Masukบรรยากาศสตรีทฟู้ดส์ย่านจิมซาจุ่ยเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารละลานตา เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต่างมาตามหาอาหารคาวหวานร้านเด็ดร้านอร่อยตามรีวิวบนโซเชียลมีเดีย แต่สำหรับอลิศแล้ว แทนที่เธอจะได้เดินช็อป ชิม ชิล เฉกเช่นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เธอกลับต้องเดินสายพบผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ผู้บริหารตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วยตนเองว่าด้วยเรื่องงานและผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ ขณะที่เชนเองก็ต้องทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของเธออีกที ในการบันทึกรายละเอียดงานต่างๆ กว่าจะเสร็จงานเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็นแล้ว
“หิวมั้ยครับคุณอลิศ” เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านส่วนตัว ที่ต้องดูแลเจ้านายสาวเป็นอย่างดี เขาจำได้ว่า นอกจากกาแฟกับข้าวต้มมื้อเช้าที่บ้านแล้ว เธอยังไม่ยอมกินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า แถมยังเอาแต่ทำหน้าเครียดตลอดการทำงานที่ยาวนานอีกต่างหาก เห็นแล้วหน้าเหนื่อยแทนจริงๆ
“ผมเคยเห็นในเน็ตว่าร้านนั้นดังมาก เสี่ยวหลงเปาก็อร่อยมากด้วย คุณอลิศรับซักกล่องมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” เชนเสนอตัว ไม่สนใจหรอกว่าโจวเยว่จะปรายตามองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์แบบไหน ก็นะ เจ้านายเขามาย่านของกินอร่อยๆ ทั้งทีก็ต้องได้กินอะไรอรอ่ยๆ บ้างสิ ไม่ใช่จะคุยงานแล้วหอบงานหนักๆกลับไปทำที่บ้านต่ออย่างเดียวเลย
เห็นแววตาทอประกายซุกซนของเด็กอย่างเชนแล้ว อลิศเองก็อยากตามใจเขาบ้างเหมือนกัน จากที่จะปฏิเสธจึงหยิบการ์ดใบหนึ่งส่งให้เขา
“ไปซื้อมาสิ อยากกินอะไรก็ไปซื้อ ฉันกับอาเยว่จะไปรอที่รถ”
“ครับ” เชนรับการ์ดใบนั้นไป ขณะที่อลิศพยักหน้าให้บอดี้การ์ตหนุ่ม เป็นอันรู้กันว่า เธอต้องการกลับไปรอที่รถดังว่า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เชนก็วิ่งเหยาะๆ กลับมา พร้อมกับของกินเต็มไม้เต็มมือไปหมด ทั้งเสี่ยวหลงเปาที่ว่าหลายกล่อง ชานมไข่มุกสำหรับตนเอง เจ้านายสาว และไม่ลืมเผื่อโจวเยว่ด้วย คุกกี้หลากรสชาติ จากร้านที่นักร้องสาวชาวไทย ที่ไปโด่งดังในเกาหลีใต้เคยไปเยือนและรีวิวไว้ เบอร์เกอร์อเมริกันชิ้นใหญ่ไส้ทะลัก ขนมปังบันฉ่ำเนย เห็นแล้วอลิศก็เผลอยิ้มน้อยๆ ออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย
“เอ่อ ผมขอโทษนะครับ ที่ผมซื้อเยอะไปหน่อย พอดีมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย ผมไม่รู้ด้วยว่าคุณชอบกินอะไร ก็เลยจัดมาหลายอย่างเลย นี่ครับ เสี่ยวหลงเปาของคุณ” ว่าแล้วเชนก็ส่งเสี่ยวหลงเปาไส้เห็ดทราฟเฟิ้ลในกล่องใบหนึ่งให้เจ้านายสาว ตามด้วยโจวเยว่ ที่รับไปไว้ในมือพอเป็นพิธี แต่พอได้กินจริงๆ บอดี้การ์ตสุดขรึม ดูไร้ชีวิตชีวาอย่างเขาก็ถึงกับทิ้งความขรึมจัดการกับเสี่ยวหลงเปาในมือหมดภายในไม่ถึงสิบนาที
ขณะที่เจ้านายสาวของเขายังคงจัดการกับเสี่ยวหลงเปาในมือเงียบๆ ไม่สนใจเลยว่า แก้มนวลข้างหนึ่งจะมีหยดน้ำซุปจากเสี่ยวหลงเปาลูกนั้นเกาะพราวอยู่
“คุณอลิศครับ แก้มคุณเปื้อน” เชนไม่ทักเปล่า หยิบกระดาษทิชชูมาส่งให้เธอด้วย
“ขอบใจ” เธอตอบสั้นๆ รับกระดาษทิชชูไปซับแก้มเบาๆ ขณะที่เชนแอบมองเจ้านายสาวแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ก็เจ้านายน่ามองขนาดนี้ ถึงจะบ้างานไปหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้น่ามองนัก
หนึ่งเดือนของการเข้ามาเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศ นอกจากจะได้ทำหน้าที่เจเนอรัลเบ๊อย่างเต็มรูปแบบแล้ว เชนยังมีโอกาสได้พัฒนาฝีมือด้วยการเรียนศิลปะป้องกันตัวกับโจวเยว่เพิ่มอีกต่างหาก จะว่าไปถ้าไม่นับว่าเขาออกจะเคร่งขรึม พูดจานับคำได้ไปบ้าง ก็ถือว่าเขาเป็นครูสอนได้ดีทีเดียว และเหตุผลที่อลิศต้องการให้เขาเรียนศิลปะป้องกันตัวเพิ่มก็เพื่อจะได้ปกป้องตัวเองได้ ไม่ต้องกลายเป็นจุดอ่อน หรือภาระของใครในยามคับขันนั่นเอง
“วันนี้ ฉันมีนัดดินเนอร์กับเจ้าหมิงเทียน เจ้าของธุรกิจโรงแรมหรูบนเกาะฮ่องกงและไทเป” คำสั่งหนึ่งยังคงดังก้องในใจ พาให้เชนสงสัยนักว่า จ้าวหมิงเทียนคนนั้นเป็นใคร สำคัญแค่ไหนในหัวใจของอลิศ เขาถึงได้รับโอกาสสำคัญให้ดินเนอร์ร่วมกับเจ้านายสาวของเชนด้วย ทั้งที่ร้อยวันพันปี นอกจากเรื่องงาน เจ้านายสาวของเขาแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
“คุณเยว่ ผมถามอะไรคุณหน่อยสิครับ” มีหรือเชนจะยอมเก็บความค้างคานั่นเอาไว้เพียงในใจ
“คุณจ้าว ก็เป็นคนที่ตระกูลลีอยากให้แต่งงานกับคุณอลิศน่ะสิ” คำตอบนั้นเรียบเรื่อยก็จริง แต่แปลกเหลือเกินที่เชนกลับมองเห็นความวูบไหวระคนปวดร้าวในดวงตาคู่นั้น
“แล้วนายหญิงว่ายังไงบ้างครับ เธออยากจะแต่งงานกับเขาหรือเปล่า”
“นายคิดว่ายังไงล่ะ” บอดี้การ์ตหนุ่มย้อนถาม คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหาจนแทบจะชนกัน
“ผมว่า ถ้าให้คุณอลิศเลือกจริงๆ ก็คงไม่อยากแต่งหรอกครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจของตระกูล เธอเองคงไม่มีทางเลือก”
โจวเยว่พยักหน้ารับ
“แต่ถ้าคุณอลิศแต่งงานแล้ว พ่อบ้านอย่างผม กับบอดี้การ์ตส่วนตัวอย่างคุณ คงไม่จำเป็นสำหรับเธอแล้วแน่ๆ เลยล่ะครับ เพราะสามีของคุณอลิศคงไม่พอใจเท่าไหร่ ที่มีผู้ชายสองคน คอยดูแลเรื่องส่วนตัวของเธอใกล้ชิดแบบนี้” เชนพูดไปตามสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น อีกครั้งที่เขาแลเห็นความหม่นหมองปรากฏชัดในแววตาบอดี้การ์ตหนุ่ม ทำไมผู้ชายอย่างเขาจะดูไม่ออกล่ะว่า มันไม่ใช่ความเสียดาย ความผิดหวัง หากมันคือความห่วงหวง ความกังวลถึงใครสักคนที่เขารู้สึกพิเศษด้วย
“รู้อย่างนี้แล้ว ลูกยังจะโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าลูก” พ่อถาม หายใจหอบแรง อกสะท้อนขึ้นลง จนน่ากลัวว่า ลมหายใจเขาจะหมดลงเพียงเท่านี้จริงๆ “พ่อพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” “ไม่ เชน พ่อคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” “พ่อคิดมาตลอดว่า ไว้ถึงเวลาค่อยบอกลูก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพ่อเองก็รักลูกมาก พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พ่ออยากเก็บลูกไว้กับพ่อแม่ที่เมืองไทยไปตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับพ่อจนได้ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ชุลีบอกพ่อว่าลูกไปฮ่องกงกับคุณอลิศแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงรอ ทุกครั้งที่พ่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะหายใจอยู่ต่อไปอีกแล้ว พ่อก็ได้แต่ถามตัวเองว่า จะมีโอกาสได้บอกความจริงกับลูกไหม ทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกทุกอย่างตั้งแต่แรกนะ ไม่แน่ว่า หากความจริงทุกอย่างเปิดเผย เชนอาจได้กลับไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบน เป็นเบี้ยล่างของเจ้าชินกับชาร์มอย่างที่เป็นอยู่ อีกเรื่อง พ่อยังไม่แน่ใจเลยว่า ครอบครัวของลูกปลอดภัยดีรึยัง จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ตอนชุลีพาพ่อออกไปเดินเล่น พ่อบังเอิญเห็นข่าวว่าครอบครัวของลูกเปิดตัวธุรกิจโรงแรมและการท่องเที
