ตลอดเวลาสองเดือนที่ญารินดากับภีมภพห่างเหินกันไป เพราะหญิงสาวทั้งเรียนทั้งฝึกงาน เธอกับภีมภพคุยกันแทบจะนับครั้งได้ ญารินดาพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับชายหนุ่ม เวลาเดินทางไปกลับก็มักจะไปกับพี่ชายของต้นหลิว
ความสนิทสนมระหว่างเธอกับต้นโมกก็มีมากขึ้น ชายหนุ่มหมั่นแวะมาหา ซื้อขนมมาให้และมารอรับกลับบ้าน โดยอ้างว่ามารับน้องสาว
วันสุดท้ายของการสอบต้นโมกอาสามารับอย่างเคย แต่ญารินดาปฏิเสธเพราะเธอยังไม่อยากกลับบ้าน ช่วงเวลาปิดเทอมแค่ไม่ถึงเดือน ญารินดากำลังคิดว่าจะอยู่ที่หอต่อ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปช่วยงานเพียงพรและชายหนุ่ม
ไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำงาน แต่เพราะรู้สึกอึดอัด และกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วเจอกับแฟนของน้าชาย เธอจะทำใจได้อีกไหม ให้อยู่ห่างกันอย่างนี้ถึงแม่เธอจะเจ็บแต่ก็ไม่ต้องคอยปั้นหน้าว่ามีความสุข
“กอหญ้า ไม่กลับบ้านเหรอลูก”วาสนาโทรศัพท์มาถามลูกสาว หลังจากที่ต้นหลิวกับพี่ชายแวะไปหา เธอเป็นห่วงเพราะน้อยครั้งมากที่ญารินดาจะอยู่ที่หอในขณะที่เพื่อนรักกลับบ้าน
“หนูขออยู่ต่ออีกนิดนะคะแม่”
“มีอะไรหรือเปล่าลูก หนูไปไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” วาสนาจับได้ถึงความผิดปกติของลูกสาว
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่คิดว่าจะลองหางานทำดูค่ะ”
“หมายถึงอะไรลูก หนูจะกลับมาทำงานกับน้าพรเหรอกอหญ้า จะต้องหางานทำอีกทำไมกัน”
“แม่จะโกรธไหมคะ ถ้าหนูไม่กลับไปช่วยงานน้าพรอย่างที่คุยกันไว้”
“แม่ไม่โกรธ เพราะหนูสีสิทธิ์ในการตัดสินใจอนาคตของตัวเอง แต่อยากให้หนูทบทวนดูอีกทีว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอที่ทำแบบนี้ น้าพร น้าภพ มีบุญคุณกับเรามากนะ กอหญ้ายังไม่เห็นใช่ไหมไหม ว่าตอนบ้านของเราปรับปรุงไปได้เยอะแล้ว”
“ไหนแม่ว่าจะรอหนูเรียนจบก่อนไงคะ”
“คุณภพเธอเป็นคนจัดการ เธอไม่ได้คิดค่าปรับปรุง”
“น้าภพคงอยากให้เราย้ายออกใช่ไหมคะ ถึงได้รีบปรับปรุงบ้าน” ความรู้สึกน้อยใจถาโถม
“ไม่ใช่หรอกกอหน้า คุณภพบอกแม่ว่าถ้าไม่รีบปรับปรุงช่วงนี้ ปีหน้าพวกวัสดุจะขึ้นราคาอีกมาก อีกอย่างมันเป็นช่วงที่เพื่อนของน้าภพกำลังเปิดบริษัท เลยขอปรับปรุงบ้านเรา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัวด้วย เพราะบ้านเราก็ติดถนน ใครผ่านไปมาก็เห็น ทีนี้งานก็จะเยอะขึ้น”
“เหรอคะแม่” ญารินดาไม่เชื่อที่แม่บอกเลยสักนิด เธอคิดได้แค่ว่าเพราะภีมภพคงอยากให้เธอกับแม่ย้ายออก
“กอหญ้ากลับมาดูไหมลูก”
“ขอเวลาอีกนิดนะคะแม่” ไม่ใช่ขอเวลาหางานแต่เธอกำลังขอเวลาทำใจต่างหาก
