LOGINเช้าวันต่อมา เชนมาหาอลิศที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ทันทีที่มาถึงเขาก็โทรศัพท์หาเธอตามหมายเลขที่ให้ไว้ รอไม่นานเลย อลิศพร้อมด้วยโจเยว่ก็เดินออกจากลิฟท์มายังมุมหนึ่งของลอบบี้
“นี่สัญญาจ้างของนาย ฉันเป็นคนร่างเอง สงสัยอะไรถามได้”
เชนรับกระดาษแผ่นหนึ่งมาอ่านเร็วๆ ครู่หนึ่ง ในสัญญาระบุว่า เขาต้องทำงานในตำแหน่งพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศเป็นเวลา 1 ปี โดยมีกำหนดทดลองงาน 3 เดือนแรก เมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง เขาสามารถลาออกและกลับเมืองไทยได้ทันที โดยก่อนเริ่มงาน เขาต้องได้รับการฝึกฝนการป้องกันตัว เพื่อทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของอลิศในเบื้องต้น นั่นคือการเรียนยิงปืน
“มีอะไรจะถามไหม” เป็นครั้งแรกละมั้ง ที่เชนได้ยินโจเยว่พูดมากกว่าคำพูดสั้นๆ แค่คำว่า ครับ
“ไม่มีครับ” เชนจรดปลายปากกาลงในช่องเหนือชื่อของเขาเอง แล้วส่งสัญญาให้เธอเซ็นต่อ
“นี่คู่สัญญาของคุณ เก็บไว้เถอะ”
“ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมจะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลต่อ”
“อึม แล้วเจอกันที่ฮ่องกง” เธอเอ่ยเรียบๆ ขณะที่เชนลุกเดินออกมา กำลังจะก้าวผ่านประตูทางออก เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าวาดดาว นักศึกษาสาวรุ่นน้องก้าวเข้ามาทางประตูทางเข้า พร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ด้านหลังมีบอดี้การ์ตร่างใหญ่สองคนเดินตามมาติดๆ
“อ้าวดาว”
“สวัสดีค่ะพี่เชน” เธอทักทาย แล้วส่งยิ้มสดใสมาให้ ผิดกับชายหนุ่มอีกคนมองมาตาเขียวปัด ถ้าเขาไม่คิดไปเองละก็ ผู้ชายคนนั้นคงกำลังไม่ชอบใจอยู่แน่ๆ ที่วาดดาวยิ้มให้เขา
“ครับ ดาวมาทำธุระเหรอ”
“ใช่ค่ะ ดาวมาพบลูกค้ากับเอ่อ พี่ธันน่ะค่ะ นั่นไงคะ ลูกค้าของเรา”
วาดดาวมองตรงไปยังจุดที่อลิศยังคงปักหลักอยู่
“อ๋อ เหรอครับ งั้น พี่ไม่รบกวนแล้ว ไปก่อนนะดาว เอ่อ ผมไปก่อนนะครับ” เชนส่งยิ้มน้อยๆ ให้ผู้ชายคนนั้น ก่อนเดินจากไป
คล้อยหลังเชน ธันวากับวาดดาวก็เดินตรงเข้าไปหาอลิศทันที
“มาเร็วดีนะคะคุณธันวา”
“ครับ ข่าวสำคัญแบบนี้ ผมจะพลาดได้ยังไงล่ะครับคุณอลิศ”
“งั้นเหรอคะ” อลิศเอ่ยกลั้วหัวเราะ หันมาจ้องหน้าสาวน้อยอีกคนที่ตามเพื่อนของเธอมาด้วย
“ท่าทางงานนี้จะไม่ใช่ความลับซะแล้วสิคะ เพราะคุณเล่นควงสาวน้อยมาที่นี่ด้วย”
“ครับ ผมกับดาว เราไม่มีความลับอะไรตอกันอยู่แล้ว”
“ดีค่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ”
“ครับ” ธันวาพยักหน้ารับ จากนั้นการดิลงานว่าด้วยเรื่องธุรกิจระหว่างมาเฟียจากทั้งสองประเทศก็เริ่มต้นขึ้น ว่าด้วยเรื่องโปรเจคสำคัญ การเปิดร้านอาหารไทยสาขาใหม่ในโซนไทม์สแควร์ของธุรกิจตระกูลลี
หลายวันต่อมา ณ ฝั่งเกาลูน ฮ่องกง
เชนกระชับอาวุธสีดำมะเมื่อมในมือมั่น แม้จะมีที่ครอบหูปิดหูทั้งสองข้างไว้แน่น แต่เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ สายตามองตรงไปยังเป้ารูปคนตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วลั่นไกออกไป ความตึงเครียดค่อยผ่อนคลายลง เมื่อเห็นว่ากระสุนเข้าเป้าทุกนัดทั้งที่เพิ่งยิงปืนครั้งแรก
เสียงปรบมือเบาๆ ดังมาจากเบื้องหลัง พาให้เขาหันกลับไปมอง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า อลิศจะเป็นเจ้าของเสียงปรบมือนั้น
