วันเสาร์
คอนโดแพรวา
หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ วันหยุดทั้งทีจึงขอนอนให้เต็มที่หน่อย เธอลุกขึ้นนั่งบิดกายอย่างเกียจคร้าน ผมยาวสลวยสีแดงยุ่งฟูเล็กน้อย ใบหน้ากระจ่างใสเซ็กซี่ชวนมองยังคงง่วงงุน เธอขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียง
หญิงสาวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตผ้าแพรเย็นสบายสีม่วง ช่วงล่างมีเพียงแพนตี้สีขาวโอบอุ้มสะโพกกลมมน แพรวาเดินเข้าครัวชงกาแฟและทอดไข่ดาวแฮมไส้กรอกง่ายๆ ทุกครั้งที่ขยับตัว ก้มๆ เงยๆ กางเกงในสีสะอาดมักโผล่วับๆ แวมๆ เย้ายวนสายตา โชคดีที่เธออยู่เพียงลำพัง
หลังจากไข่สุกได้ที่ก็ตักใส่จาน เธอยกจานมานั่งขัดสมาธิบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น หยิบมือถือไล่เปิดอ่านอัปเดตข่าวสารพลางใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปาก
ครืด ครืด ครืด
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น ปรากฏชื่อเพื่อนสาวสมัยมหาวิทยาลัยขึ้นบนหน้าจอ
"ว่าไงแก"
(ฮายยยเพื่อน ไม่ได้คุยกันนานมาก เป็นไงบ้าง) เจเปนหญิงสาวรูปร่างอวบอั๋นเย้ายวนส่งเสียงร้องทักมาตามสาย
"ก็เรื่อยๆ เหมือนเดิม แกล่ะ"
(แทบตายค่ะ งานบริษัทฉันนรกมาก!)
แพรวาขำออกมากับคำพูดของเพื่อนสนิท แม้จะทุกคนจะแยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน ก็เหมือนเธอได้ย้อนเวลากลับไปสมัยมหาวิทยาลัย
"งั้นก็ไม่ต่างกัน"
(ฮ่าๆๆ เอาน่า วันนี้วันเสาร์ นัดเจอไหม ฉันเพิ่งวางสายจากยัยมิ้นท์มา จะไปนั่งกินข้าวเดินเล่นที่ห้างกัน)
"อืมมม กี่โมง ฉันเพิ่งตื่นยังไม่ได้อาบน้ำเลย"
(ช่วงบ่าย ไม่ต้องรีบชิลล์ๆ)
"งั้นโอเค แล้วเจอกัน"
แพรว่าตกลงอย่างว่าง่าย การได้เจอเพื่อนพูดคุยเรื่องไร้สาระถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตการทำงานแสนเคร่งเครียดและกดดันของเธอ
(ไม่ต้องจัดเต็มมากนะยะ ย้ำกินข้าวชิลล์ๆ เด้อ อย่าฆ่าเพื่อน)
"หึๆ ย่ะ ฉันก็แต่งปกติเหอะ"
(ให้จริง! แค่หน้ากับหุ่นเอ็กซ์ๆ ของแกก็กินขาดแล้ว)
"เออๆ ตามนี้ฉันไปแต่งตัวก่อน" แพรวาตัดบทก่อนที่เพื่อนจะเริ่มบ่นการแต่งตัวของเธอ
ความจริงแพรวาเป็นสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองและรูปลักษณ์พอสมควร เธอชื่นชอบแฟชั่นทันสมัย ถึงได้กล้าทำสีผมแดงก่ำเช่นนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้เข้ามาทำงานจริง เธอถึงเลือกปกปิดความเปรี้ยวซ่าและเปลี่ยนตัวเองเป็นยัยเพิ้งเฉิ่มเชยประจำบริษัทแทน
ร่างเล็กจัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยง ลุกเดินเข้าไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวภายในห้องน้ำ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่แพรวาก็เปลี่ยนโซนยืนอาบน้ำออกแล้วยัดอ่างอาบน้ำเข้าไปแทน เนื่องจากชอบนอนแช่น้ำอุ่นๆ
