ปกติคุณท่านเป็นคนมีเหตุแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอม
ฟังอะไรเลย ถึงจะชอบพี่ลีวายมากขนาดไหนแต่การที่ถูกเข้าใจผิด แถมยังจะได้หมั้นกันแบบนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดหลังจากออกมาจากห้องทำงานของคุณท่านพี่ลีวายก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ฉันเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลย
คืนนี้ทั้งคืนฉันพยายามข่มตานอนแต่ทำไม่ได้ หัวใจมัน
กระวนกระวายคิดถึงแต่เรื่องที่คุณท่านบอกให้พี่ลีวายหมั้นกับฉัน สมองมันจินตนาการไปต่าง ๆ นานาถ้าเกิดว่าหมั้นกับเขาจริง ๆ ฉันต้องทุกข์ใจมากแน่ ๆ เพราะ
พี่ลีวายไม่ได้รักฉันเลย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ชีวิตของฉันต่อจากนี้ จะเป็นยังไงกันนะ…@หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย คุณท่านโทรหา
เขาก็ไม่รับ ที่คอนโดก็ไม่อยู่ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก“ติดต่อลูกชายตัวดีของฉันได้บ้างหรือเปล่า” คุณท่านถามขณะที่ฉันยื่นยาพร้อมแก้วน้ำให้
“ไม่เลยค่ะ”
“หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี แค่ก ๆๆ” คุณท่านไอพร้อมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ
“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เดี๋ยวอาการป่วยจะกำเริบอีกนะคะ” คุณท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ เรื่องนี้พี่ลีวายยังไม่รู้เพราะคุณท่านสั่งห้ามไม่ให้บอก ที่ต้องไปต่างประเทศบ่อย ๆ ก็เพราะไปรักษาตัว ไม่ได้ไปดูงานอย่างที่พี่ลีวายเข้าใจ
“ฉันไม่คิดว่ามันจะไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้”
“คุณท่าน… วันนั้นพี่ลีวายไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
คุณท่านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอก “ฉันรู้”
ฉันขมวดคิ้วอย่างงุนงงแล้วถาม “อะ... อ้าว รู้แล้วทำไมถึง…”
“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ถ้าวันหนึ่งฉันเป็นอะไรไป… ฉันอยากเห็นลูกชายของตัวเองรักและเอ็นดูหนูเหมือนกับฉัน”
“ยะ... อย่าพูดแบบนั้นสิคะ... คุณท่านแข็งแรงขนาดนี้ต้องอยู่
กับหนูไปอีกนานเลยค่ะ”“ฉันรู้ว่าหนูคิดยังไงกับตาลีวาย เชื่อสิว่าสักวันมันจะต้องหลงในความน่ารักน่าเอ็นดูของหนูแบบฉัน”
ฉันก้มหน้าลงหัวใจเต้นรัวเมื่อความรู้สึกที่ถูกเก็บเอาไว้มานานถูกคุณท่านรับรู้
“ถ้าฉันเป็นอะไรไป… ฝากหนูดูแลตาลีวายแทนฉันหน่อย
ได้ไหม”“…”
“ฉันมันคงเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนมาก ๆ ลูกชายถึงเอาแต่ขัดคำสั่งทุกครั้ง”
“หนูบอกแล้วไงคะว่าคุณท่านแข็งแรง อย่าพูดแบบนั้นอีกนะคะหนูใจไม่ดีเลย”
“ฉันรู้ตัวเองดี”
“เราไม่สามารถบังคับใครได้ ระ... เรื่องความรู้สึก คนไม่ชอบ
จะบังคับให้มาชอบคงไม่ได้ หนูไม่ได้หวังอะไรที่มันเกินเอื้อมหรอกค่ะ เรื่องหมั้นอย่าให้มันเกิดขึ้นเลยนะคะ…”“ไม่ได้! ฉันตัดสินใจไปแล้วและฉันเชื่อว่าหนูทำให้ลูกชายที่หัวรั้นของฉันเป็นคนที่ดีขึ้นได้”
“หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“อืม ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว” คุณท่านบอกตัดบทสนทนา ทำให้ฉันไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้อีก
พอออกมาจากห้องของคุณท่านฉันก็เดินมาปลูกต้นไม้ที่สวน จริง ๆ มันไม่ใช่หน้าที่ แต่ว่าคุณลงคนสวนหยุดงานวันนี้พอดีก็เลย
อยากช่วยทำ“ดูเธออารมณ์ดีจังนะ”
เฮือก!! เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้ฉันที่ได้ยินสะดุ้งโหยง
ก่อนเจ้าของเสียงจะเดินมาหยุดตรงหน้า“ดีใจที่จะได้หมั้นกับฉัน?”
“ปะ... เปล่านะคะ”
“อยากรู้จริง ๆ ว่าเธอไปหลอกล่อพ่อฉันด้วยวิธีไหน”
“มิลินไม่ได้หลอกล่ออะไรคุณท่านเลยนะคะ”
“ฉันไม่เชื่อ!!”
หมับ!! พี่ลีวายกระชากแขนของฉันให้ลุกขึ้น แรงกระชาก
ที่รุนแรงทำให้ฉันรู้สึกเหมือนแขนมันได้หลุดออกไปแล้วอย่างไงอย่างนั้น“มะ... มิลินเจ็บนะคะ”
“อย่าคิดว่าฉันจะยอมหมั้นกับเธอ ไม่มีวัน!!”
ฉันมองพี่ลีวายด้วนหัวใจที่เจ็บปวด เขาหายไปเป็นอาทิตย์
แต่กลับมาเพราะจะพูดเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ“พี่ลีวายไม่ได้ทำก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“ต่อให้ฉันทำอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอ… ฉันก็ไม่คิด
จะรับผิดชอบ!!”“…” จุก! น้ำตามันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ทั้งที่ฉันไม่อยาก
จะร้องไห้ให้เขาเห็นเลยฉันรู้ว่าพี่ลีวายเกลียดตัวเองมาตลอด… แต่เพิ่งรู้ว่าเขาเกลียดฉันมากขนาดไหนก็วันนี้
“รีบไปคุยกับพ่อเรื่องหมั้น อย่าทำให้ฉันเกลียดเธอไปมากกว่านี้!!”
“เกลียดมิลินมากเลยเหรอคะ” ฉันกำมือแน่นถามเสียงสั่นเครือ
“ใช่! ฉันเกลียดเธอ”
ฉันที่อ่อนแอมาตลอด แต่จู่ ๆ ความเจ็บปวดมันกลับบอกให้
สู้เขาดูสักตั้ง ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มแบบลวก ๆ แล้วถาม คนตรงหน้า“แล้วถ้าต้องหมั้นกับคนที่เกลียดมากขนาดนี้… จะเป็น
ยังไงนะ… มิลินอยากรู้จัง”วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห