สนามบินจินหลิงขณะที่เครื่องบินลงจอดชายหนุ่มสวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะปรากฏตัวที่อาคารผู้โดยสารชายหนุ่มคนนี้คือฉู่เฉินเมื่อมาถึงจินหลิงแล้ว นอกจากบัตรเครดิตฉู่เซี่ยงตงยัดใส่มือเขาแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้พกกระเป๋าเดินทางอื่น ๆ มาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรอรับสัมภาระเขาปรากฏตัวตรงในอาคารผู้โดยสาร พร้อมที่จะขึ้นรถบัสของสนามบินและออกไป"สุดหล่อ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างๆฉู่เฉินหันไปมองและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัย แว่นกันแดดและหมวกแก๊ป สวมเสื้อผ้าจัดเต็มแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนในฤดูร้อนก็ตามและกำลังจ้องมาที่เขา ฉู่เฉินมองไปรอบ ๆ พร้อมชี้ไปที่ตัวเองนอกจากเขาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่รอบๆ แล้ว เพราะผู้โดยสารคนอื่นๆ กำลังรอรับกระเป๋ากันอยู่“ใช่แล้ว คุณนั่นแหละสุดหล่อ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม!”เสียงของผู้หญิงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน“คุณต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร?” ฉู่เฉินไม่ปฏิเสธทันที“คุณช่วยฉันยกกระเป๋าหน่อยได้ไหมคะ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดและล้วงตั๋วออกมาจากกระเป๋า“ทำไมคุณไม่เอามันเองล่ะ? ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายใช่ไหม?” ฉู่เฉินขมวดคิ้วเ
ฉู่เฉินก้มลงสำรวจดูตัวเอง ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติกับชุด แล้วทำไมถึงกล่าวหาว่าแต่งกายไม่เหมาะสม?"เขาเป็นเพื่อนของฉัน"โชคดีที่หลินอีนัวเข้ามาขัดอย่างรวดเร็วด้วยการโชว์บัตร ทำให้ไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไป“ขอโทษครับ เชิญทางนี้ครับ!” เมื่อเห็นบัตรสีดำ บริกรก็ขอโทษทันทีและเดินนำทางพวกเขาเข้าไปนี่เป็นบัตรสีดำที่ออกร่วมกันจากธนาคารขนาดใหญ่ทุกแห่งในต้าเซี่ย ซึ่งมีสิทธิ์พิเศษในการรูดบัตรโดยไม่จำกัดวงเงิน ไม่ใช่แค่ใช้จ่ายได้ในร้านอาหารเท่านั้น แม้แต่โรงแรมสี่ฤดูก็ยังสามารถซื้อได้ด้วยโดยเลือกโต๊ะที่ติดหน้าต่าง ซึ่งทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และยังอยู่ตรงหัวมุมอีกด้วยหลินอีนัวยื่นเมนูให้ฉู่เฉิน “สั่งอะไรก็ได้ที่คุณต้องการค่ะ”“ข้าวผัดไข่” ฉู่เฉินพูดออกมาสามคำ โดยที่ไม่ได้ดูเมนู“อืม….ได้ค่ะ ข้าวผัดไข่สองจาน” หลินอีนัวพูดกับบริกรไม่มีใครเคยสั่งแค่ข้าวผัดไข่ที่นี่มาก่อนเมื่อพบกับฉู่เฉินเป็นครั้งแรก หลินอีนัวเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไม่ได้ระวังตัว และได้ถอดอุปกรณ์ปลอมออกทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามก็ถูกเปิดเผย ในขณะที่ถอดหมวกออกนั้น ผมยาวสีเข้มของเธอก็หล่นลงมาพาดไหล่และบ่า ท
