ภีมภพเฝ้ามองการเติบโตของญารินดาจนกระทั่งถึงวันที่เหมาะสม เมื่อเขาสารภาพความรู้สึกออกไป มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเมื่อทั้งสองต่างมีใจตรงกัน ความรัก แต่ความสุขมันก็อยู่กับทั้งสองได้ไม่นานเมื่อวันหนึ่งเขาบอกว่าติดธุระและมารับเธอไม่ได้ แต่เธอก็บังเอิญเห็นเขาพาอดีตคนรักมาโรงพยาบาลเพราะกำลังจะคลอดลูกในขณะที่เธอเองก็เพิ่งจะได้รับแจ้งจากหมอว่าอาจจะมีลูกยาก ซึ่งมันตรงกันข้ามกันอย่างสุดขั้ว
View Moreเอี๊ยดดด
โครม!!!!
กรี๊ดดดด
จากนั้นก็ตามมาด้วยความชุลมุนวุ่นวาย บางคนยืนดู บางคนบันทึกวิดีโอ บางคนก็ร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวด และมีบางคนกำลังเข้ามาช่วยเหลือ
“แม่ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกสติให้คนที่ล้มก้นกระแทกเพราะตกใจกับภาพเหตุการณ์ได้กลับมาสู่ความโกลาหลตรงหน้าอีกครั้ง
“แม่ไม่เป็นอะไรมาก แค่ตกใจแล้วล้มลงไปเท่านั้นเอง หนูล่ะกอหญ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใย สายตาสำรวจไปทั่วร่างกายบอบบางของลูกสาว ด้วยความห่วงใย
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะแม่ แม่ลุกขึ้นนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูขอตัวไปดูลูกค้าก่อน ไม่รู้ว่ามีใครเป็นอะไรมากไหม”
ญารินดาหรือกอหญ้าหญิงสาววัย 18 ปีรีบเข้าไปช่วยดูคนเจ็บซึ่งทั้งหมดเป็นลูกค้าที่มานั่งรับประทานอาหารที่ร้านของเธอกับมารดา
“มีใครเป็นอะไรมากไหมคะ” หญิงสาวตะโกนถามเพราะถ้าจะเดินดูทุกคนก็คงไม่ทั่วถึง
“พวกเราไม่เป็นอะไรมากหรอกหนูกอหญ้า แค่ตกใจก็เลยร้องกันดังไปหน่อย คงจะมีแต่ลุงเหมือนนั่นแหละ เจ็บหนักกว่าคนอื่น” ลูกค้าทานหนึ่งตอบ
หญิงสาวรีบไปดูลุงเหมือน ชายสูงวัยที่เป็นลูกค้าประจำของร้านอย่างรวดเร็ว
“ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อยได้ไหมคะ” เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
ระหว่างนั้นผู้ชายคนหนึ่งก็ลงมาจากรถบรรทุกสิบล้อด้วยใบหน้าซีด ตัวสั่น เขายกมือไหว้กล่าวคำขอโทษกับทุกคนอย่างสำนึกผิด
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ผมหักพวงมาลัยหลบหมา ไปทางขวา แล้วพอดีมีรถขับสวนมาผมก็เลยหักซ้ายอีกทีแต่รถมันหนักผมเลยประคองไม่อยู่” ใบหน้าเขาซีดและตัวสั่นจนดูน่าสงสาร
“ไม่ใช่ว่าเมาแล้วมาแก้ตัวนะคุณ” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ไม่ครับ ผมไม่เมา คุณจะเรียกตำรวจมาตรวจแอลกอฮอล์ก็ได้”
“พวกเรา มีใครโทรเรียกตำรวจหรือยัง”
“ฉันโทรแล้ว เดี๋ยวก็คงมา”
“มีใครเป็นอะไรไหมครับ” คนขับรถถามอย่างสำนึกผิด
“พวกเราไม่มีใครเป็นอะไร นอกจากตกใจก็เท่านั้น ส่วนลุงเหมือนดูจะเจ็บหนักกว่าคนอื่น เพราะแกนั่งอยู่ใกล้ที่สุด” ญารินดาตอบ
คนขับรถเดินไปดูลุงเหมือนแล้วกล่าวขอโทษขอโพยยกใหญ่ จังหวะนั้นรถพยาบาลก็มารับตัวลุงเหมือนไปโรงพยาบาลสวนทางกับรถตำรวจที่ขับเข้ามาพอดี
“เสียหายเยอะเลยนะครับ” นายตำรวจคนหนึ่งเดินดูรอบๆ ร้านอาหารตามสั่งพูดขึ้น
“ค่ะคุณตำรวจ” วาสนาเจ้าของร้านวัย 48 ปีรีบเดินออกมา มือจับไปที่สะโพกเพราะยังเจ็บกับแรงกระแทกเมื่อครู่
ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่บริเวณหน้าร้านแต่ยังลามไปถึงห้องด้านหลังที่สองแม่ลูกใช้พักอาศัยอีกและมอเตอร์ไซค์คันเก่งถูกทับจนมองไม่เห็นซาก ยังดีที่รถของลูกค้าคนอื่นจอดอยู่อีกด้านจึงไม่มีรถใครเสียหายเพิ่ม
“ผมว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวเลย ก่อนอื่นคงต้องให้คนขับไปตรวจสารเสพติดและลงบันทึกประจำวัน ส่วนค่าเสียคงต้องตกลงกันอีกทีนะครับ”
“คุณตำรวจครับ แล้วพวกต้องไปให้ปากคำด้วยไหม” ลูกค้าที่มานั่งทานอาหารถามขึ้น
“ครับ ผมคงต้องรบกวนพวกคุณไปให้ปากคำด้วย แต่ก็คงไม่นาน เพราะกล้องหน้ารถคงช่วยได้มาก”
