ภาพในวันวานย้อนกลับเข้ามาในหัว คำว่าลูกคนบ้าคือชื่อที่คนงานใช้เรียกเขา แม่ตรอมใจจนเสียสติและจากไปตอนเขาอายุได้หกขวบ หลายคนมักจะพูดว่าเด็กวัยนี้จะจดจำเรื่องราวได้ไม่มาก แต่สำหรับธาวินทร์แล้วมันกลับตรงกันข้าม เขาจดจำเรื่องราวในอดีต ทุกคำที่คนงานใช้เรียกเขากับแม่ยังฝังอยู่ในหัว สมบัติชิ้นเดียวที่แม่ทิ้งไว้ให้คือบ้านชั้นเดียวที่ติดกับไร่แสงตะวัน ตอนเด็ก เขาจะแอบเข้ามาเก็บผลไม้ในไร่แสงตะวัน ทุกครั้งที่ถูกจับได้ มักจะถูกคนงานดุด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย บางครั้งก็ถูกคนงานทำร้าย เฆี่ยนตี
ครั้งนั้นเขาเข้าไปขโมยองุ่นเพราะหิว ไม่ทันระวังตัวจึงถูกคนงานจับได้ หัวหน้าคนงานจับตัวเขาไว้ และจะนำส่งตำรวจ ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ เขาไม่อยากถูกส่งไปสถานพินิจหรือสถานสงเคราะห์ เพราะไม่มีคนดูแลแม่ ถึงแม่จะเป็นบ้าแต่เขาก็รัก
ธาวินทร์ไม่รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร แม่ตั้งท้องและคลอดเขา แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อ เขาเองก็ไม่อยากรู้ว่าใครคือพ่อของเขา ที่ไร่มีผู้คนมากมาย บางทีพ่อเขาอาจจะเป็นคนงานในไร่ หรือไม่ก็เป็นคนงานต่างด้าวที่ข้ามฝั่งมาทำงาน ภาพที่เขาเห็นจนชินตาก็คือ แม่จะนั่งร้องไห้ทุกวัน ร้องจนพอใจก็เงียบไปเอง สำหรับเขาแม่ไม่ใช่คนบ้า บางครั้งที่สติของแม่กลับมา แม่ก็เป็นเหมือนแม่คนอื่น ๆ ทำกับข้าวให้เขากิน ซักซื้อผ้า และนอนกอดเขา แม่กอดเขานับครั้งได้ แต่อ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดวันที่คนงานจะส่งเขาไปสถานีตำรวจ คือวันที่ชีวิตของเขาพลิกผัน เขาได้พบกับคุณปู่เผ่าทองและนายน้อยเผ่าเพชร คุณปู่เผ่าทองเมตตาเลยรับเขาเข้ามาอยู่ในไร่ ปู่ประกาศให้คนงานทุกคนรู้ ให้คนงานปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนกับที่ทำกับปู่และนายน้อย ช่วงเวลาที่มืดมิด ปู่คือแสงสว่างเดียวในชีวิตของเขา คุณปู่ช่วยดูแลแม่และส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือ หลังจากแม่เสียชีวิตปู่ก็รับเขาเข้ามาอยู่ในไร่ ให้เขาเป็นเพื่อนเล่นกับนายน้อยเผ่าเพชร
อิงดาว เศรษฐพงศ์ คือชื่อของแม่ บ้านเชิงเขาถูกซ่อมแซมใหม่และปิดเอาไว้ นาน ๆ เขาจะกลับไปดูสักครั้ง เผ่าเพชรจะให้คนไปทำความสะอาดที่นั่นเดือนละครั้ง เพราะกลัวจะผุพัง สำหรับเขาแล้วความทรงจำเดียวที่อยู่ที่นั่นก็คือแม่ แม่อิงดาวของเขาคือผู้หญิงที่สวยที่สุด ช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต แม่ก็ไม่เอ่ยปากบอกว่าพ่อของเขาคือใคร ทุกคนคิดว่าแม่เขาเสียสติ แต่เขาคิดว่าแม่แค่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโลกของแม่ โลกที่ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร
อยู่กับตัวเองและความรักที่เขารู้ว่ามี แม่คงรักผู้ชายคนนั้นมาก จนลืมรักตัวเอง“พี่วิน! พี่วินคะ! คิดอะไรอยู่ กับข้าวเย็นหมดแล้ว” วาสินีเรียกเมื่อเห็นว่าธาวินทร์เอาแต่เหม่อลอย ใบหน้าสวยเปิดยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นร่างหนาสะดุ้งสุดตัว หลัง ๆ มานี้ธาวินทร์มักจะเหม่อลอย พอมีคนเรียกก็จะสะดุ้งจนสุดตัว
“ตกใจเหรอคะ ขอโทษค่ะ”
“วาว่าอะไรนะครับ” คนที่สะดุ้งจนสุดตัว ปรับน้ำเสียงและท่าทางให้เป็นปรกติ ยิ้มให้คนรักอย่างอ่อนโยน
“วาเห็นพี่วินเหม่อ เลยเรียกน่ะค่ะ คิดอะไรอยู่คะ บอกวาได้ไหม” ถามด้วยความห่วงใย ถ้ามีเรื่องไหนที่ช่วยแบ่งเบาได้ เธอก็ยินดี
“จบคดีนี้ เราแต่งงานกันนะครับ”
“พี่วิน...”
“พี่จะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ คุณพ่อคุณแม่วาจะว่ายังไงครับ”
“ทำเหมือนกับว่าพี่วินไม่รู้จักท่าน ลืมแล้วเหรอคะว่าพี่วินเข้าออกบ้านวาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” ค้อนให้คนหน้ามึนวงโต ที่เขาทำเหมือนลืมว่าเคยไปอยู่บ้านเธอตั้งหลายปี ธาวินทร์เป็นเพื่อนกับพี่ชายต่างมารดาของเธอ เมื่อก่อนเธอไม่ชอบขี้หน้าเขา เพราะเขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นอากาศ เป็นเด็กที่ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ เธอเองก็ไม่ได้สนใจเขา จนกระทั่งเธอสอบติดหมอแล้วไปเรียนต่อ จนกลับมาเจอกันอีกที่เชียงราย มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องพบเจอกัน ด้วยลักษณะงานทำให้ได้ทำงานร่วมกันหลายครั้ง เธอเริ่มปรับทัศนคติเข้าหาเขา ธาวินทร์ยอมเปิดใจและได้คบหากัน
“พี่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน มีแค่แม่สายธารกับป้านิ่มเท่านั้น วาจะสะดวกไหมครับ”
“ไม่ต้องมีพิธีให้ยุ่งยากหรอกค่ะ แค่เรารักกันก็พอ คุณพ่อคุณแม่ของวารักพี่ ท่านคงไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากฝากวาให้พี่ดูแล” ทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน พ่อแม่จะถามถึงเขาเสมอ ท่านให้เธอชวนเขากลับไปด้วย ที่เธอทำตัวไม่น่ารักตอนที่เขามาอาศัยอยู่ในบ้าน เพราะกลัวว่าเขาจะมาแย่งความรักจากพ่อกับแม่นั่นเอง
“ไม่ต้องคิดมากนะคะ เอาเวลาไปคิดเรื่องงานดีกว่าค่ะ วารอได้” มือบางที่กุมอยู่บนมือหนาบีบเบา ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ
ธาวินทร์กุมมือของเธอเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าคดีนี้จะมีจุดจบแบบไหน เมื่อกฎหมายทำอะไรคนชั่วไม่ได้ เขาก็จะจัดการตามวิธีของเขา อะไรก็ตามที่ทำให้ธงชัยเจ็บปวด เขาจะทำ จะฆ่ามันให้ตายทั้งเป็น ให้สมกับความเลวที่มันทำไว้กับทุกคน พ่อแม่ของเผ่าเพชร พ่อแม่ของภัทรทิราและคนอื่น ๆ ที่ขวางทางมัน ถูกมันกำจัดอย่างเลือดเย็น เหตุผลที่เขาอยากเป็นตำรวจ ก็เพราะอยากจัดการพวกมันให้สิ้นซาก แต่เมื่อวันนี้มาถึง ธาวินทร์รู้แล้วว่า เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง ความยุติธรรมที่เขาคิดว่ามี กลับถูกบิดเบือนด้วยอำนาจเงิน อีกไม่กี่วันธงชัยจะถูกปล่อยตัว เมื่อถึงวันนั้นเสือเฒ่าคงหายเข้ากลีบเมฆเมื่อความดีพ่ายแพ้ความชั่ว ก็หมดใจที่จะทำต่อ หลังจากนี้เขาจะอุทิศชีวิตให้กับคนที่รักเขา จะใช้เวลาที่เหลือดูแลและปกป้องคนที่เขารัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขาจะไม่มีวันเสียใจ เพราะเลือกแล้ว หลังจากจบคดีนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ใบลาออกคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเขาที่สุด ออกไปให้พ้น ดีกว่าทนอยู่ให้เจ็บปวด
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าทำให้นวลแพรยิ้มออกมา ธาวินทร์ที่กอดอยู่ด้านหลังกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “ที่นี่สวยมากเลยค่ะ วินรู้จักที่นี่ได้ยังไงคะ” ตายาวรีมองไปยังภูเขาสูงที่มีทะเลหมอกรายล้อมเบื้องหน้า ที่นี่สวยมากถึงจะสวยไม่เท่าเชียงรายจังหวัดบ้านเกิดก็ตาม แต่ที่นี่ก็สวยและทำให้คนท้องสดชื่นมาก ๆ เช่นกัน “ตอนย้ายมาก็ไม่คิดว่าจะเจอสถานที่ที่สวยแบบนี้ครับ” ตอนนั้นเขาคิดแค่ต้องมาให้ไกลจากเธอให้มากที่สุด “ตอนนั้นคิดแค่ว่า หนีแพรให้พ้นใช่ไหมคะ” “ใช่ครับ ตอนนั้นคิดได้แค่นี้จริง ๆ” “แพรมีความสุขมากเลยค่ะ ที่ได้เจอวินอีกครั้ง” “ผมก็มีความสุข ที่ได้อยู่กับคุณอยู่กับลูกของเรา” ธาวินทร์บอกกับหญิงสาว แล้วฝังจมูกลงมาบนซอกคอขาวเนียน “เหมือนฝันเลยนะคะ แพรไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวของเราจะมาลงเอยแบบนี้” “ใช่ครับเหมือนกับความฝัน แต่เป็นฝันที่มีอยู่จริง” “ผ่านอะไรกันมาตั้งมากมาย แล้วเรารักกันไหมคะ” “อย่าถามหาความรักจากผู้ชายอย่างผมเลยครับ ขอให้แพรรู้ว่าทุกคำพูดทุกการกระทำของผมมันคือเรื่องจริง ผ
ธาวินทร์นั่งมองดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงไม่ต่างจากชีวิตเขา ที่มืดม่นจนมองไม่เห็นทางออก “แพรคุณเป็นอย่างไรบ้าง ผมขอให้คุณปลอดภัยทุกช่วงเวลาของชีวิตนะครับ” คนเลวอย่างเขาทำได้แค่อวยพรให้เธอผ่านสายลมนั้น “หมอวาครับพี่ขอโทษนะครับ” ความรักที่เขามีให้วาสินีคือเรื่องจริง เขารักและอยากใช้ชีวิตคู่กับเธอ แต่การกระทำอันสิ้นคิดของเขาทำให้สร้างเรื่องที่ผิดมหันต์จนต้องพาตัวเองมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่ “ผมขอโทษ” พูดแล้วหงายหลังลงกับแคร่ไม้ไผ่จ่าอำนาจส่ายศีรษะให้กับภาพตรงหน้า คืนนี้ก็เหมือนเดิม ธาวินทร์ยังนั่งอยู่ที่เดิม ดื่มเหล้าและพูดประโยคเดิม ๆ ไม่ได้หวังให้เจ้านายหายเศร้า แต่อยากให้ดีขึ้นกว่านี้สักนิด นอกจากจะไม่มีความสุขแล้ว สุขภาพร่างกายก็เสียไปด้วย “เมาก็นอนเถอะครับนาย” จ่าอำนาจเข้ามาประคองเจ้านายเข้าห้องนอน เหมือนอย่างเช่นทุกคืนเช้านี้ธาวินทร์ตื่นพร้อมเสียงไก่ขัน ชีวิตที่นี่ก็แค่นี้ ลืมตาตื่น อาบน้ำ กินข้าว เข้าโรงพัก วนอยู่แบบนี้ทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันธาวินทร์เข้าโรงพักทำงานตามปรกติ ที่ไม่ปรกติก็คือแขกที่ลูกน้องมารายงานว่ามีคนมาหา คิ้วเข้มขมวดเข้า
ทุกคนปรับความเข้าใจกัน รามชวนม่านไหมกับวาสินีค้างคืนที่บ้าน เพราะอยากให้นวลแพรอยู่กับแม่ ม่านไหมปฏิเสธ เพราะไม่เหมาะสมถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับรามแล้ว และมากับลูกแต่เธอก็คิดว่าไม่เหมาะสม “ถ้าไม่สะดวกใจพักที่บ้าน ออกไปพักรีสอร์ทก็ได้นะครับไหม” รามบอกกับม่านไหม “ไม่เป็นไรค่ะราม ฉันกลับดีกว่าค่ะ” ม่านไหมบอกกับคนที่ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “หนูวาน่ารักมากเลยนะครับ ยินดีกับคุณด้วยที่มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ต้องห่วงแพรนะไหมผมสัญญาว่าผมจะดูแลลูกให้ดีที่สุด” รามบอกกับม่านไหมด้วยความจริงใจ “รามคะ ชีวิตแต่งงานของฉันกับพ่อเลี้ยงธงชัย ไม่ได้มีความสุขอย่างที่คุณและใคร ๆ คิดหรอกนะคะ ฉันก็แค่เมียขัดดอก” “นี่คงเป็นเหตุผลที่คุณหนีไปใช่ไหม ม่านไหม ทำไมคุณไม่กลับมาหาผม” รามถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อำนาจของพ่อเลี้ยงธงชัย จะทำให้ทุกคนเดือดร้อน โดยเฉพาะคุณกับคนพ่อ” รามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ที่ม่านไหมพูดมาก็ถูกทั้งหมด ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนงานในไร่ จะเอาอะไรไปสู้กับอำนาจของคนเหล่านั้น ขนาดเมียกับลูกยังรักษาไว้ไม่ได้เลย
“ฉันขอตัวนะคะ” นวลแพรเอ่ยขอตัว เธออยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “แพรลูกมาหาแม่นะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” ม่านไหมเดินมาหา แต่นวลแพรถอยหลังหนี “หนูแพร ผม...” ดีใจจนพูดไม่ออก คำพูดทั้งหมดพากันมาจุกอยู่ที่คอหอย “คุณแม่คะ วางงไปหมดแล้ว คุณแม่ช่วยอธิบายให้ฟังนะคะ” “วาลูกแม่ขอโทษ” ม่านไหมบอกกับลูก “วาต้องการคำอธิบายค่ะ คุณแม่มีคำตอบให้วาไหมคะ” พูดไปแบบนั้น เพราะภายในใจสับสนไปหมอ “แพรแม่ขอโทษ ขอโทษที่แม่ทิ้งหนูไป แม่ขอโทษ” ม่านไหมล้มลงกับพื้น สัญชาติญาณและความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจ ทำให้รามรีบรับเธอไว้ในอ้อมแขน “ยกโทษให้แม่ได้ไหมลูก” “อย่าพึ่งพูดอะไรเลยนะคะ ตอนนี้ฉันสับสนไปหมดแล้ว” นวลแพรบอกกับคน แล้วถอยหลังอยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด “อย่าหันหลังให้แม่ได้ไหมลูก” ม่านไหมร้องห้ามเธอไม่อยากให้นวลแพรไปจากตรงนี้ เพราะกลัวลูกจะหันหลังให้เธอตลอดไป “คุณแพรฟังแม่ก่อนนะคะ อย่าหันหลังให้แม่เลยนะคะ” วาสินีขอร้อง อยากให้นวลแพรเข้าใจแม่ แม่คงมีเหตุผลถึงตัดสิน
หลังรับประทานอาหารเย็นรามกับนวลแพรนั่งคุยกันต่อ หลัก ๆแล้วจะเป็นเรื่องผลไม้ในสวน จนกระทั่งเวลาลวงเลยมานาน รามจึงตั้งคำถาม “เรื่องแต่งงาน ไม่ทราบว่าหนูว่าไงครับ” คำถามของรามทำให้มือที่กำลังเอื้อมไปจับผลส้ม ชะงักไปนิด ตายาวรีมองหน้าเขา ในที่สุดคำถามที่ทำให้เธอลำบากใจก็มาถึง “ถ้ายังไม่ได้ตัดสินใจ ไว้ค่อยตอบผมวันหลังก็ได้ครับ” รามถามเขาไม่ใช่คนแก่ตัณหากลับ แต่คิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือเธอกับลูกในท้อง “เด็กต้องมีพ่อ ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้มาบีบบังคับหนู แต่คิดว่าหนูคงเข้าใจ” “เออ...คือว่า อย่างนี้นะคะ...” นวลแพรมีบางอย่างจะบอกกับเขา แต่ต้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อรามขัดขึ้น “ถ้าหนูยังไม่พร้อม ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้นะครับ” “คือ...ฉันมีบางอย่างจะบอกกับคุณราม เกี่ยวกับเรื่องเด็กนะคะ” “หืม...เรื่องเด็กมีอะไรเหรอครับ” รามถามพร้อมกับรอฟังคำตอบ แต่เด็กรับใช้ก็เข้ามาขัดเสียก่อน “มีแขกมาหาคุณรามค่ะ” รามฟังเด็กรับใช้รายงาน พร้อมกับดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง นวลแพรโล่งใจนึกขอบคุณเด็กรับใช้
นวลแพรมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข เกือบเดือนแล้วที่เธอตามรามมาอยู่ที่นี่ ที่ที่ทำให้เธอเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนของเทพนิยาย บรรยากาศที่นี่สวยมากสวยจนเธอคิดว่าเป็นภาพวาด สวนส้มที่ล้อมไปด้วยขุนเขาและต้นไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ส้มผลสีเหลืองทองดกจนเต็มต้น คนงานบางคนเก็บง่วนอยู่ต้นสองต้นก็หมดเวลาเป็นชั่วโมงแล้ว “มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ” คำถามที่ดังมาจากด้านหลังของคนมาใหม่ทำให้ นวลแพรต้องหันไปมอง ใบหน้าสวยคมตาชั้นเดียวเปิดยิ้มกว้างให้เขา “คุณราม แพรมาดูคนงานเก็บส้มค่ะ” นวลแพรตอบคำถาม ร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาหา แล้ววางผ้าคลุมไหลผืนหาลงบนไหล่บอบบาง “อาการหนาวเดี๋ยวเป็นหวัด ” รามบอกแล้วหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้ว่างใกล้ ๆ เธอ “ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณแล้วลงมือเทชาร้อนในกาลงแก้วให้เขา “คุณรามดื่มชาสิคะ” “ขอบคุณครับ” รามขอบคุณ แล้วยกถ้วยชาในมือขึ้นดื่มอากาศเย็นทำให้ชาอุ่นพอดี จึงดื่มรวดเดียวหมดถ้วย “คุณรามกลับมาแล้วเหรอคะ” “ไร่ฝั่งใต้คนงานเก็บเสร็จแล้ว ผมว