“แก แกพูดว่าอะไรนะ? ไหนพูดอีกครั้งสิ” นายน้อยหยางแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน“ฉันบอกว่าออกไปให้พ้นหน้าฉัน ได้ยินชัดหรือยัง?” ฉู่เฉินจ้องมองนายน้อยหยางแล้วพูดอีกครั้ง“ไอ้หน้าอ่อน รนหาที่ตายซะแล้ว! ในจินหลิงไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนั้น แกเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้าย ฉันอยากให้แกตาย!” นายน้อยหยางตะโกนใส่หน้าฉู่เฉิน ฉู่เฉินตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการตบหน้านายน้อยหยาง"เพี้ยะ"เสียงตบดังก้องไปทั่วทั้งร้านอาหาร“แก แกกล้าตบฉันเหรอ?” นายน้อยหยางกุมหน้าที่ถูกตบไว้ “หวังลี่ ฆ่ามัน!”หวังลี่เป็นชื่อของชายที่ยืนอยู่ข้างหลังนายน้อยหยางเมื่อได้ยินคำสั่งของนายน้อยหยาง หวังลี่ก็ไม่ลังเล เอื้อมมือไปที่เอวแล้วดึงปืนพกออกมา“ฉู่เฉิน ระวัง!” หลินอีนัวตะโกนออกด้วยความตกใจ"ปัง!"หวังลี่ยิงปืนออกมา!เสียงปืนดังก้องไปทั่วร้านอาหาร"มีคนฆ่ากัน!"ทันใดนั้น ลูกค้าในร้านอาหารก็เหมือนมดรังแตก ต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดมีเพียงนายน้อยหยางเท่านั้นที่ยังจ้องไปที่ฉู่เฉิน“ไอ้เด็กนรก แกยังไม่ตายอีกเหรอ!”นายน้อยหยางตกใจมาก เขาเห็นฉู่เฉินหยุดกระสุน โดยคีบไว้ระหว่างนิ้ว“คีบกระสุนด้วยมือเปล่า แกเป็นนักสู้โบร
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลยค่ะ ฉู่เฉิน เอางี้ไหมฉันไปส่งคุณที่สนามบินเดี๋ยวนี้เลย คุณควรรีบออกจากจินหลิงนะคะ เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉัน ที่ทำให้คุณอยู่ตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างน้อยฉันก็เป็นบุคคลสาธารณะ ตระกูลหยางคงไม่แตะต้องฉันท่ามกลางสายประชาชนเป็นแน่ เพียงแต่คงไม่สามารถมีอิสระได้เหมือนตอนนี้อีก" หลินอีนัวคิดทบทวนอยู่สักพัก ทำได้เพียงช่วยเหลือฉู่เฉินหลบหนี“ไม่จำเป็น แค่ไปส่งฉันที่ริมถนนก็พอ” ฉู่เฉินพูดอย่างส่งๆ และไม่มีท่าทางที่กังวล“คุณไม่กลัวตายจริงๆเหรอ?” หลินอีนัวยังคงกังวล“คนที่ควรกังวลก็คือพวกเขา!” ฉู่เฉินพูดขณะที่ก้าวเท้าลงจากรถ และไม่ได้อธิบายต่อ“เห้อ เอาที่สบายใจเลย” หลินอีนัวคิดในใจ รู้สึกว่าแม้ว่าเหตุการณ์นี้เธอจะเป็นต้นเหตุ แต่ก็ทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ก็ตามหลังจากแยกกับหลินอีนัวแล้ว ฉู่เฉินก็ได้กลับไปที่โรงแรมสี่ฤดูฉู่เฉินกลับมาที่นี่ เพราะเชื่อว่าไอ้หยางเจี้ยนอะไรนั่นจะกลับมาอย่างแน่นอน“จองห้องพัก” ฉู่เฉินดึงของสิ่งเดียวที่เขามีออกมา