สองสัปดาห์ต่อมา
งานในช่วงแรกของการฝึกงานก็เป็นงานเบ็ดเตล็ดเหมือนอย่างที่แก้มใสบอก แม้ช่วงสัปดาห์ต่อมา พี่เลี้ยงของเธอจะเริ่มสอนงานอื่น ให้เข้ามามีส่วนร่วมตอนประชุม นั่งฟังแผนงานและเสนอไอเดีย อีกทั้งยังนำแผนพัฒนาองค์กรเก่าๆ ที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกให้ใยไหมศึกษาเพิ่ม
เธอจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากไม่ใช่เพราะเด็กฝึกงานหน้าหวานอีกคนเดินเข้าออกห้องหัวหน้าเป็นว่าเล่น แล้วจะไม่อารมณ์เสียสักนิดหากว่างานของทีมวิวไม่ได้รับเลือกไปครั้งก่อน ทั้งที่ใยไหมรู้สึกว่างานนั้นมีจุดบกพร่องหลายจุด แต่กลับได้รับคัดเลือกส่งให้เจ้าของบริษัทดูซะอย่างงั้น
ความจริงแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนใยไหมก็ถูกพลพัฒน์เรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว หัวหน้ารุ่นราวคราวพ่อเสนอเงื่อนไขง่ายๆ ที่จะทำให้ใยไหมใช้ชีวิตนักศึกษาฝึกงานโดยราบรื่น แถมยังมีการันตีว่าเธอจะได้รับเข้าทำงานทันทีที่จบการศึกษา แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ กล่าวอ้อมๆ ดูเชิงนักศึกษาคนสวย แต่หญิงสาวก็รู้ได้ถึงเจตนาลามกของอีกฝ่ายซึ่งเธอก็ปฏิเสธทันควัน
นั่นคงเป็นสาเหตุให้หลังจากนั้นพลพัฒน์ไม่ปลื้มเธอนัก และมองข้ามงานทุกชิ้นที่ใยไหมเข้ามามีส่วนร่วมเป็นการกดดันกลายๆ นั่นทำเธอหัวเสียมาก และรับไม่ได้กับระบบเด็กอุปถัมภ์เช่นนี้
พวกพี่ในแผนกคนอื่นก็เหมือนจะรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็เพราะวิวเล่นหายเข้าไปในห้องทำงานหัวหน้าเป็นนานสองนาน พร้อมม่านที่ปิดสนิท ก่อนจะเดินยิ้มอารมณ์ดีออกมา แล้วนั่งเล่นมือถือตลอดเวลาทำงาน แม้แต่พี่เลี้ยงของวิวเองก็ไม่กล้าตำหนิเนื่องจากเธอมีพลเป็นแบ็กใหญ่หนุนหลังอยู่
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ ปลงตกไปตามๆ กัน
"ไหม เสร็จหรือยัง เราหิวข้าวแล้วนะ" เสียงของวิวตะโกนข้ามแผนกเร่งโดยไม่เกรงใจรุ่นพี่ที่เหลือแม้แต่น้อย
ร่างสมส่วนราวกับนางแบบถอนหายใจ ก่อนจะขอตัวกับพี่แก้มใสว่าจะลงไปพักเที่ยงพร้อมวิวและหยกก่อน พี่เลี้ยงเธอส่งยิ้มแกนๆ ให้ พอจะจับสีหน้าอาการเด็กสาวออกว่าก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายนัก แต่ต้องรวมกลุ่มเพราะยังต้องทำงานอยู่แผนกเดียวกัน
หญิงสาวสูงโปร่งก้าวขายาวๆ บนคัตชูเรียบร้อยส้นเตี้ยเข้าไปหาวิวที่ยืนกอดอกทำหน้าไม่พอใจนักที่ใยไหมมาช้า ส่วนหยกเองก็ก้มหน้างุดไม่มีปากเสียงเหมือนเช่นเคย
"ไปกันเถอะ ขอโทษทีที่ให้รอ"
"ปะๆๆ หิวแล้ว ศูนย์อาหารคนเยอะมาก เราโคตรขี้เกียจไปต่อคิวเลย" วิวบ่นกระปอดกระแปดออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย พร้อมส่งกระเป๋าถือของตัวเองไปให้เพื่อนสาวต่างมหาลัย
ใยไหมถึงกับคิ้วกระตุกกับการวางตัวใหญ่โตของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ เพราะหยกเองก็ยอมทำตามโดยดี แล้วเธอจะไปเรียกร้องให้ได้อะไรขึ้นมา มีหวังคงถูกหาว่าแส่ไม่เข้าเรื่องแน่ๆ
