Masukนครินทร์เดินเข้ามาในผับย่านสีลม เป็นผับหรูของนิชคุณ เขาเดินขึ้นไปยังห้องวีไอพี
“มึงมีอะไรถึงมาหากูได้ ที่จริงให้กูไปหาที่โรงแรมมึงก็ได้ จะได้ไม่เหาะมาไกลถึงที่นี่” นิชคุณถามนครินทร์ที่นั่งลงบนโซฟาแล้ว “กูทำถูกหรือเปล่าที่แต่งงานกับวีนัส” นครินทร์ถามขึ้นเบาๆ “ทำไมวะ...มึงรักวีนัสไม่ใช่เหรอ” “ใช่...กูรักวีนัส...และกูก็รักมากด้วย...” นครินทร์พูดจากใจของเขาจริงๆ ผู้หญิงที่ผ่านมา เขานอนด้วยนั้นคือความสุขทางกาย...แต่ไม่ใช่ความสุขทางใจ “แล้วไง...ทำไมมึงไม่บอกเธอเล่า” “กูจะบอก...แต่เรื่องนั้น...เฮ้ย...เธอมองกูเป็นคนเลวไปแล้ว...และดูว่าเธอจะเกลียดกูมากกว่าเดิมด้วย” “มึงไปทำอะไรวีนัส” นิชคุณถามด้วยความสงสัย นครินทร์เทไวน์แดงแล้วดื่ม “กูเห็นน้ำตาของวีนัสทุกครั้งที่อยู่กับกู...แล้วหาเรื่องทะเลาะได้ตลอดเวลา...” “มึงก็เล่าความจริงไปดิ” นิชคุณมองใบหน้าของเพื่อนตัวเองอยู่ตลอดเวลา เขาดื่มไปสี่แก้ว ถึงนครินทร์จะคอแข็งแค่ไหน แต่สภาพจิตใจตอนนี้ไม่ปกติเหมือนแต่ก่อน ทำให้เมาได้ง่ายขึ้น “กูเล่าไม่ได้...ถ้ากูเล่าไป...คิดเหรอวีนัสจะเชื่อกู...และอีกอย่างถึงเธอจะเชื่อ...เธอจะมองพ่อของเธอเปลี่ยนไปทันที” เป็นสิ่งที่นครินทร์หนักใจมากที่สุด “มึงพอก่อน...นี่มันห้าแก้วแล้ว...ตั้งสิบสองดีกรี” นิชคุณมองนครินทร์ที่หน้าแดงน้ำเสียงเปลี่ยนไป “กูอยากเมา...ได้ยินไหม...ว่ากูอยากเมา” นครินทร์เสียงดังขึ้น “เอ่อ...เมาก็เมา...เดี๋ยวกูหามมึงไปส่งบ้านก็ได้” “กูรักวีนัสตั้งแต่มอต้น...จนวันนี้...ตอนนี้...กูก็รักเธออยู่” “เอ่อกูรู้...แต่มึงเมามากแล้วนะ” “กูจะเมา...” นครินทร์พูดเหมือนคนเมา มือถือแก้วไวน์ไว้ที่มือจะยกขึ้นดื่ม แต่นิชคุณกลับเอาแก้วนั้นออกจากมือเขา “กลับบ้านกัน” “กลับบ้านไปกูก็ไปทะเลาะกันอยู่ดี...ปล่อยกูไว้ที่นี่ละ” “นพ...ตามสิงห์ให้หน่อย” นิชคุณโทรหาบอดี้การ์ดของตัวเอง “สิงห์ฝากด้วย...ผมยังมีงานที่ต้องสะสาง ถึงบ้านแล้วให้โทรบอกด้วย” นิชคุณบอกกับสิงห์ ขณะที่ประคองนครินทร์อยู่ “ได้ครับ” สิงห์ตอบรับ เปิดประตูรถด้านหลังให้ นิชคุณประคองนครินทร์เข้าไปที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส “มึงนี่เน๊อะ..จะเก็บความลับและความเจ็บปวดไปถึงเมื่อไหร่...” รัมภาหันมองนาฬิกาเกือบตีหนึ่งแล้ว หลังจากที่เขาออกไปประมาณสี่ชั่วโมง พอเขาออกจากห้องไป เธอได้ยินเสียงรถ คิดว่าเขาออกไปนอกบ้านแน่ แล้วฉันต้องมานั่งรออะไรด้วยเนี่ย นอนได้แล้วรัมภา จะรอคนที่ทำร้ายพ่อเธอทำไมและทำร้ายใจเธอไม่มีชิ้นดีทำไม เสียงประตูเปิดขึ้น ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งทั่วห้อง เห็นคนที่ทำร้ายใจเธอเดินเข้ามาโซเซ เหมือนคนเมา “เมียจ๋า...