ฝนแวะไปหาพ่อกับแม่ที่โรงพยาบาลเพื่อปรึกษาเรื่องหารถที่จะพาพ่อกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ เข้มจึงอาสาที่จะเป็นธุระจัดการให้เอง นางฉวีขอบคุณเข้มเป็นอย่างมาก กำชับให้ลูกสาวดูแลเจ้านายให้เป็นอย่างดี นางฉวีเล่าให้ตาสอนฟังด้วยว่าเจ้านายของฝนเป็นคนดีมีน้ำใจ "ตั้งแต่แกเข้าโรงพยาบาลก็ได้เจ้านายคนนี้แหละเป็นธุระจัดการให้หลายอย่างเลยนะแก"พูดกับสามีของนางด้วยความชื่นชม"เออ ๆ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าก็คงต้องขอบคุณเขาสักหน่อยแหละ"ตาสอนยังไม่เคยเห็นหน้าเข้มเพราะเขาไม่เคยเข้าไปเยี่ยมตาสอนในห้องพักผู้ป่วยเลย เนื่องจากหมออนุญาตให้แค่ญาติของคนไข้เท่านั้นเข้าไปเยี่ยมได้ นางฉวีเข้าใจว่าเข้มเป็นเจ้าของผับที่ฝนไปทำงานด้วยเพราะเข้มเคยบอกนางฉวีว่าเขาเป็นเจ้านายของฝนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เกือบ ๆ สองทุ่มแล้วเมื่อมาถึงหมู่บ้านของฝนก็สามทุ่มพอดี น้อง ๆ ของฝนกำลังจะเข้านอน เขาช่วยเธอขนของที่ซื้อมาเมื่อตอนกลางวันเข้าไปในบ้าน ที่ซื้อมาเมื่อตอนกลางวันเขาเอาให้เธอหมดเลย"คุณเข้มหิวไหมคะ เดี๋ยวฝนต้มมาม่าให้กิน"เข้มพยักหน้า ไอ้หิวก็ไม่เท่าไหร่หรอกแค่อยากอยู่ใกล้ชิดเธอเพิ่มขึ้นอีกนิดเท่านั้นเอง ฝนจึงเข้าครัวและต้มมาม่าใส
ฝนตื่นมาแต่เช้านึ่งข้าวเหนียวและทำกับข้าวไว้ให้น้อง ๆ คงไม่ได้ขายน้ำแข็งใสอีกหนึ่งวันเพราะต้องไปรับพ่อที่โรงพยาบาล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปปลุกน้อง ๆ "ไปอาบน้ำอาบท่ามากินข้าวได้แล้วทั้งสองคน"ฟ้ากับฟางงัวเงียและลุกไปอาบน้ำอาบท่า เมื่อเสร็จแล้วก็มานั่งล้อมวงกินข้าวเช้ากัน"วันนี้พ่อจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ"บอกน้อง ๆ เพราะเมื่อคืนน้องหลับไปก่อนเลยไม่ได้คุยกัน เมื่อน้องสาวทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้วก็แต่งตัวไปโรงเรียนเพราะโรงเรียนเปิดเทอมตั้งแต่เมื่อวาน ฝนก็เก็บกวาดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย เพราะเธอถือคติที่ว่าถึงจะยากดีมีจนยังไงบ้านเรือนก็ต้องสะอาดสดชื่นไว้ก่อน อีกอย่างเธอชอบปลูกดอกไม้ด้วย ที่หน้าบ้านจึงมีดอกไม้หลายชนิด มีทั้งกุหลาบ ปลูกเพราะชอบ มีต้นดอกพุดปลูกเอาไว้สำหรับไหว้พระในวันพระ มะลิ และดอกดาวเรือง ปลูกไว้ให้กลิ่นหอมและเพื่อความสวยงาม เพราะเห็นพ่อกับแม่ลำบากมาตั้งแต่จำความได้เธอจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำให้พ่อแม่และน้อง ๆ ของเธอสบายให้ได้ เมื่อจบม.ปลายเธอจึงไม่เรียนต่อแม้ผลการเรียนจะดีมากก็ตาม เกือบ ๆ แปดโมงเช้าเข้มก็มารับเธอ BMW สีดำขับมาจอดที่หน้าบ้าน ผู้คนแถวนั้นต่างก็ซุบซ