“ถือว่าทำได้ดี สำหรับการยิงครั้งแรก” เธอเอ่ยเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเชนคิดไปเองรึเปล่า ที่รู้สึกว่า ดวงหน้าสวยของคนตรงหน้าดูอิดโรย ราวกับว่าสามวันที่ไม่ได้เจอกัน เธอไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเลย ถ้าไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้มบนผิวหน้านวลเอาไว้ คงจะยิ่งเห็นความหน้าโทรมยิ่งกว่านี้แน่
“คุณอลิศ” โจเยว่หยิบขวดน้ำบนเก้าอี้ใกล้มือ แล้วเดินไปส่งให้เธอ ไม่รู้ว่าเชนคิดไปเองรึเปล่า ที่เห็นวี่แววความห่วงใย ฉายอยู่ในนัยน์ตาของบอดี้การ์ตข้างกายอย่างเขา
“ขอบคุณ” เธอเปิดขวด แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
“ขอฉันลองซักหน่อยสิ” เธอเดินมาวางขวดน้ำลงกับเก้าอี้ตัวเดิม แล้วหยิบปืนมาใส่กระสุนอย่างคล่องแคล่วจนเชนอดมองอย่างทึ่งๆ ไม่ได้ ไม่ใช่แค่กระบอกเดียวแต่เป็นสองกระบอก
มือเรียวกระชับปืนที่เพิ่งถูกปลดล็อกแมกกาซีนมั่น แล้วเริ่มลั่นไก
เสียงปืนแผดก้องไปทั่วสนาม สองเท้าสไลล์ไปด้านข้าง ขณะที่ลูกกระสุนพุ่งเข้าหาเป้าหมายแต่ละเป้า ตั้งแต่เป้าแรกจนถึงเป้าสุดท้ายแม่นยำราวจับวาง
มันทำให้เชนอดคิดไม่ได้เลยว่า แล้วเธอจะมีพ่อบ้านประจำตัวที่ยิงปืนเป็นไปทำไม ในเมื่อเธอออกจะยิงปืนแม่นอย่างกับนักกีฬายิงปืนทีมชาติเจ้าของแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกซะขนาดนี้
“สุดยอดเลยครับคุณอลิศ” เชนชมจากใจจริง
“แน่ล่ะสิ คุณอลิศจะทำเสียชื่ออดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติระดับเอเชียนเกมส์ได้ยังไงกันล่ะ” บอดี้การ์ตคนหนึ่งเอ่ยอย่างภาคภูมิใจในตัวนายหญิง ขณะที่โจเยว่ผู้เงียบขรึมทำเพียงมองด้วยแววตาชื่นชมเท่านั้น
จะว่าไปตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลลีบนฝั่งเกาลูน นับเวลาก็เกือบ 12 ชั่วโมงแล้ว นอกจากบอดี้การ์ตและคนรับใช้ในแต่ละหน้าที่แล้ว เชนยังไม่เห็นหน้าสมาชิกในครอบครัวตระกูลลีเลยแม้แต่คนเดียว อย่างกับว่าที่นี่มีแค่อลิศอยู่กับบรรดาบอดี้การ์ตและคนรับใช้อย่างนั้นแหละ
ขนาดเวลาอาหารเย็นแท้ๆ ยังมีแค่อลิศ นั่งรับประทานอาหารเงียบๆ อยู่เพียงลำพังเลย ทั้งที่โต๊ะอาหารขนาดสิบที่นั่งออกจะกว้างใหญ่ แถมอาหารก็ยังเป็นเป็ดตุ๋นเห็ดหอมชามใหญ่อีกด้วย เห็นแล้วเชนก็แอบกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ เป็ดทั้งตัวอลิศคนเดียวคงไม่น่ากินหมด หวังว่าจะเหลือมาให้พ่อบ้านอย่างเขาบ้างนะ ซักขาก็ยังดี
ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ฉีเหวินหลง อลิศ และบรรดาบอดี้การ์ตกำลังนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงมุมด้านในของร้าน ต่างคนต่างมีกาแฟในแบบที่ตนเองชื่นชอบวางอยู่คนละแก้ว ดูเผินๆ คล้ายกับการเจรจาทางธุรกิจนอกสถานที่ แต่คนนอกเลยจะรู้ว่า เรื่องที่กำลังอยู่ในการสนทนา เป็นเรื่องของพ่อบ้านหนุ่มของอลิศล้วนๆ “นี่ลุงฉีกำลังจะบอกฉันว่า เชนเป็นลูกชายคนเล็กของลุงอย่างนั้นเหรอคะ”ฉีเหวินหลงพยักหน้าเนิบๆ“ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นลุงมีความจำเป็นจะต้องฝากลูกไว้กับชาญชัย เพราะทุกอย่างมันจวนตัวจริงๆ หากลุงกับซีซานไม่อาจมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็ยังมีอาชวนกับเชนที่รอดชีวิต”“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่คะลุงฉี” อลิศสัมผัสได้ว่า ก้อนเนื้อในช่องอกกำลังโลดแรง หากเชน คนที่เธอเห็นเป็นเด็กเลี้ยง เป็นพ่อบ้านหนุ่มมาตลอดเป็นคนสำคัญของตระกูลฉี
