Chapter 3
[3/1] “บัวลงมากินข้าวได้แล้วลูก” บัวแก้วเรียกลูกสาวที่อยู่บนห้อง เพื่อลงมาทานอาหารร่วมกันในช่วงเย็น หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ใยบัวก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องของตัวเอง ผู้เป็นแม่และพี่สะใภ้จะถามถึงอาการป่วยที่ไปหาหมอมาก็ยังไม่ทราบ เพราะหญิงสาวรีบเดินขึ้นห้องไปเลย โดยที่ไม่บอกกล่าวให้คนเป็นห่วงได้รับรู้ สักพักใยบัวก็เดินลงมาตามเสียงที่บัวแก้วเรียกให้ลงมาทานอาหาร ใจจริงเธอยังไม่มีอารมณ์อยากทานอะไรด้วยซ้ำ ทว่าพอนึกถึงคำที่หมอบอกว่าเด็กในท้องควรได้รับสารอาหารที่ดีและเพียงพอ มันทำให้เธอต้องนึกเห็นแก่ลูกขึ้นมา “เออนี่บัว ตกลงไปหาหมอแล้วเป็นยังไงบ้าง ห้ะ?” บัวแก้วถามลูกสาวขณะที่มือก็ยังตักข้าวใส่จานให้คนมาใหม่ไปด้วย “แค่นอนดึก และก็เพลียสะสมน่ะแม่” จะให้เธอตอบว่าตัวเองท้องมันก็คงจะพูดไม่ได้ “แม่บอกแล้ว ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องแวะไปช่วยที่ร้านก็ได้” “จริงบัว พี่ว่าช่วงนี้บัวดูเครียดๆ นะ ที่ทำงานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ยี่หวารู้สึกได้ว่าน้องสามีดูแปลกไปจากเดิม ช่วงนี้มีถ้าเลิกจากงานหรือวันหยุด ก็จะเห็นขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ยอมลงมาหยอกล้อเล่นกับหลานตัวน้อยเหมือนอย่างเคย ระหว่างนั่งทานอาหารบนโต๊ะกันอยู่ 3 คน กับอีกหนึ่งชีวิตตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในเปล ความเงียบก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อบนโต๊ะใยบัวเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น ส่วนผู้ใหญ่อีก 2 คน ได้มองกระทำของร่างบางอย่างสงสัย “แม่ ....พี่ยี่หวา” “ว่าไง มีอะไรบัว?” ยี่หวาวางช้อนลงมองหน้าน้องสาวอย่างต้องการคำตอบ อยากจะรู้ว่าคนตรงหน้านี้คิดอะไรอยู่ ทำไมช่วงนี้ถึงได้ดูเปลี่ยนไป เหมือนคนคิดมากอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ “ฉันคิดว่าอยากลาออกจากงานที่นี่จ้ะ” “ห๊ะ!? // ทำไมหรอบัว?” บัวแก้วและยี่หวาต่างก็ต้องตกใจกับประโยคที่ใยบัวบอก จู่ๆ บอกจะลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยบ่นเรื่องทำที่งานให้ฟังสักครั้งเดียว “แกมีปัญหาอะไรรึเปล่าบัว?” แม่ของเธอถามเพราะคิดว่าช่วงนี้ลูกสาวดูซึมๆ ไป อาจจะเป็นเรื่องงาน “คือเพื่อนสมัยเรียนที่มหาลัย เค้าชวนฉันลงไปทำงานที่ภูเก็ตจ้ะแม่ ฉันก็เห็นว่ารายได้มันดีกว่า และอีกอย่างมันก็ตรงสายกับที่ฉันเรียนมา แม่คิดว่ายังไงจ๊ะ ถ้าเกิดฉันอยากจะไปทำงานที่นั่น” ความจริงไม่มีหรอกเพื่อนสมัยที่เรียนด้วยกันจะชวนไปทำงานที่นั่น นอกจากมาร์วินและปิ่นหยกแล้ว ใยบัวก็แทบจะไม่รู้จักเพื่อนคนไหนอีกเลย