เมื่อเริ่มแต่งหน้าทำผม ก็ทำให้เธอพบว่าเครื่องสำอางหลายอย่างพร่องลงไปมาก เนื่องจากปกติไปทำงานเธอจะทาแค่ครีมบำรุงและตบแป้งฝุ่นเพียงเท่านั้น แต่วันนี้เธอจะได้แต่งตัวจัดเต็มแล้ว
ตู้เสื้อผ้าถูกเปิดเพื่อรื้อหาชุดที่จะใส่ ใบหน้าสวยขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อพบแต่เสื้อผ้าล้าสมัยที่ตนใส่ไปทำงาน เมื่อรื้อค้นไปยังกองเสื้อผ้าที่ซุกไว้ก็พบเสื้อสายเดี่ยวพอดีตัวสีครีม อวดเอวบาง แพรวายิ้มกริ่มเลือกจับคู่กับกางเกงยีนเข้ารูปสีเข้ม ไม่นานเธอก็กลับมาเป็นสาวน้อยแสนซุกซนเช่นเดิม
ห้างหรูในกลางเมือง
คอนโดของแพรวาตั้งอยู่ไม่ไกลมาก ถึงจะออกนอกเมืองไปหน่อย แต่ก็มีระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึงง่าย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงกลางเมืองได้ สามสาวเลือกห้างหรูที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน
หลังจากโทรหาเจเปนเพื่อถามชื่อร้านอาหารเรียบร้อย แพรวาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ร่างเซ็กซี่เย้ายวนก้าวเดินบนส้นสูง 3 นิ้วด้วยท่าทีมั่นใจ ชายหนุ่มหลายคนที่เดินผ่านไปมาแอบชำเลืองมองตามหลังหญิงสาว ลำคอแห้งผากเมื่อได้เห็นสะโพกกลมสวยได้รูปผ่านกางเกงยีน
"ไงจ๊ะ"
แพรวาส่งยิ้มหวานเอ่ยทักเพื่อนทั้งสองที่นั่งรอในร้านแล้ว ริมฝีปากบางทาทับด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม ส่งเสริมให้รอยยิ้มของเธอชวนมองยิ่งขึ้น
"นี่เหรอชุดกินข้าวชิลล์ๆ" มิ้นท์เบะปากส่งเสียงแซว ไล่มองการแต่งตัวของคนมาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ไอ้ฉันก็อุตส่าห์ย้ำ แกเนี่ยนะนังแพรวา!"
"ก็นี่มันชุดปกติ"
"ย่ะ นั่งได้แล้ว ยืนอวดหุ่นจนน้ำลายผู้ชายโต๊ะข้างหลังจะหกและ" เจเปนเพื่อนสาวสายฝอ ในชุดเดรสรัดรูปอวดสัดส่วนอกเอวสะโพกตบเก้าอี้ข้างตัว
ทั้งสามสั่งอาหารหลากหลายมาแบ่งกันทาน พลางพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตอย่างออกรสออกชาติ ความสนิทสนมทำให้แพรวาผ่อนคลายวางตัวสบายๆ หัวเราะเสียงดังกับมุกตลกของมิ้นท์และเจเปน
กลุ่มเพื่อนสาว 3 สไตล์ แต่กลับลงตัวเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า เรียกความสนใจจากเหล่าผู้ชายที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี
หลังจากทานอาหารเสร็จทุกคนก็ต้องแยกย้าย มิ้นท์ถูกหัวหน้าตามตัวเนื่องจากปัญหาเรื่องงาน เจเปนขอแยกตัวก่อน เนื่องจากมีนัดกับผู้ชายเพื่อดูหนัง ทำให้สุดท้ายแพรวาต้องมาเดินกร่อยอยู่คนเดียวในห้างหรู
หญิงสาวจึงถือโอกาสเข้าร้านเครื่องสำอาง ซื้อของใช้หลายอย่างที่เริ่มหมด ร่างเล็กเพลิดเพลินไปกับลิปสติกหลากสีสัน หลังจากห่างหายไปจากวงการแฟชั่นเนิ่นนาน แพรวาจึงช็อปแบบจัดเต็ม ทั้งครีมบำรุงผิว สบู่ วิตามิน เครื่องสำอาง เรียกได้ว่าอะไรออกใหม่ ก็ถูกกวาดลงตะกร้าหมดโดยไม่สนราคา
เริ่มเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า การชอปปิงคือวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่ง
พลั่ก!