“พี่ชิน พี่ชาร์ม ผมบอกพี่สองคนแล้วใช่ไหมว่า วันนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ ผมไม่อยากให้แม่กับพ่อที่นอนป่วยอยู่ในนั้นไม่สบายใจ แต่พี่ก็ยังจะชวนทะเลาะ ผมถามจริงๆเถอะนะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่”คำถามของเชนพาให้ชาร์มนิ่งอึ้งไป จริงสินะ เธอต้องการอะไรจากน้องกันแน่ หรือว่าเธอจงเกลียดจงชังเขา แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้เธอเกลียดน้องชายตัวเองจนเข้ากระดูก ทั้งที่เชนก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ผ่านมาเธอเองก็เหมือนกับชินนั่นแหละ หากขาดเหลืออะไร ก็จะต้องไปหยิบยืมเงินเชน แต่เธอจะเบากว่าชินตรงที่ เธอเป็นปลาที่คอยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ขอยืมก้อนใหญ่อย่างชิน แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้แค่ว่าต้องปกป้องชิน ก็เลยพลอยเป็นลูกคู่ของพี่ชายไปเท่านั้นละ และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จนเรียกสายตาญาติคนไข้ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาสมทบ“พวกคุณกรุณาอย่ารบกวนคนไข้และญาติคนไข้คนอื่นๆ เ
“ไปคุยกับครูที่สำนักงานนะคะ”“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” น้องชาร์มเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นตามประสาเด็กขี้สงสัย“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก เราไปด้วยกันนะคะ” ชุลียิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วจับจูงมือป้อมให้เดินตามมาด้วยกันครู่ต่อมาทั้งครูผู้ดูแล ผู้มาเยือน และสองเด็กกำพร้าก็มาถึงห้องทำงานของครูผู้ดูแลสถานสงเคราะห์“น้องชิน น้องชาร์ม นี่คุณชาญชัยกับคุณชุลี ท่านทั้งสองต้องการรับหนูไปเป็นลูกบุญธรรมนะคะ หนูไปอยู่บ้านของท่านทั้งสองนะลูกนะ ต่อไปพวกหนูจะมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีบ้านใหม่แล้วนะ”“จริงเหรอคะ”“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสองมองผู้อุปการะคนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย“จ้ะ ไปอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก” แล้วชุลีก็รั้งตัวเด็กหญิงตัวน้อยมากอดเอาไว้แนบอก เช่นเดียวกับชาญชัยเองก็โอบกอดน้องชินเอาไว้“ไปอยู่กับพ่อนะลูกชิน พ่อกับแม่จะดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดี นอกจากลูกแล้วเราจะมีน้องเล็กอีกคนนะ”“ใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยยังคงถามแจ้วๆ “น้องอยู่ที่บ้านจ้ะ น้องชื่อน้องเชน ต่อไปหนูจะมีทั้งพี่ชายและน้องชายนะคะ”“ค่ะแม่” เด็กหญิงตัวน้อยซุกดวงหน้ากลมเล็กลงกับอกแม่ ความอบอุ่นที่โหยหามานานซ่านสู่ห้วงหัวใจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“แล้วพี่ชาร์มล่ะครับ เขาไม่สะดวกเหมือนกันใช่ไหม”คุณชุลีพยักหน้ารู้ดีว่าลูกสาวคนรองกับลูกชายคนโตเหมือนกันตรงที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีวันที่จะมาหาเธอหรอก นี่ขนาดว่าคุณชาญชัยนอนอยู่ในห้อง ICU