LOGINสองหนุ่มสาวรอจังหวะให้รปภเผลอ รีบเข้ามาในบริเวณโซนคอนโดอย่างเงียบเชียบที่สุด เท่าที่จะเงียบได้ เชนกวาดสายตาไปรอบๆ เห็นสวนหย่อมส่วนกลาง จึงรีบพาเจ้านายสาวเข้ามาหลบหลังพุ่มไม้ ใจเต้นแรง เมื่อเห็นว่ามีชายชุดดำหลายคนตามมา พวกเขาขอเข้ามาตรวจค้นด้านใน ได้ยินเสียงรปภ.ติดต่อขออนุญาตจากใครซักคน ตามมาด้วยการบอกกับชายชุดดำเหล่านั้นว่า เขาไม่อาจอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาในนี้ได้ เชนก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมาได้อย่างโล่งอก ขณะที่คนข้างตัวเขา เริ่มหายใจหอบแรง ไม่ใช่แค่นั้น มือไม้ของเธอยังเลื่อนขึ้นมาลูบเนื้อตัวเขาอีกต่างหาก
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” เชนรีบขยับตัวหนี มองคนตรงหน้ามองมาด้วยสายตาหวานเยิ้ม กัดริมฝีปากแน่น สลัวรางภายใต้แสงไฟ
“ฉันถูกจ้าวหมิงเทียนวางยา” เธอยกแขนกอดตัวเองแน่น ร่างกายสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร
“หา!” เชนขมวดคิ้ว ดูท่าแล้วอลิศคงกำลังพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้เตลิดอยู่ แต่มันคงจะยากพอดู
“เอ่อ คุณอดทนเอาไว้นะครับ ผมจะหาทางพาคุณออกจากที่นี่เอง” เชนสบตาเธอแวบหนึ่ง กวาดสายตาไปรอบๆ หากยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ชายชุดดำอีกกลุ่ม คะเนด้วยสายตาประมาณสี่ห้าคนก็ก้าวเร็วๆ เข้ามายังจุดที่เขาและเธอหลบอยู่ อลิศเงยหน้าขึ้นมองชายฉกรรจ์กลุ่มใหม่ด้วยแววตากร้าว สอดมือเข้าไปในช่องกระเป๋ากระโปรง หยิบอาวุธปลิดชีพดำมะเมื่อมขึ้นมาขู่
“อย่าเข้ามานะ!” น้ำเสียงกร้าวกระด้าง เช่นเดียวกับแววตาวาววับ อันตรายรอท่าอยู่ตรงหน้า พาให้สติสัมปชัญญะกลับคืนมาอีกครั้ง แต่กระนั้นปืนในมือก็ยังคงสั่นอย่างยากจะควบคุม
“ใจเย็นๆสิอลิศ” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นเบื้องหลังของชายชุดดำกลุ่มนั้น ก่อนเขาจะแหวกกลุ่มชายชุดดำเข้ามายืนตรงหน้าพุ่มไม้
เขาเป็นชายหน้าตาหล่อเหลา ไม่ต่างอะไรจากพระเอกหนังฮ่องกง สวมสูทสีดำกลืนกับความมืด แววตาเยียบเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เขาเองคงจะเป็นมาเฟียในย่านนี้อย่างแน่นอน
“ลู่เหยียนชิง…” อลิศเอ่ยเสียงสั่น ทั้งดีใจและโล่งใจที่เจอเพื่อนสมัยเรียนของเธอในสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้
“ถ้าไม่ใช่เธอ เด็กนี่คงพาเธอเข้ามาหลบในนี้ไม่ได้หรอก ขึ้นไปข้างบนก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
อลิศพยักหน้า เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเซไปด้านหลังสองสามก้าว ร้อนถึงเชนต้องเข้ามาประคองร่างเธอเอาไว้
ครู่ต่อมา ลู่เหยียนชิงก็พาทั้งอลิศและเชนเข้ามาภายในเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวของเขา ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดใจกลางเกาะฮ่องกง
“ไอ้สารเลวนั่น มันกล้าทำกับเธอแบบนี้เลยเหรอ” ลู่เหยียนชิงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนสาว แม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน หากเขากับเธอก็ยังติดต่อกันบ้างในโอกาสสำคัญ จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้เรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงานกับจ้าวหมิงเทียน เพียงแต่ไม่คิดว่า หมอนั่นจะเล่นสกปรกแบบนี้
“ใช่ครับ ตอนนี้คุณเยว่กับคนอื่นๆ ก็ยังอยู่ที่โรงแรม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” พอพาเจ้านายหนีรอดมาได้ เชนก็รีบหาตัวช่วยทันที เขาไม่มีทางแล้งน้ำใจ ปล่อยให้คนอื่นๆ ได้รับอันตรายแน่