กว่าวาสนากับลูกสาวจะกลับมาจากโรงพักก็เป็นเวลาเย็น ตอนนี้หน้าร้านมีแต่ร่องรอยความเสียหายหญิงสาวมองแล้วถอนหายใจ เพราะร้านนี้เป็นแหล่งรายได้เดียวของครอบครัว ซึ่งมีเธอกับมารดาช่วยกันขายมานานหลายปี
“แม่คะ เราจะเอายังไงกันดี”
“แม่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันลูก” วาสนาถอนหายใจ ข้าวของที่เสียหายไปนั้นเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย แล้วเธอจะหาเงินที่ไหนมาเริ่มต้นใหม่กัน ลำพังเงินสำรองที่เก็บไวนั้นก็ไม่มากมายนัก เธอยังต้องส่งเสียให้ลูกสาวได้เรียน ตอนนี้ญารินดาพึ่งจะจบ ม.6 และกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ แม้ว่าการกู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่เธอกู้มาตั้งแต่ชั้น ม.4 จะช่วยได้ มันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมาอีกมาก ครั้นจะไปหยิบยืมคนอื่นก็มองไม่เห็นทาง แล้วปัญหาที่หนักกว่านั้นก็คือคืนนี้เธอกับลูกจะไปนอนที่ไหน
“เราเอาเงินเก็บมาซ่อมก่อนดีไหมคะแม่”
“นั้นมันเป็นเงินที่หนูต้องใช้เรียนนะกอหญ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูยังไม่เรียนก็ได้ เอาไว้มีเงินค่อยไปลงเรียนภาคค่ำ”
“แม่ว่าเราขายร้านทิ้งเลยดีไหมลูก ขายที่ดินด้วยเลย แล้วไปเช่าห้องอยู่ แม่ว่าจะไปหางานทำรับจ้างทั่วไปก็ได้”
“แม่คะ นี่เป็นที่ดินผืนเดียวที่เราเป็นเจ้าของนะคะแม่”
“กอหญ้า ถ้ามันจำเป็นก็คงต้องขาย แม่ไม่รู้ว่าค่าเสียหายที่เรียกร้องไปนั้นจะได้ตอนไหน แล้วระหว่างนี้เราสองแม่ลูกจะอยู่กันยังไง”
วาสนาบอกลูกสาว แม้ที่ดินจะเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย แต่ถึงคราวจำเป็นก็คงต้องยอมขายให้คนอื่น
“หนูว่าจะลองคุยกับคนขับรถดูไหมคะแม่ บางทีเขาอาจช่วยเราได้บ้าง ถ้ารอให้เป็นไปตามกระบวนการหนูว่ามันคงช้ามากแน่”
ทั้งสองคนกำลังนั่งปรึกษากันก็มีรถกระบะสี่ประตูคันหนึ่งเข้ามาจอด
ผู้หญิงวัยไม่น่าจะเกิน 40 ปีเดินลงมาด้วยท่าทางเป็นมิตร สายตามองไปรอบๆ ก่อนจะตรงมายังสองแม่ลูก
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพร เป็นเจ้านายของคนที่ขับรถชนร้านของคุณ” เธอแนะนำตัวอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อกอหญ้า นี่แม่ของหนูชื่อแม่วาสเราสองคนเป็นเจ้าของร้านค่ะ”
“ฉันต้องขอโทษหนูกับแม่ด้วยนะที่คนงานของฉันทำให้ร้านของพวกคุณมีสภาพแบบนี้ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของทางเรา ฉันเลยจะขอมารับผิดชอบ”
“แล้วตำรวจว่ายังไงบ้างคะ”
“เรื่องนั้นก็คงปล่อยไปตามเรื่องนั่นแหละ คงต้องใช้เวลา เรื่องค่าเสียหายถ้ารอให้ศาลตัดสินฉันว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ อย่าหาว่าฉันดูถูกเลยนะ ฉันเองก็เคยเป็นคนหาเช้ากินค่ำมาก่อนก็เลยเข้าใจดี”
“ค่ะ หนูขอบคุณคุณมาก”
“เสียหายเยอะเลย แล้วคิดไว้ว่าจะเอายังไงต่อคะ คุณ”
“เรียกพี่วาสก็ได้นะคะ”
“ค่ะ พี่วาส เรียกแบบนี้จะได้คุยแบบเป็นกันเองหน่อย หนูด้วยนะกอหญ้าเรียกฉันว่าน้าพรก็ได้”
“พี่ขอเรียกว่าคุณพรนะคะ” วาสนาเรียกอย่างให้เกียรติ เพียงพรส่งยิ้ม
“รถค่อนข้างหนักเพราะบรรทุกปุ๋ยมาเต็มคันรถ เลยบังคับยาก เห็นว่าพุ่งชนอย่างแรงเลย แล้วเจ็บตรงไหนกันหรือเปล่า”
“หนูกับแม่ไม่เป็นอะไรค่ะ มีแต่ลุงเหมือนลูกค้าที่มานั่งทานข้าว เจ็บเยอะกว่าคนอื่น ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลค่ะ”
“ตายจริง พี่ไม่รู้เลย จะไปเยี่ยมตอนนี้จะทันไหม”
“หนูว่าคงไม่ทันแล้ว น้าพรไปพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ หนูเองก็จะไปเยี่ยมลุงแกอยู่เหมือนกันค่ะ”
“ดีเลย เราไปพร้อมกันนะ น้าจะแวะมารับ” เพียงพรไม่อยากไปคนเดียวจึงรีบบอกกับหญิงสาว
“ค่ะ น้าพร”
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า
Comments