เช้าวันใหม่ที่ฟ้ายังมืดสลัว หลี่เจินหรงพร้อมด้วยอินหลัว เสี่ยวหม่ากับไป๋อี้เซิงยืนอยู่ตรงหน้าห้องลับของท่านป้าและท่านลุง ท่ามกลางการเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลี่ ท่านลุงและท่านป้าออกมายืนส่งพวกเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยท่านป้าเดินเข้าไปใกล้หลี่เจินหรงและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง... ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย ข้ากับท่านลุงก็ยังจะตามไปที่เมืองหลี่แน่นอน ขอให้ท่านอย่าห่วงเลย”หลี่เจินหรงมองท่านป้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ"ท่านทั้งสองควรกลับเมืองหลี่ได้แล้ว ที่นั่นก็พอทำการค้าได้ ข้าไม่อยากให้ท่านทั้งสองลำบากที่นี่ เมืองหลี่ยังรอท่าน" เขาพูดอย่างใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนเป็นผู้มีพระคุณกับเขามากท่านป้ายิ้มกว้างขึ้นและพยักหน้า “ท่านอ๋องพูดถูก ข้าจะกลับเมืองหลี่แน่นอน หากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้ ข้าและท่านลุงยินดีเสมอ”ท่านลุงยืนข้างๆ ท่านป้าและยิ้มให้กับหลี่เจินหรง "ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก ข้ากับท่านป้าอายุปูนนี้แล้ว แต่ก็ไม่วายคิดถึงเมืองหลี่เช่นกัน สักวันเราจะหลับไปที่นั่นแน่นอน ท่านอ๋องกับนายหญิงเดินทางปลอดภัย อย่าให้มีอันตรายใดใด"หลี
ไม่นานหลังจากนั้น ขบวนทหารของกงหานก็เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมที่ท่านป้ากับท่านลุงอีกแล้ว ทั้งที่แห่งนี้สงบเงียบไม่มีวี่แววของคนอื่น มีเพียงแสงจากโคมไฟเล็กๆ ที่ส่องสว่างอยู่ในมุมห้อง ทหารหลายคนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม ค้นหาทุกซอกทุกมุม ในขณะที่ท่านป้ากับท่านลุงยังคงทำตัวสงบ ท่าทางเหมือนไม่รู้สึกตกใจอะไรเพราะเตรียมการไว้แล้วนั่นเอง"ใต้เท้าทั้งหลาย พวกท่านมาอีกแล้ว"ทหารคนหนึ่งที่นำหน้ามาตอบทันที "ท่านลุง ท่านป้า ข้าได้ข่าวมาว่า มีบุคคลสำคัญหายตัวไป ข้าจึงมาค้นหาที่นี่ ขออนุญาตตรวจสอบหน่อยนะขอรับ"ยังติดใจสุราดีของท่านลุงท่านลุงยิ้มแห้งๆ แต่ตอบด้วยเสียงสงบ "อีกแล้วหรือใต้เท้าพวกท่านเพิ่งจะค้นที่นี่ไปแน่ใจหรือว่าอยากตรวจสอบที่นี่ ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ ทุกอย่างที่นี่สงบดี"ท่านป้าเดินออกมาจากห้องครัว แสร้งทำท่าทางตกใจ "ไอ้ย่าพวกท่ามาที่นี่ทำไมกันอีกจะไม่ให้พวกเราทำมาค้าขายบ้างเลยหรือ.. ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยพวกท่านก็ละเว้นเราสักครั้ง"ทหารกลุ่มนั้นมองไปรอบๆ ทุกซอกทุกมุมก่อนที่จะพยักหน้า "ขออภัยที่รบกวน ท่านทั้งสอง พวกข้าต้องลาแล้ว" พวกเขาค่อยๆ เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม แต่ท่านลุงก็ไม่ยอมหยุด
หลี่เจินหรงยืนอยู่ตรงหน้าอินหลัว ร่างสูงของเขาขยับเข้ามาอย่างรวดเร็วและแนบแน่น เขากอดอินหลัวอย่างแรงจนร่างของอินหลัวสัมผัสกับร่างของเขาไว้ทั้งตัว หัวใจที่เต้นรัวและอุ่นจากความห่วงใยพุ่งไปยังอินหลัวเต็มๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจังที่ไม่มีที่สิ้นสุด"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" หลี่เจินหรงพูดอย่างแผ่วเบา “แค่เห็นเจ้า ข้าก็ดีใจที่สุด แค่เห็นเจ้าปลอดภัย ข้าก็ดีใจมากๆ ... ข้าไม่รู้เลยว่าเพราะข้าห่วงคนเชื่อมปราณ หรืออาจเพราะข้าที่กลัวว่าเจ้าจะตายแล้วข้าต้องตายตาม หรือเปล่า...” เขาฝังใบหน้าลงบนหัวของอินหลัว แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกถึงการหลุดพ้นจากความกลัวที่เกาะกุมหัวใจมานานหลายวันอินหลัวที่ขยับตัวเบาๆ ในอ้อมกอดของหลี่เจินหรงรู้สึกได้ถึงความแน่นชิดของร่างกายของอินหลัวกับหลี่เจินหรง จึงพูดขึ้นมาด้วยเสียงอู้อี้ “ข้าหายใจไม่ออก ท่านอ๋อง กอดข้าแน่นเหลือเกิน เอาแบบนี้ดีไหม ปล่อยข้าก่อนเถอะ”หลี่เจินหรงพยักหน้าแล้วปล่อยอินหลัวออกจากอ้อมกอดแต่อย่างช้าๆ เขาจ้องตาของอินหลัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากได้อยากมี ราวกับไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้จบลงเลยแม้แต่น้อย“ปล่
