LOGIN“หิวเหรอ” อลิศตักเนื้อเป็ดใส่จานข้าวตนเองช้าๆ
“เอ่อ ปละเปล่าครับ” ปากปฏิเสธ ทว่าท้องเจ้ากรรมกลับส่งเสียงร้องประท้วงขึ้นให้อายจนได้
“หิวก็บอกมาตรงๆ เถอะน่า ที่จริง ฉันก็กินข้าวคนเดียวมาตลอด ถ้านายหิวละก็ มากินด้ววกันสิ”
“เอ่อ ได้เหรอครับคุณอลิศ คือ” เชนหันไปมองโจเยว่และบรรดาบอดี้การ์ตคนอื่นๆ อย่างเกรงๆ พวกเขายังไม่มีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะกับนายหญิงเลย แล้วนี่เขาเป็นแค่พ่อบ้าน เป็นแค่เด็กในอุปการะของเธอ จะรับสิทธิ์นั้นได้รึไง
“ไม่ต้องมองหรอก พวกนั้นน่ะ ไม่เคยยอมร่วมโต๊ะกับฉันอยู่แล้ว ต่อให้เอาช้างมาลากก็คงไม่มา ฉันน่ะ ไม่ใช่คนถือตัวอะไรหรอกนะ ถ้าลูกน้องหิว ก็มาร่วมโต๊ะด้วยได้ ไม่ผิดอะไร”
“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจน่ะครับ” เชนยิ้มแห้งๆ แล้วถือโอกาสชวนคุยแก้หิวซะเลย
“เอ่อ ขอโทษนะครับ คนในครอบครัวคุณไปไหนกันเหรอครับ ทำไมคุณถึงต้องกินข้าวคนเดียว”
เชนแค่ชวนคุยเท่านั้น ทว่ากลับได้รับสายตาพิฆาตจากดโจเยว่พุ่งตรงมา
“สู่รู้” เขาตำหนิเพียงสั้นๆ แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับเชนได้ไม่น้อยเลย อะไรกัน เขาแค่ชวนนายหญิงคุยตามประสาคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเท่านั้น ไม่ได้จะละลาบละล้วงอะไรซะหน่อย
“อาเยว่ เด็กคงแค่อยากรู้ นายก็อย่าโกรธเลยน่า”
ดีนะ ที่นายหญิงมีเหตุผล ปกป้องเด็กใหม่อย่างเขาน่ะ
“ที่จริงป๊ามีฉันแค่คนเดียว พอป๊ากับม๊าไม่อยู่ ที่นี่ก็เลยมีแค่ฉันกับบรรดาคนของเราเท่านั้น ส่วนญาติๆ ก็จะมารวมตัวกันช่วงวันไหว้บรรพบุรุษเท่านั้นแหละ” ็็กาHldijf
“บ้านตั้งใหญ่โต แต่ไม่มีใครอยู่เลย คุณคงเหงาแย่เลยนะครับ” หวังว่าโจเยว่คงไม่มองตาขวางอีกนะ ที่เขากล้าพูดออกไปตรงๆ ก็เขาไม่ใช่คนชอบเก็บความรู้สึกอะไรไว้ในใจนี่นา คิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น
“พูดมาก”
นั่นไง เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด นายโจเยว่นั่นไม่พอใจอีกแล้ว
“ช่างเขาเถอะอาเยว่ ถือซะว่า ฉันมีคนคุยด้วยก็แล้วกัน เอาล่ะ ฉันอิ่มแล้ว เก็บจานได้” สิ้นคำสั่ง เชนก็เริ่มทำหน้าที่ของเขา ด้วยการเก็บอาหารเข้าไปในครัว และก็เป็นเขากับบรรดาบอดี้การ์ตอีกนั่นละ ที่ต้องช่วยกันรับผิดชอบเป็ดตุ๋น แถมยังมีอีกตัวสำหรับคนของบ้านตระกูลลีด้วย เรียกได้ว่าอิ่มกันถ้วนหน้า จุกจนถึงคอเลยทีเดียว
จากนั้นเชนก็เก็บล้างจานชาม ในส่วนของตัวเองเข้ามาในครัว ขณะกำลังวางจานชามลงในอ่าง เสี่ยวเหลียน เด็กรับใช้น่าจะวัยอ่อนกว่าเขาไม่เท่าไหร่ก็ก้าวเข้ามา ในมือถือถาดใส่แก้วหลายใบมาด้วย
“คุณเชนคะ ไม่ต้องล้างจานนะคะ งานในครัวเป็นหน้าที่ของฉันกับทีมแม่บ้านค่ะ”
“ครับ” เชนตอบรับสั้นๆ นึกไม่ออกเลยว่า พ่อบ้านส่วนตัวอย่างเขา ต้องทำอะไรในคฤหาสน์หลังนี้บ้าง ยังไม่ทันจะหาคำตอบให้ตัวเองเจอ โจวเยว่ก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงกรอบประตู
“นายหญิงเรียกพบคุณที่ห้องทำงาน” หมอนั่นเอ่ยสั้นๆ คล้ายไม่อยากจะสนทนาวิสาสะอะไรกับเขาให้มากความ แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย ยังไงเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
“ขอบคุณครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ดีนะที่เขายังเป็นคนมารยาทดีน่ะ ถึงไม่อยากจะญาติดีอะไรกับโจวเยว่ก็เถอะ ยังไงก็ต้องพูดดีด้วยเอาไว้ก่อน บอกตัวเองแล้วเชนก็เดินไปหาอลิศที่ห้องทำงาน เขายกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ รอกระทั่งเธอเอ่ยอนุญาตลอดออกมา จึงผลักประตูเข้าไป