เพราะด้วยนิสัยที่เข้าสังคมไม่เก่งของเธอ สมัยเรียนตอนนั้นพอเรียนเสร็จก็ทำงานพาร์ทไทม์ เธอเป็นติวเตอร์สอนพิเศษเด็กนักเรียน แทบจะไม่มีเวลาไปสังสรรค์ที่ไหนกับใคร พอจบมาก็กลับมาทำงานใกล้บ้านอีก ชีวิตที่ผ่านมาของเธอมีหลายคนที่บอกว่า เธอใช้ชีวิตการเป็นวัยรุ่นไม่คุ้มด้วยซ้ำไป ทว่าใยบัวก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดเหล่านั้น เพราะเธอก็มีความสุขดีอยู่แล้วกับการเป็นตัวเองแบบนี้ “แล้วจะไปอยู่ยังไง กับใคร บัวไม่เคยไปไกลขนาดนั้นเลยนะ จะอยู่ได้หรอ?” ยี่หวาถามน้องสาว ถึงแม้ยี่หวาจะเป็นแค่พี่สะใภ้ แต่เธอเองก็อยู่บ้านนี้มานานนับ 7 ปี ตั้งแต่แต่งงานกับพี่ชายของเธอ ยี่หวาเองก็เป็นห่วงน้องสาวคนนี้ไม่ต่างจากบัวแก้วเลย “พี่กับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ฉันสัญญาระหว่างอยู่ที่นั่นฉันจะโทรหาตลอด ถ้าว่างฉันจะมาหาแน่ๆ ให้ฉันไปเถอะนะ” ใครจะอยากจากบ้านไปไกลขนาดนั้น โดยเฉพาะคนอย่างใยบัว แต่ด้วยสถานการณ์มันบังคับให้เธอต้องทำแบบนั้น เพราะถ้าไม่ทำแล้วยังฝืนอยู่ที่นี่ต่อไป คนที่จะเดือดร้อนคนแรกเลยก็คือแม่ของเธอ จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านขนาดไหน หากลูกสาวดันท้องไม่มีพ่อเด็กมารับผิดชอบ และถ้าฝืนอยู่ต่อไปก็ยิ่งจะมีคนซักไซ้ถามอีกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องมันก็ยิ่งจะวุ่นวายไปกันใหญ่ จะให้เธออยู่ที่นี่ต่อ แล้วบอกว่าคนที่ทำเธอท้องก็คือสามีของเพื่อนเธออย่างนั้นหรือ เธอขอเป็นฝ่ายไปเองคงจะง่ายกว่า “แม่คงห้ามแกไม่ได้หรอก แกโตแล้วคิดจะทำอะไรตัดสินใจให้ดี ถ้าแกบอกว่างานที่นั่นมันดีกว่า แม่ก็ไม่ขัด แต่แกจะอยู่ได้แน่หรอ? เมืองท่องเที่ยวแบบนั้นมันจะไม่อันตรายเกินไปรึไง ห๊ะ?” บัวแก้วเลี้ยงลูกมา 2 คน คนโตก็ทำงานห่างไกลกว่าจะมีเวลากลับมาบ้าน ทิ้งไว้แค่ลูกและภรรยาอยู่กับเธอ ส่วนลูกสาวอีกคนกำลังจะไปทำงานอยู่ห่างไกลกันอีก ถึงผู้เป็นแม่จะไม่ขัดขวางแต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะให้ลูกไปไหนไกลจากเธอ “นั่นน่ะสิ ถ้าเกิดบัวอยากหางานที่มันตรงสาย พี่ถามเพื่อนพี่ให้ได้นะ อยู่แถวบ้านเราเลย น่าจะดีกว่าอีก” ยี่หวาพี่สะใภ้ก็ช่วยพูดหาทางออกให้ เผื่อใยบัวอยากจะลองคิดใหม่ “ไม่เป็นไรจ้ะพี่ยี่ ฉันตอบตกลงเพื่อนไปแล้วด้วย บริษัทของเขากำลังโตไปได้ดี เขาต้องการพนักงานด่วนมากเลยจ้ะ” “แล้วบริษัทอะไรล่ะ ที่แกจะไปทำเนี่ย” “เป็นบริษัทเกี่ยวกับสตาร์ทอัพน่ะแม่ มีนักลงทุนต่างชาติด้วย ช่วงนี้ภูเก็ตกำลังบูม” ใยบัวไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะต้องมานั่งคุยสร้างเรื่องโกหกคนเป็นแม่แบบนี้ ถ้าพระท่านจะลงโทษก็ขอให้ลงโทษเธออย่างหนัก จะยอมรับและไม่ขัดขืน