ทั้งสามกดลิฟต์ลงไปยังศูนย์อาหารกว้างของบริษัท และแน่นอนว่าทุกครั้งที่กลุ่มสาวๆ ปรากฏตัว ก็มักจะดึงดูดสายตาของพนักงานในบริษัทที่เป็นผู้ชายเกินกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ให้สนใจได้
วิวพ่นลมหายใจแรงๆ กลอกสายตาระบายความคุกรุ่นเมื่อคนที่เป็นจุดสนใจของทุกคนกลับเป็นใยไหมเสียทุกครั้ง ทั้งส่วนสูงที่มากกว่าเธอถึงเจ็ดเซนติเมตร ใบหน้าไร้ข้อติโค้งเว้ารับกับจมูกโด่งเป็นสันตรงสวย ไหนจะริมฝีปากอิ่มเอิบเย้ายวนนั่นอีก ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดยอมรับไม่ได้ว่าใยไหมนั้นสวยมากจริงๆ ซึ่งวิวเองไม่ชอบใจเอาเสียเลย
"พวกเธอจะกินอะไรกัน เราจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวนะ" ใยไหมหันมาถามเพื่อนร่วมงานที่เดินมาด้วยกัน
"ซื้อเผื่อหน่อยสิ เราเอาเส้นเล็กน้ำตก ใส่น้ำส้มสายชูเยอะๆ นะ"
"เราว่าวิวเดินไปสั่งเองดีกว่า เราคงถือสองจานไม่ไหว"
ใยไหมตอบกลับนิ่งๆ ย้ำจุดยืนตัวเองว่าเธอไม่ใช่คนใช้ของอีกฝ่าย ซึ่งก็ได้รับสายตาหงุดหงิดไม่พอใจอย่างที่คาด แต่เพียงแค่เธอจ้องกลับนิ่งๆ วิวก็กลอกสายตาแล้วหันไปสั่งเบ๊สาวส่วนตัวแทน
"หยก ซื้อเผื่อเราด้วยแล้วกัน เดี๋ยวเราไปหาที่นั่งรอก่อน เอาน้ำเปล่าขวดหนึ่งด้วยนะ"
ว่าจบสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มก็คว้ากระเป๋าในมือหยกไปถือเอง เดินสะบัดผมยาวเป็นลอนจากไปทันที ทิ้งให้สองสาวที่เหลืออยู่กันตามลำพัง
"หยกไม่น่าไปยอมวิวเขาทุกอย่างเลย" ใยไหมหลุบมองเพื่อนสาวข้างกายที่มีสีหน้าลำบากใจ พร้อมเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
"เราไม่อยากมีปัญหาน่ะ" หยกหน้าเจื่อนตอบกลับเสียงเบาหวิว
"มันไม่มีอะไรหรอก ถ้าเธอปฏิเสธซะบ้าง"
"ช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้ลำบากอะไร เราโอเค"
"งั้นก็แล้วแต่แล้วกัน"
สาวร่างสูงกว่าถอนหายใจกับคำตอบ ในเมื่อเธอแนะนำไปแล้วแต่อีกฝ่ายไม่หัดลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ก็ขี้เกียจจะยุ่งอีก ใยไหมไม่ใช่แม่พระรักความยุติธรรมถึงขนาดจะกางปีกปกป้องคนที่เพิ่งรู้จักกัน ลำพังตอนนี้แค่ตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย
ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เดินไปต่อแถวซื้ออาหารกลางวัน เลือกจะมองเมินสายตาหยาดเยิ้มของบรรดาชายหนุ่มที่คอยส่งให้เป็นระยะ สั่งก๋วยเตี๋ยวให้ตัวเองเสร็จก็แวะไปซื้อน้ำดื่ม แต่พอเห็นหยกต้องถือถาดที่อัดแน่นด้วยชามก๋วยเตี๋ยวสองชามและน้ำอีกสองขวดก็ทนดูไม่ไหว แบ่งบางส่วนใส่ถาดตัวเองเงียบๆ แล้วมุ่งหน้าเดินกลับโต๊ะ ไม่สนใจสายตาซาบซึ้งของสาวหัวอ่อนด้านหลัง
"นานมาก! เราหิวไส้กิ่วแล้วเนี่ย" คนที่ไม่ยอมทำอะไรเลยเปิดปากบ่นทันทีเมื่อทั้งคู่กลับมายังโต๊ะ
"ทีหลังก็ไปซื้อเองสิ จะได้รู้ว่าคนมันเยอะแค่ไหน"
"..."