มองปราดเดียวเชนก็รู้ว่า ตรงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารมากมาย มันทำให้เขาอดนึกทึ่งไม่ได้เลย ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะต้องรับผิดชอบภาระงานมากมายเหลือเกิน ขนาดแฟ้มงานที่ต้องหอบมาทำที่บ้านยังเยอะแยะขนาดนี้ แล้วที่บริษัทล่ะ จะขนาดไหน
“นายหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
“นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันขอให้นายเรียกฉันว่าคุณก็พอ ส่วนฉันจะเรียกนายว่า คุณ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะได้ชินปาก คุณควรรู้ว่า คุณกับพวกโจวเยว่ไม่เหมือนกัน”
“ครับ”
“ช่วยอ่านรายละเอียดในแฟ้มพวกนี้ แล้วสรุปออกมาให้ฉันฟัง” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงนะ แม้แต่แววตากราดมองมานั้นก็ยังเฉียบขาด ซะจนคนถูกมองอย่างเขาขนลุก ไม่กล้าสบตา มือแข็งแรงหยิบแฟ้มงานมาอ่าน ดีนะที่เขาเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ ถึงเนื้อหาในแฟ้มจะเป็นภาษาอังกฤษบ้าง จีนกลางบ้าง ปะปนกันไป เขาก็ยังสามารถทำความเข้าใจได้ในระยะเวลารวดเร็ว ก่อนจะสรุปให้เธอฟังทีละแฟ้มได้ครบถ้วนทุกประเด็น ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีล่ะว่า ทำไมอลิศถึงให้เขาเข้ามาทำงานสำคัญ ต้องใช้ทักษะทางภาษา ทักษะการทำงานของเลขาแบบนี้
“คุณอลิศครับ ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะทำงานนี้ได้ล่ะครับ”
“ก่อนที่ฉันจะพิจารณาตำแหน่งงานให้คุณ คุณไม่คิดว่าฉันจะรู้อะไรเกี่ยวกับคุณมาก่อนบ้างเหรอ”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เขาค้อมศีรษะลงน้อยๆ ที่จริงตอนเด็กๆ เขากับครอบครัวเคยไปอยู่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรีมาก่อน จึงมีโอกาสได้เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนจีน เปิดสอนควบคู่กันไปทั้งภาษาไทย จีน และอังกฤษ เรื่องพื้นฐานทางภาษาจึงถือว่ามีภาษีดีกว่าเพื่อนร่วมสาขาวิชาเดียวกันอยู่มากทีเดียว แต่เธอคงไม่น่าจะรู้หรอกนะว่า เขาเคยไปทำงานรับจ้างกับหลงจู๊ขายข้าวสารตั้งแต่ม.ต้น จนจบม.ปลาย ทำงานเป็นลูกน้องคนสนิทของผู้ช่วยหลงจู๊ในงานเอกสารก็บ่อยครั้ง ถึงได้ทักษะดีๆ ติดตัวมา
“เรื่องงานของเธอ ฉันก็ถามกับคุณชุลีมาแล้ว”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แต่เรื่องงานในแฟ้มนี่ มันยังใหม่สำหรับผมมากเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไร ขอแค่คุณพร้อมจะเรียนรู้ ฉันก็พร้อมที่จะสอนคุณ พรุ่งนี้ฉันจะไปตรวจดูร้านค้าที่จิมซาจุ่ยคุณต้องไปกับฉัน” เธอปรายตามองนาฬิกาติดผนังแวบหนึ่ง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับ”
“พรุ่งนี้ เราจะออกไปตั้งแต่สิบโมงเช้า ก่อนหน้านั้น ฉันจะให้คนไปเอาเอกสารที่บริษัทก่อน” เธอลุกจากเก้าอี้ ขณะที่เขาเองก็แยกย้ายกลับที่พักเช่นกัน
“รู้อย่างนี้แล้ว ลูกยังจะโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าลูก” พ่อถาม หายใจหอบแรง อกสะท้อนขึ้นลง จนน่ากลัวว่า ลมหายใจเขาจะหมดลงเพียงเท่านี้จริงๆ “พ่อพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” “ไม่ เชน พ่อคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” “พ่อคิดมาตลอดว่า ไว้ถึงเวลาค่อยบอกลูก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพ่อเองก็รักลูกมาก พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พ่ออยากเก็บลูกไว้กับพ่อแม่ที่เมืองไทยไปตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับพ่อจนได้ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ชุลีบอกพ่อว่าลูกไปฮ่องกงกับคุณอลิศแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงรอ ทุกครั้งที่พ่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะหายใจอยู่ต่อไปอีกแล้ว พ่อก็ได้แต่ถามตัวเองว่า จะมีโอกาสได้บอกความจริงกับลูกไหม ทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกทุกอย่างตั้งแต่แรกนะ ไม่แน่ว่า หากความจริงทุกอย่างเปิดเผย เชนอาจได้กลับไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบน เป็นเบี้ยล่างของเจ้าชินกับชาร์มอย่างที่เป็นอยู่ อีกเรื่อง พ่อยังไม่แน่ใจเลยว่า ครอบครัวของลูกปลอดภัยดีรึยัง จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ตอนชุลีพาพ่อออกไปเดินเล่น พ่อบังเอิญเห็นข่าวว่าครอบครัวของลูกเปิดตัวธุรกิจโรงแรมและการท่องเที
“พี่ชิน พี่ชาร์ม ผมบอกพี่สองคนแล้วใช่ไหมว่า วันนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ ผมไม่อยากให้แม่กับพ่อที่นอนป่วยอยู่ในนั้นไม่สบายใจ แต่พี่ก็ยังจะชวนทะเลาะ ผมถามจริงๆเถอะนะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่”คำถามของเชนพาให้ชาร์มนิ่งอึ้งไป จริงสินะ เธอต้องการอะไรจากน้องกันแน่ หรือว่าเธอจงเกลียดจงชังเขา แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้เธอเกลียดน้องชายตัวเองจนเข้ากระดูก ทั้งที่เชนก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ผ่านมาเธอเองก็เหมือนกับชินนั่นแหละ หากขาดเหลืออะไร ก็จะต้องไปหยิบยืมเงินเชน แต่เธอจะเบากว่าชินตรงที่ เธอเป็นปลาที่คอยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ขอยืมก้อนใหญ่อย่างชิน แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้แค่ว่าต้องปกป้องชิน ก็เลยพลอยเป็นลูกคู่ของพี่ชายไปเท่านั้นละ และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จนเรียกสายตาญาติคนไข้ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาสมทบ“พวกคุณกรุณาอย่ารบกวนคนไข้และญาติคนไข้คนอื่นๆ เ
“ไปคุยกับครูที่สำนักงานนะคะ”“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” น้องชาร์มเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นตามประสาเด็กขี้สงสัย“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก เราไปด้วยกันนะคะ” ชุลียิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วจับจูงมือป้อมให้เดินตามมาด้วยกันครู่ต่อมาทั้งครูผู้ดูแล ผู้มาเยือน และสองเด็กกำพร้าก็มาถึงห้องทำงานของครูผู้ดูแลสถานสงเคราะห์“น้องชิน น้องชาร์ม นี่คุณชาญชัยกับคุณชุลี ท่านทั้งสองต้องการรับหนูไปเป็นลูกบุญธรรมนะคะ หนูไปอยู่บ้านของท่านทั้งสองนะลูกนะ ต่อไปพวกหนูจะมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีบ้านใหม่แล้วนะ”“จริงเหรอคะ”“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสองมองผู้อุปการะคนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย“จ้ะ ไปอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก” แล้วชุลีก็รั้งตัวเด็กหญิงตัวน้อยมากอดเอาไว้แนบอก เช่นเดียวกับชาญชัยเองก็โอบกอดน้องชินเอาไว้“ไปอยู่กับพ่อนะลูกชิน พ่อกับแม่จะดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดี นอกจากลูกแล้วเราจะมีน้องเล็กอีกคนนะ”“ใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยยังคงถามแจ้วๆ “น้องอยู่ที่บ้านจ้ะ น้องชื่อน้องเชน ต่อไปหนูจะมีทั้งพี่ชายและน้องชายนะคะ”“ค่ะแม่” เด็กหญิงตัวน้อยซุกดวงหน้ากลมเล็กลงกับอกแม่ ความอบอุ่นที่โหยหามานานซ่านสู่ห้วงหัวใจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“แล้วพี่ชาร์มล่ะครับ เขาไม่สะดวกเหมือนกันใช่ไหม”คุณชุลีพยักหน้ารู้ดีว่าลูกสาวคนรองกับลูกชายคนโตเหมือนกันตรงที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีวันที่จะมาหาเธอหรอก นี่ขนาดว่าคุณชาญชัยนอนอยู่ในห้อง ICU วันก่อนชาร์มยังมาหาเธอว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ บอกว่าตนเองเดือดร้อนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วก็ขอเงินเธอไป แต่เชนได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลโอนตรงเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คุณชุลีจึงให้เงินลูกสาวคนรองไปไม่กี่พันเท่านั้น ถึงจะได้เงินแล้วแต่ชาร์มก็ยังคงไม่พอใจ มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดกลับไปอยู่ดี “ผมว่าคุณอลิศกับคุณฉีไปหาที่นั่งแถวร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนก็ได้ครับ ไว้ถึงเวลาเยี่ยมไข้แล้ว ผมจะโทรหาเอง” เชนพยักหน้าให้เจ้านายสาวกับฉีเหวินหลงยิ้มๆครู่ต่อมามาเฟียต่างวัยทั้งคู่ก็ผละจากไป คล้อยหลังเจ้านายสาว เชนก็ประคองแม่มานั่งตรงเก้าอี้มุมหนึ่งด้านหน้าห้อง ICU นั่นเอง“แม่ครับ เข้มแข็งไว้นะครับเราจะสู้ไปด้วยกัน” เชนรวบมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่มากุมเอาไว้“เชน แม่มีอะไรจะถามลูกสักหน่อย”“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ทำให้เขาคิดไปว่าแม่คงกังวลกับอาการป่วยของพ่อ และอาจมีเรื่องในใจที่ต้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศไม่ใช่หรือ อีกอย่างตอนที่เธออยู่โรงพยาบาล เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนโทรบอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเจ้านายของเธอที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนของจ้าวเค่อน่ะ” คำพูดนั้นเองที่ทำให้เชนรู้ในทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร“คุณฉี่เหวินหลง”“ใช่แล้ว ฉันเอง” พร้อมกับคำพูดนั้นชายสูงวัยก็ล้วงเข้าไปในคอเสื้อ หยิบเอาจี้หยกติดกับสร้อยคอมาส่งให้เชนดูจี้หยกรูปมังกรล้อมกรอบสวยงาม เหนือมังกรทะยานฟ้านั้นสลักคำว่าฉี“คุณจริงๆด้วย”“รู้แล้วก็ขึ้นมาเถอะ” เชนใจเต้นแรง ยามพยักหน้าให้ชายสูงวัย แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีนอบน้อม“เธอจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ“ผมจะไปหาแม่กับพ่อที่โรงพยาบาลครับ คือพ่อผมไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว”“งั
“ ผมไม่ได้คิดเหมือนพี่อีกอย่างเจ้านายก็ดีกับผมมาก ผมคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ” ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่ แต่เขา ก็หวังจะเป็นเด็กเลี้ยงในความลับของเธอตลอดไปไม่คิด จะให้เธอมาเคียงคู่เขาหรอก“ ฟังดูดีจังเลยนะ แม่บอกว่าแกทำงานได้เงินดีทีเดียวเลยใช่ไหมถึงได้ส่งเงินมารักษาพ่อได้ เดือนละเป็นแสนๆ แกนี่โชคดีจริงๆ ขนาดยังเรียนไม่จบปริญญาตรีนะเนี่ยก็หาเงินได้มากมายขนาดนี้แล้ว”“ ครับ แล้วแม่ได้บอกพี่หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนแม่ก็ทำงานกับครอบครัวของคุณอลิสด้วยเหมือนกัน” เชนเรียบเคียงถาม อยากรู้เหมือนกันว่า ก่อนหน้าที่เขาจะเกิดมานั้น ชินกับชาร์ม คงจะอยู่กับตายาย แล้วแม่กับพ่อก็คงจะส่งเงินมาให้ใช้ ระหว่างที่สองพี่น้องอยู่เมืองไทยตากับยายก็ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟังบ้างล่ะ“ ไม่เห็นพูดถึงนะ นี่ตกลงพ่อกับแม่เคยทำงานกับบ้านคุณอลิซเขาจริงๆหรือ” ชินกะหมดคิ้วประหลาดใจจริงจัง น่าแปลกนะ ที่เรื่องเหตุผลที่เขาได้เป็นพ่อบ้านตระกูลลี พี่ชายกับพี่สาวเขากลับรู้ทุกอย่างเพียงผิวเผิน“ อ้าวตอนเด็กๆ ไม่ใช่ว่าพี่กับพี่ชาร์ม อยู่กับตายายร







