Masuk“ว่าไงวะไอ้นัฐ...ไม่เจอกันชะนาน...หล่อขึ้นเป็นกอง”
นครินทร์เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าว่าเป็นใคร...นิชคุณ ศิริโรจน์ เพื่อนเก่าสมัยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อยู่มัธยมปีที่หนึ่ง จนวันนี้ถึงแยกย้ายไปดูแลกิจการของตนเองไปกันหมดแล้ว แต่ก็ยังคุยกันไม่ขาด “ไอ้คุณ...กูเป็นคนไม่ใช่ขี้...มึงมางานแต่งกู...กูจำได้...บอกว่าไม่ได้เจอกันนาน” นครินทร์ก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อที่อยู่บนโต๊ะ “วีนัสเป็นไงบ้างวะ...วันนั้นกูไม่ได้เข้าไปทัก” นิชคุณถามเขากลับ “เธอสบายดี...” เขาพูดเบาๆ “มึงนี้ก็เนอะ...เหมือนฟ้าลิขิต จีบวีนัสตั้งแต่มัธยม แต่เธอไม่สนใจ จนมาวันนี้ได้แต่งงานกัน...แถมยังช่วยปลดหนี้ให้พ่อเธออีก” นิชคุณเขารู้ดีว่าหญิงสาวที่ชื่อวีนัส เธอเป็นดาวเด่นมาตั้งแต่มัธยมต้น เธอทั้งสวย...สง่า...เพราะแม่ของเธอเป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชายหนุ่มต่างหลงรักเธอไม่ต่างจากเพื่อนของเขาที่แอบชอบเธอมาโดยตลอด...เหมือนว่าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ก็ตาม “วีนัสเกลียดกูอย่างกับขี้...กูไม่รู้ว่าเธอจำกูได้หรือเปล่า...แต่กูคิดว่าเธอจำกูไม่ได้” “มึงก็บอกวีนัสไปดิ...ช่อกุหลาบที่ล็อกเกอร์ ในวันวาเลนไทน์ของทุกๆ ปี ตั้งแต่มอหนึ่งถึงมอหกมึงก็เป็นคนเอาไปวางไว้...ว่าเป็นของมึง” “วีนัสคงจะเชื่อกูเน๊อะ” นครินทร์ละจากกองเอกสาร เดินไปที่ริมหน้าต่างมองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยา “ทำไม...มีปัญหาอะไรนักหนา...กูละงงกับมึงจริงๆ” “มันซับซ้อน...กูไม่อยากจะเล่า” “มึงอยากเล่าเมื่อไหร่ก็เล่าแล้วกัน...แล้วมึงเคลียร์กิ๊กเก่ามึงยัง...” นิชคุณพูดถึงบุคคลที่สามอีกหนึ่งคน “ใคร...ตีช่าเหรอ” นครินทร์หันกลับมามองนิชคุณ “ใช่...นางจิกกัดมึงไม่ปล่อยเลยนิ...แล้วเรื่องแต่งงานของมึงเธอยังไม่รู้...ตอนนี้คงรู้แล้ว...มึงเชื่อดิ...ตีช่าต้องบินจากเมกามาหามึงแน่” “กูเลิกกับตีช่าเมื่อเดือนที่แล้ว” “มึงคอยดูทอร์นาโดลูกใหญ่จะมาหามึง” “กูเอาอยู่” นครินทร์หันกลับมามองนิชคุณแล้วยิ้มที่มุมปาก “พ่อคนเก่ง...มีอะไรให้กูช่วยก็บอกกูนะ...ส่วนวีนัส...” นิชคุณจะพูดต่อ นครินทร์จึงพูดแทรกขึ้น “รู้แล้ว...กูเอาอยู่” “กูไปแล้วนะ...พ่อคนเก่ง” นิชคุณลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกไปจากห้องของเขา ให้เธอรู้ว่าเราเป็นคนเลวในสายตาของเธอ...