พอถูกสาวมั่นตอกหน้ากลับเช่นนี้วิวก็ได้แต่ถลึงตามอง แต่ก็ไม่อาจสู้สายตาแข็งกร้าวเอาเรื่องของใยไหมได้ จึงเบือนหน้าหนี จิ๊จ๊ะในลำคอแล้วคว้าชามในถาดอาหารที่เบ๊ส่วนตัวมารับประทานโดยไม่สนใจจะต่อปากต่อคำกับใยไหมต่อ
"อี๋~ อะไรเนี่ย ปรุงอะไรของเธอมาหยก กินไม่ได้เลยเถอะ!" วิวเบะปากขมวดคิ้วด้วยท่าทางรังเกียจ พร้อมเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวออกห่าง เปิดปากบ่นสาวที่ไม่มีปากมีเสียง ซึ่งใยไหมก็ทำเพียงจ้องภาพเหตุการณ์นั้นนิ่งๆ
"แต่เราก็ใส่แค่น้ำส้มสายชูตามที่วิวบอกแล้วนะ"
"ลองชิมเองสิยะ เปรี้ยวขนาดนี้ใครจะไปกินลง!"
"งั้นเราไปซื้อให้ใหม่ก็แล้วกัน" สาวใสซื่อมีสีหน้าย่ำแย่รู้สึกผิดจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ตั้งท่าเตรียมจะลุกขึ้นไปซื้อข้าวกลางวันให้เพื่อนอีกครั้ง แต่ใยไหมก็คว้ามือเอาไว้ก่อน แล้วหันมาตอบโต้อีกฝ่ายแทน
"ถ้าหยกเขาปรุงไม่ถูกใจ เราว่าวิวไปซื้อเองดีกว่านะ"
เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้นิ่งเรียบเอ่ยด้วยเหตุผล เพื่อไม่ให้เป็นการหักหน้าอีกฝ่ายจนเกินไป แต่ในเมื่อถูกเหม็นขี้หน้าเป็นทุนเดิมอะไรๆ ก็ดูแย่ลง
"เราคุยกับหยกนะ ไม่ได้ใช้เธอไปซื้อให้สักหน่อย" ร่างเล็กกว่าตอบกลับเสียงแข็ง
สองสายตาไม่ยอมแพ้ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันจ้องเขม็งเงียบๆ ด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ทำให้หยกเป็นฝ่ายร้อนรนทนไม่ไหวต้องรีบขัดขึ้นมา ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายยิ่งกว่านี้
"ไม่เป็นอะไรใยไหม เดี๋ยวเราไปซื้อให้วิวใหม่ก็ได้ ร้านก็ดูคนน้อยแล้ว"
"เฮ่อะ! ไม่ต้องแล้ว เอาของเธอมาแลกแล้วกัน เราขี้เกียจจะรอ"
วิวแค่นเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจนัก ถือวิสาสะหยิบชามของหยกมาไว้ตรงหน้าแล้วเลื่อนจานตัวเองส่งให้อีกฝ่ายแทน
ใยไหมได้แต่จ้องมองการกระทำน่ารังเกียจนั้นนิ่งๆ สลับกับมองใบหน้าซีดเจื่อนของสาวข้างกาย ที่สุดท้ายก็ยอมก้มหน้ารับประทานอาหารจากชามของวิวโดยไม่มีทางเลือก นั่นทำคนมองอดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ พยายามข่มอารมณ์สูดหายใจเข้าออกอีกหลายครั้ง และย้ำกับตัวเองด้วยประโยคเดิมๆ ว่าอย่าเอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น
ทั้งสามต่างกินอาหารของตัวเองไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดคุยกันแม้แต่คำเดียว ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะโคตรจะอึดอัด แต่ใยไหมนั้นชินแล้วกับการลอยตัวเหนือดราม่า แม้คู่กรณีจะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ตาม ซึ่งเธอได้ฝึกปรือฝีมือกับจอย คู่กัดตลอดกาลมาอย่างยาวนาน ทั้งที่มีเรื่องทะเลาะ โต้เถียง จิกกัดกันทุกวัน แต่ก็ยังสามารถทำงานร่วมกันได้ตลอด แต่อีกสองสาวเหมือนจะไม่รู้สึกเช่นกัน