"ขึ้นรถก่อนค่อยคุยกัน"เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยฝนกำลังจะอ้าปากถามเขาอีกครั้ง แต่เข้มใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของเธอไว้ เธอจึงเงียบไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมเขาในวันนั้น แล้วเธอก็หน้าแดง เพราะนั่นมันคือจูบแรกของเธอ เข้มเห็นเธอเงียบเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป จนเมื่อมาถึงตลาดหนองวัวซอฝนจึงบอกให้เขาจอดรถเพื่อลงไปซื้อกับข้าว เธอซื้อหมูกะทะไปด้วยห้ากิโลฉลองที่พ่อได้ออกจากโรงพยาบาล อีกอย่างน้อง ๆ ทั้งสองก็บ่นอยากกินด้วย"หมูกะทะค่ะ คุณเข้มน่าจะชอบ"เข้มพยักหน้า เมื่อเธอวางของไว้ที่เบาะหลังและนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เข้มก็ออกรถ เขาไม่ได้ลงไปซื้อของกับเธอด้วยเพราะฝนบอกว่าไปแค่แป๊บเดียวอากาศร้อนให้เขารออยู่ในรถดีกว่า ไม่นานก็มาถึงบ้านของเธอ มีคนอยู่ด้วยหลายคนเพราะชาวบ้านมาเยี่ยมและถามไถ่อาการของตาสอน เมื่อฝนกับเข้มเดินลงจากรถมาจึงตกเป็นเป้าสายตาของบรรดามนุษย์ป้าข้างบ้าน ฝนยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่น เข้มจึงทำตามเธออย่างไม่เคอะเขิน"พุบ่าวตี้อิหล่า คือหล่อแท้ ?"ป้าคนนึงถามตรง ๆ แบบไม่เกรงใจ ฝนทำหน้าไม่ถูก "ใช่ครับ"
"ช่วยพาเที่ยวหน่อยได้ไหม ? เดี๋ยวจ่ายค่าจ้าง"ฝนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา"ถ้าคุณเข้มอยากเที่ยว ได้เลยค่ะเดี๋ยวฝนพาไป แต่ที่เที่ยวแถวนี้ก็มีแค่น้ำตก ภูเขาแล้วก็วัดวาอารามนะคะ ส่วนค่าจ้างนั้นไม่ต้องหรอก ถือซะว่าตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเข้มเคยช่วยฝนมา"เข้มทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงพยักหน้า"โอเค ก่อนอื่นไปหาที่พักกันก่อน ขี้เกียจเทียวมาเทียวไป ระหว่างตัวจังหวัดกับบ้านของเธอ""เดี๋ยวฝนพาไปหาที่พััก ในตำบลเรามีรีสอร์ทอยู่หลายที่เลยค่ะ"เมื่อตกลงกันได้ฝนก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาเจ้านายไปหาที่พักแถวนี้เพราะเจ้านายมีธุระที่จะอยู่ที่นี่อีกหลายวันอีกอย่างเจ้านายอยากเที่ยวด้วย นางฉวีมองลูกสาวอย่างเป็นห่วง แต่ก็เชื่อมั่นในตัวลูกสาวว่าคงจะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ไอ้คำนินทาว่าร้ายต่าง ๆ นั้นนางได้ยินมาจนชินแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าลูกสาวจะทำอย่างข่าวลือจริง ๆ ตรงกันข้ามฝนกลับตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ดีกว่าลูกสาวบางบ้านที่นินทาว่าร้ายลูกสาวของนางเสียอีกขึ้นรถมาได้ฝนก็พาเข้มไปยังหมู่บ้านที่เธอไปขายน้ำแข็งใสเพื่อไปหาฟองจันทร์ เพราะว่าเพชรสามีของฟองจันทร์นั้นรู้จักกับเจ้าของรีสอร์ท
เมื่อเห็นเข้มเดินออกมาจากบ้านของเจ้าของที่ดินแล้วฝนก็รีบลุกขึ้น"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ ?"เข้มพยักหน้าให้เธอด้วยใบหน้าอ่อนโยน ส่งกุญแจ BMW ให้พี่ดำไป รับกุญแจฮาเล่ย์เดวิดสันมา"พี่ดำเอากระเป๋าเสื้อผ้าของผมไปเก็บไว้ที่รีสอร์ท...