นั่นก็คือบัตรเครดิตพนักงานต้อนรับไม่สนใจ จนกระทั่งเงยหน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉู่เฉินก็มาถึงย่านที่อยู่อาศัยหรูหราเขาสัมผัสได้ว่าลมปราณเหลืออยู่ที่เขาเป่ามนต์ใส่ไว้ก่อนหน้านี้ อยู่ในระแวกชุมชนนี้ฉู่เฉินไม่ได้ทําให้ใครตกใจ แอบเข้าไปในชุมชนอย่างลับ ๆในวิลล่าสุดหรู ชายและหญิงสี่หรือห้าคู่รวมตัวกันในสระว่ายน้ำหยางเจี้ยนกำลังอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่มีแต่ความเย่อหยิ่ง ตอนนี้เขาดูเหมือนคนรับใช้มากกว่า“พี่ฮวา ปาร์ตี้ที่ผมจัดเป็นยังไงบ้าง?” หยางเจี้ยนกำลังประจบประแจงกับผู้ชายคนหนึ่งขณะรินเครื่องดื่มผู้ชายที่แขนข้างหนึ่งโอบเอวของผู้หญิงเอาไว้ และอีกข้างถือแก้วเครื่องดื่ม "ไม่เลวเลย หยางเจี้ยน ต้องบอกว่านายใช้ได้เลย ไม่เหมือนพวกเราที่ถูกผู้อาวุโสกดดันให้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"“พี่เฉาอวิ๋นถ่อมตัวเกินไปแล้ว ทุกคนล้วนมีแรงบันดาลใจ ผมเองก็อยากจะเป็นปรมาจารย์วรยุทธเหมือนพวกคุณเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ฝึกฝนมาตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้นผมจึงต้องค้นหาเส้นทางอื่น” หยางเจี้ยนฝืนยิ้มออกมา“ค่าใช้จ่ายในการเชิญคนดังเหล่านี้มาในครั้งนี้ ฉันก็จ่ายไปค่อนข้างสูงเช่นกัน”“ฮ่าๆ เป็นเพราะหยางเจี้ยนผู้รู้วิธีจัดการสิ่งต่างๆ ถ้าไ
“แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์ฉู่แห่งหนานเจียงอะไรนั่น แต่เมื่อพวกเราสี่คนร่วมมือกันก็ต้องวิ่งหนีเท่านั้น!”……"ก็ฉันนี่แหละ!" ฉู่เฉินพูดเรียบๆ ออกไปทันทีที่คำพูดจบลง ทั้งสี่คนก็มองหน้ากัน“ฮ่าๆ ขำจนท้องแข็งแล้วนิ พอแกอยู่ที่จินหลิง ก็บอกว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ฉู่ ฮ่าๆ แกรู้ไหมว่าถ้ามีคนมาได้ยินเข้า เพียงไม่กี่นาที ก็จะมีปรมาจารย์วรยุทธจำนวนหนึ่งตามไล่ล่าแก”“ฮ่าๆ แม้ว่าฉันจะบอกแกไปแต่แกคงจะไม่เข้าใจ งั้นเอางี้ฉันจะอธิบายแกแบบนี้แล้วกัน แม้ว่าจินหลิงและหนานเจียงจะอยู่ห่างกันหลายพันกิโลเมตร แต่ก็มีคนจำนวนมากมุ่งหน้าจากที่นี่ไปหนานเจียง เพื่อเหตุผลเดียวซึ่งก็คือการเด็ดหัวของปรมาจารย์ฉู่คนนั้น”“ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าคนทรงอำนาจคนไหนที่อยู่เบื้องหลังปรมาจารย์ฉู่ จินหลิงคงเปิดการโจมตีแบบเต็มรูปไปนานแล้ว”เมื่อพูดถึงคนทรงอำนาจคนนั้น เฉาอวิ๋นก็หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ตอนนี้ ค่าหัวมีมูลค่าถึงห้าหมื่นล้าน!”เมื่อพูดถึงเงินจำนวนนั้น แม้แต่เฉาอวิ๋นก็กลืนน้ำลาย แน่นอนว่าจำนวนเงินนี้ดึงดูดใจใครๆ หลายคน“ยังไงก็ตาม เนื่องจากแกเป็นคนที่ตลก แค่คุกเข่าขอโทษและใ