วันก่อนชาร์มยังมาหาเธอว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ บอกว่าตนเองเดือดร้อนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วก็ขอเงินเธอไป แต่เชนได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลโอนตรงเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คุณชุลีจึงให้เงินลูกสาวคนรองไปไม่กี่พันเท่านั้น ถึงจะได้เงินแล้วแต่ชาร์มก็ยังคงไม่พอใจ มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดกลับไปอยู่ดี “ผมว่าคุณอลิศกับคุณฉีไปหาที่นั่งแถวร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนก็ได้ครับ ไว้ถึงเวลาเยี่ยมไข้แล้ว ผมจะโทรหาเอง” เชนพยักหน้าให้เจ้านายสาวกับฉีเหวินหลงยิ้มๆครู่ต่อมามาเฟียต่างวัยทั้งคู่ก็ผละจากไป คล้อยหลังเจ้านายสาว เชนก็ประคองแม่มานั่งตรงเก้าอี้มุมหนึ่งด้านหน้าห้อง ICU นั่นเอง“แม่ครับ เข้มแข็งไว้นะครับเราจะสู้ไปด้วยกัน” เชนรวบมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่มากุมเอาไว้“เชน แม่มีอะไรจะถามลูกสักหน่อย”“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ทำให้เขาคิดไปว่าแม่คงกังวลกับอาการป่วยของพ่อ และอาจมีเรื่องในใจที่ต้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศไม่ใช่หรือ อีกอย่างตอนที่เธออยู่โรงพยาบาล เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนโทรบอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเจ้านายของเธอที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนของจ้าวเค่อน่ะ” คำพูดนั้นเองที่ทำให้เชนรู้ในทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร“คุณฉี่เหวินหลง”“ใช่แล้ว ฉันเอง” พร้อมกับคำพูดนั้นชายสูงวัยก็ล้วงเข้าไปในคอเสื้อ หยิบเอาจี้หยกติดกับสร้อยคอมาส่งให้เชนดูจี้หยกรูปมังกรล้อมกรอบสวยงาม เหนือมังกรทะยานฟ้านั้นสลักคำว่าฉี“คุณจริงๆด้วย”“รู้แล้วก็ขึ้นมาเถอะ” เชนใจเต้นแรง ยามพยักหน้าให้ชายสูงวัย แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีนอบน้อม“เธอจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ“ผมจะไปหาแม่กับพ่อที่โรงพยาบาลครับ คือพ่อผมไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว”“งั
“ ผมไม่ได้คิดเหมือนพี่อีกอย่างเจ้านายก็ดีกับผมมาก ผมคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ” ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่ แต่เขา ก็หวังจะเป็นเด็กเลี้ยงในความลับของเธอตลอดไปไม่คิด จะให้เธอมาเคียงคู่เขาหรอก“ ฟังดูดีจังเลยนะ แม่บอกว่าแกทำงานได้เงินดีทีเดียวเลยใช่ไหมถึงได้ส่งเงินมารักษาพ่อได้ เดือนละเป็นแสนๆ แกนี่โชคดีจริงๆ ขนาดยังเรียนไม่จบปริญญาตรีนะเนี่ยก็หาเงินได้มากมายขนาดนี้แล้ว”“ ครับ แล้วแม่ได้บอกพี่หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนแม่ก็ทำงานกับครอบครัวของคุณอลิสด้วยเหมือนกัน” เชนเรียบเคียงถาม อยากรู้เหมือนกันว่า ก่อนหน้าที่เขาจะเกิดมานั้น ชินกับชาร์ม คงจะอยู่กับตายาย แล้วแม่กับพ่อก็คงจะส่งเงินมาให้ใช้ ระหว่างที่สองพี่น้องอยู่เมืองไทยตากับยายก็ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟังบ้างล่ะ“ ไม่เห็นพูดถึงนะ นี่ตกลงพ่อกับแม่เคยทำงานกับบ้านคุณอลิซเขาจริงๆหรือ” ชินกะหมดคิ้วประหลาดใจจริงจัง น่าแปลกนะ ที่เรื่องเหตุผลที่เขาได้เป็นพ่อบ้านตระกูลลี พี่ชายกับพี่สาวเขากลับรู้ทุกอย่างเพียงผิวเผิน“ อ้าวตอนเด็กๆ ไม่ใช่ว่าพี่กับพี่ชาร์ม อยู่กับตายายร