นะ"บอกชื่อรีสอร์ท พี่ดำพยักหน้ารับ"คุณพี่ดำเย็นนี้มากินหมูกะทะที่บ้านฝนนะคะ""ไม่พลาดแน่นอนครับ"ตอนแรกกะว่าจะมากินต้มไก่ใส่ใบกัญชาแต่เปลี่ยนเป็นหมูกะทะก็คงจะอร่อยไปอีกแบบ พี่ดำยิ้มให้ฝนก่อนจะเดินไปขึ้นรถและขับออกไป ฝนหันไปมองหน้าเข้ม เธอมีเรื่องสงสัยในตัวเขาอยู่มากมายแต่ก็ไม่กล้าถาม เขาเป็นใครกันแน่นะ และเข้ามาวนเวียนใกล้ชิดเธอแบบนี้เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เฮ้อ..แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าคิดจะมาหลอกเธอเธอก็ไม่มีอะไรจะให้หลอกหรอกนะ"มีอะไรเหรอ ?"เห็นใบหน้าของเธอเป็นเครื่องหมายปรัศนี ( คำถาม )จึงเอ่ยถามออกไป"ไม่มีอะไรค่ะ คุณเข้มจะไปไหนต่ออีกไหม"ถามเขาพลางมองนาฬิกาในมือถือซึ่งตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงครึ่งเอง เข้มเดินนำหน้าเธอตรงไปที่รถมอร์เตอร์ไซค์"ไม่ไปไหนแล้ว เธอล่ะอยากไปไหนมั้ย ?"ฝนส่ายหน้า พร้อมกับรับหมวกกันน็อคมาจากเขา ทุกกิริยามันเป็นไปโดยอัตโนมัติ เขาก้าวขึ้นคร่
ตอนเช้าฝนตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน นึ่งข้าวเหนียวให้ตัวเองกับน้อง ส่วนพ่อกับแม่นั้นเธอหุงข้าวสวยให้ เสร็จสรรพหมดทุกอย่างแล้วเธอจึงได้อาบน้ำทำธุระส่วนตัวรอเข้มมารับไปสำนักงานที่ดินด้วยกัน ประมาณเก้าโมงเช้าเข้มกับพี่ดำก็มาถึง ทั้งสามคนตรงไปยังบ้านของอรเจ้าของที่ จะได้เดินทางไปที่สำนักงานที่ดินพร้อมกัน ส่วนเงินค่าที่นั้นไม่มีปัญหาเพราะพี่ดำจัดการเบิกมาเรียบร้อยแล้วบรรจุในกระเป๋าเจมส์บอนด์สีดำ เข้มโยนกระเป๋าใบนั้นให้ฝนถือไว้ เธอก็รับมาถืออย่างงง ๆ เพราะไม่รู้ว่ามีเงินห้าสิบล้านอยู่ในนั้น "คุณอรสวัสดีครับ"พี่ดำกล่าวทักทายอรแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจพี่ดำเลย เดินตรงมาหาเข้มและคล้องแขนเขาอย่างออดอ้อน"คุณเข้มมมม"ลากเสียงยาวราวเสาไฟฟ้า เข้มแกะมือเธอออกและระงับอารมณ์สุด ๆ"อรขอไปกับรถคุณเข้มด้วยนะคะ รถอรไม่ได้ล้างค่ะ"ฝนกับพี่ดำได้แต่หัวเราะเหตุผลของอรในการขอติดรถไปกับผู้ชาย "เอกสารเตรียมมาครบแล้วใช่ไหมครับ ?"พี่ดำยังมีความพยายามชวนเธอคุยเพราะอยากลดอุณหภูมิอารมณ์ของเจ้านายลง เธอสะบัดหน้ามา"ครบแล้ว"เมื่อพูดจบเธอก็ก้าวขึ้นรถไปนั่งเบาะหลังทันที เข้มไม่ได้ว่าอะไรแต่สบตากับพี่ดำแล้วก็เข้า
ฝนนั่งกอดกระเป๋าไว้แนบอก ไม่พูดไม่จาจนมาถึงบ้านของตัวเอง พี่ดำเอากล่องใส่อาหารไปให้นางฉวีและนายสอนพ่อกับแม่ของฝนเสร็จแล้วเขาก็ขับรถเลยไปส่งอรที่บ้าน แม้ว่าอรจะไม่พอใจอย่างแรงแต่ก็ได้แค่เก็บอาการไว้เข้มเดินไปยังรถมอร์เตอร์ไซค์และเปิดผ้าห่มที่ฝนใช้คลุมรถเขาออกและส่งให้เธอฝนจึงพับและนำไปเก็บในบ้าน"อยากไปไหว้พระขอพร มีวัดใหนแนะนำบ้าง ?"