ยังไม่หลับอีกเหรอ...รอผัวกลับมาละสิ” นครินทร์เดินประคองตัวเองเข้ามาในห้อง หญิงสาวจึงดับไฟหัวเตียงทำให้ห้องมืดไปหมด โครม!!! .... "โอ้ย..." หญิงสาวตกใจเปิดไฟอีกครั้ง จึงเห็นว่าเขาลงไปนอนกองที่พื้นแล้ว “โอ้ย...” เสียงของชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด “นัฐ!!!” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาเขา แต่ต้องหยุดชะงัก นึกถึงภาพเมื่อตอนเมื่อหัวค่ำเขาขืนใจเธอ ทำให้เธอหันหลังกลับ “โอ้ย...” เขาร้องเสียงเบาๆ ด้วยความเจ็บ หญิงสาวจึงเดินไปดูเขาที่นอนร้องโอดโอยอยู่ข้างโต๊ะ เห็นว่าที่หัวเขามีเลือดไหลออกมามาก คงโดนฟาดเข้ากับโต๊ะกระจกหน้าโซฟา “มานี่...ฉันประคองคุณเอง...คนหรือควาย...ตัวหนักเป็นบ้าเลย” หญิงสาวประคองเขาลุกขึ้น เดินไปที่เตียง “ทำไมคุณสวยจังเลย...วีนัส” ชายหนุ่มยิ้มให้เธอ แต่ตาปิดลงแล้ว “อย่าพึ่งหลับนะ...” หญิงสาวตบหน้าเขาเบาๆ เขาเอนตัวลงบนเตียง “บอกว่าอย่าพึ่งนอนไงเล่า” หญิงสาวดึงตัวเขานั่งอีกครั้ง “ทำไมต้องชอบด่าว่าผมด้วยห๊ะ” ชายหนุ่มพูดเบาๆ “ก็คุณมันหน้าให้ด่า...” หญิงสาวเดินไปที่ตู้ยาในห้องนอน เปิดเอาขวดแอลกอฮอล์ เบตาดีน และสำลี มองเขาที่นอนหลังไปแล้ว เธอเดินไปนั่งบนเตียงเอาหัวเขาหนุนตักเธอ และเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ทารอบแผลและบนแผล เอาเบตาดีนเทใส่สำลีอันใหม่ “โอ๊ย...” เขาร้องเบาๆ แต่ตายังคงหลับอยู่ “รู้ไหม...ว่ามัน...ลำบาก...คนอื่น” หญิงสาวกดลงบนแผล ทำให้เขาร้องด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย...โอ๊ย...โอ๊ย” “น่าจะตายๆ ไปชะเลย” หญิงสาวเอาหมอนมาหนุนบนหัวเขา เอาแอลกอฮอล์ สำลี และเบตาดีนใส่ที่ตู้ยา แล้วเดินมานอนบนเตียงข้างเขา “เคยรักกันบ้างไหม” เสียงเขาพูดเบาๆ เหมือนคนละเมอ ทำให้หญิงสาวชะงักเล็กน้อย เคยรักกันบ้างไหม...ถามใคร...ใครกัน...ในงานเลี้ยงรัมภาเดินเข้ามาในงาน คุณหญิงคุณนายต่างเดินมาทักทายเธอ ทำเอาเธอเวียนหัวไม่น้อย ส่วนนครินทร์ก็อยู่ไม่ไกลจากเธอ เขาคุยกับเพื่อนและนักธุรกิจที่เป็นคู่ค้า จนเขาไม่อาจออกมาจากตรงนั้นได้ รัมภาจึงเดินไปเข้าห้องน้ำยังมีบอดี้การ์ดเดินตามมาถึงห้องน้ำ จนเธอเข้าห้องน้ำเขาจึงยืนรอข้างนอก เธอเข้าไปในส่วนของห้องชำระ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจึงเดินออกมา ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นว่า“หวัดดี” เสียงที่เธอคุ้นเคยอย่างยิ่งจึงหันไปดูแต่ก่อนที่เธอจะหันไป มีปีนลูกโม่มาจ่อที่หัวของเธอ โดยการมองผ่านกระจกเธอจึงถามขึ้นช้าๆ“ตีช่า คุณทำแบบนี้ทำไม”“ชู่ววววว์…ไม่ต้องถามเดี๋ยวเธอก็ต้องตาย”รัมภาจึงเหยียบเท้าเธออย่างจัง จนตีช่าทำปีนหลุดมือ รัมภาจึงวิ่งไปทางประตู ตีช่าได้สติจึงสบถทันที“หน่อย!!!” ตีช่าเร่งปีนใส่เธอแบบไร้ทิศ ดังสนั่นนครินทร์และบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาดูทันที ก่อนที่รัมภาจะล้มลง นครินทร์ประคองเธอไว้ ก่อนที่ดวงตาจะปิดลง รัมภาเอ่ยเบาๆ"...นัฐ…”ผ่านมาห้าปีให้เธอให้กำเนิดลูกชายสองคนที่มีชื่อว่า นิโรจน์กับวิรุฬ เขาสองคนกำลังน่ารักและนครินทร์พ่อของพวกเขา ก็รักพวกเขามาก รัมภาค่อยดูแลพวกเขาเป็
หญิงสาวเรือนร่างกายเปลือยเปล่าที่เก้าอี้ยาวหลังจากรักมาราธอนสี่วันเต็มที่อยู่กับเขาจนเธอเมื่อยล้าไปทั้งตัว ตอนนี้สามีของเธอหายไปคุยโทรศัพท์ได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอจึงมีเวลาว่างมานอนอาบแดดดื่มน้ำส้มที่บนหัวเรือ ให้แสงแดดสาดลงมาบนตัว ชายหนุ่มใส่ผ้าขนหนูสีขาวเพียงผืนเดียวเดินมาข้างๆ เธอ รัมภาจึงลืมตาขึ้นช้าๆ มองสามีสุดที่รัก เธอยิ้มให้เขา นครินทร์ยิ้มให้เธอแล้วจึงบอกเธอ“วันนี้เราต้องเข้าฝังแล้ว” นครินทร์กล่าวด้วยเสียงเสียดาย รัมภาก็รู้สึกเสียดายไม่แพ้กัน เธอจึงเอ่ยเบาๆ“หมดเวลาสนุกแล้วสิ"“เหลือเวลาอีกแปดชั่วโมงต้องไปถึงงานบอลลูน”“ไม่ไปได้มั้ย ฉันอยากอยู่กับคุณ” รัมภากระตุกผ้าเขาลงมา ความเป็นชายที่หลับใหลออกมาเผชิญตรงหน้าของเธอ เธอจับความเป็นชายเบาๆ เขาที่เรียวปากสวยได้รูป เธอเข้าออกเป็นจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงกดของเขา เขาปลดปล่อยออกหมดแม็กซ์ น้ำนมไหลให้เธอกินไม่หมดสิ้น รัมภาจึงเลียที่ริมฝีปากเขาจึงนั่งลงข้างเธอประกอบริมฝีปากเนิ่นนานและเองตัวเธอลงบนเบาะ และสอดใส่เข้าไปในตัวเธอทันที แล้วตั้งตัวตรงสอดเข้าเธอไม่ยังแรง รัมภากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเธอไม่เคยรู้สึกชินกับความเจ็บนี้ เขาเข้าอ