ดีกว่าที่จะมารู้ความจริงที่โหดร้ายดีกว่า หญิงสาวนั่งดูรูปของพ่อตนเองในไอแพด มองด้วยความคิดถึง อยากให้พ่อได้เห็นเกรียตินิยม แต่พ่อของตนต้องมาฆ่าตัวตายเพราะเอาเงินไปลงทุนนับร้อยล้าน แต่ถูกโกง จึงมากู้เงินนครินทร์ พอไม่มีเงินคืนก็ฆ่าตัวตาย เพราะสัญญาผูกมัดให้พ่อต้องคืนเงินในระยะเวลาสามปีหลังจากการกู้เงิน ไม่งั้น บ้าน รถ และทรัพย์สินทั้งหมด ก็ถูกลิบไปเป็นของเจ้าหนี้ทั้งหมด รวมถึงตัวเธอด้วย เธอเห็นประตูเปิดเข้ามา จึงเก็บไอแพดใส่ลิ้นชัก ใช้มือคลี่รอยน้ำตา “ทำอะไรอยู่...” เขาเห็นรอยตาบนแก้มของเธอ ทำให้เขาอดถามไม่ได้ “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน...มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หญิงสาวโน้มตัวลงนอน “เกี่ยวสิ...คุณเป็นเมียของผม” เขาเดินมานั่งบนเตียงข้างเธอ เธอขยับหนีเขา เขาจึงใช้มือจับแขนเธอไว้ “ปล่อยฉันนะ...นัฐ” รัมภามองเขาด้วยอารมณ์เกลียดชัง “วีนัส...ผมทำอะไรให้คุณโกรธแค้นได้ขนาดนี้” ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว “คุณทำให้พ่อฉันต้องฆ่าตัวตาย” รัมภาปัดมือเขาออกจากตัว “ผมไม่ได้ทำอะไรพ่อคุณเลย...วีนัส คุณไปเอาความคิดนี้มาจากไหน” “คุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนเลว...เลวที่สุด..” เธอจะตบใบหน้าเขา แต่เขาจับแขนเธอไว้ทัน และจับมือทั้งสองข้าง “วีนัส...ผมไม่เคยทำร้ายคุณหรือครอบครัวของคุณ...จำคำนี้เอาไว้” เขาพูดช้าๆ ชัดๆ “คนอื่นอาจจะเชื่อคุณ...แต่ฉันจะไม่ของฟัง...คำโกหกของคุณ...” รัมภามองใบหน้าเขาด้วยความเกลียดชัง “รัมภา...ผมไม่เคยขอให้คุณเชื่อ...” ชายหนุ่มจะพูดแต่เธอพูดขึ้นมาก่อน “นครินทร์...คุณอย่าเอาความดีเข้าตัวเอง...เพราะคุณมันเลว...ได้ยินไหมว่าคุณมันเลว” เธอพูดอย่างไม่ลดละ เขาถึงขีดสุด...สุดที่จะทนได้ “คำก็เลว...สองคำก็เลว...อยากลิ้มรสความเลวมากใช่ไหม...ผมจะทำให้คุณรู้ว่าผมมันเลว...อย่างที่คุณไม่เคยเห็น” ชายหนุ่มประกบริมฝีปากเธอไม่ทันตั้งตัว เธอจะหลบริมฝีปากของเขา แต่มือเขากลับประคองใบหน้าเธอไว้ทั้งสองข้าง เธอทั้งผลัก ทั้งหยิก ทั้งตี เขาก็ไม่ปล่อย เธอจึงกัดลิ้นของเขา “รัมภา” นครินทร์มองใบหน้าของเธอด้วยความโกรธถึงขีดสุด “ฉันเกลียดคุณ...นครินทร์...” หญิงสาวรีบลุกขึ้น แต่เขาไวกว่ากดเธอลงบนที่นอนเช่นเดิม “เกลียดผมมากใช่ไหม...ผมจะทำให้คุณเกลียดจนคุณลืมไม่ลงเลยทีเดียว...รัมภา” เขาถอดเนคไทออกจากคอ มัดมือเธอทั้งสองข้าง “ปล่อยฉันนะ....” หญิงสาวดิ้นรนจากเนคไทบนข้อมือทั้งสองข้าง “รัมภาคุณเรียกร้องความเจ็บปวดเองนะ...