เข้มเริ่มโปรแกรมเที่ยวแล้ว ฝนนึกอยู่สักพักและมองเวลาในมือถือตอนนี้เกือบบ่ายสองแล้ววัดในอำเภอเราก็เยอะซะด้วยสิไปวัดนี้ก่อนละกัน 'วัดเขาช่องชาด' ใกล้ ๆ นี่แหละ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงข้ามเขาไปจะเป็นอำเภอโนนสังข์จังหวัดหนองบัวลำภู ไฮไลท์ของวัดคือมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่บนเขาสูงให้เราไปกราบไหว้ขอพรและจะมีหมูป่าตัวอ้วน ๆ ให้เราไปถ่ายรูปและซื้อขนมไปให้มันด้วย เข้มเดินไปจูงมอร์เตอร์ไซค์ของเขาออกมาจากใต้ถุนบ้านโยนหมวกกันน็อคให้เธอและก็สวมให้ตัวเองด้วย เมื่อเธอใส่หมวกกันน็อคเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหาเขา เข้มก้าวขาขึ้นคร่อมมอร์เตอร์ไซค์ ฝนก็ขึ้นซ้อนท้ายเขา แต่ก่อนที่เข้มจะขับรถออกไปฝนก็ถามเขาขึ้นมา"ค่านายหน้าในกระเป๋านี่เท่าไหร่คะ ?"ก้มมองกระเป๋าใบสีน้ำตาล
เมื่อมาถึงรีสอร์ทที่พักแล้ว เข้มก็จัดการอาบน้ำอาบท่าพร้อมกับโทรหาพี่ดำซึ่งก็มาเปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน เขาต้องการปรึกษาหารือเรื่องที่จะซื้อบ้านที่อยู่ในตัวจังหวัดว่าจะเอายังไงกันแน่ ระหว่างสร้างบ้านใหม่ลงบนที่ผืนที่เพิ่งซื้อ หรือว่าจะซื้อบ้านในตัวจังหวัดดี ออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวไม่สวมเสื้อ เผยให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ กล้ามเนื้อตรงหน้าอกแข็งแกร่ง หน้าท้องที่อุดมด้วยซิกแพ็คน่าลูบไล้ แผ่นหลังที่ปกคลุมด้วยรอยสักแลดูดิบเถื่อนแต่แฝงด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ พี่ดำที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ที่มีเพียงสองตัวอยู่ในห้องนั้น เข้มจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่เหลือ"เรื่องบ้านพี่ดำคิดว่าผมควรทำยังไง ?""สร้างใหม่ดีกว่าครับ เอาให้หลังใหญ่ ๆ หน่อย ถ้าจะให้ดีผมว่าให้คุณฝนช่วยออกแบบเลยดีกว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่"เข้มดีดนิ้วเปาะ อยากกระโดดกอดพี่ดำมาก ๆ ทำไมเรื่องแค่นี้เขาถึงคิดไม่ได้นะ "ผมว่าสร้างสองหลังเลยดีกว่าเอาไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วย"เข้มเสนอความคิดเห็น เมื่อคุยกันรู้เรื่องแล้วพี่ดำก็ขอตัวไปพักผ่อน จากเมียมาหลายวันชักจะคิดถึง โทรหาเมียดีกว่าถ้าเกิดว่าเจ้านายยังไม่ส
หนึ่งปีต่อมา"อ้ายเข้ม ตื่นได้แล้วจ้า มื้อนี่เฮาต้องไปหว่านข้าวเด้ อ้ายลืมบ่ ?"ฝนเขย่าตัวปลุกสามีของเธอ เข้มงัวเงียลุกขึ้นมาดูเวลาในมือถือ ตีห้าครึ่งแล้ว รีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พลางบอกกับตัวเอง ไม่ได้ลืมหรอกว่าวันนี้ต้องหว่านข้าว แต่ว่าเมื่อคืน..กับเมียมากไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มากินกาแฟอุ่น ๆ กับข้าวต้มมัดที่แม่ยายทำมาให้รองท้อง วันนี้เขาต้องไปไถนาและหว่านข้าวเพราะสองสามวันที่แล้วฝนแรกของฤดูโปรยปรายลงมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มไถและเริ่มหว่านข้าวเข้มกับฝนแต่งงานกันได้ครบหนึ่งปีแล้ว เขาซื้อที่นาเพิ่มอีกหลายสิบไร่ จนคุณวิกรณ์กับคุณหญิงอมรรัตน์บ่น มัวแต่ทำไร่ไถนาจนไม่มีเวลาทำหลานให้ท่าน เมื่อคืนเข้มจึง..กับเมียหวังลบคำปรามาสของพ่อให้ได้'จุ๊บ'ทานกาแฟเสร็จก็จูบแก้มเมียรัก แล้วเดินไปที่รถไถขับออกไปยังท้องนา เพื่อไถนาเตรียมหว่านข้าว เข้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว การอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้ก็คือที่สุดของความสุขฝนเลิกขายน้ำแข็งใสเพราะเข้มไม่อยากให้เธอเหนื่อย อีกอย่างเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้งเพื่อไปดูงานที่บริษัท แน่น
