึ้งราวกับแบกก้อนหิน เธอมองลงไปที่มือของตัวเอง และสิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ

“นี่มัน... มือของใครเนี่ย!?” เธออุทานออกมาเสียงดัง และนั่นก็ทำให้เธอได้ยินเสียงพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอว่ามันไม่ใช่เสียงของตัวเอง เพราะน้ำเสียงนี้มันค่อนข้างบาง อ่อนหวาน และมีสำเนียงแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้ยินจากตัวเองมาก่อน

มือคู่นี้ที่เธอเห็นมันเรียวเล็ก ผิวก็ขาวเนียนเกินกว่ามือของเธอที่เคยหยาบกร้านจากการจดเลคเชอร์และพิมพ์งาน เธอพลิกฝ่ามือดู มีรอยแผลบาง ๆ ที่ข้อมือซ้าย ซึ่งเธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยมีรอยนี้ในชีวิตจริง เธอลองกดที่แผลนั้นดูเบา ๆ ก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที

“นี่ไม่ใช่ฝันแน่ ๆ” เธอพึมพำขณะที่สมองเริ่มตื่นตัวเต็มที่

เธอหันมองไปรอบห้อง ห้องนอนที่เธอนอนอยู่นั้นเป็นห้องไม้เก่า ๆ เหมือนกับที่เธอเคยเห็นในละครย้อนยุค เตียงที่เธอนั่งอยู่ปูด้วยผ้าฝ้ายหยาบสีครีม มีกลิ่นอับชื้นเล็กน้อย ผนังไม้มีรอยแต้มสีแดงจาง ๆ ที่ดูเหมือนเปื้อนหมึกแล้วถูกปล่อยให้แห้งกรังมานานแล้ว โต๊ะตัวเล็กมุมห้องมีชามยาสมุนไพรควันลอยกรุ่นและกระจกทองสัมฤทธิ์วางพิงผนังอยู่ข้าง ๆ เธอขยับขาเพื่อลุกขึ้นแต่ชุดผ้าไหมสีครามยาวถึงข้อเท้าที่เธอสวมอยู่พันขาของเธอจนเกือบล้ม

“นี่มันชุดอะไรกันเนี่ย!?” เธอร้องออกมา ขณะที่พยายามคลายชายผ้าที่รัดแน่น

ตึก ๆ ๆ ๆ

เสียงฝีเท้าดังจากด้านนอกประตูไม้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เรียกให้หลินซือหยูตั้งสติได้ หญิงสาวที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผลักประตูเข้ามา เธอถือถาดไม้ที่วางชามยาและผ้าชุบน้ำเข้ามาด้วย พอเธอเห็นว่าคนในห้องกำลังนั่งงุนงงอยู่บนเตียงก็ถึงกับตาเบิกโตด้วยความตกใจ ไม่ต่างอะไรกับซือหยูที่ตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เดินเข้ามาเช่นกัน

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?!” หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนโล่งใจ เธอรีบวางถาดลงข้างเตียงแล้วสาวเท้าเข้ามาดูใกล้ ๆ “ท่านนอนนิ่งไปตั้งสามวันเต็ม ข้านึกว่าท่านจะไม่ฟื้นแล้วเสียอีก”

“คุณหนู?” ซือหยูพูดพลางมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย “หลี่เสี่ยว! นี่ฉันเองไง เล่นอะไรอยู่เนี่ย”

“หลี่เสี่ยวคือผู้ใดเจ้าคะ?” หญิงคนนั้นถามกลับด้วยความงุนงง

“แล้วคุณ... คุณเป็นใครคะ? แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน” ซือหยูมองหน้าหญิงคนนั้นด้วยความงุนงงก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่ก็พอจะเชื่อได้ว่าคนตรงหน้าอาจไม่ใช่เพื่อนรักของเธอ เพราะน้ำเสียงและสำเนียงการพูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

หญิงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ข้าคือเสี่ยวหลาน คนรับใช้ของท่านไงเจ้าคะ ท่านอยู่ที่เรือนของท่านแม่ไงเจ้าคะ”

“ท่านแม่? แม่ฉัน? ใครคือแม่ฉันเหรอ”

“หลินหลานหยิน นายหญิงแห่งตระกูลหลินไงเจ้าคะ” เธอพูดราวกับมันเป็นเรื่องที่ซือหยูควรรู้อยู่แล้ว

“...” ซือหยูเงียบไปชั่วขณะ สมองของเธอพยายามประมวลข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่

“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้เลยนะเจ้าคะ”

ตระกูลหลิน?

เธออุทานในใจพลางมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อสำรวจอีกครั้ง เธอหันไปมองที่กระจกทองสัมฤทธิ์ข้างเตียง และตัดสินใจลุกเดินไปดูด้วยขาที่สั่นเทาอย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพที่สะท้อนกลับมาไม่ใช่ใบหน้าของหลินซือหยูที่คุ้นเคย เงาในกระจกนั้นไม่ใช่สาวผมสั้นยุ่ง ๆ ที่มีรอยคล้ำใต้ตาจากการอ่านหนังสือดึก แต่เป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับภาพวาด ผมยาวสีดำสนิทสยายลงถึงเอว ดวงตาคู่ใหญ่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผิวขาวซีดราวกับหยกและริมฝีปากที่ซีดเผือดราวกับเพิ่งผ่านความตายมา เธอยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้า ความเย็นจากฝ่ามือนั้นทำให้เธอยืนยันได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน

“นี่มันไม่ใช่ฉัน...” ซือหยูพูดออกมาเบาๆ น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว

“คุณหนู...” เสี่ยวหลานเดินเข้ามาใกล้ “ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”

ซือหยูหันไปมองเธอ “ฉัน... ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”

นี่มันไม่ใช่ยุคปัจจุบันแน่ๆ

เธอเลือกที่จะโกหกเพื่อซื้อเวลาต่ออีกหน่อย เธอสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงจี้หยกที่ยังกำแน่นอยู่ในมือขวา มันเย็นเยียบและสั่นเล็กน้อย เธอคลายมือออกดู แสงสีเขียวอ่อน ๆ เล็ดลอดจากรอยสลักตัวอักษร 林 (หลิน) อีกครั้ง

นี่มันพาฉันมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ?

“เธอชื่อเสี่ยวหลานใช่ไหม ฉันมีเรื่องอยากรู้นิดหน่อย” ซือหยูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่กำลังพยายามควบคุมความสับสน “ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ แล้วตอนนี้... อยู่ในรัชสมัยของใคร”

เสี่ยวหลานมองเธอด้วยความงุนงง “คุณหนู ท่านถามอะไรแปลกเสียจริง ที่นี่คือเรือนเก่าของนายหญิงหลานหยิน ก่อนที่จะแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลหลินเจ้าค่ะ และแน่นอนว่าตอนนี้อยู่ในรัชสมัยของจักรพรรดิถังเต๋อจงแห่งราชวงศ์ถังเจ้าค่ะ ท่านไม่ควรลืมเรื่องนี้นะเจ้าคะ”

ซือหยูได้ฟังคำบอกเล่าของเสี่ยวหลานก็รู้สึกถึงความเย็นที่วิ่งจากปลายเท้าขึ้นมาถึงท้ายทอย เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะย้อนเวลามาไกลมากขนาดนี้

“จักรพรรดิถังเต๋อจง!? นั่นมันศตวรรษที่แปดเลยนะ! ฉันย้อนเวลามาอยู่ในสมัยราชวงศ์ถังจริง ๆ เหรอเนี่ย” ซือหยูเคยเรียนวิชาประวัติศาสตร์จีนในมหาวิทยาลัย เธอจำได้ว่าถังเต๋อจงครองราชย์ช่วงคริสตศักราช 779 - 805 เป็นรัชสมัยที่ราชวงศ์ถังเริ่มเสื่อมถอยหลังกบฏอันลู่ซาน ความขัดแย้งในราชสำนักและการกบฏกลายเป็นเรื่องปกติ

นี่ฉันย้อนกลับมากว่าหนึ่งพันสองร้อยปีเลยเหรอ!