“เธอกับคนของเธอรออยู่นี่ก่อนนะอลิศ ฉันจะไปดูหน้าไอ้หมอนั่นซะหน่อย จะได้ช่วยคนของเธอออกมาด้วย”
“อึม ขอบคุณ”
“ยังไงเธออดทนรอก่อนละกันนะ ขืนไปโรงพยาบาลตอนนี้ ไอ้หมอนั่นมันต้องส่งคนตามไปรังควานเธอถึงโรงพยาบาลแน่ อาจาง” เขาหันไปเอ่ยกับชายชุดดำคนหนึ่งที่กำลังยืนรอรับคำสั่งอยู่
“ไปเปิดห้องพักแขกให้คุณอลิศทีไป เดี๋ยวฉันมานะอลิศ” ลู่เหยียนชิงเอ่ยเร็วๆ แล้วพาคนของเขาออกจากห้องรับแขกไป คล้อยหลังเจ้าของบ้าน เชนก็พาอลิศเดินตามคุณจางเข้ามาในห้องพักแขก
“ตามสบายนะครับ มีอะไร เรียกผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ” คุณจางค้อมศีรษะ ก่อนก้าวออกจากห้องไป
ทันทีที่เชนค่อยๆ ประคองร่างเธอมาส่งถึงเตียง ดูเหมือนว่า ความต้องการที่ถูกเก็บข่มไว้เมื่อแรกก็พลันกลับคืนมาอีกเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัย มือเรียวเลื้อยไปทั่วเนื้อตัวเชนอย่างไม่อาจควบคุมได้ ซ้ำร้ายยังพยายามสอดเข้าไปใต้ร่มผ้าอีกต่างหาก
“เชน ช่วยฉันทีเถอะนะ ฉันไม่อยากอดทนกับมันอีกต่อไปแล้ว มันทรมาน”
“ไม่ได้นะครับคุณอลิศ” เชนปฏิเสธ หากเธอไม่ถูกวางยา และยังคงมีสติอยู่ เขาเชื่อว่าเธอคงไม่ทำแบบนี้หรอก ในเมื่อเธอไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบเต็มใจ เขาก็ไม่อยากให้เธอต้องใช้เขาเป็นทีระบายความต้องการอัดแน่นจนแทบจะระเบิดนี้ออกไปหรอก
“ทำไม หรือว่าคุณรังเกียจฉัน”
“ปละเปล่าครับ” เชนละล่ำละลัก หายใจสะดุด เพราะแทนที่เธอจะค่อยๆ เล้าโลมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเขาแบบธรรมดา กลับพุ่งเป้าเข้าจู่โจมด้วยการลูบไล้ตรงจุดยุทธศาสตร์ แบบไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มได้ตั้งตัว
“ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสียใจทีหลังต่างหากล่ะครับ อ๊ะ อา” เขาเกร็งไปทั้งตัว เมื่อมือเรียวยังคงวนเวียนลูบไล้ไม่ยอมไปไหน
“ฉันตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการใครซักคนช่วยฉันให้พ้นจากความทรมานนี้ แต่ไม่ใช่ใครก็ได้ ที่เข้ามาเจอฉันในสภาพนี้ คุณเข้าใจใช่ไหม”
“ครับ อ่ะ ถ้าคุณยืนยันแบบนี้ ผมจะช่วยคุณก็ได้ครับ แต่เราไม่มีถุงยาง หรืออะไรเลยนะครับ เอาเป็นว่า พอคุณหายดีแล้ว ผมจะไปหายาคุมฉุกเฉินมาให้คุณก็แล้วกัน”
“อย่างนั้นก็ได้” อลิศมองเขาด้วยแววตาหยาดเยิ้ม ไม่เคยคิดฝันเลยว่า วันนี้เธอต้องมาเป็นฝ่ายผลักเขาลงบนเตียงในห้องพักแขกในบ้านของลู่เหยียนชิงแบบนี้ แต่จะให้เธออดทน ต้องแสดงความต้องการนี้กับผู้ชายทุกคนที่เห็นเธอในสภาพนี้ หากถึงเวลาที่ยาหมดฤทธิ์ เธอคงต้องทนอยู่กับความอับอายไปตลอดชีวิตแน่
“ถอดเสื้อผ้าคุณออกซะ แล้วรีบช่วยฉันเร็วเข้า เร็วสิ”
“คะครับ” เชนพยักหน้า ถอดเสื้อผ้าออกอย่างเงอะงะเต็มที แม้ว่าร่างกายจะตื่นตัวกับหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังปลดเปลื้องสายเล็กๆ คล้องไหล่ลง เผยให้เห็นโนมเนื้อสาวขาวผ่องอะร้าอร่ามล้อสายตา เม็ดทับทิมสีชมพูอ่อนนั่นอีกเล่า ก็กำลังชูช่อ ล้อให้เขาเคลื่อนใบหน้าต่ำลงไปดูดดึง เคล้าเคลีย
ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ฉีเหวินหลง อลิศ และบรรดาบอดี้การ์ตกำลังนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงมุมด้านในของร้าน ต่างคนต่างมีกาแฟในแบบที่ตนเองชื่นชอบวางอยู่คนละแก้ว ดูเผินๆ คล้ายกับการเจรจาทางธุรกิจนอกสถานที่ แต่คนนอกเลยจะรู้ว่า เรื่องที่กำลังอยู่ในการสนทนา เป็นเรื่องของพ่อบ้านหนุ่มของอลิศล้วนๆ “นี่ลุงฉีกำลังจะบอกฉันว่า เชนเป็นลูกชายคนเล็กของลุงอย่างนั้นเหรอคะ”ฉีเหวินหลงพยักหน้าเนิบๆ“ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นลุงมีความจำเป็นจะต้องฝากลูกไว้กับชาญชัย เพราะทุกอย่างมันจวนตัวจริงๆ หากลุงกับซีซานไม่อาจมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็ยังมีอาชวนกับเชนที่รอดชีวิต”“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่คะลุงฉี” อลิศสัมผัสได้ว่า ก้อนเนื้อในช่องอกกำลังโลดแรง หากเชน คนที่เธอเห็นเป็นเด็กเลี้ยง เป็นพ่อบ้านหนุ่มมาตลอดเป็นคนสำคัญของตระกูลฉี