เข้มพาฝนแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง และพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านโดยขับมอเตอร์ไซค์คนละคัน เข้มขับมอเตอร์ไซค์ของฝน ส่วนฝนขับมอเตอร์ไซค์ของเข้ม ในตอนแรกฝนก็ไม่กล้าขับเพราะเธอไม่เคยขับรถมีคลัตช์มาก่อน และอีกอย่างมอเตอร์ไซค์ของเข้มคันใหญ่มากด้วย เครื่องยนต์มีขนาดถึง 1252 ซีซี เป็นทรงสปอร์ต แต่เพราะฝนหัวเร็วแทบทุกเรื่องเข้มแนะนำแค่นิดเดียวเธอก็ขับได้ปร๋อ แถมยังติดใจอีกต่างหาก"คุณเข้มขอขี่บ่อย ๆ ได้ไหมอ้ะ"เข้มยิ้มอ่อน"ตอบคำถามมาก่อน ระหว่างฉันกับรถ เธอชอบขี่อะไรมากกว่ากัน ?"ฝนตีผลัวะเข้าที่แขนเขาแก้เขิน"บ้าสิ ฝนยังไม่เคยขี่คุณเข้ม"พูดจบเธอก็หน้าแดง เข้มคิดในใจเดี๋ยวคืนนี้เธอจะได้ลองขี่เขาดู ถึงตอนนั้นเขาจะถามเธออีกทีระหว่างขี่พี่กับขี่รถของพี่อันใหนดีกว่ากันตอนแรกเข้มกะว่าถ้าพาเธอออกไปหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่พาเธอกลับบ้านกะว่าจะนอนกกเธอสักสามวันสามคืน แต่เจ้าของร้านขายบ้านน็อคดาวน์โทรมาบอกว่ากำลังเอาบ้านเข้ามาส่ง แผนการณ์ที่วางไว้จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง จำต้องเข้าไปดูเรือนหอสำเร็จรูปของตัวเองก่อน"ว้าว ๆๆ สวยมากเลยคุณเข้ม หลังกะทัดรัดน่ารักด้วย"เมื่อฝนเห็นบ้านไม้ไผ่ท
"อยากให้หยุดไหม ?"ฝนส่ายหน้าและหลับตาลง เข้มจึงอุ้มเธอไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวลโยนออกไปไม่ใส่ใจทิศทาง ฝนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอนกายลงบนเตียงกว้างช้า ๆ คิดจะคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย แต่เข้มรวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้เหนือหัว พร้อมกับใช้สายตาสำรวจรูปร่างที่แสนงดงามของเธอ หน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่ว เรียวขายาว และผิวอันเรียบเนียนนั้นเป็นประกายยามต้องแสงไฟ ตัดกับผิวสีเข้มของเขาได้อย่างลงตัว"ไม่ต้องกลัว"เพราะเห็นร่างกายของเธอสั่นสะท้านเขาจึงกระซิบที่ข้างหูของเธอเป็นการปลอบใจ จูบแก้มเธอเบา ๆ และไล่ริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นมาประกบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง ปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ เพื่อจะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะเป้าหมายลำดับต่อมาของเข้มก็คือสองเต้าอวบใหญ่นั้น ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างของเข้มประกบลงบนสองเต้าอวบของเธอ ฝนสะดุ้ง เข้มบีบคลึงเบา ๆ สร้างความคุ้นเคยให้เธอผ่านความเสียวซ่าน ก่อนจะออกแรงขยำตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของเขา "อือ .."ฝนครางประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บ เข้มจึงเบามือลงจากการบีบเค้นเป็นลูบไล้ ถอนริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเ
ฝนนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เข้มซื้อให้เธอแทนเครื่องที่พวกมันทุบอย่างหงอยเหงาตลอดช่วงบ่ายนั้นเข้มไม่ได้โทรหาฝนเลย ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเข้มจะต้องโกรธเธอแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร ฝนจึงโทรไปปรึกษาฟองจันทร์คนที่เธอรักเหมือนพี่สาว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของฟองจันทร์จะต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ว่าไงฝน ?""พี่ฟอง ฝนมีเรื่องอยากปรึกษาเดี๋ยวไปหาที่ร้านนะ""มีเรื่องอะไร ? ได้ ๆ เข้ามาหาพี่เลย"ฟองจันทร์เองก็รักและเป็นห่วงฝนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ฝนจึงขออนุญาติพ่อกับแม่ไปหาฟองจันทร์ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป ตาสอนกับนางฉวีไม่อยากให้ลูกสาวออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ก็ทนลูกอ้อนและเหตุผลของลูกสาวไม่ไหว"แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คนที่ทำมันก็ถูกจับไปแล้ว อีกอย่างร้านพี่ฟองก็ไม่ไกลสักหน่อยเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับน้า"พูดจบเธอก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านกาแฟของฟองจันทร์"พี่ฟอง สวัสดีจ้า พี่เพชรไปทำงานเหรอจ๊ะ ?""เปล่าจ้ะ พี่เพชรเขาพาแฟนของฝนไปธุระน่ะ นี่คุณเข้มเขาไม่ได้บอกฝนเหรอ"ฝนส่ายหน้า ดวงต
เมื่อจัดการยามหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพวกของเข้มก็บุกเข้าไปในโกดังร้าง "หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มของคนร้ายและเจ้าหน้าที่ ส่วนอมรกับเข้ม พี่ดำและพี่ขาวรีบตรงไปยังอาคารหลังเล็กที่แยกออกมาจากโกดังหลังใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีเวรยามเลย ผิดกับตรงโกดังหลักที่มีเวรยามวางอยู่ทั้งห้าคน"สัญญาณแจ้งว่าอยู่ตรงจุดนี้แน่นะครับนาย ?"พี่ดำถาม เข้มพยักหน้า กระชับปืนในมือและค่อย ๆ ย่องไปตรงหน้าประตู ฝนที่ได้ยินเสียงปืนเธอรีบลุกขึ้นและเดินมะงุมมะงาหราในความมืดตรงไปยังประตู เธอวางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจะวิ่งสวนออกไป ตายเป็นตาย เธอเอาหูแนบกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอกเสียงปืนทางด้านโกดังใหญ่เงียบลงแล้ว อมรจึงขอตัวไปดูทางนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วเข้มก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไป"ฝน ! เธออยู่ในนั้นไหม ?"ฝนดีใจแทบบ้าตาย ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป แต่พอเขาตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สองเธอก็แน่ใจว่าเป็นเสียงของเข้มแน่ ๆ"คุณเข้ม ! ช่วยฝนด้วยค่ะ"เมื่อได้ย