ผมเองก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน” เขาปลดดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด แล้วโยนทิ้งไปข้างเตียง และปลดเข็มขัดออกเช่นกัน ปลดกางเกงสแล็คสีดำพร้อมกับบล็อกเซอร์สีดำอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเมินหน้าหนีเขา “มองผมรัมภา...และคุณจะมองผมไปชั่วชีวิต” เขาพูดเสียงดังแฝงด้วยอำนาจ เธอหันมาด้วยสายตาเกลียดชังเขาถึงที่สุด “ฉัน...เกลียด...คุณ” หญิงสาวเน้นทุกคำ “เกลียดมาก...ก็ต้องโดนมาก...มากกับการเกลียดผม” นครินทร์ดึงเชือกที่เอวเธอ ทำให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าได้รูปโค้งเว้า แต่ก็อวบอิ่ม อกใหญ่เกินตัวของเธอ ทำให้เขา ขยำแรงๆ ทั้งสองข้าง “รู้ไหมอกคุณสวยมากๆ ...วีนัส...” เขาพูดเบาๆ น้ำเสียงเร้าใจ “อยากทำอะไรก็เชิญ...” “ได้...ผมจะทำให้คุณเสร็จสมภิรมย์หมาย...จนคุณครางไม่เป็นศัพท์” เขายิ้มที่มุมปาก “ฉันจะไม่ปริปากร้องแม้นแต่ครั้งเดียว” หญิงสาวพูดกระแทกใส่เขา “แล้วมาคอยดูกัน” นครินทร์ใช้มือลูบไล้บนความเป็นหญิงสองเธอ น้ำในตัวเธอไหลออกมาให้เขาใช้นิ้วเกลี่ยเล่น แล้วเข้าริมฝีปาก ยิ้มเหมือนคนมีชัย “ร่างกายของคุณตอบสนองเร็วมากเลยนะ...วีนัส” เขามองใบหน้าเธอที่มองจะกินเลือดกินเนื้อเขา “ลองของผมสักหน่อย...ดูสิ..คุณจะเงียบ...หรือว่าจะคราง” เขาจับความเป็นชายถูไถบนความเป็นหญิงช้าๆ เหมือนลองใจ หญิงสาวกลับเม้นริมฝีปากไว้กลัวจะครางออกมา เขาจับเรียวขาเธอออกกว้างเป็นตัวเอ็ม จึงสอดเข้าไปทั้งลำ ทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาสอดเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดันขาเธอออกกว้างขึ้น “วีนัส...คุณด้านตายเหรอ...” ชายหนุ่มล้อเธอ ขณะที่เธอกัดริมฝีปาก ไม่ให้ร้องออกมา เธอขมิบเข้า เขาจึงค้อมตัวเธอ ดันเข้าสุดออกสุด แล้วดันเข้าไปใหม่ “อืมม์...” หญิงสาวครางเบาๆ “ดังอีก...ผมชอบ...” เขาเข้าไปสุด และแช่เอาไว้ เธอปลดปล่อยมันออกมา เขาถอยออก และเข้าไปอีกขยับแรงๆ มือของเขายึดสะโพกของเธอไว้ แล้วดันเข้าออกถี่และรวจเร็ว “อ่าส์....” เขาปลดปล่อยออกมาบ้าง มองหญิงสาวที่หลั่งน้ำตาไม่ขาดสาย “หยุดร้องชะ...” เขาใช้มือปลดปลดเนคไทออกจากมือเธอ เธอจึงนอนนิ่งหลั่งตาเงียบ ขณะที่เขาใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไป วีนัส...ผมไม่เคยที่อยากทำร้ายคุณ...เพราะน้ำตาคุณทุกหยด...รู้ไหมว่ามันเหมือน...น้ำกรดลดหัวใจ...แต่ผมยอมเป็นคนเลวในสายตาคุณดีกว่า...ดีว่าที่คุณจะรู้ความจริง...ที่เลวร้าย...