แน่นอนว่าอีธานได้เตรียมการมาหมดแล้ว เขาหยิบแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋าของชุดคนไข้ของเขา เขาไม่ปล่อยให้ทิฟฟานี่มีโอกาสได้ปฏิเสธเขาและสวมแหวนให้เธอทันที “ฉันซื้อแหวนวงนี้ไว้ตั้งนานแล้ว คืนไหนที่ฉันคิดถึงเธอฉันก็จะหยิบแหวนออกมาดู นั้นเป็นวิธีที่ทำให้ฉันทนอยู่ต่อไปได้”ขนาดของแหวนเพชรนั้นพอดีกับนิ้วของทิฟฟานี่เป๊ะ แสงสะท้อนบนเพชรและส่องแสงเป็นประกายภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ทิฟฟานี่ที่นิ่งงันและสับสนยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความเร่งด่วนของเขา อย่างไรก็ตาม ความเร่งด่วนและการปรากฏตัวที่สิ้นหวังของเขาทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก “อีธาน... ปล่อยฉันก่อนเถอะ”อย่างไรก็ตามอีธานไม่ฟังเธอ เขาพลิกตัวเธอและก้มลงจูบที่ริมฝีปากของเธอ เขาจับเธอไว้แน่นและกักเธอไว้ในอ้อมกอดของเขาค่ำคืนเงียบสงบ เขาเสนอแหวนเพชรใต้แสงดาวให้เธอ ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาได้ มันน่าจะโรแมนติก แต่ตอนนี้ทิฟฟานี่ไม่รู้สึกแบบนั้น ที่ผ่านมาเธอรักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้ การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหวในตอนนี้ เมื่อเธอรู้สึกว่าเขาพยายามสอดลิ้นเข้าไปในปากของเธอ เธอก็ตกใจกลัวและพลักเขาออกไป “อีธาน!”ใ
มาร์คดูเหมือนจะรู้สึกถึงความสงสัยของเธอ เขาอธิบายว่า “ถ้าฉันไม่ไปกับเธอ เธอจะสงบสติอารมณ์ตัวเองได้เหรอ? ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว เธอก็หยุดและมาพักผ่อนได้แล้ว นอนเถอะ”แอเรียนปีนขึ้นไปอีกด้านของเตียงและล้มตัวลงนอน เธอดูเขาถอดเสื้อผ้า เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดนอนผ้าไหมสีเทาอ่อน ร่างกายส่วนบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาถูกเปิดเผยต่อหน้าเธออย่างช้า ๆ เธอตกตะลึงกับภาพที่เห็นจนเธอไม่ละสายตาของเธอจนกว่าเขาจะถอดเสื้อของเขาออกจนหมด“เธอแน่ใจเหรอว่าจะดูจนจบ?” เห็นได้ชัดว่าเขาแซวเธอ“คุณใส่ชุดนอนนอนไม่ได้หรอ?” เธอมุดผ้าห่มเพื่อบังหน้าที่แดงจากความเขินของเธอ“ไม่ได้” เขากล่าวอย่างหนักแน่น หลังจากที่เขาถอดชุดนอนเสร็จเขาก็ปิดไฟก่อนที่จะเข้านอนตอนนี้แอเรียนช่างมีช่วงเวลาที่ยากลำบากจริง ๆ เธอรู้ว่าเขามีนิสัยชอบนอนเปลือย แต่เธอไม่ชินกับมัน อันที่จริงเธอไม่คิดว่าชาตินี้เธอจะสามารถชินกับมันได้ก่อนที่เธอจะทันได้รวบรวมความคิดและอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของเธอ จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ทำไมเราไม่รับเลี้ยงลูกบุญธรรมในอนาคตกัน?เธอตัวแข็งทันที ก่อนที่เธอจะตอบกลับได้ เขาพูดขึ้นมาก่อนว่า “ลืมไปซะ ฉันไม่อยากพูดถึงกา
เธอรีบลุกขึ้นและทำความสะอาดตัวเองก่อนที่จะลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง อย่างไรก็ตามเธอไม่เห็นมาร์ค เธอเห็นเพียงช้อนส้อมที่เขาทิ้งไว้หลังที่เขาทานอาหารเท่านั้น เธอกลัวว่าเขาจะไปโดยไม่รอเธอ เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ทานอาหารเช้า เธอรีบคว้ากระเป๋าและเตรียมตัวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อแมรี่เห็นเช่นนั้นเธอก็รีบหยุดแอเรียนไว้ “เธอทำอะไร? เธอยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย! นั่งลงและกินอาหารเช้าก่อน!”แอเรียนใส่รองเท้าพร้อมกับมองออกไปข้างนอก “หนูไม่มีเวลาแล้ว มาร์คไปหรือยัง? หนูกำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวหนูค่อยหาอะไรกินทีหลัง”แมรี่รู้สึกขำแอเรียน “เขายังไม่ได้ไปไหน เขาบอกว่าจะไปเปิดแอร์ในรถก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะรู้สึกร้อนเมื่อเข้าไปในรถ เขากลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายตัว ไม่ต้องกังวล ไปทานอาหารเช้าของเธอเถอะ วันนี้ไบรอันไม่อยู่ นายท่านใจดีกับเธอมาก”เธอตะลึง เธอเลิกใส่รองเท้าของเธอ และถามแมรี่อย่างเป็นกันเองเพื่อซ่อนความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจของเธอ “หลัง ๆ ไบรอันไม่อยู่เลย เขาไปทำอะไรเหรอ?”แมรี่พูดด้วยเสียงที่เบาลง “เขามีแฟนแล้ว ได้เวลาที่เขาจะแต่งงานและสร้างครอบครัว ไม่ใช่เรื่องแปลก นายท่านเข้าใจเขาดี”