“เรื่องงาน แม่อยากให้หนูคิดทบทวนนะลูก ไม่ว่าหนูจะเลือกทางไหน แม่ก็พร้อมที่จะไปกับหนู”
“ค่ะแม่”
หลังจากวางสายแล้วญารินดาก็คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด เหตุผลที่ไม่อยากกลับไปเพราะยังทำใจเรื่องภีมภพไม่ได้ แต่ถ้าชั่งน้ำหนักดูแล้ว เรื่องหญิงสาวเลือกที่จะกลับไปช่วยงานเพียงพรอย่างที่ตั้งใจตั้งแต่แรก เพราะเพียงพรเป็นคนส่งเสียให้เธอเรียน ส่วนเรื่องที่จะอยู่ร่วมบ้านกับภีมภพนั้นก็คงไม่ยาก แม่เธอพึ่งบอกเองว่าบ้านกำลังปรับปรุงใกล้จะเสร็จแล้ว
ญารินดาเริ่มเก็บของใช้ที่ทำเป็น แม้จะทำใจยาก แต่เธอต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ เพราะถ้าตกลงทำงานกับเพียงพรก็คงได้เจอกับเขาบ่อยขึ้น ยิ่งทำใจได้เร็วเท่าไหร่ก็จะเป็นผลดีกับเธอมากเท่านั้น
หญิงสาวมองนาฬิกาตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว เธอคงต้องรีบเข้านอนเพราะจะได้รีบตื่นกลับบ้านแต่เช้า
ญารินดานอนพลิกตัวไปมาบนเตียง พยายามข่มตาหลับแต่ก็ยังนอนไม่หลับ เพราะในใจกำลังว้าวุ่น ไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าภีมภพครั้งนี้จะคุยอะไรกับเขา คงจะเลี่ยงไม่ได้ทุกวัน เพระเวลาปิดเทอมมันนานหลายวัน เธอต้องหาวิธีห่างจากขาให้มากที่สุด ถ้าไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้อยู่ใกล้ก็คงไม่รู้สึกอะไร
พอคิดได้อย่างนั้นญารินดาก็เริ่มหลับตาลงอีกครั้ง กำลังจะเคลิ้มก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
หญิงสาวมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่ง เธอไม่กล้าเปิดประตู เธอเดินไปแอบมองที่ช่องกลมเล็กๆ หน้าประตู เสียงเคาะประตูเงียบไปแล้ว
“กอหญ้า”
เสียงเรียกเบาๆ ที่หน้าประตูทำให้เท้าที่กำลังจะเดินกลับมาต้องชะงัก
“ใคร” เธอถามด้วยเสียงสั่น เวลาดึกอย่างนี้จะมีใครมาหาเธอกัน
“น้าเอง เปิดให้น้าหน่อย”
“น้าภพเหรอคะ”ทั้งดีใจและแปลกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคืนคนที่คิดถึงมาตลอด
“ใช่น้าเอง กอหญ้าเปิดประตูก่อนได้ไหม” ภีพภพรีบบอกเพรากลัวหญิงสาวที่อยู่ด้านในคิดว่าเป็นคนอื่นแล้วจะไม่ยอมเปิดให้
“น้าภพเหรอคะ” ญารินดาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มาหาเธอในเวลาดึกเช่นนี้
“ครับน้าเอง”
พอประตูเปิดออกภีมภพก็เดินเข้ามาด้วยทาทางอิดโรย
“น้าภพมาทำไมคะ”
“มารับกอหญ้ากลับเรา”
ญารินดาอยากจะร้องไห้ เมื่อได้ยินเขาบอกว่ามารับกลับบ้านเรา คำธรรมดาแต่คนฟังกลับรู้สึกอบอุ่นถึงหัวใจ
“แล้วทำไมมาดึกจังล่ะคะ”
“น้าออกมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว แต่รถเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”