ร่างเล็กมัวแต่ใจลอยก้มมองถุงในมืออย่างมีความสุข ทำให้เผลอชนเข้ากับแผงอกกว้างของคนชายคนหนึ่งที่เดินสวนมาจากมุมอีกด้านของห้าง
"อ๊ะ!" แพรวาร้องออกมา ถุงหลุดมือจนข้าวของกระจายเกลื่อนพื้น
หัวใจปวดร้าวเมื่อเห็นตลับแป้งราคาแพงหล่นกระทบพื้น ภาวนาให้ภายในไม่เสียหาย เงยหน้าเตรียมจะต่อว่าชายผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่แล้วเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ใบหน้าสวยก็เริ่มซีดเผือด เพราะชายตรงหน้าคือ 'โอนิกซ์'
เธอรีบก้มหน้า เผลอกัดริมฝีปากแน่นด้วยความตึงเครียด พยายามใช้เส้นผมยาวๆ ของตัวปกปิดซ่อนใบหน้า พลางก้มเก็บข้าวของด้วยความลนลาน
"โทษที" ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ ย่อตัวลงเพื่อช่วยหญิงสาวเก็บข้าวของที่หล่น
"ค่ะๆ มะ...ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้มอง ขอโทษนะคะ" ร่างเล็กตอบกลับเสียงสั่น หัวใจเต้นโครมคราม กลัวประธานหนุ่มจะจำเธอได้
ด้วยระยะที่ใกล้กัน ทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากกายสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกคุ้นเคยกับความหอมหวานนี้ พยายามลอบมองใบหน้าของเธอ แต่เส้นผมสีแดงนั้นก็ปกปิดเอาไว้ เห็นเพียงปลายจมูกเล็กโด่งรั้น กับริมฝีปากบางรูปกระจับสีแดงสด
เธอรีบยัดของใส่ถุงตามเดิม แล้วเร่งฝีเท้าเตรียมเดินจากไปอีกด้าน
"เดี๋ยว!"
เสียงเข้มดังขึ้น รั้งให้เธอหยุดชะงัก มือเล็กเย็นเฉียบบีบกำถุงจนแน่น ยืนตัวแข็งแต่ไม่ยอมหันหน้ากลับมา
โอนิกซ์มองร่างเซ็กซี่ยั่วยวนของเธออีกครั้งด้วยแววตาสำรวจ รู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างประหลาด เอวบางขาวๆ ที่โผล่พ้นขอบเสื้อนั่นทำใจเขาแกว่งไปวูบหนึ่ง
"เหลืออีกชิ้นครับ" น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น พลางยื่นลิปสติกอีกแท่งที่กลิ้งไปไกลส่งให้ สายตาคมมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอนิ่งๆ
ไร้ทางเลือก แพรวาจำใจหมุนตัวกลับไปหาร่างสูงอีกครั้ง พยายามก้มหัวซ่อนใบหน้าให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปรับของในมือเขา
ปลายนิ้วชื้นเหงื่อสัมผัสฝ่ามืออุ่นร้อนเพียงเสี้ยววิ แต่กลับรู้สึกร้อนวาบทั่วร่างอย่างประหลาด
"เอ่อ...ขะ...ขอบคุณค่ะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ก่อนที่เธอจะรีบจ้ำอ้าว เดินหนีออกไปไกล
มาเฟียหนุ่มยังคงค้างอยู่ที่เดิม มองตามหลังหญิงสาวแปลกหน้าจนเธอหายไปด้วยความสงสัย กลิ่นกายสาวยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก คิดไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหน กลิ่นหอมหวานเย้ายวนนั่น กลับทำให้เขาสดชื่นสบายใจแปลกๆ
"เอ่อ...นายครับ"
เสียงของตะวันลูกน้องคนสนิทเรียกสติร่างสูงกลับมา เขาก้มมองสัมผัสที่มือตัวเองอย่างครุ่นคิด รู้สึกตงิดใจบางอย่างชอบกล
โอนิกซ์ส่ายหัว คาดว่าช่วงนี้คงหักโหมเขียนโปรแกรมมากจนสมองเบลอ ร่างสูงก้าวยาวๆ ไปอีกด้าน ตรงเข้าร้านหนังสือขนาดใหญ่ของห้างตามความตั้งใจของตัวเอง
"วันซวยอะไรเนี่ย" แพรวาพึมพำออกมา มือเล็กกุมที่ตำแหน่งหัวใจที่เต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก
เธอเลือกหลบหลังเสา พลางชะโงกหน้ามองประธานหนุ่มเป็นระยะ เมื่อเห็นเขาจากไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ร้อยวันพันปีโอนิกซ์แทบไม่มาเดินห้าง อีกทั้งห้างกว้างใหญ่ขนาดนี้เธอดันชนกับเขาได้ ไม่เรียกว่าซวยก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
ใบหน้าสวยเคร่งเครียดกังวลไปต่างๆ นานา ว่าเขาจะจำได้ แต่สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็พอทำให้เธอคลายกังวลได้บ้าง
เธอรีบหอบถุงข้าวของกลับที่พักทันที ไม่กล้าเดินเอ้อระเหยลอยชายต่อ เพราะอาจจะไปบังเอิญเจอเขาอีกก็เป็นได้
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์โอนิกซ์ส่งยิ้มพลางยื่นนิ้วมือไปหาลูกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งอัศวินก็หัวเราะร่าพยายามยื่นมือมาคว้ากำนิ้วบิดาเอาไว้ เขาพยายามบีบๆ คลายๆ อยู่หลายครั้ง และมักจะส่งเสียงโต้ตอบบ้างเวลาผู้เป็นพ่อพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่รู้ความก็ตามไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเขาถึงอยากพาลูกชายตัวเล็กของตนกลับบ้านไปด้วย อัศวินเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี บางครั้งเขาก็มักจะเพลินกับการหยอกล้อกับลูกจนลืมเวลาไป"เล่นพอยังคะตัวเล็ก หม่ามี๊พาไปอาบน้ำดีกว่า""คิก คิก คิก"อัศวินหัวเราะคิกคักขณะดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองมารดาและยิ้มจนตาหยี"กวนปะป๊านานแล้วนะคะ ไปกัน"โอนิกซ์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ประคองทารกให้หญิงสาวรับไปอุ้มต่อ สายตาอบอุ่นสื่อความหมายสบมองกัน แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากในทุกช่วงเวลาแพรวาอุ้มอัศวินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนโอนิกซ์ก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่ออีกนิดหน่อยมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแววออกมาจากห้องน้ำ จนอดใจไม่ไหวต้องวางโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเดินไปดูสองแม่ลูกแทนแพรวานำอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กมาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน
3 เดือนต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ก้มอ่านเอกสารร่างสัญญาฉบับใหม่ มือขวาควงปากกา มือซ้ายก็ประคองร่างของลูกชายตัวเล็กโยกกล่อมให้หลับภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยอุปกรณ์เลี้ยงเด็ก ทั้งเปลที่นอน และคอกกั้นบุนวมอย่างดี พร้อมตุ๊กตาของเล่นขนาดต่างๆ จนไม่เหลือคราบห้องของประธานบริษัทแม้แต่น้อยแพรวาเปิดประตูเข้ามา หลังจากคลอดลูกน้อยรูปร่างเธอก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แทบจะดูไม่ออกว่าเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนใบหน้าสวยดูเปล่งประกายความงามชัดเจน ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง เธอสวมชุดเสื้อสูทสีครีมคู่กับกระโปรงเอวสูงสีเดียวกัน