ในงานเลี้ยงรัมภาเดินเข้ามาในงาน คุณหญิงคุณนายต่างเดินมาทักทายเธอ ทำเอาเธอเวียนหัวไม่น้อย ส่วนนครินทร์ก็อยู่ไม่ไกลจากเธอ เขาคุยกับเพื่อนและนักธุรกิจที่เป็นคู่ค้า จนเขาไม่อาจออกมาจากตรงนั้นได้ รัมภาจึงเดินไปเข้าห้องน้ำยังมีบอดี้การ์ดเดินตามมาถึงห้องน้ำ จนเธอเข้าห้องน้ำเขาจึงยืนรอข้างนอก เธอเข้าไปในส่วนของห้องชำระ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจึงเดินออกมา ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นว่า“หวัดดี” เสียงที่เธอคุ้นเคยอย่างยิ่งจึงหันไปดูแต่ก่อนที่เธอจะหันไป มีปีนลูกโม่มาจ่อที่หัวของเธอ โดยการมองผ่านกระจกเธอจึงถามขึ้นช้าๆ“ตีช่า คุณทำแบบนี้ทำไม”“ชู่ววววว์…ไม่ต้องถามเดี๋ยวเธอก็ต้องตาย”รัมภาจึงเหยียบเท้าเธออย่างจัง จนตีช่าทำปีนหลุดมือ รัมภาจึงวิ่งไปทางประตู ตีช่าได้สติจึงสบถทันที“หน่อย!!!” ตีช่าเร่งปีนใส่เธอแบบไร้ทิศ ดังสนั่นนครินทร์และบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาดูทันที ก่อนที่รัมภาจะล้มลง นครินทร์ประคองเธอไว้ ก่อนที่ดวงตาจะปิดลง รัมภาเอ่ยเบาๆ"...นัฐ…”ผ่านมาห้าปีให้เธอให้กำเนิดลูกชายสองคนที่มีชื่อว่า นิโรจน์กับวิรุฬ เขาสองคนกำลังน่ารักและนครินทร์พ่อของพวกเขา ก็รักพวกเขามาก รัมภาค่อยดูแลพวกเขาเป็
หญิงสาวเรือนร่างกายเปลือยเปล่าที่เก้าอี้ยาวหลังจากรักมาราธอนสี่วันเต็มที่อยู่กับเขาจนเธอเมื่อยล้าไปทั้งตัว ตอนนี้สามีของเธอหายไปคุยโทรศัพท์ได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอจึงมีเวลาว่างมานอนอาบแดดดื่มน้ำส้มที่บนหัวเรือ ให้แสงแดดสาดลงมาบนตัว ชายหนุ่มใส่ผ้าขนหนูสีขาวเพียงผืนเดียวเดินมาข้างๆ เธอ รัมภาจึงลืมตาขึ้นช้าๆ มองสามีสุดที่รัก เธอยิ้มให้เขา นครินทร์ยิ้มให้เธอแล้วจึงบอกเธอ“วันนี้เราต้องเข้าฝังแล้ว” นครินทร์กล่าวด้วยเสียงเสียดาย รัมภาก็รู้สึกเสียดายไม่แพ้กัน เธอจึงเอ่ยเบาๆ“หมดเวลาสนุกแล้วสิ"“เหลือเวลาอีกแปดชั่วโมงต้องไปถึงงานบอลลูน”“ไม่ไปได้มั้ย ฉันอยากอยู่กับคุณ” รัมภากระตุกผ้าเขาลงมา ความเป็นชายที่หลับใหลออกมาเผชิญตรงหน้าของเธอ เธอจับความเป็นชายเบาๆ เขาที่เรียวปากสวยได้รูป เธอเข้าออกเป็นจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงกดของเขา เขาปลดปล่อยออกหมดแม็กซ์ น้ำนมไหลให้เธอกินไม่หมดสิ้น รัมภาจึงเลียที่ริมฝีปากเขาจึงนั่งลงข้างเธอประกอบริมฝีปากเนิ่นนานและเองตัวเธอลงบนเบาะ และสอดใส่เข้าไปในตัวเธอทันที แล้วตั้งตัวตรงสอดเข้าเธอไม่ยังแรง รัมภากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเธอไม่เคยรู้สึกชินกับความเจ็บนี้ เขาเข้าอ