เพราะบาปที่ก่อไว้ในวันนี้คงจะหนักหนามาก ถึงขนาดที่ทำให้บัวแก้วต้องเป็นห่วงลูกสาวอย่างเธอ “อืมๆ ก็แล้วแต่แกเห็นว่าดีก็แล้วกัน แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ แม่กับพี่จะได้หาวันว่างไปส่ง” “เอ่อ... ไม่ต้องจ้ะแม่ ฉันไปเองได้ อีกอย่างมันก็ไกลขับรถไปกลับคงเหนื่อย คอปเตอร์ก็ยังเด็กอยู่เลยถ้าพี่ยี่ขับไปส่งฉัน หลานก็คงจะเหนื่อยไปด้วย” หลังจากวันนั้นที่ได้บอกกับครอบครัวแล้ว วันถัดมาใยบัวก็ไปยื่นใบลาออกจากที่ทำงานเลย แม้ว่าทุกคนจะตกใจและมึนงงว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากเพียงแค่บอกว่าได้งานทำใหม่ที่ถูกใจมากกว่า ส่วนแม่ของเธอและพี่สะใภ้ ก็ได้รับปากกับหญิงสาวไว้ว่าจะไม่บอกใครว่าเธอจะไปอยู่ไหน ตอนแรกทั้งสองคนก็งงว่าทำไมต้องไม่ให้บอกใคร ทว่าใยบัวก็ไม่ได้ให้เหตุผลหรืออธิบายให้พวกเธอเข้าใจแต่อย่างใด ร่างบางขนของขึ้นรถยนต์ของเธอเรียบร้อยตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว โดยมีแม่และพี่สะใภ้ช่วยจัดการ บัวแก้วแอบขัดใจเล็กน้อยที่ปล่อยให้ลูกสาวขับรถลงใต้คนเดียว ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะขับรถไปส่งเองด้วยซ้ำ แต่ติดที่ว่าเธอขับรถไม่เป็น จึงทำอะไรไม่ได้เลย ใยบัวขับรถมาเรื่อยๆ มีจอดแวะพักบ้างตามปั๊มถ้าหากเกิดอาการเวียนหัวหรืออยากอาเจียน อาการแพ้ท้องของเธอยังคงมีอยู่ ทว่าพอทานยาที่หมอคนสวยจัดให้มาก็พอจะบรรเทาได้บ้าง เธอไม่รู้ว่าจุดหมายของเธอจะไปที่ตรงจุดไหนของภูเก็ต ที่บอกแม่กับพี่สะใภ้ไปแบบนั้นก็แค่พูดไปส่งๆ งานที่บอกว่าจะมาทำก็ไม่มีอยู่จริง แค่อุปโลกน์ขึ้นมาให้คนที่บ้านสบายใจก็เพียงแค่นั้น เพียงแค่อยากจะหนีมาจากความจริงที่เจ็บปวด มันทำเธอให้ต้องดิ้นรนหอบลูกมาไกลถึงต่างจังหวัด ซึ่งความลำบากของการขับรถมาคนเดียวก็คืออุปสรรคของการแพ้ท้องนี่แหละ ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องขับรถมาด้วย ก็เพราะว่าเธอจำเป็นต้องใช้มันต่อ หากเดินทางไปโรงพยาบาลฝากท้องก็จะได้สะดวกมากขึ้น ยิ่งถ้าได้งานทำที่นั่นจริงๆ เธอก็ยังมียานพาหนะขับขี่ให้สะดวกขึ้นไปอีก เงินเดือนที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตเป็นมูลค่า 6 หลักในบัญชี ซึ่งสำหรับเธอก็ถือว่ามากแล้ว ด้วยความที่เป็นคนมัธยัสถ์เป็นทุนเดิม บวกกับที่ไม่มีภาระส่งเสียแม่ของเธอ เพราะบัวแก้วไม่คิดอยากจะแบมือของเงินลูกเลยแม้แต่บาทเดียว เธอยังพอมีรายได้จากการขายของทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นเงินเก็บของใยบัวจึงพอมีมาตั้งหลักอยู่บ้างSpecial X[ปกป้อง x ใยไหม]บอสตัน เป็นเมืองที่มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมากกว่าร้อยแห่ง มีนักเรียนต่างชาติมากกว่าหลักแสนคน เมืองนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีการศึกษาดีที่สุดของโลก และยังเป็นเมืองที่สร้างโอกาสในการทำงานให้แก่เหล่านักเรียนอีกมากมายแน่นอนว่าในบรรดานักธุรกิจในเมืองไทยหลายต่อหลายคน ล้วนอยากส่งเสริมให้ลูกของตนเองนั้นได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และหนึ่งในตัวเลือกหลักของคนกลุ่มนี้ก็มักจะส่งลูกตนเองมาเรียนกันที่นี่" ปก ดูสิ ตอนนี้ชุดของเพชรเปื้อนไปหมดแล้วเนี่ย เพราะยัยบ้านนอกนั่นคนเดียวเลย เจอกันในคลาสก็ทำให้ฉันหงุดหงิดแล้วนะ นี่ยังจะมาเจอกันข้างนอกอีก หึ่ยย!"สาวสวยร่างระหงรีบกอดแขนออเซาะเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากที่ตัวเองโดนผู้หญิงอีกคนซุ่มซ่ามทำน้ำกาแฟหกเลอะใส่ตัวน้ำเพชรเป็นหญิงสาวชาวไทยที่เติบโตในต่างแดน หล่อนย้ายมาอยู่กับครอบครัวตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว ทั้งชีวิตของหล่อนได้รับการศึกษาที่ดีจากเมืองนี้มาโดยตลอดจนกระทั่งหล่อนโต ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่บอสตันอีกเช่นเคย เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หล่อนก็แยกย้ายจากเพื่อนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกันสมัยไฮสคูล จะเหลือก็แต่ ‘ปกป
Special IXpart 2“เข้ามาก่อนก็ได้ครับ” ชลกันต์บอกคนที่เอาแต่ยืนนิ่งเข้าทรงอยู่หน้าประตู ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงและเริ่มขยับตัวตาม“ขอโทษค่ะ รักไม่รู้ว่าอาจารย์หมอมีแขก”ใยบัวมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกันกับผ้าเช็ดหน้าที่เธอคนนี้ถืออยู่ ผ้าผืนนั้นมันคือผืนที่เธอเป็นคนซื้อให้สามีเอง แล้วที่เธอบอกว่าหมอกันต์ลืมเอาไว้ในกระเป๋าของเด็กผู้หญิงตรงหน้า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน นี่สามีเธอกลายเป็นคนขี้ลืมของไว้ในกระเป๋าคนอื่นได้ด้วยงั้นเหรอ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณ...?”“รักค่ะ คุณคงจะเป็นภรรยาของอาจารย์หมอใช่ไหมคะ? ตัวจริงสวยกว่าในรูปในกระเป๋าตังค์ของอาจารย์อีกนะคะเนี่ย”“กระเป๋าตังค์?” ใยบัวยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ขณะที่เด็กผู้หญิงคนนี้ยังยืนพูดอยู่ กลิ่นน้ำหอมของเธอถูกพัดโชยเข้ามาเตะปลายจมูก กลิ่นนี้ที่ใยบัวเคยได้สัมผัสมันมาก่อน มันคือกลิ่นเดียวกันกับที่เคยติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตที่เคยซักให้สามี และเมื่อครู่นี้ผู้หญิงคนนี้ยังบอกอีกว่าเคยเห็นรูปของเธอในกระเป๋าเงินของสามีเธออย่างนั้นเหรอเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?ใยบัวเปลี่ยนอิริยาบถการนั่ง ก่อนจะเดินเข้าหาสามี เธอแตะไหล่หนาเอาไว้มั่นมือ จากนั