“รู้อย่างนี้แล้ว ลูกยังจะโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าลูก” พ่อถาม หายใจหอบแรง อกสะท้อนขึ้นลง จนน่ากลัวว่า ลมหายใจเขาจะหมดลงเพียงเท่านี้จริงๆ “พ่อพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” “ไม่ เชน พ่อคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” “พ่อคิดมาตลอดว่า ไว้ถึงเวลาค่อยบอกลูก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพ่อเองก็รักลูกมาก พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พ่ออยากเก็บลูกไว้กับพ่อแม่ที่เมืองไทยไปตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับพ่อจนได้ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ชุลีบอกพ่อว่าลูกไปฮ่องกงกับคุณอลิศแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงรอ ทุกครั้งที่พ่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะหายใจอยู่ต่อไปอีกแล้ว พ่อก็ได้แต่ถามตัวเองว่า จะมีโอกาสได้บอกความจริงกับลูกไหม ทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกทุกอย่างตั้งแต่แรกนะ ไม่แน่ว่า หากความจริงทุกอย่างเปิดเผย เชนอาจได้กลับไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบน เป็นเบี้ยล่างของเจ้าชินกับชาร์มอย่างที่เป็นอยู่ อีกเรื่อง พ่อยังไม่แน่ใจเลยว่า ครอบครัวของลูกปลอดภัยดีรึยัง จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ตอนชุลีพาพ่อออกไปเดินเล่น พ่อบังเอิญเห็นข่าวว่าครอบครัวของลูกเปิดตัวธุรกิจโรงแรมและการท่องเที
“พี่ชิน พี่ชาร์ม ผมบอกพี่สองคนแล้วใช่ไหมว่า วันนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ ผมไม่อยากให้แม่กับพ่อที่นอนป่วยอยู่ในนั้นไม่สบายใจ แต่พี่ก็ยังจะชวนทะเลาะ ผมถามจริงๆเถอะนะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่”คำถามของเชนพาให้ชาร์มนิ่งอึ้งไป จริงสินะ เธอต้องการอะไรจากน้องกันแน่ หรือว่าเธอจงเกลียดจงชังเขา แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้เธอเกลียดน้องชายตัวเองจนเข้ากระดูก ทั้งที่เชนก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ผ่านมาเธอเองก็เหมือนกับชินนั่นแหละ หากขาดเหลืออะไร ก็จะต้องไปหยิบยืมเงินเชน แต่เธอจะเบากว่าชินตรงที่ เธอเป็นปลาที่คอยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ขอยืมก้อนใหญ่อย่างชิน แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้แค่ว่าต้องปกป้องชิน ก็เลยพลอยเป็นลูกคู่ของพี่ชายไปเท่านั้นละ และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จนเรียกสายตาญาติคนไข้ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาสมทบ“พวกคุณกรุณาอย่ารบกวนคนไข้และญาติคนไข้คนอื่นๆ เ
“ไปคุยกับครูที่สำนักงานนะคะ”“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” น้องชาร์มเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นตามประสาเด็กขี้สงสัย“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก เราไปด้วยกันนะคะ” ชุลียิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วจับจูงมือป้อมให้เดินตามมาด้วยกันครู่ต่อมาทั้งครูผู้ดูแล ผู้มาเยือน และสองเด็กกำพร้าก็มาถึงห้องทำงานของครูผู้ดูแลสถานสงเคราะห์“น้องชิน น้องชาร์ม นี่คุณชาญชัยกับคุณชุลี ท่านทั้งสองต้องการรับหนูไปเป็นลูกบุญธรรมนะคะ หนูไปอยู่บ้านของท่านทั้งสองนะลูกนะ ต่อไปพวกหนูจะมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีบ้านใหม่แล้วนะ”“จริงเหรอคะ”“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสองมองผู้อุปการะคนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย“จ้ะ ไปอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก” แล้วชุลีก็รั้งตัวเด็กหญิงตัวน้อยมากอดเอาไว้แนบอก เช่นเดียวกับชาญชัยเองก็โอบกอดน้องชินเอาไว้“ไปอยู่กับพ่อนะลูกชิน พ่อกับแม่จะดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดี นอกจากลูกแล้วเราจะมีน้องเล็กอีกคนนะ”“ใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยยังคงถามแจ้วๆ “น้องอยู่ที่บ้านจ้ะ น้องชื่อน้องเชน ต่อไปหนูจะมีทั้งพี่ชายและน้องชายนะคะ”“ค่ะแม่” เด็กหญิงตัวน้อยซุกดวงหน้ากลมเล็กลงกับอกแม่ ความอบอุ่นที่โหยหามานานซ่านสู่ห้วงหัวใจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“แล้วพี่ชาร์มล่ะครับ เขาไม่สะดวกเหมือนกันใช่ไหม”คุณชุลีพยักหน้ารู้ดีว่าลูกสาวคนรองกับลูกชายคนโตเหมือนกันตรงที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีวันที่จะมาหาเธอหรอก นี่ขนาดว่าคุณชาญชัยนอนอยู่ในห้อง ICU วันก่อนชาร์มยังมาหาเธอว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ บอกว่าตนเองเดือดร้อนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วก็ขอเงินเธอไป แต่เชนได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลโอนตรงเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คุณชุลีจึงให้เงินลูกสาวคนรองไปไม่กี่พันเท่านั้น ถึงจะได้เงินแล้วแต่ชาร์มก็ยังคงไม่พอใจ มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดกลับไปอยู่ดี “ผมว่าคุณอลิศกับคุณฉีไปหาที่นั่งแถวร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนก็ได้ครับ ไว้ถึงเวลาเยี่ยมไข้แล้ว ผมจะโทรหาเอง” เชนพยักหน้าให้เจ้านายสาวกับฉีเหวินหลงยิ้มๆครู่ต่อมามาเฟียต่างวัยทั้งคู่ก็ผละจากไป คล้อยหลังเจ้านายสาว เชนก็ประคองแม่มานั่งตรงเก้าอี้มุมหนึ่งด้านหน้าห้อง ICU นั่นเอง“แม่ครับ เข้มแข็งไว้นะครับเราจะสู้ไปด้วยกัน” เชนรวบมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่มากุมเอาไว้“เชน แม่มีอะไรจะถามลูกสักหน่อย”“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ทำให้เขาคิดไปว่าแม่คงกังวลกับอาการป่วยของพ่อ และอาจมีเรื่องในใจที่ต้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศไม่ใช่หรือ อีกอย่างตอนที่เธออยู่โรงพยาบาล เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนโทรบอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเจ้านายของเธอที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนของจ้าวเค่อน่ะ” คำพูดนั้นเองที่ทำให้เชนรู้ในทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร“คุณฉี่เหวินหลง”“ใช่แล้ว ฉันเอง” พร้อมกับคำพูดนั้นชายสูงวัยก็ล้วงเข้าไปในคอเสื้อ หยิบเอาจี้หยกติดกับสร้อยคอมาส่งให้เชนดูจี้หยกรูปมังกรล้อมกรอบสวยงาม เหนือมังกรทะยานฟ้านั้นสลักคำว่าฉี“คุณจริงๆด้วย”“รู้แล้วก็ขึ้นมาเถอะ” เชนใจเต้นแรง ยามพยักหน้าให้ชายสูงวัย แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีนอบน้อม“เธอจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ“ผมจะไปหาแม่กับพ่อที่โรงพยาบาลครับ คือพ่อผมไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว”“งั