รัมภาตื่นขึ้นมายามเช้ามองข้างตน ไม่เห็นนครินทร์ มองมาทางหน้าต่างน้ำสีเขียวมรกตกับท้องฟ้าที่สว่างสดใส เธอเอาเสื้อคลุมสีเทาเดินออกจากเตียงเดินไปเปิดประตูเดินออกจากห้อง เห็นสิงห์เดินมาก้มโค้งให้เธอผู้เป็นนายหญิง รัมภาจึงเอ่ยถาม“นัทไปไหน”“ท่านลงไปว่ายน้ำได้สักพักแล้วครับ”“เขาคงไม่โดนฉลามตอดไปแล้วหรอกนะ” รัมภาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“คุณนาย ผมอยู่ด้านล่างของเรือมีอะไรเรียกใช้ก็โทรบอกผมกับนาส ส่วนอาหารเช้าท่านให้คุณนายไปกินที่หัวเรือครับ”“ได้ ขอบคุณ” รัมภาเอ่ยบอก สิงห์เดินลงบันได เธอจึงเดินไปที่หัวเรือ มองเห็นอาหารบนโต๊ะมากมายนัก จนเธอลายตา ไม่ช้าเขาก็ขึ้นมาจากน้ำทะเลด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ทำให้เธอมองไม่วางตาจากตรงนั้นเขาเอ่ยขึ้น“ผมกับอาหารใครน่ากินกว่ากัน”“ต้องเป็นคุณอยู่แล้ว” รัมภากัดริมฝีปาก“สักรอบดีมั้ย”“ไม่เอาฉันต้องกินก่อน” รัมภาจะจับช้อน แต่เขาดึงจากมือเธอ“จำที่ผมพูดไม่ได้ห้ามจับอะไรนอกจากตัวผม” น้ำเสียงของเขาเย้ายวนนัก แต่หญิงสาวจึงเผลอยิ้ม“คุณจะไม่ให้ฉันกินฉันดื่มเลยหรือ” รัมภาเอ่ยถาม แล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอก จิ้มลงไข่แดงที่ยังไม่แตก จิ้มให้แตกแล้ววนในไข่แดง แล้วเอามาใส่ปากเรียวสวย
เมื่อรัมภาได้ยินเช่นนั้นเธอไม่รอช้าจับความเป็นชายเข้าไปในตัวเธอช้าๆ ริมฝีปากสวยเม้มด้วยความสะท้านไปทั่วทั้งกาย โน้มตัวเข้าหาเขา มีมือของเขาคอยประคองเธอให้เข้าออกช้าไป ไม่นานนักเขาเป็นคนขยับเสียเอง เธอจูบลงบนริมฝีปากของเขา เธอก็ขยับเองเช่นกันด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ เขาจับเธอเปลี่ยนมานอนใต้ร่างของเขา และขยับความเป็นชายสอดใส่ช้าๆ ต่อจากนั้นสอดใส่แรงขึ้นตามอารมณ์ดิบ มือของเธอจิกลงบนผ้าปู เขาจึงโน้มตัวจับมือเรียวของเธอ สอดผสานกันจนเธอกรีดร้องด้วยความสุขหฤหรรษ์ปลดปล่อยออกมาหมดตอนนี้เป็นตาเขาบ้างที่จะปลดปล่อยให้เธอบ้าง เขาเข้าออกสองครั้งเห็นจะได้เขาจึงข้าไว้ในตัวเธอ ริมฝีปากของเขาจูบลงบนริมฝีปากเธอเนิ่นนาน แล้วถอนออก นครินทร์ลงมานอนข้างเธอ รัมภาเข้าสวมกอดเขา มือของเขาลูบลงบนหลังเธอเบาๆ“วีนัสพรุ่งนี้ผมบินไปเชียงใหม่ ผมไม่อยากจากคุณเลย ไปกับผมนะ”“พรุ่งนี้วันเกิดคุณจำได้มั้ย” รัมภามองหน้าเขา“จำได้” เขาเอ่ยสั้น“พรุ่งนี้ฉันอยากทำอาหารอะไรอร่อยๆ ให้คุณทานไม่อยากกินนอกบ้านเหมือนทุกครั้ง กลับมากินข้าวด้วยกันนะ” รัมภายิ้มเล็กน้อย“ได้ ผมเสร็จงานจะรีบบินกลับทันที”“ตามนี้” รัมภาเอ่ยแผ่วเบา แล้วหลับตาลง