ในใจของเข้มตอนนี้ร้อนรนราวกับไฟ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่จับตัวฝนไปจะต้องเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ชื่อเก่งคนนั้นแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูที่ใหนนอกจากมันคนนี้ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาในห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง เธอจำได้ว่าหลังจากออกมาจากห้องน้ำมีพวกวัยรุ่นสามคนจับตัวเธอมา โดยคนหนึ่งใช้ปืนจี้ที่เอวของเธอ และอีกสองคนประกบซ้ายขวา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยวงานบุญบั้งไฟทั่วไป หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นปืนที่จี้อยู่ที่เอวของเธอเลย เพราะพวกมันใช้ตัวบังเอาไว้ เธอพยายามตั้งสติและมองหาเข้มแต่มันพาเธอเดินออกไปทางหลังโรงเรียนซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังทำการแสดงอยู่ บริเวณนั้นเป็นทุ่งนาและป่ายาง มันบังคับให้เธอขึ้นรถตู้คันสีขาวที่จอดรออยู่ในสวนยางแห่งนั้น และตอนที่เธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามก็ควักเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกเธอไว้ ฝนเดาได้ทันทีว่านั่นคือยาสลบเพราะมันเหมือนฉากในละครไม่มีผิด เธอกลั้นหายใจไว้แต่ก็กลั้นไว้ได้ไม่นานจำต้องสูดเอาอากาศเพื่อนำมันเข้าปอดทำให้เธอสูดเอากลิ่นเหม็นเอียนบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มรูจมูก สติของเธอค่อย ๆ ดับวูบลงเมื่อลำดับเหต
และแล้วก็มาถึงวันงานบุญบั้งไฟ อ้อยตัดเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เสร็จเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน เพราะคนงานต่างก็เร่งตัดให้เสร็จก่อนวันงานบุญบั้งไฟ เพื่อที่จะไปเที่ยวงานให้สบายใจไม่มีอะไรค้างคา วันนี้ในตำบลอูบมุงซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านทั้งหมดสิบหมู่บ้าน หมู่บ้านของฝนก็เป็นหนึ่งในนั้น ต่างก็คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวงานโดยเฉพาะหมู่บ้านของฝนที่เป็นศูนย์รวมในการตั้งขบวนแห่บั้งไฟ มีการประกวดขบวนเซิ้งบั้งไฟของแต่ละหมู่บ้านข่าวว่าเงินรางวัลก็หลายบาทอยู่ ประเพณีแบบนี้จะเน้นให้ทุกหลังคาเรือนมีส่วนร่วม โดยการออกเงินช่วยเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่นค่าชุดของนางรำ ค่าบั้งไฟที่จะนำไปจุด ค่าแต่งตัวของผาแดงนางไอ่ และอะไรอีกหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้กำหนดว่าแต่ละหลังคาเรือนจะต้องออกเท่าไหร่ แล้วแต่ความพร้อมบ้านใหนที่ฐานะดีหน่อยก็ออกเยอะบ้านใหนที่ฐานะไม่ดีก็ออกตามกำลัง บ้านของฝนก็ออกช่วยด้วยเช่นกันผู้คนต่างหลั่งใหลมาจากทุกสารทิศเพื่อมาเที่ยวงานนี้โดยเฉพาะ ทั้งมาจากต่างอำเภอ หรือแม้กระทั่งมาจากต่างจังหวัดเพราะปีนี้เขาจัดยิ่งใหญ่จริง ๆ มีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงจากหน่วยงานเทศบาลตำบลเพื่อเป็นการส่งเสริมและรณรง