Special IXpart 1“สวัสดีค่ะคุณบัว …แต่งตัวสวยจังเลยนะคะ ดึกแล้วแท้ๆ” นางพยาบาลสาวสวยที่รับหน้ามี่ประจำหน้าห้อทักทายขึ้น เมื่อเห็นว่ามีแขกคนสำคัญของเจ้าของห้องนี้มา“ขอบคุณค่ะ คุณฝน พอดีบัวคิดว่าคุณหมออยู่เวรดึกน่าจะหิว บัวก็เลยทำกับข้าวมื้อดึกแล้วก็รีบเอามาให้ค่ะ”เธอถือปิ่นโตใบเล็กยกขึ้นเล็กน้อยขณะที่คุยอยู่กับพยาบาลหน้าห้องของสามี อันที่จริงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าต่อให้ตนเองไม่ทำมา อย่างไรซะสามีของเธอก็ออกไปหาอาหารทานข้างนอกได้อย่างสบายอยู่แล้ว แต่ที่อุตส่าห์ทำมื้อดึกมาให้เขาตอนนี้ ก็เพราะว่าอยากมาให้เห็นกับตาตัวเองมากกว่า ว่าเรื่องที่เธอสงสัยอยู่มันเป็นมาอย่างไรกันแน่“แหม…. ช่างเป็นภรรยาที่เอาใจใส่มากเลยนะคะ แต่คุณบัวคงมาช้าไปแล้วมั้งคะ”“?” ใยบัวยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเครื่องหมายคำถาม ขณะที่พยาบาลสาวพูดให้เธอได้เกิดความสงสัย“ก็คุณหมอน่ะ เพิ่งจะเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่งกับน้องรัก เมื่อตะกี้นี้เองค่ะ”“รัก?” เธอไม่คุ้นหูกับชื่อนี้มาก่อนเลย“อ๋อ ก็น้องต้องรัก ที่เป็นเด็กเอ็กเทิร์นของแผนกเราน่ะค่ะคุณบัว คนนี้เก่งใช้ได้เลยนะคะ…. ถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่ได้คำชื่นชมจากปากคุณหมอกันต์ง่ายๆ หรอกค่ะ ค
Special VIIIหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงกลางวันไปแล้ว ก็ถึงเวลาส่งลูกเข้านอนที่ห้องพักของพี่เลี้ยงที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เด็กๆ ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้นอนกับนภา เพราะที่ผ่านมานภาจะมาทำงานที่บ้านของเจ้านายเฉพาะช่วงตอนกลางวันเท่านั้น เธอทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นโอกาสที่จะได้นอนกับพี่เลี้ยงในค่ำคืนนี้จึงเป็นคืนพิเศษสำหรับเด็กน้อยทั้งสอง“ป้าภาขา~ วันนี้น้องไหมจะนอนฝั่งนี้นะคะ” พอเข้ามาห้องของพี่เลี้ยงแล้ว เด็กหญิงก็รีบอุ้มตุ๊กตากระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงทางฝั่งที่ตัวเองได้เลือกเอาไว้เลย“แอร๊~ อี่ๆ” ส่วนเจ้าหนูใยแก้วก็ไม่น้อยหน้าพี่สาวเลย แม้จะยังไม่ประสีประสาอะไร ทว่าก็ยังอยากจะสื่อสารออกมาเหมือนคนอื่นๆ และเมื่อเห็นพี่สาวขึ้นไปนอนบนเตียงบ้าง ใยแก้วก็อยากจะทำเหมือนอย่างพี่สาว โดยที่ชี้นิ้วเล็กๆ ไปทางอีกฟากมุมของเตียง เป็นการสื่อว่าเจ้าหนูตัวน้อยอยากจะได้พื้นที่ตรงนั้นคนมาส่งเด็กทั้งสองอย่างใยบัวถึงกับอดขำเจ้าตัวแสบไม่ได้ ใยแก้วกำลังมีพฤติกรรมเลียนแบบพี่สาวของตัวเอง ไม่ว่าใยไหมจะทำอะไรหรือพูดอะไรน้องสาวของเธอก็มักจะทำตามเสมอ“บัวฝากด้วยนะคะพี่ภา”“ได้เลยค่ะ คุณบัวไม่
Special VIIชลกันต์ทำตามที่ตนเองรับปากกับลูกเมียเอาไว้ได้อย่างที่พูดจริงๆ เพราะวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะได้เดินทางไปเที่ยวจริงๆ แล้ว เด็กหญิงใยไหมดูเหมือนจะดีใจมากเป็นพิเศษเพราะนานๆ ทีจะได้ไปเปิดหูเปิดตาไกลบ้านตัวเองคราวนี้ชลกันต์ถึงขั้นให้โบนัสพี่เลี้ยงเด็กอย่างนภาเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ รวมทั้งที่พักแบบฟรีๆ ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากกลัวว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยหากทั้งเที่ยวและยังต้องดูแลลูกน้อยทั้งสองอีก ดังนั้นการพาพี่เลี้ยงเด็กไปด้วยอาจจะเป็นผลดีมากกว่าส่วนเด็กหญิงใยแก้วที่ยังไม่ประสีประสาอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ใหญ่จะพาตนเองไปไหน เพียงแต่เห็นพี่สาวมีท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกหน้า เห็นดังนั้นแล้วก็อดตื่นเต้นตามพี่สาวไม่ได้“คิกกๆ คูมแม่ขา~ ทำไมเยาต้องขึ้นเครื่องบินไปคะ? ทำไมเยาไม่ยั่งยดไปอ่า” เด็กหญิงใยไหมหยุดสนใจไอศกรีมในมือของตัวเองก่อนจะตั้งคำถามที่ยังสงสัยมานานแล้ว“เรานั่งรถไปไม่ได้หรอกนะคะ มันไกลมากกก”“ใช่แล้วจ้ะใยไหม” พี่เลี้ยงเด็กพูดเสริมคุณแม่ของเด็กตัวน้อย“ใช่ครับลูก ที่ที่เราไปมีแต่ทะเลภูเขาล้อมรอบ พ่อขับรถไปเองไม่ไหวหรอกนะครับ”“อ๋อออ อย่างงั้นเองหยอ”“ครับ”ชลกันต์นึกขำก
Special VIหลายวันถัดมาหลังจากที่ชลกันต์กลับบ้านดึกวันนั้น ใยบัวก็เริ่มตงิดในใจมากขึ้นแล้ว วันนี้โชคดีที่ใยไหมไปโรงเรียนและเจ้าตัวเล็กก็ไปนอนกับคุณยายที่จันทบุรีแล้ว กว่าจะกลับกรุงเทพฯ ก็น่าจะตอนเย็นเลยคุณแม่ลูกสองจึงถือโอกาสเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยภายในโรงพยาบาลของสามี อันที่จริงในวันแต่งงานนอกจากสินสอดทองมั่นที่เธอควรจะได้แล้ว คุณหญิงและท่านผู้ว่าฯยังมีเมตตากรุณายกหุ้นส่วนในเครือโรงพยาบาลในเธอได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมอีก ซึ่งเธอเองก็ซาบซึ้งน้ำใจของพ่อกับแม่สามีเป็นอย่างมากวันนี้ร่างบางแต่งตัวด้วยชุดออกแนวเป็นทางการสักหน่อย เพราะมีคุยธุระกับคุณหญิงวิมลรัตน์และคุณหมอตุลา เรื่องสาขาในเครือที่ต่างจังหวัดอีกด้วย เพราะเห็นว่าจะลงทุนซื้อเครื่องมือการแพทย์แบบใหม่เพิ่มอีกทุกสาขาดังนั้นในฐานะหุ้นส่วนสำคัญที่เจ้าของโรงพยาบาลให้เกียรติคนอย่างเธอก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อีกทั้งถ้าหากเด็กน้อยที่บ้านโตขึ้นจนดูแลตัวเองกันได้แล้ว เธอก็อยากจะเข้ามาทำงานช่วยกิจการครอบครัวบ้าง“หนูบัวจ้ะ แม่คิดว่าเครื่องมือแพทย์ของบริษัทที่ตาตุลย์เสนอมาให้มันก็ราคาค่อนข้างสูงมากเลยนะ หรือหนูคิดว่าไง?” แม่สามีทั