ในที่สุดซุนซิงเจี๋ยก็จำได้ว่าเคยเห็นฉู่เฉินที่ไหนมาก่อนบรรพบุรุษมีรูปวาดเสมือนของเขา ตอนที่อายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปีอยู่ในมือ!แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานถึง 12 ปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ก็ยังสามารถเห็นความคล้ายคลึงบางอย่างได้ในขณะนี้ มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เข้ามาในหัวของซุนซิงเจี๋ย: "วิ่ง!"จำเป็นต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ และกลับไปหาตระกูล เพื่อแจ้งข่าวให้บรรพบุรุษทราบโดยเร็ว!การมาถึงของฉู่เฉินที่จินหลิงโดยลำพัง นั่นถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการกำจัดเขาตราบใดที่ฆ่าเขาได้ เรื่องทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติ!ฉู่เฉินมองเห็นปฏิกิริยาตอบกลับของทั้งสี่คนจู่ๆ ฉู่เฉินก็ปรากฏตัวต่อหน้าซุนซิงเจี๋ย“นายจำฉันได้แล้ว?” รอยยิ้มของฉู่เฉิน ดูเหมือนปีศาจร้ายจากสายของซุนซิงเจี๋ย"ไม่ ไม่นะ ไม่เลย" ในตอนนี้ซุนซิงเจี๋ยไม่สามารถพูดเป็นคำได้เลย“งั้นทำไมนายต้องกลัวขนาดนั้น?”“ฉัน ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้กลัว แกแข็งแกร่งกว่าฉัน ฉันเลยตอบกลับตามสัญชาตญาณ” ยิ่งซุนซิงเจี๋ยแสร้งทำเป็นสงบมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมร่างกายมากขึ้นเท่านั้น และร่างกายก็ยังสั่นเทา“อ๋อ อย่างนั้นเห
"แกพูดมากเกินไปแล้ว!" ฉู่เฉินพูดและสะบัดนิ้วของเขา ลมปราณก็ระเบิดออกมาปากของเฉาอวิ๋นอ้าปากค้าง ไม่สามารถพูดอะไรได้ และเขาก็ตายไปแล้วก่อนที่จะรู้ตัว“ตอนนี้เหลือแค่พวกแกสามคนแล้ว!”ทันทีที่คำพูดดังกล่าวจบลง ฮวาเฉาชุนก็แทงหน้าอกของหยานหมิงจือด้วยมีดแล้วก่อนตาย หยานหมิงจือมีสีหน้าที่ไม่เชื่อ "แก แก ... "หลังจากลมหายใจสุดท้ายของหยานหมิงจือ ฮวาเฉาชุนก็ดึงมือที่เปื้อนเลือดออกและเข้าไปหาหยางเจี้ยนอีกคน“พี่ฮวา พี่ฆ่าฉันไม่ได้หรอก พวกเราเป็นพี่น้องกันและพ่อของฉันเป็นคนที่รวยที่สุดในจินหลิง พี่ฆ่าฉันไม่ได้หรอก พี่ฮวา” หยางเจี้ยนยังคงดิ้นรนจนใกล้จะตายแต่คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจของฮวาเฉาชุนได้เมื่อเห็นว่าคำพูดนั้นใช้ไม่ได้ผล หยางเจี้ยนจึงดึงปืนพกออกมาจากเอวอย่างรวดเร็ว เล็งปากกระบอกปืนสีเข้มไปที่ฮวาเฉาชุนในระยะใกล้ ปืนพกต้องเล็งโดนเป้าแน่หยางเจี้ยนคิดกับตัวเองแต่เขาประเมินความแข็งแกร่งของฮวาเฉาชุนผิดไปต่อหน้าฮวาเฉาชุน คนธรรมดาอย่างหยางเจี้ยนไม่มีโอกาสเลยแม้แต่จะยิงออกไปก่อนที่จะพบกับความตาย“ปรมาจารย์ฉู่ ฉัน ฮวาเฉาชุน จากตระกูลนักรบโบราณของจินหลิง ฉันยินดีท