ตื่นเช้าขึ้นมาทุกคนเตรียมพร้อมเต็มที่ ต่างแต่งตัวทะมัดทะแมงพร้อมที่จะไปดูการตัดอ้อย โดยเฉพาะคุณหญิงอมรรัตน์ที่ตื่นเต้นกว่าใคร ๆ เพราะไม่เคยเห็นการตัดอ้อยแบบใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน จะว่าไปตั้งแต่เกิดมาคุณหญิงไม่เคยสัมผัสชีวิตชาวไร่ชาวนาแบบนี้ ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่อย่างใดแต่ไม่มีโอกาสได้มาทำอะไรแบบนี้ต่างหากประมาณเก้าโมงเช้ารถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดก็ไปจอดที่ไร่อ้อยของเข้ม ซึ่งเพชรก็ได้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเก็บเกี่ยวอ้อยไปไว้และลงมือเก็บเกี่ยวไปบางส่วนแล้ว ฝนนำเครื่องดื่มชูกำลังไปแจกจ่ายให้คนงานทุก ๆ คนอย่างทั่วถึง พี่ดำกับพี่ขาวไปหาเก้าอี้ชายหาดกับร่มมาจากไหนไม่อาจทราบได้นำมาให้คุณวิกรณ์และคุณหญิงอมรรัตน์นั่ง"เออ..ดี ๆ ขอบใจมาก"คุณวิกรณ์บอกกับพี่ดำและพี่ขาวอย่างชอบใจ พร้อมกับหันไปชวนคุณหญิงอมรรัตน์ให้นั่งลงด้วย ฝนกับเข้มเดินไปคุยกับเพชรที่กำลังสั่งการกับคนขับรถตัดอ้อยอยู่ เมื่อเพชรคุยกับคนขับรถตัดอ้อยเรียบร้อยแล้ว คนงานคนนั้นก็ขึ้นประจำตำแหน่งและเริ่มลงมือขับรถไปตัดอ้อยทันที"น่าจะประมาณสามวันครับถึงจะเสร็จ"เพชรบอกกับเข้ม เขาพยักหน้า"งานนี้ผมให้เพชรจัดการได้เต็มที่เลย"เข้มย้ำกับเ
ไม่นานนักก็มาถึงบ้านของฝนซึ่งในตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เมื่อมีรถมาจอดที่หน้าบ้านฝนก็รีบเดินออกไปต้อนรับแขกผู้มาเยือน ในคราแรกที่เธอสบตากับพ่อของเขาเธอตกใจแทบเป็นลม แต่ก็ได้สายตาอันอ่อนโยนของแม่ของเขาช่วยปลอบประโลม เข้มรีบเดินมาโอบไหล่เธอและแนะนำให้พ่อกับแม่ได้รู้จัก"แม่ครับพ่อครับนี่..ฝนแฟนของผม""สวัสดีค่ะคุณท่านทั้งสอง"ฝนยกมือไหว้ทั้งสองท่านอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาไม่เลว กิริยาท่าทางก็น่าเอ็นดูได้คะแนนจากคุณหญิงอมรรัตน์ไปไม่น้อย "อือ.."คุณวิกรณ์กล่าวคำออกมาแค่นั้นไม่พูดอะไรต่อ "เชิญนั่งก่อนค่ะ"ทั้งคุณหญิงและคุณวิกรณ์จึงนั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน นางฉวีและตาสอนก็เดินออกมากล่าวคำทักทายทั้งสองคน บรรยากาศแม้จะดูแปลก ๆ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว ฝนกับน้อง ๆ จึงได้นำกับข้าวมาเสิร์ฟ ในตอนแรกตาสอนกับนางฉวีไม่กล้ากินข้าวร่วมวงกับคุณวิกรณ์และคุณหญิงอมรรัตน์แต่คุณวิกรณ์ก็เรียกให้ทั้งสองคนมากินข้าวร่วมกัน"ลูกชายของฉันมาสร้างความรำคาญให้พวกคุณไหม ?"ชวนคุยเพื่อลดความตึงเครียด เพราะดูแล้วนางฉวีกับตาสอนดูจะระวังตัวและเกร็งเหลือเกิน"บ่ ๆ จ้า" ( ไม่จ้า)คุณวิกรณ์รู้สึกว่าจะติดใจในรสชาด