เธอครุ่นคิดด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันเธอก็พยายามที่จะซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ ไม่แสดงออกไปให้เสี่ยวหลานเห็น

“ท่านนอนนานจนจำอะไรไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ?” เสี่ยวหลานเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะพูดต่อ “หมอบอกว่าท่านเกือบตายจากยาพิษ ข้าดีใจจริง ๆ ที่ท่านฟื้น คุณหนูหลินซือเยว่”

ซือหยูสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อนั้นก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างไม่ทันได้คิด “หลินซือเยว่? นั่นชื่อฉันเหรอ”

เสี่ยวหลานหัวเราะออกมาเบา ๆ “ท่านล้อข้าเล่นหรือเจ้าคะ แน่นอนว่าท่านคือคุณหนูหลินซือเยว่ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลินเจ้าค่ะ”

นี่ฉันอยู่ในร่างของคนอื่น... แถมยังอยู่ในสมัยถังเต๋อจงอีกเนี่ยนะ!!!

อะไรกันวะเนี่ย!!!!

เสี่ยวหลานหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง ถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มเล่า “สามวันก่อน ท่านไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ขุนนางหลี่แล้วกลับมาด้วยอาการป่วยหนัก หมอบอกว่าท่านถูกวางยาพิษ เป็นพิษของงูเขี้ยวแดงน่ะเจ้าค่ะ ตอนแรกคุณหนูหยุดหายใจไปแล้ว แต่อยู่ดี ๆ คุณหนูก็กลับมาหายใจอีกครั้ง คุณชายใหญ่เลยสั่งให้ข้าดูแลท่านและห้ามบอกใครว่าท่านยังมีชีวิตอยู่” เธอหยุดเล่าชั่วครู่ มองซือหยูด้วยสายตากังวล

“แล้วไงต่อ...”

“ข้าได้ยินว่ามีคนในตระกูลเราเองที่อยากให้ท่านตาย”

ซือหยูได้ฟังก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “คนในตระกูล แล้วจะทำแบบนั้นทำไมกัน”

เสี่ยวหลานส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ แต่คุณชายใหญ่บอกว่าท่านไปรู้ความลับบางอย่างที่ไม่ควรรู้”

“ความลับอะไร”

“เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้อีกเช่นกัน... แต่คุณชายใหญ่บอกแค่ว่ามันอันตราย”

คำพูดนั้นทำให้ซือหยูรู้สึกถึงภาระที่หนักขึ้น เธอมองไปที่ประตูไม้อย่างครุ่นคิด ก่อนจะหลุดปากเอ่ยพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

อันตราย?

ถ้างั้นฉันควรหนีไปจากที่นี่ไหมนะ หรือควรอยู่เฉย ๆ ...

“ฉันว่าฉันต้องออกไปจากที่นี่” เธอพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปยังประตูบานนั้น แต่เสี่ยวหลานก็คว้ามือห้ามเธอไว้

“ไม่ได้เจ้าค่ะ! ถ้ามีคนรู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ปลอดภัยแน่”

ซือหยูหยุดชะงัก เธอมองไปที่เสี่ยวหลาน “แล้วถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อ เธอคิดว่าฉันจะมีโอกาสรอดมากกว่างั้นเหรอ...”

เสี่ยวหลานเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอันเบา “ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ แต่ข้าสัญญาว่าจะปกป้องท่านให้ได้”

ซือหยูรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากคำพูดนั้น แต่ความกลัวยังคงเกาะอยู่ภายในใจ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเงาต้นไม้สูงในป่าที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา

ฉันอยู่ในสมัยถังเต๋อจงจริง ๆ สินะ

เธอพูดกับตัวเองในใจ ขณะที่จี้หยกในมือเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง เธอกำมันแน่นก่อนจะเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “ถ้าฉันย้อนมาที่นี่ได้ แสดงว่ามันต้องมีเหตุผลสิ”

ตึก ๆ ๆ ๆ

“ซ่อนตัวเร็วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวหลานสะดุ้งก่อนจะรีบหันมากระซิบบอกซือหยูด้วยท่าทีตื่นกลัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จากด้านนอกเรือนแล้วรีบดันหลังคุณหนูคนเล็กของบ้านให้เข้าไปหลบอยู่หลังผ้าม่านผืนใหญ่ในห้อง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์ (END)

    แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนระเบียงไม้ของบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ราวกับผ้าคลุมสีเงินที่ทอจากแสงนวลตา ลมเย็นยามค่ำพัดพากลิ่นดอกไม้ป่าและใบไม้จากสวนหลังบ้านมากระทบใบหน้าของหลินซือหยู เธอยืนพิงราวระเบียง มือบางของเธอจับขอบไม้แน่น ขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังดวงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าดำสนิท ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอ อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนขาของเธอยังเกิดขึ้นบ้าง แต่การดูแลของหย่งเฉินและสมุนไพรจากหมอหลวงช่วยให้เธอแข็งแรงขึ้นจนแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ชุดคลุมสีขาวบางของเธอปลิวไสวตามสายลม ผมยาวสีดำของเธอที่ปล่อยสยายลงมาถูกพัดให้ปัดปอยไปตามไหล่ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ และรู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านในอกของเธออยู่ๆ ซือหยูก็นึกถึงจี้หยกที่เคยห้อยคอไว้ เธอยกมือขึ้นแตะที่คอของเธอตามสัญชาตญาณ จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงสีเขียวเข้มนั้นแตกสลายไปแล้วในวันที่เธอใช้มันดูดพิษจากร่างของหย่งเฉิน แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งในยามที่เงียบสงบเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกถึงเงาของมันราวกับมันยังคงส่งพลังบางอย่างมาถึงเธอ ความทรงจำของยุคปัจจุบันผุดขึ้นในหัวของเธอ ทั้งที่มันห่างหายไปนานมากแล้ว ตั้งแต่ที่จี้หย

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 29 คำสัญญา

    แสงแดดยามเย็นระยิบระยับราวทองคำหลอมเหลวสาดส่องลงบนสวนเล็ก ๆ หลังบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ดอกไม้ป่าที่หย่งเฉินปลูกลงดินเมื่อหลายวันก่อนผลิดอกสีเหลืองและสีขาวเล็ก ๆ ลมเย็นยามเย็นพัดผ่านใบหลิวที่ปลูกไว้ริมลำธาร เสียงน้ำไหลดังกรุบกริบกลมกลืนกับเสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว หลินซือหยูนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นหลิว ผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ยังคลุมไหล่ของเธอ ร่างของเธอยังอ่อนอแม้จะผ่านไปหลายวัน อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนและขาของเธอยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางครั้งเมื่อลมเย็นพัดมาแรง ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อจากพิษที่ยังสะสมอยู่ในร่าง แต่ใบหน้าซีดเผือดของเธอกลับมีรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยถังน้ำไม้ที่เขาทำเองจ้าวหย่งเฉินอยู่ในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ผมยาวสีดำของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขามีสีแดงระเรื่อจากแสงแดดยามเย็น บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาก็ยังเคลื่อนไหวด้วยความแข็งแกร่ง เขาหันมามองซือหยูและเห็นรอยยิ้มของเธอ ความอบอุ่นที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นแร

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่

    หลินซือหยูนั่งอยู่บนเกวียนไม้ที่เคลื่อนไปตามถนนดินสีน้ำตาลเข้มนอกเมืองหลัวหยาง ลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ พาเอาดอกไม้ป่ามากระทบจมูก เธอยังรู้สึกถึงความอ่อนแอจากพิษงูเขี้ยวแดงที่ยังหลงเหลือในร่าง ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าง่าย เธอต้องคอยระงับอาการหน้ามืดด้วยการหลับตาและสูดลมหายใจลึก ๆ ทั้งแขนและขาของเธอมีรอยชาที่คอยเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากพิษนั้น แต่หมอหลวงบอกว่าเธอแข็งแรงขึ้นมากแล้ว และหากดูแลตัวเองดี ๆ อาการบางอย่างอาจค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป เธอห่มผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ มีอาการอ่อนล้าจากการเดินทางไกล แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้าใบหน้าคมเข้มของหย่งเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ผมสีดำของเขาที่ถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปลายผมเล็กน้อยที่ปลิวไสวตามสายลม ชุดเกราะที่เขาเคยใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาดูแข็งแรงขึ้นมากหลังจากหยุดพักหลายวัน“ใกล้ถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน“ค