“รู้อย่างนี้แล้ว ลูกยังจะโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าลูก” พ่อถาม หายใจหอบแรง อกสะท้อนขึ้นลง จนน่ากลัวว่า ลมหายใจเขาจะหมดลงเพียงเท่านี้จริงๆ “พ่อพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” “ไม่ เชน พ่อคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” “พ่อคิดมาตลอดว่า ไว้ถึงเวลาค่อยบอกลูก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพ่อเองก็รักลูกมาก พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พ่ออยากเก็บลูกไว้กับพ่อแม่ที่เมืองไทยไปตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับพ่อจนได้ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ชุลีบอกพ่อว่าลูกไปฮ่องกงกับคุณอลิศแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงรอ ทุกครั้งที่พ่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะหายใจอยู่ต่อไปอีกแล้ว พ่อก็ได้แต่ถามตัวเองว่า จะมีโอกาสได้บอกความจริงกับลูกไหม ทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกทุกอย่างตั้งแต่แรกนะ ไม่แน่ว่า หากความจริงทุกอย่างเปิดเผย เชนอาจได้กลับไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบน เป็นเบี้ยล่างของเจ้าชินกับชาร์มอย่างที่เป็นอยู่ อีกเรื่อง พ่อยังไม่แน่ใจเลยว่า ครอบครัวของลูกปลอดภัยดีรึยัง จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ตอนชุลีพาพ่อออกไปเดินเล่น พ่อบังเอิญเห็นข่าวว่าครอบครัวของลูกเปิดตัวธุรกิจโรงแรมและการท่องเที
“พี่ชิน พี่ชาร์ม ผมบอกพี่สองคนแล้วใช่ไหมว่า วันนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ ผมไม่อยากให้แม่กับพ่อที่นอนป่วยอยู่ในนั้นไม่สบายใจ แต่พี่ก็ยังจะชวนทะเลาะ ผมถามจริงๆเถอะนะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่”คำถามของเชนพาให้ชาร์มนิ่งอึ้งไป จริงสินะ เธอต้องการอะไรจากน้องกันแน่ หรือว่าเธอจงเกลียดจงชังเขา แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้เธอเกลียดน้องชายตัวเองจนเข้ากระดูก ทั้งที่เชนก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ผ่านมาเธอเองก็เหมือนกับชินนั่นแหละ หากขาดเหลืออะไร ก็จะต้องไปหยิบยืมเงินเชน แต่เธอจะเบากว่าชินตรงที่ เธอเป็นปลาที่คอยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ขอยืมก้อนใหญ่อย่างชิน แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้แค่ว่าต้องปกป้องชิน ก็เลยพลอยเป็นลูกคู่ของพี่ชายไปเท่านั้นละ และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จนเรียกสายตาญาติคนไข้ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาสมทบ“พวกคุณกรุณาอย่ารบกวนคนไข้และญาติคนไข้คนอื่นๆ เ