ราศีภรรยาประธานบริษัทจับทุกระเบียบนิ้วมุมปากที่ทาทับด้วยลิปสติกสีนู้ดยกยิ้มขึ้น จรดฝีเท้าเงียบเชียบไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยโอนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร สายตาใต้กรอบแว่นดูอ่อนโยนเมื่อมองผู้มาใหม่ วางปากกาในมือลง"นี่เอกสารประชุมอาทิตย์หน้าค่ะ""เหนื่อยไหมครับ""นิกซ์ต่างหาก วินดื้อไหมเอ่ย""เล่นเสร็จ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้"สายตาอ่อนโยนมองใบหน้าหลับใหลของลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาแทบจะพิมพ์เดียวกัน ยก
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาลแพรวานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนเตียงคนไข้ โอนิกซ์ย้ายเธอมาที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้วเพื่อรอวันคลอด ตอนนี้แพรวายังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ต่างจากคนเป็นสามีที่ดูตื่นตัวพร้อมทุกสถานการณ์ เขาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดไว้พร้อมสรรพ รวมถึงจัดการออกแบบตกแต่งห้องนอนรับแขกเก่าที่แพรวาเคยนอนเป็นห้องเด็กอ่อน แม้ลูกยังต้องนอนห้องเดียวกับพวกเขาอีกหลายปีก็ตามท้องเธอโตเสียแทบเดินไม่ไหว จะลุกจะนั่งต้องมีโอนิกซ์คอยช่วยพยุงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ห้องพักของเธอครึกครื้น"พี่วาเอาแอปเปิลไหม คลีปอกให้" คลีโอและลีโอหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมว่าที่คุณแม่ตั้งแต่เช้า"ได้จ้ะ ขอบคุณนะ""ค่า เดี๋ยวคลีไปล้างก่อน"คลีโอเดินไปยังส่วนครัวของห้องพักซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีแยกโซนสำหรับคนไข้และญาติเวลามาเยี่ยมไว้ด้วย ห้องรับแขกก็กว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วนจึงไม่รบกวนการพักผ่อนของคนไข้"ปอกเป็นเหรอไง เอามีดมานี่ พี่ทำเอง" ลีโอที่แทบทนดูไม่ไหว ดึงมีดคมออกจากมือแฟนสาว และดันตัวเธอไปข้างๆ ก่อนจะจัดการแอปเปิลสีแดงด้วยตัวเองชายหนุ่มจัดการป
ย่านใจกลางเมืองเหล่ามาเฟียสี่คน ยืนหน้าเครียดมองประตูร้านขนมหวานด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เป็นคนเสนอความคิด"เอาจริงดิ พาพวกกูมาคุยงานในร้านขนมเนี่ยนะ" ลีออนเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"แล้วยังไง""ดูหน้าแต่ละคนก่อน แล้วค่อยถามว่ายังไง""มึงก็รู้กูห่างเมียนานไม่ได้ มันปวดหัวอยากจะอ้วก ถ้าอยากคุยงานก็คุยที่นี่" โอนิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะจูงมือภรรยาสาวที่ท้องโตเข้าไปในร้านเป็นคนแรก"แน่ใจเหรอวะ" ลีออนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนที่เหลือ ซึ่งวิคเตอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ส่วนไคโรและลีโอก็ส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถาม และพาแฟนตัวเองเข้าไปในร้านด้วยเช่นกัน"เชี่ย พวกกูสองคนมาทำห่าอะไรเนี่ย นึกว่านัดเดทคู่""กูยอมให้มึงควงได้วันหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มลวนลามกูเมื่อไร กูถีบมึงแน่""ถุย! กูเนี่ยนะ จะลวนลามมึง พูดจาน่าถูกกระสุนฝังหัวจริงๆ""หึ"วิคเตอร์ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ และเดินตามคนอื่นเข้าไปในร้าน สุดท้ายเพื่อนผู้เรื่องมากก็หมดข้อโต้แย้ง ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตามเข้ามาโอนิกซ์แยกโต๊ะระหว่างกลุ่มสาวๆ ในนั่งริมหน้าต่างร้าน ส่วนกลุ่มเขาแยกมาอีกโต๊ะก่อ