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง

    หลินซือหยูนอนอยู่บนเตียงไม้ในบ้านพักของแม่ทัพจ้าวในเขตขุนนางของเมืองฉางอาน กลิ่นสมุนไพรต้มและกลิ่นไม้ชื้นลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้บางส่วน กระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากด้านนอกผสมกับเสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมา ร่างของเธอยังอ่อนแอจากพิษที่ไหลผ่านเส้นเลือดในวันนั้นบนสนามรบ แม้จี้หยกจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกไป แต่ร่องรอยของพิษจากงูเขี้ยวแดงที่ยังฝังลึกในร่างกายของเธอราวกับเงามืดที่ไม่อาจขจัดออกได้ง่าย ๆเธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากปลายนิ้วไปถึงแขนและขา ความชาที่ลามขึ้นจากฝ่าเท้าจนถึงเข่าทำให้เธอแทบไม่อาจขยับตัวได้โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนเข็มทิ่มแทง แผลที่แขนซ้ายของเธอที่เกิดจากการไหลของพิษนั้นยังคงแดงและบวม รอยสีดำบาง ๆ คล้ายเส้นใยแมงมุมแผ่ออกมาจากแผลนั้น บางส่วนเริ่มหมองลง แต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไป เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ตื้นเขิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า ความร้อนที่แผ่วเบาในอกของเธอเต้นระริกเหมือนไฟที่ยังไม่ดับสนิท และบางช่วงเธอรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผลกระทบระยะยาวจากพ

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก

    หลินซือหยูยืนอยู่ในห้องโถงราชสำนักแห่งเมืองฉางอาน แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม กลิ่นกำยานจากกระถางทองแดงลอยคละคลุ้งในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันฉูดฉาดยืนเรียงแถวสองฝั่ง ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูงที่จักรพรรดิถังเต๋อจงประทับนั่ง จ้าวหย่งเฉินยืนเคียงข้างเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาดใต้ชุดเกราะ เขายืนตัวตรง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังแท่นสูงด้วยความเคารพ“วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ” เขาหันไปกระซิบกับซือหยูด้วยน้ำเสียงทุ้ม ขณะที่บีบมือของเธอเบา ๆซือหยูพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอตามความเคยชิน แต่จี้หยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ย้ำเตือนเธอถึงการเสียสละในสนามรบครั้งที่ผ่านมา เธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่าง แต่มันจางลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกสงบที่เริ่มก่อตัวในอกของเธอ“ใช่ วันนี้เราจะปิดฉากทุกอย่างกัน” เธอมองไปยังหย่งเฉินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง แม

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย

    หลินซือหยูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ซึมผ่านผิวของเธอ ขณะที่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ในโรงหมอสนามใกล้ชานเมืองหลวงฉางอาน กลิ่นสมุนไพรฉุนปนกลิ่นยาต้มลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงตะเกียงสลัวส่องผ่านผ้าม่านหยาบ ๆ ที่กั้นเตียงของเธอ เสียงฝนตกลงมาแผ่วเบาดังจากด้านนอก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากแขนและอก ความทรงจำของสนามรบผุดขึ้นในหัว ลูกธนูพิษที่ปักเข้าที่หน้าอกของหย่งเฉิน เธอใช้จี้หยกดูดพิษออกจากร่างของเขา และจี้หยกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆเธอยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอด้วยความหวัง จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงได้หายไปแล้ว เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คอและหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น “ฉัน... ยังไม่ตาย” เธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่น“ซือหยู!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างเตียง เธอหันไปมองและเห็นจ้าวหย่งเฉินนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำใต้ตาและคราบโคลนที่ยังไม่เช็ดออก บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสีขาวสะอาด เขาดูซีดเผือด แต่ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเมื่อเห็นเธอตื่น“เจ้า... เจ้าตื่นแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านจากความโล่งใจ เขาคว้ามือของเธอแน่นด้วยมือที่หยาบกร้านและเย็

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status