“ไปคุยกับครูที่สำนักงานนะคะ”“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” น้องชาร์มเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นตามประสาเด็กขี้สงสัย“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก เราไปด้วยกันนะคะ” ชุลียิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วจับจูงมือป้อมให้เดินตามมาด้วยกันครู่ต่อมาทั้งครูผู้ดูแล ผู้มาเยือน และสองเด็กกำพร้าก็มาถึงห้องทำงานของครูผู้ดูแลสถานสงเคราะห์“น้องชิน น้องชาร์ม นี่คุณชาญชัยกับคุณชุลี ท่านทั้งสองต้องการรับหนูไปเป็นลูกบุญธรรมนะคะ หนูไปอยู่บ้านของท่านทั้งสองนะลูกนะ ต่อไปพวกหนูจะมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีบ้านใหม่แล้วนะ”“จริงเหรอคะ”“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสองมองผู้อุปการะคนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย“จ้ะ ไปอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก” แล้วชุลีก็รั้งตัวเด็กหญิงตัวน้อยมากอดเอาไว้แนบอก เช่นเดียวกับชาญชัยเองก็โอบกอดน้องชินเอาไว้“ไปอยู่กับพ่อนะลูกชิน พ่อกับแม่จะดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดี นอกจากลูกแล้วเราจะมีน้องเล็กอีกคนนะ”“ใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยยังคงถามแจ้วๆ “น้องอยู่ที่บ้านจ้ะ น้องชื่อน้องเชน ต่อไปหนูจะมีทั้งพี่ชายและน้องชายนะคะ”“ค่ะแม่” เด็กหญิงตัวน้อยซุกดวงหน้ากลมเล็กลงกับอกแม่ ความอบอุ่นที่โหยหามานานซ่านสู่ห้วงหัวใจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“แล้วพี่ชาร์มล่ะครับ เขาไม่สะดวกเหมือนกันใช่ไหม”คุณชุลีพยักหน้ารู้ดีว่าลูกสาวคนรองกับลูกชายคนโตเหมือนกันตรงที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีวันที่จะมาหาเธอหรอก นี่ขนาดว่าคุณชาญชัยนอนอยู่ในห้อง ICU วันก่อนชาร์มยังมาหาเธอว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ บอกว่าตนเองเดือดร้อนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วก็ขอเงินเธอไป แต่เชนได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลโอนตรงเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คุณชุลีจึงให้เงินลูกสาวคนรองไปไม่กี่พันเท่านั้น ถึงจะได้เงินแล้วแต่ชาร์มก็ยังคงไม่พอใจ มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดกลับไปอยู่ดี “ผมว่าคุณอลิศกับคุณฉีไปหาที่นั่งแถวร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนก็ได้ครับ ไว้ถึงเวลาเยี่ยมไข้แล้ว ผมจะโทรหาเอง” เชนพยักหน้าให้เจ้านายสาวกับฉีเหวินหลงยิ้มๆครู่ต่อมามาเฟียต่างวัยทั้งคู่ก็ผละจากไป คล้อยหลังเจ้านายสาว เชนก็ประคองแม่มานั่งตรงเก้าอี้มุมหนึ่งด้านหน้าห้อง ICU นั่นเอง“แม่ครับ เข้มแข็งไว้นะครับเราจะสู้ไปด้วยกัน” เชนรวบมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่มากุมเอาไว้“เชน แม่มีอะไรจะถามลูกสักหน่อย”“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ทำให้เขาคิดไปว่าแม่คงกังวลกับอาการป่วยของพ่อ และอาจมีเรื่องในใจที่ต้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศไม่ใช่หรือ อีกอย่างตอนที่เธออยู่โรงพยาบาล เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนโทรบอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเจ้านายของเธอที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนของจ้าวเค่อน่ะ” คำพูดนั้นเองที่ทำให้เชนรู้ในทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร“คุณฉี่เหวินหลง”“ใช่แล้ว ฉันเอง” พร้อมกับคำพูดนั้นชายสูงวัยก็ล้วงเข้าไปในคอเสื้อ หยิบเอาจี้หยกติดกับสร้อยคอมาส่งให้เชนดูจี้หยกรูปมังกรล้อมกรอบสวยงาม เหนือมังกรทะยานฟ้านั้นสลักคำว่าฉี“คุณจริงๆด้วย”“รู้แล้วก็ขึ้นมาเถอะ” เชนใจเต้นแรง ยามพยักหน้าให้ชายสูงวัย แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีนอบน้อม“เธอจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ“ผมจะไปหาแม่กับพ่อที่โรงพยาบาลครับ คือพ่อผมไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว”“งั