“น้าภพเป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เธอปรี่เข้ามาถามด้วยความห่วงใย พร้อมกับเดินวนรอบตัวเขา พยายามมองหาว่าเขามีแผลตรงไหนหรือเปล่า
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ” ภีมภพระบมไปทั้งตัวแต่ไม่อยากให้เธอต้องกังวล เขาขับรถมาด้วยความเร็วมากกว่าปกติ จนรถเสียหลักเพราะถนนลื่น รู้ตัวอีกทีรถก็ตกลงไปที่คูน้ำข้างทาง กว่าจะเรียกรถกู้ภัยมาช่วยลากขึ้นมาได้ก็ใช้เวลานาน
“กอหญ้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะกลับบ้าน”
“เมื่อเย็นน้าเจอเพื่อนของกอหญ้า น้าไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว น้าเป็นห่วง” นอกจากเป็นห่วงแล้วเขาก็อยากคุยกับเธอ เพราะที่ผ่านมาสองเดือน ภีมภพรู้สึกทรมานมากที่ไม่ได้คุยกับเธอ ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธออย่างเคย
“แล้วน้าภพจะขับรถกลับได้ไหม ดึกแบบนี้กอหญ้าไม่ค่อยกล้าขับ”
“คิดว่าไหวนะ”
“แต่กอหญ้าว่ามันดึกมากแล้วนะคะ ค้างที่นี่ก็ได้”
“ไม่เป็นไร มันดูไม่ดี” เขาไม่อยากให้เธอเสียหาย
“น้าภพอาบน้ำแล้วนอนพัก พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับบ้านดีไหมคะ เดี๋ยวกอหญ้าไปนอนที่ห้องต้นหลิวเอง”
เพราะเธอกับเพื่อนต่างมีกุญแจห้องของกันและกัน ขอเข้าไปนอนคืนเดียวเพื่อนคงไม่ว่าอะไร
“อืม อย่างนั้นก็ได้ น้าก็เริ่มง่วงแล้ว”
“กอหญ้ามีชุดให้น้าใส่นอนไหม” เพราะตัวเขาตอนนี้มีแต่เหงื่อคงไม่ดีแน่ถ้านอนไปทั้งอย่างนั้น
“น้าภพมีเสื้ออยู่ในรถหรือเปล่าคะ เดี๋ยวกอหญ้าลงไปเอาให้”
ชายหนุ่มพยักหน้า ญารินดาจึงรีบสวมเสื้อแขนยาวแบบมีฮู้ด ทับชุดนอนลายการ์ตูนตัวที่ชอบใส่ประจำ คว้ากุญแจรถ แล้วออกจากห้องไปโดยเร็ว
พอกลับขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเขากำลังอาบน้ำ เธอวางกระเป๋าที่ไปเอามาจากรถของเขาลงบนเก้าอี้ แล้วตัวเองก็รีบกลับออกไป
ญารินดารู้สึกอบอุ่นหัวใจ ที่วันนี้ภีมภพเป็นห่วงเธอและมารับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้โทรบอก แม้ตลอดเวลาจะพยายามลืมเขา พยายามอยู่ห่าง แต่พอได้ยินว่าเขามารับกลับบ้าน หัวใจก็อ่อนยวบ ความพยายามตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมาแทบไม่เป็นผล
เธอไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะทำตัวยังไง จะห่างเหินหรือกลับไปเป็นปกติ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายเลยตัดสินใจเลิกคิด ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเขาจะมีแฟน หรือจะคบใคร แต่ญารินดาตัดสินใจแล้วว่า เธอจะทำตัวกับเขาเหมือนที่ผ่านมา
เพราะยิ่งพยายามห่าง มันยิ่งเจ็บ การได้อยู่ใกล้ชิดคงดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง