Mag-log inเชน นักศึกษาปี 3 ต้องก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรมาเฟีย เป็นเด็กเลี้ยงในอุปการะของ อลิศ ลี เจ้าแม่มาเฟียวัย 35 ปี เพราะความจำเป็นบางอย่าง เขาคือพ่อบ้านส่วนตัวที่เธอไว้ใจ คอยจัดการทุกสิ่งอย่าง แต่แล้วความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็เปลี่ยนไป เพียงแค่ความไม่ได้ตั้งใจในคืนหนึ่ง อลิศถูกวางยาปลุกเซ็กซ์จากว่าที่เจ้าบ่าว และเชนคือคนที่ต้องรองรับความต้องการของเธอ
view more“เอ้า พี่เชน จะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงกังวานใสเอ่ยขึ้น ขณะ “เชน” นักศึกษาหนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหนุ่มชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนักศึกษาสาวรุ่นน้อง
“พี่จะกลับแล้วครับ พอดีมาส่งโปรเจค น้องดาวละครับ กลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” เขาถามไปอย่างนั้นเอง รู้หรอกว่า วาดดาว จะต้องมีรถยนต์คันหรู มาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะ ไม่ก็หน้ามหาวิทยาลัย เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
“ดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ พอดีเย็นนี้มีซ้อมเต้นที่ชมรมน่ะค่ะ” วาดดาวพูดจ้อยๆ ตามประสารุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
“พอดีว่า ดาวออกมาหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนซ้อมจะหิวล่ะแย่เลย” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนโบกมือให้เขา ก่อนที่เชนจะก้าวเดินต่อ ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล
หลังจากเสียเวลาฝ่าการจราจร แน่นขนัดบนท้องถนนกรุงเทพฯ มานานร่วมชั่วโมงเชนก็มาถึง หอพักย่านเยาวราช ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตา กับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ ทั้งที่จากมหาวิทยาลัยมาถึงเยาวราช ก็ใช่ว่า จะเป็นระยะทางไกลมากเสียเมื่อไหร่ แต่กลับต้องมาเสียเวลาเดินทางโดยใช่เหตุแบบนี้
แต่ก็นะ... ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเขา ดันได้ ทุนเรียนดี มีโอกาสได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นี่นา ดีนะ ที่ไม่ต้องหาเงินจ่ายค่าเทอม แค่หาเงินค่าอยู่ค่ากิน ค่าเดินทางก็พอจะหางานพิเศษทำถูไถไปได้ หากต้องเสียค่าเทอมอีก ฐานะครอบครัวยากจนอย่างเขา คงไม่มีปัญญาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งนี้แน่
สายลมยามเย็นพัดเรื่อย เชน ก้าวขาตามทางเดิน ผ่านร้านรวงแผงลอยขาย อาหารหลากชนิด ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน กลิ่นหอม ฟุ้งตลบอบอวลของอาหาร ผสมผสานกัน จากพี่จะหอมน่ากิน ก็กลายเป็นดมแล้วชวนเวียนหัว พ่อค้าแม่ค้าคนไทยเชื้อสายจีน ต่างส่งเสียงสนทนาเซ็งแซ่ บ้างก็พูดภาษาไทย บ้างก็พูดภาษาจีน หนุ่มสาวออฟฟิศ วัยทำงาน เดินเลือก ซื้อหาอาหารกันขวักไขว่ พาให้บรรยากาศในตลาดช่วงเย็นคึกคักไม่น้อย
แต่แล้วนักศึกษาหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เร็วๆ ใกล้เข้ามา ปนกับเสียงพูดภาษาจีน ที่เขาเองก็ฟังไม่เข้าใจ อาราม ตกใจพาให้เขาหันกลับไปมอง
วินาทีนั้นเอง หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีดำก็กระโจนเข้าหาเขา 2 ร่างใกล้ชิด จนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมจางๆ จากกายเธอ
"ช่วยด้วย!" เธอพูดภาษาไทยชัดเจน ทั้งที่เมื่อนาทีก่อนเขาได้ยินเต็ม 2 หูว่าเธอพูดภาษาจีน ฟังแล้ว น่าแปลกใจ หากเชนก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเมื่อชาวต่างชาติต้องการความช่วยเหลือ เขาในฐานะพลเมืองดีก็ควรจะช่วยเหลือเธอให้ปลอดภัย มือแข็งแรงจึงคว้ามือเธอ แล้วพาวิ่งเข้าซอยแคบ ๆ ข้างร้านขายโคมไฟจีน
รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เมื่อหูได้ยินเสียงปืนดังสนั่นจากด้านหลังสองเท้าพาเธอวิ่งหลบเข้าตรอกแคบ มีเพียงแสงสว่างรำไรจากไฟนีออนจากป้ายร้านค้าส่องนำทาง ฝีเท้าของคนหลายคนไล่หลังใกล้เข้ามาแล้ว ตามมาด้วยเสียงสั่งการ ด้วยภาษาจีนเร็วปรื๋อ น้ำเสียงนั้นเข้มและเต็มไปด้วยความเร่งร้อน
“หาให้เจอ”
แม่เชนจะฟังไม่เข้าใจ แต่เขารู้ดีว่า ถ้าพวกนั้นตามเขาและเธอเจอคงไม่เกิดเรื่องดีแน่ เขาจึงตัดสินใจพาเธอปีนข้ามรั้วเตี้ยๆ เข้าไปในโกดังร้างแห่งหนึ่ง ลมหายใจหอบแรง ทั้งที่ภายในโกดังแห่งนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น คลุ้งกระจายไปทั่ว สายตา กราดมองเธอที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ยามนี้ดวงตาคู่สวยไหวระริกหวาดหวั่น หากภายนอกนั้นกลับยังคงวางสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้เลยว่า ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปถูกตามล่าแบบนี้ เธอคงร้องกรี๊ดขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว แต่นี่ ดูท่าทางเธอแล้ว เหมือนว่าเธอชาชินกับเรื่องแบบนี้ เธอไม่แสดงออกเลยว่าหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้เสียงฝีเท้าของคนหลายคนจะก้าวผ่านไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงวางสีหน้าดังเดิม ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ แม้จะวิ่งมาด้วยกันในระยะทางไกลก็ตาม ต่างจากเขาที่ยังคงรู้สึกว่า โคตรเหนื่อย หายใจหอบจนปอดแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ดูพวกนั้นสิแต่งตัวยังกับเจ้าพ่อมาเฟียฮ่องกงในหนังเฮียเฉิน เรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดา แน่ๆ
“คุณเยว่ ไม่ต้องลงมือกับผมให้เปลืองแรงหรอกครับ แทนที่คุณจะมาจับผิดผม ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลหัวใจของคนที่สายตาเธอมองแค่คุณคนเดียวมาตลอดจะดีกว่า”“หมายความว่ายังไง” โจวเยว่ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเชนจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่ซูซานมีให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาสัมผัสความรู้สึกนั้นได้คนเดียวหรอกหรือ “ผมว่า ถ้าคุณเปิดใจให้กว้าง แล้วมองไปรอบๆให้ดี คุณอาจจะเห็นสายตาแห่งความหวังดีจากใครบางคนที่มองมาทางคุณอยู่ก็ได้นะครับ ผมนี่จริงๆ เลย ไม่น่าเสียเวลาพูดจาอ้อมค้อมเลยจริงๆ ทั้งที่ก็เห็นอยู่แล้วว่า คุณครูซูซานชอบคุณแท้ๆ เฮ้อ” เชนแสร้งระบายลมหายใจยาว ขณะที่โจวเยว่กลับทำหน้าไม่ถูก จากที่คิดจะเค้นเอาความจริงจากปากเชน บีบให้เขาพูดในสิ่งที่ตนสงสัยออกมา ก็กลับกลายเป็นว่าตนเองถูกต้อนให้จนมุมซะอย่างนั้น “อย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับ ไหนๆความรู้สึกของคุณมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีว่าที่เจ้าบ่าวอย่างคุณเจ้าหมิงเทียนโผล่มา เจ้านายก็ไม่มีทางคิดกับคุณในแบบคนรักอยู่ดี มีสู้คุณเปิดใจให้ใครสักคนอย่างเช่นครูซูซานไม่ดีกว่าเหรอครับ ที่จริงครูซูซานก็น่ารักออกนะ ถ้าผมมีผู้หญิงที่น่ารักอ่อนโยน รักเด็กๆม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เชนเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง ไม่รู้อะไรทำให้เขาอยากจะรู้เรื่องราวความเป็นไปของตระกูลฉีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไม่เคยรู้จักฉีเหวินหลงคนนั้นด้วยซ้ำ“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก รู้แต่ว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตระกูลฉีกจะล่มสลาย และหายไปจากวงการมาเฟียมานานทีเดียว ได้ยินป๊าเล่าว่า เขาขัดแย้งกับมาเฟียแก๊งหนึ่ง เขาถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ภรรยาของเขาถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หลังจากนั้นพ่อก็ให้คุณชาญชัยกับคุณชุลีกลับไปแต่งงานที่เมืองไทย” “ผมเพิ่งรู้นะครับ ว่าพ่อแม่ผมกลับไปแต่งงานในช่วงนั้น เอ แสดงว่าพี่ชินกับพี่ชาร์ม ก็ต้องเกิดที่นี่ก่อนที่พวกท่านจะย้ายกลับไปเมืองไทยน่ะสิครับ” “คงใช่ แต่แปลกที่ฉันกลับไม่เคยเห็นสองคนนั้นเลย ทั้งยังไม่เคยได้ยินคนเก่าแก่ในบ้านตระกูลลี พูดถึงพี่น้องของคุณเลยนะเชน เหมือนว่าพวกเขาไม่เคยมาอยู่ที่นี่ไม่เคยเกิดที่นี่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น” “ผมไม่คิดเลยว่า ครอบครัวผมจะมีความเป็นมาที่แปลกๆแบบนี้ด้วย เป็นไปได้ไหมครับว่าพ่อกับแม่ผมอาจจะมีพี่ชินกับพี่ชาร์มก่อนหน้าที่จะย้ายไปอยู่ที่เมืองไทย และฝากตากับยายเลี้ยง
“เหรอคะ แล้วคุณอลิศว่ายังไงบ้างคะ” ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็ต้องรอคุยกับอลิศก่อน จะได้ไม่ถูกหลอกให้เข้าร่วมโครงการอะไรกับใคร เธอรู้หรอกว่าไม่ว่านักธุรกิจคนใดก็ต้องการที่ดินซีวิวของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ ไม่ว่าจ้าวเค่อ หรือฉีเหวินหลงก็คงมีจุดประสงค์ไม่ต่างกันกระมัง “อ้อ ดูท่าแล้ว คุณอลิศคงจะยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับคุณ เอาเป็นว่า นี่เป็นรายละเอียดโครงการCSRของฉีเหวินกรุ๊ป คุณลองศึกษารายละเอียดก่อนได้เลยนะครับ นี่เป็นบ้านเด็กกำพร้าที่ทางฉีเหวินกรุ๊ปอุปถัมป์อยู่ ส่วนเรื่องที่พักของคุณกับเด็กๆ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะคุณฉีได้จัดการเหมาโรงแรมที่คุณอลิศได้จองไว้ให้คุณกับเด็กๆ ก่อนหน้านี้แล้ว จนกว่าจะสร้างบ้านเด็กกำพร้าหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย คุณสบายใจได้เลยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” แม้จะยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับอลิศ แค่มีฉีเหวินหลง แห่งฉีเหวินกรุ๊ปยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ ก็ถือว่าเด็กๆ โชคดีเหลือเกินแล้ว“ฉันฝากขอบคุณคุณฉีเหวินหลงแทนเด็กๆ ด้วยนะคะ”“ยินดีครับ ยินดี อ้อ ถ้าคุณซูซานคุยกับคุณอลิศแล้ว ติดต่อมาทางผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ นี่นามบัตรของผม” ชายวัยกลางคนผู้นั้นยื่นนามบัตรให้หญิงสาว
“ฉันขอโทษนะอลิศ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเคยทำให้เธอเสียใจเรื่องเชน เท่าที่ฟังจากครูซูซาน เธอบอกว่าตอนเกิดไฟไหม้เชนเข้าไปช่วยเธอ โดยไม่ห่วงชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองเลย แถมตอนที่คานหล่นลงมา ทุกคนล้วนเห็นกับตาว่าเขาเป็นคนเอาร่างบังคานนั้นไม่ให้หล่นลงมาทับเธอ เชนเขาคงรักเธอมากไม่ใช่แค่ความรู้สึกของลูกน้องที่มีต่อเจ้านาย แต่มันเป็นความรู้สึกของคนที่รักเธอ ฉันขอให้เธอกับเชนสมหวัง มีความสุขในความรักนะเพื่อนรัก” “ซิ่วอิง เธอคิดว่าระหว่างฉันกับเขาจะลงเอยกันได้จริงๆเหรอ เราอายุห่างกันตั้งสิบกว่าปีเลยนะ อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้ใครต้องมาเสียงอันตรายเพื่อฉันหรอก” อลิศเผยความในใจออกมา “ อีกอย่าง ฉันไม่ต้องการให้พวกท่านผู้เฒ่ามาสร้างแรงกดดันให้เขาเหมือนอย่างที่ทำกับฉัน ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างที่ฉันเป็นอยู่” “เธอก็ไม่เห็นต้องสนใจพวกท่านผู้เฒ่าหัวโบราณนั่นเลยนี่นา ถ้าอยากมีชีวิตแบบไหนก็ลิขิตเอง พวกเขาจะต้องมากดดันเธอทำไม ในเมื่อทุกวันนี้ภาระหนักอึ้งทุกอย่างเธอก็เป็นคนแบบอยู่คนเดียว ส่วนพวกเขาน่ะหรือแค่วางเงินถือหุ้นไว้ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ตอนนี้ก็กินเที่ยวสุขสบายใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยเงินดอกผลจากน
Rebyu