หญิงสาวตื่นมายามเช้าของวันเสาร์ ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจเล็กน้อย ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำคิดว่าเขาคงอยู่ในห้องน้ำแน่ๆ เธอจึงเดินไปยังห้องน้ำ เป็นจริงดังขาด เขาอยู่ในห้องน้ำจริง เขาอยู่ในอ่างจากุชชี่ เห็นขวดไวน์แดงราคาแพงวางเหลือเพียงครึ่งขวด เขาไม่เคยกินมากมายขนาดนี้ต้องมีเรื่องอะไรที่เขาไม่สบายใจแน่ เรื่องงานหรือเปล่านะ เธอก็ไม่ได้เขาบริษัทแรมเดือนแล้วตั้งแต่เขามีเลขาใหม่เป็นงานแล้ว นครินทร์นั่งในอ่างจากุชชี่นึกอะไรเพลินๆ เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อมีริมฝีปากอุ่นๆ จูบลงบนแก้มเบาๆ เขาจึงเหลือบมองนั้นคือภรรยาของเขาเอง เธอนั่งหันหลังเปลือยเปล่าบนขอบอ่าง มือเรียวลูบใบหน้าเขาเบาๆ เผยยิ้มพิมพ์ใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณคิดอะไรอยู่คะ...ฉันเห็นคุณนั่งคิ้วผูกโบว์” น้ำเสียอ่อนหวานเอ่ยถามเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกที่รัก...ทำไมถึงตื่นเช้าจัง” เขาเอ่ยถาม “นี่จะแปดโมงเช้าแล้ว...วันนี้สายสุดแล้วละ” เธอเอ่ยบอก “ลงมานั่งด้วยกันสิ” เขายิ้มให้เธอ หญิงสาวก้าวลงในอ่างอย่างว่าง่ายไม่ทันที่เธอได้ตั้งตัว ตัวของเธอชิดผนังไปเสียแล้ว ขณะที่เขาจูบลงบนไหลเธอหนักๆ “เดี๋ยวก่อน...” ไม่ทันที่รัมภากล่าวจบ นครินทร์รีบร้อนดั
“ท่านประธานมาถึงแล้ว” พนักงานหน้าประตูพูดขึ้น นครินทร์ลงจากลัมโบกินี่ ซูเปอร์เอสยูวี โดยมีสิงห์เป็นคนขับ รัมภาเองก้าวลงจากรถมีบอดี้การ์ดเปิดประตูให้เธอ แสงแฟลชสาดส่งเขาและเธอ รัมภาเองก้าวเดินไปหาเขาที่ยืนอยู่ เขายืนรอเธอยกแขนข้างขวาให้เธอประคอง หญิงสาวมองเขาเผยรอยยิ้มแล้วประคองแขนเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน“คุณมางานครั้งแรกรู้สึกเป็นอย่างไงบ้าง” นครินทร์ถามเธอ ขณะที่เดินไปพนักงานยกมือไว้เขาและเธอ“ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ...คนตั้งเกือบพัน...” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย“เก้าร้อยแปดสิบสามคนเอง” เขายิ้มเล็กน้อย“นั้นละ...เกือบพัน” “สวัสดีครับ...คุณนครินทร์...คุณรัมภา...ผมจักรพรรณ...” ชายวัยกลางคนเอ่ยทักนครินทร์“สวัสดีครับ...คุณจักรพรรณ...ประธานบริษัทสิริทรัพย์ยานยนต์” “ผมเอาของขวัญมามอบให้ครับ...เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทมามอบให้” จักรพรรณส่งกุญแจรถใหญ่นครินทร์“ขอบคุณอย่างยิ่งครับ” นครินทร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วล่งกุญแจรถให้กับหมีบอดีการ์ดของเขาที่เดินตามอยู่ด้านหลัง“ตอนนี้บริษัทเราจดสิทธิบัตร...” (ภาษาฝรั่งเศส)“บริษัท เอ็น.จี.พี กรุ๊ป เป็นบริษัทลูกกัมปนาทไพศาลกรุ๊ป...ได้เข้าตลาดหลักเมื่อเดือนที่แล