คฤหาสน์ตระกูลโอนิกซ์แพรวาคลี่ยิ้มละลายใจ ขณะผลักร่างสูงของผู้เป็นสามีลงบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขา โอนิกซ์หอบหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองหญิงสาวค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมร่างด้วยท่าทางยั่วเย้าชวนคลั่งคอเสื้อเว้าลงมา จนสามารถมองเห็นเนื้อนุ่มคู่สวยใต้ชุดเดรสน้ำเงิน ความกระสันทำช่วงล่างปวดหนึบ ดุนดันเป้ากางเกงขึ้นเป็นลำคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า มือน้อยลูบไล้ลำกายแข็งขืนผ่านกางเกง เฝ้ามองคนข้างใต้พยายามบดเบียดช่วงล่างเข้าหามือเธอ"จะให้รางวัลอะไรนิกซ์ครับ" เขาถามเสียงกระเส่า ความรู้สึกตื่นตัววูบหวิวทรมานเหมือนตนกำลังโดนทำโทษมากกว่า"รอดูสิคะ ใจร้อนจัง""อ่า เมียขี้ยั่วจัง"มือซุกซนเริ่มทำการปลดตะขอกางเกงพร้อมดึงมันลง โอนิกซ์ก็ยกสะโพกช่วยให้เธอจัดการกับกางเกงเกะกะโดยง่าย ท่อนเอ็นร้อนแข็งแทบชี้หน้า แต่ก็ยังมี บ็อกเซอร์อีกตัวปกปิดเอาไว้แพรวานั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา ใช้มือสัมผัสความใหญ่โตผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วยวนใจเย็น แต่คนที่นอนหอบหายใจกลับจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง รูดชั้นในลง โยนทิ้งออกไปในที่สุดท่อนเอ็นใหญ่ขนาดเท่าข้อมือหญิงสาวปรากฏสู่สาย
หลังมื้ออาหารจบลง งานประมูลสินค้าเพื่อร่วมบริจาคเงินให้แก่เด็กด้อยโอกาสจึงเริ่มขึ้น แขกที่มาร่วมงานทยอยเดินไปยังโซนหน้าเวทีโอนิกซ์โอบเอวภรรยาคนสวยไว้ตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนเธอนั่งลงข้างไปรยาเรียบร้อย เขาจึงนั่งขนาบข้าง ไม่นานไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ถูกหรี่ลง พร้อมเสียงพิธีกรดำเนินงานดังขึ้น"สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลเพื่อการกุศลครั้งที่ 4 รายได้จากการประมูลทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสยังพื้นที่ห่างไกล ของที่นำมาร่วมประมูลในวันนี้มีมูลค่ารวมกันเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับงานในครั้งนี้นะครับ"แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือเสียงดัง ตื่นเต้นที่จะได้ชมของล้ำค่ามากมาย และยังได้โอกาสอวดบารมีและเงินในบัญชีให้คนอื่นรับรู้ด้วย"ของชิ้นแรก เปิดกันมาด้วยแจกันเครื่องลายครามจากราชวงศ์ชิง ของประเทศจีนโบราณ พร้อมใบรับประกัน ขอเปิดการประมูลที่ หนึ่งล้านบาทครับ"เมื่อพิธีกรให้สัญญา ผู้ร่วมงานก็ชูป้ายขานราคากันอย่างสนุกสนาน แพรวาตกใจกับราคาที่สูงลิ่วของของแต่ละอย่าง ความคิดที่อยากจะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยต้องถูกหยุดไว้ชั่วคร