หลี่เจินหรงยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะตอบ "ความจริงหากเจ้าจะอยู่ที่วังหลวงก็ได้นะ ข้าไม่หวงห้าม หากว่ามันจะทำให้เจ้าสบายแต่ขออย่างเดียวอย่าตายเพราะข้าจะต้องตายหากเจ้าตาย" เขาพูดออกมาเหมือนจะทำเป็นไม่สนใจ แต่อีกมุมหนึ่งกลับแสดงถึงความไม่กล้าและอ่อนแอในคำพูดนั้นอินหลัวเม้มปากแล้วทำท่าเหมือนจะแกล้งเขา "นี่ๆๆ ... เพราะท่านอ๋องเป็นคนแบบนี้แหละ ปากแข็งใจแข็ง และยังชอบทำร้ายจิตใจ"พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแกล้งทำเป็นไม่พอใจหลี่เจินหรงถอนหายใจยาวๆ "ข้ายอมแล้ว ข้าห่วงเจ้าไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่สิฟห่วงมากด้วยพอใจหรือยัง" เขาพูดออกมาด้วยความจริงใจ แม้จะดูเหมือนกับการพูดขอโทษที่ไม่ค่อยชัดเจน แต่ในนั้นกลับมีความรู้สึกอบอุ่นแฝงอยู่อินหลัวกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ร้องเสียงดัง "เย้ๆๆๆๆๆๆ" ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกดีใจที่หลี่เจินหรงพูดแบบออกมาได้ "เลิกตะโกนเสียงดังได้แล้ว แล้วก็รู้ซะทีว่าข้าห่วงเจ้า"อินหลัวยิ้มกว้างอย่างมีความสุขหลี่เจินหรงยังคงนั่งนิ่ง หัวใจของเขากำลังเต้นแรงขึ้น แม้เขาจะพูดไม่เก่งแต่ก็รู้สึกถึงการเชื่อมโยงที่มากกว่าคำพูด"ข้า... ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องไปจากข้า เพราะห่วงคนที่เชื่อมปร
เมื่อท่านป้าพาอินหลัวและเสี่ยวหม่าเดินเข้าไปในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในมุมลึกของโรงเตี๊ยม ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องมืดที่มีแสงไฟสลัวๆ จากคบเพลิงที่ติดอยู่ตามผนัง ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบอย่างน่าแปลกใจ เมื่อประตูห้องลับถูกเปิดออก เสียงไม้ดังเบาๆ พร้อมกับแสงเทียนที่ส่องเข้ามาจากด้านนอก อินหลัวเดินตามท่านป้าไปอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความมืดมิดของห้อง รู้สึกถึงความอบอุ่นจากที่พักนี้ แม้จะไม่คุ้นเคยนัก แต่ทุกอย่างก็ดูปลอดภัยดี ท่านป้าพาอินหลัวและเสี่ยวหม่าไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีเตียงไม้ขนาดใหญ่ประดับด้วยผ้าห่มหนานุ่มหลี่เจินหรงที่นั่งอยู่ในมุมห้องตรงข้ามกับประตู มองไปที่อินหลัวที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเสี่ยวหม่า ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจออินหลัวที่นี่ การเห็นใบหน้างดงามของอินหลัวในอาภรณ์ขันทีทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปครึ่งหนึ่ง เขาแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้เจอกับอินหลัวอีกครั้ง“เจ้าเสี่ยวหม่า นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”ดวงตาของหลี่เจินหรงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่ซับซ้อนจากความตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นอินหลัวในที่นี้ เขามองใบหน้างดงามของอินหลัวในอาภรณ์ขันทีที่ทำให้อินหลัวดูเหมื
"พวกเจ้าทั้งสองมาจากไหน"เสี่ยวหม่าที่ยืนข้างๆ รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมา จึงเริ่มคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ด้วยสายตาที่จริงจังและแผนการที่รวดเร็วในช่วงเวลานี้ เสี่ยวหม่ารีบเข้าประชิดตัวหัวหน้าองครักษ์กันเขาชักกระบี่โดยการโอบกอดซุกหน้ากับอกของหัวหน้าองครักษ์เพราะหกลัวว่าเขาจะเห็นหน้าเสี่ยวหม่าชัดเจน แกล้งทำตัวเป็นนางกำนัลที่ไม่มีความผิดเพราะนั่นคือทางรอดเดียวที่เสี่ยวหม่ากับอินหลัวมี"ข้าคือ..." อินหลัวเลิกคิ้วสูงและทำเป็นยิ้มให้กับหัวหน้าองครักษ์ ก่อนที่เสี่ยวหม่าจะดัดเสียงแหลมเล็กจะพูดตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ"ข้าคือนางกำนัลที่มาจากตำหนักของฮองเฮาคืนนี้ฮองเฮาบ่นว่าหิวข้าจึงอาสาไปที่ห้องเครื่องนำยกของหวานให้ฮองเฮา… ท่านหัวหน้าเองก็อย่าบอกนะว่าอยากจะกินของหวานเช่นกัน” ทำท่าล้วงมือเข้าไปลูบไล้ในอกของหัวหน้าองครักษ์“เจ้ามามาทำรุ่มร่ามกับข้านะข้ามีฮุหยินที่รักรออยู่ พวกเจ้ารีบๆ ไปเสีย” เสี่ยวหม่ารีบหดมือพร้อมกับถอนหายใจ“เช่นนั้นข้าสองคนขอบคุณข้าไปแล้วนะท่านหัวหน้าหากอยากใช้บริการข้ารออยู่นะ”หัวหน้าองครักษ์จ้องมองทั้งสองอย่างสงสัย แววตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ราวก