แอเรียนมองไปที่มาร์คด้วยสัญชาตญาณพร้อมกับถามว่า “เราไปค้นหามันได้ไหม? เราต้องการมันโดยด่วน”“ได้สิ!” ลิเลียนตอบด้วยความตื่นเต้นราวกับวาาเธอเมายา “จะดีมากเลยถ้าพวกเธอหามันเจอเพราะตอนนี้เราก็ต้องการเงินอยู่ ที่ดินนั้นเหมือนดั่งร่มในวันที่ฝนตกเพราะมันมีค่ามาก! เธอเหมือนดาวนำโชคของฉันเลยแอริ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรามีที่ดิน มันต้องเป็นของเราแม่ลูกแน่นอนเพราะพ่อของสามีและสามีของฉันเสียไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย! รีบไปเร็ว ไปช่วยฉันหามัน!”มาร์คลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของเขาเพราะพวกเขากำลังจะออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเขาก็ดังขึ้น เขาได้ยินเสียงอีธานที่ปลายสายก่อนที่เขาจะทักได้พูดอะไรด้วยซ้ำ “ให้ผมเดานะ คุณกำลังจะไปที่บ้านลิเลียนเพื่อหาใบประกาศนียบัตรของที่ดินนั้นใช่ไหม? คือ ผมมีเรื่องจะบอกคุณก่อนที่คุณจะไป”มาร์คถามด้วยหน้าที่ขมวดคิ้ว “นายกำลังพยายามจะทำอะไร?”อีธานหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ตอนที่ผมค้นของของจอร์จผมเจอจดหมายที่ยังไม่ได้ถูกส่งด้วย เขาเขียนถึงคุณ! คุณเดาเนื้อหาในจดหมายนั้นได้ไหม?”มาร์คเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถามว่า “นายต้องการอะไร?”อีธานหัวเราะด้วยความสะ
ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากที่เขาเงียบสักพักเขาก็พูดว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะบอกทิฟฟานี่ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับอีธาน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เธอไม่เข้าใจการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม เธอเลือกที่จะเชื่อใจเขา “ก็ได้ ได้โปรดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ฉันไม่อยากให้ทิฟฟ์ต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกรอบ ได้โปรด?”เขาพยักหน้าอย่างแข็ง ๆ ก่อนที่จะคืนโทรศัพธ์ให้กับแอเรียน “จำไว้นะ อย่าบอกเรื่องนี้กับทิฟฟานี่ ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ”เธอตกลง “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไปจัดการมันสะ ฉันกลับบ้านละ”มาร์คทำเสียงยอมรับขณะที่เขายืนอยู่ที่เดิม ในตอนนี้เขาไม่มีตั้งใจที่จะส่งเธอออกไปแอเรียนไม่ได้คิดมากและออกจากห้องทำงานอย่างเชื่อฟัง เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในมาร์คหลังจากที่เขารับสายนั้นแล้ว...ระหว่างพักเที่ยง มาร์คขับรถไปที่โรงพยาบาลที่อีธานรักษาตัวอยู่ ด้วยความแปลกใจ อีธานไม่ได้หลีกหนีแต่รอเขาอยู่อย่างใจเย็นอีธานดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลย นอกจากผ้าพันแผลบนหัวแล้วเขาก็ดูเหมือนคนแข็งแรงดีระหว่างที่
จู่ ๆ อีธานก็กระวนกระวาย “ทำไมผมต้องรู้สึกผิดด้วย? ตอนแรกผมก็รู้สึกผิดนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ไม่เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้เป็นเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ไม่อาจละความจงรักภักดีให้ครอบครัวคุณ แต่เขายังทำให้ผมเป็นแพะรับบาปของคุณมานานหลายปี! ถ้าผมไม่ได้เจอจดหมายสำหรับคุณที่ยังไม่ถูกส่งผมคงจะเชื่อจริง ๆ ว่าแผนเราสำเร็จ“เหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะซ่อนมันจากผมคงเป็นเพราะเขาต้องการที่จะปกป้องคุณสินะ? เห็นได้ชัดว่าพระคุณของครอบครัวเทรมอนต์นั้นยิ่งใหญ่มากถึงขนาดที่เขาเต็มใจที่จะเป็นผู้รับใช้ที่ภักดี ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าอะไรทำให้คุณฆ่าสมาชิกในครอบครัวของคุณ”มาร์คนิ่งเงียบ แต่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความต้องการที่จะฆ่าใครสักคน มือของเขาสั่นอย่างแรงเมื่อพูดถึงความลับสุดยอดของเขาที่เขาไม่อยากจดจำพ่อของมาร์คเรียกให้เขาไปหาที่ห้องทำงานในคืนก่อนที่เครื่องบินจะตกเขาเข้าไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ในขณะที่เด็กชายที่ร่ำรวยอายุ 18 ปีควรจะใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายและสนุกไปกับความสนุกสนานของพวกเขา แต่มาร์คแตกต่างจากนั้นโดยสิ้นเชิงเนื่องจากระดับวุฒิภาวะของเขานั้นสูงกว่าคนรุ่นเดียวกัน“มาร์ค พ่อมีเรื่องที่จะบอกลู
หลังจากที่มาร์คฟังสิ่งที่อีธานพูดเขาก็ค้นพบว่าคุณสโลนยอมทำได้ถึงเพียงไหนเพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมในเหตุเครื่องบินตกของอีธาน คุณสโลนยอมทำแม้กระทั่งการแบกรับความผิดคนเดียวตอนนั้นอีธานเพียงอายุแค่สิบขวบ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เก็บงำความอาฆาตพยาบาทและความเกลียดชังที่รุนแรงเช่นนี้ไว้ ไม่แปลกใจเลย ที่เด็กชายคนนี้จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งในวันนี้ได้โดยทิ้งร่องรอยของเลือดไว้ตามทางของเขาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือ จอร์จคิดผิด เขารู้เรื่องการสนทนาของมาร์คกับพ่อของเขาในห้องทำงาน แต่เขาไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มคนนั้นไปที่ห้องของแม่เขาในเวลาต่อมาทันที คืนนั้นเป็นคืนที่โชคชะตากำหนดให้ มาร์ค เทรมอนต์ ต้องทิ้งความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าโลกในความเป็นจริงนั้นขมขื่นเพียงใดเขาไปที่ห้องนอนของแม่เขาทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานของพ่อเนื่องจากว่าแม่เขาป่วยมากจนแทบจะเดินไม่ไหว เขาไม่ได้คาดคิดว่าแม่ของเขาจะรู้เรื่องของลูกนอกสมรสแล้ว สำหรับเธอเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ใช้เหตุผลและมีความชอบธรรมมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั่นเธอก็ยังถูกเหยียดหยามอย่างขมขื่น น้ำตาแห่งความโกรธที่ไหลอา
อีธานรู้สึกยินดีกับการแก้แค้นขณะที่เขาเฝ้าดูอารมณ์ที่ขัดแย้งกันบนใบหน้าของมาร์ค “ถ้าคุณไม่อยากให้จดหมายฉบับนี้ตกไปถึงมือของแอเรียนก็อย่ายุ่งกับเรื่องของผม ที่ดินนั้นเป็นของผมและไม่ใช่ของใครอื่น ถ้าคุณปล่อยให้ทิฟฟานี่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้างคุณก็พนันได้เลยว่าแอเรียนจะรู้เรื่องของคุณเช่นกัน”มาร์คหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับต่อสู้กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกเขา เขาจะไม่มีวันเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้น เขายอมแบกรับมันไว้คนเดียวแทนที่จะเปิดโปงแม่ของเขา ท้ายที่สุดแล้วความประทับใจอย่างแรงกล้าที่มีต่อแม่ของเขาที่เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและใจดียังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเขา เขาจะไม่ยอมทำความประทับใจสุดท้ายที่เขายังมีต่อเธอแปดเปื้อน“จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายได้ที่นั้นและทิฟฟานี่? นายจะใช้เรื่องนี้ขู่ฉันอีกนานแค่ไหน?”อีธานหัวเราะเยาะ “คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมจะบอกว่าเราสองก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเคียงข้างผู้หญิงที่มีค่าที่สุดสำหรับเราขณะที่เราฝังควาหลับสุดยอดของเราไว้?”ไม่มีทางที่มาร์คจะเชื่ออย่างนั้น ขณะนี้ทั้งคู่เก็บความลับสุดยอดของกันและกันไว้ แต่พวกเขาไม่ได้มีอ