รัมภาตื่นขึ้นมายามเช้ามองข้างตน ไม่เห็นนครินทร์ มองมาทางหน้าต่างน้ำสีเขียวมรกตกับท้องฟ้าที่สว่างสดใส เธอเอาเสื้อคลุมสีเทาเดินออกจากเตียงเดินไปเปิดประตูเดินออกจากห้อง เห็นสิงห์เดินมาก้มโค้งให้เธอผู้เป็นนายหญิง รัมภาจึงเอ่ยถาม“นัทไปไหน”“ท่านลงไปว่ายน้ำได้สักพักแล้วครับ”“เขาคงไม่โดนฉลามตอดไปแล้วหรอกนะ” รัมภาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“คุณนาย ผมอยู่ด้านล่างของเรือมีอะไรเรียกใช้ก็โทรบอกผมกับนาส ส่วนอาหารเช้าท่านให้คุณนายไปกินที่หัวเรือครับ”“ได้ ขอบคุณ” รัมภาเอ่ยบอก สิงห์เดินลงบันได เธอจึงเดินไปที่หัวเรือ มองเห็นอาหารบนโต๊ะมากมายนัก จนเธอลายตา ไม่ช้าเขาก็ขึ้นมาจากน้ำทะเลด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ทำให้เธอมองไม่วางตาจากตรงนั้นเขาเอ่ยขึ้น“ผมกับอาหารใครน่ากินกว่ากัน”“ต้องเป็นคุณอยู่แล้ว” รัมภากัดริมฝีปาก“สักรอบดีมั้ย”“ไม่เอาฉันต้องกินก่อน” รัมภาจะจับช้อน แต่เขาดึงจากมือเธอ“จำที่ผมพูดไม่ได้ห้ามจับอะไรนอกจากตัวผม” น้ำเสียงของเขาเย้ายวนนัก แต่หญิงสาวจึงเผลอยิ้ม“คุณจะไม่ให้ฉันกินฉันดื่มเลยหรือ” รัมภาเอ่ยถาม แล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอก จิ้มลงไข่แดงที่ยังไม่แตก จิ้มให้แตกแล้ววนในไข่แดง แล้วเอามาใส่ปากเรียวสวย
เมื่อรัมภาได้ยินเช่นนั้นเธอไม่รอช้าจับความเป็นชายเข้าไปในตัวเธอช้าๆ ริมฝีปากสวยเม้มด้วยความสะท้านไปทั่วทั้งกาย โน้มตัวเข้าหาเขา มีมือของเขาคอยประคองเธอให้เข้าออกช้าไป ไม่นานนักเขาเป็นคนขยับเสียเอง เธอจูบลงบนริมฝีปากของเขา เธอก็ขยับเองเช่นกันด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ เขาจับเธอเปลี่ยนมานอนใต้ร่างของเขา และขยับความเป็นชายสอดใส่ช้าๆ ต่อจากนั้นสอดใส่แรงขึ้นตามอารมณ์ดิบ มือของเธอจิกลงบนผ้าปู เขาจึงโน้มตัวจับมือเรียวของเธอ สอดผสานกันจนเธอกรีดร้องด้วยความสุขหฤหรรษ์ปลดปล่อยออกมาหมดตอนนี้เป็นตาเขาบ้างที่จะปลดปล่อยให้เธอบ้าง เขาเข้าออกสองครั้งเห็นจะได้เขาจึงข้าไว้ในตัวเธอ ริมฝีปากของเขาจูบลงบนริมฝีปากเธอเนิ่นนาน แล้วถอนออก นครินทร์ลงมานอนข้างเธอ รัมภาเข้าสวมกอดเขา มือของเขาลูบลงบนหลังเธอเบาๆ“วีนัสพรุ่งนี้ผมบินไปเชียงใหม่ ผมไม่อยากจากคุณเลย ไปกับผมนะ”“พรุ่งนี้วันเกิดคุณจำได้มั้ย” รัมภามองหน้าเขา“จำได้” เขาเอ่ยสั้น“พรุ่งนี้ฉันอยากทำอาหารอะไรอร่อยๆ ให้คุณทานไม่อยากกินนอกบ้านเหมือนทุกครั้ง กลับมากินข้าวด้วยกันนะ” รัมภายิ้มเล็กน้อย“ได้ ผมเสร็จงานจะรีบบินกลับทันที”“ตามนี้” รัมภาเอ่ยแผ่วเบา แล้วหลับตาลง
หญิงสาวตื่นมายามเช้าของวันเสาร์ ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจเล็กน้อย ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำคิดว่าเขาคงอยู่ในห้องน้ำแน่ๆ เธอจึงเดินไปยังห้องน้ำ เป็นจริงดังขาด เขาอยู่ในห้องน้ำจริง เขาอยู่ในอ่างจากุชชี่ เห็นขวดไวน์แดงราคาแพงวางเหลือเพียงครึ่งขวด เขาไม่เคยกินมากมายขนาดนี้ต้องมีเรื่องอะไรที่เขาไม่สบายใจแน่ เรื่องงานหรือเปล่านะ เธอก็ไม่ได้เขาบริษัทแรมเดือนแล้วตั้งแต่เขามีเลขาใหม่เป็นงานแล้ว นครินทร์นั่งในอ่างจากุชชี่นึกอะไรเพลินๆ เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อมีริมฝีปากอุ่นๆ จูบลงบนแก้มเบาๆ เขาจึงเหลือบมองนั้นคือภรรยาของเขาเอง เธอนั่งหันหลังเปลือยเปล่าบนขอบอ่าง มือเรียวลูบใบหน้าเขาเบาๆ เผยยิ้มพิมพ์ใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณคิดอะไรอยู่คะ...ฉันเห็นคุณนั่งคิ้วผูกโบว์” น้ำเสียอ่อนหวานเอ่ยถามเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกที่รัก...ทำไมถึงตื่นเช้าจัง” เขาเอ่ยถาม “นี่จะแปดโมงเช้าแล้ว...วันนี้สายสุดแล้วละ” เธอเอ่ยบอก “ลงมานั่งด้วยกันสิ” เขายิ้มให้เธอ หญิงสาวก้าวลงในอ่างอย่างว่าง่ายไม่ทันที่เธอได้ตั้งตัว ตัวของเธอชิดผนังไปเสียแล้ว ขณะที่เขาจูบลงบนไหลเธอหนักๆ “เดี๋ยวก่อน...” ไม่ทันที่รัมภากล่าวจบ นครินทร์รีบร้อนดั
“ท่านประธานมาถึงแล้ว” พนักงานหน้าประตูพูดขึ้น นครินทร์ลงจากลัมโบกินี่ ซูเปอร์เอสยูวี โดยมีสิงห์เป็นคนขับ รัมภาเองก้าวลงจากรถมีบอดี้การ์ดเปิดประตูให้เธอ แสงแฟลชสาดส่งเขาและเธอ รัมภาเองก้าวเดินไปหาเขาที่ยืนอยู่ เขายืนรอเธอยกแขนข้างขวาให้เธอประคอง หญิงสาวมองเขาเผยรอยยิ้มแล้วประคองแขนเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน“คุณมางานครั้งแรกรู้สึกเป็นอย่างไงบ้าง” นครินทร์ถามเธอ ขณะที่เดินไปพนักงานยกมือไว้เขาและเธอ“ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ...คนตั้งเกือบพัน...” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย“เก้าร้อยแปดสิบสามคนเอง” เขายิ้มเล็กน้อย“นั้นละ...เกือบพัน” “สวัสดีครับ...คุณนครินทร์...คุณรัมภา...ผมจักรพรรณ...” ชายวัยกลางคนเอ่ยทักนครินทร์“สวัสดีครับ...คุณจักรพรรณ...ประธานบริษัทสิริทรัพย์ยานยนต์” “ผมเอาของขวัญมามอบให้ครับ...เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทมามอบให้” จักรพรรณส่งกุญแจรถใหญ่นครินทร์“ขอบคุณอย่างยิ่งครับ” นครินทร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วล่งกุญแจรถให้กับหมีบอดีการ์ดของเขาที่เดินตามอยู่ด้านหลัง“ตอนนี้บริษัทเราจดสิทธิบัตร...” (ภาษาฝรั่งเศส)“บริษัท เอ็น.จี.พี กรุ๊ป เป็นบริษัทลูกกัมปนาทไพศาลกรุ๊ป...ได้เข้าตลาดหลักเมื่อเดือนที่แล