บรรยากาศกระอักกระอ่วนใจนี้ทำให้หลังจากตักเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากไม่กี่คำ สาวที่บ่นหิวก็เลื่อนชามออก แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแก้เบื่อฆ่าเวลา หยกเองก็เช่นกัน จึงมีเพียงใยไหมที่กินอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งกลุ่มเดินออกมาจากศูนย์อาหารพร้อมกัน แต่ด้วยเพราะวิวคงยังไม่อิ่มท้องจึงเอ่ยปากชวนทุกคนลงไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อติดมือกลับมา ก่อนจะมายืนรอลิฟต์ยังชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงาน
หญิงสาวคนสวยหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น ปล่อยให้วิวที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูดคุยกับหยกตามลำพังโดยไม่คิดจะสนใจฟังคำพูดของอีกฝ่าย และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็พบสาววัยกลางที่กำลังตั้งครรภ์คนหนึ่งถือแฟ้มและถุงบางอย่างออกจากลิฟต์ด้วยท่าทางทุลักทุเล ซึ่งวิวเลือกที่จะเดินผ่านอีกฝ่ายเข้าลิฟต์หน้าตาเฉย แม้หยกมีสีหน้าลังเลใจ แต่พอถูกสาวบ้าอำนาจร้องเร่งก็ยอมตัดใจเดินสวนเข้าลิฟต์เช่นกัน
"หนูช่วยนะคะ" ใยไหมทนไม่ไหวจริงๆ กับภาพเช่นนี้ เอ่ยกับหญิงสาวคนดังกล่าว พร้อมเดินเข้าหา เธอไม่ใช่คนดีอะไรมากหรอก แค่อยากจะช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากตามกำลังที่ตัวเองพอมีก็เท่านั้น
"ไหม! ไม่ไปด้วยกันเหรอไง!"
"ไม่อะ ไปก่อนเลย เดี๋ยวเราช่วยพี่เขาถือของก่อนดีกว่า"
"ตามใจก็แล้วกัน" วิวชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ กดปิดลิฟต์ขึ้นไปยังแผนกก่อน
"มาค่ะหนูช่วย"
"ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ" สาวคนนั้นส่งยิ้มจริงใจให้เด็กสาวในชุดนักศึกษา พร้อมส่งแฟ้มเอกสารบางส่วนให้เธอช่วยถือ
"ไม่เป็นไรค่ะ กำลังท้องกำลังไส้แบบนี้ไม่น่าต้องมาถือของหนักๆ คนเดียวเลยนะคะ"
"ก็นะ งานเร่ง ที่จริงเจ้านายก็เตือนแล้วแหละ แต่ช่วงกลางวันคนไปพักกันหมด พี่เลยต้องหอบของลงมาเอง"
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง"
เธอพยักหน้าเข้าใจแล้วหอบข้าวของเดินตามรุ่นพี่ไปยังหน้าบริษัท ซึ่งมีไรเดอร์จอดมอเตอร์ไซค์รออยู่ เมื่อส่งของให้อีกฝ่ายเสร็จกลับมีแฟ้มเอกสารจากคนขับมาให้อีกครั้ง จึงเข้าใจว่าคงเป็นเอกสารคู่สัญญาของบริษัทสักอย่างแน่นอน
"น้องไม่ต้องช่วยพี่แล้วก็ได้นะจ๊ะ กลับไปทำงานเถอะ พี่เกรงใจ"
"โธ่ แค่นี้เองค่ะ หนูช่วยได้ อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาเข้างานด้วย เดี๋ยวหนูไปส่งพี่ดีกว่า"
"ถ้าไม่รบกวนน้องมากเกินไป ก็ได้จ้ะ ขอบคุณมากเลยนะ"
ร่างอ้วนป้อมส่งรอยยิ้มซาบซึ้งใจมาให้ ซึ่งเด็กฝึกงานสาวก็ทำเพียงส่งยิ้มตอบแล้วกระชับแฟ้มเอกสารในมือเดินกลับเข้าตัวอาคารสำนักงานอีกครั้ง
"พี่ชื่ออุษานะ น้องล่ะชื่ออะไร" เธอแนะนำตัวระหว่างทั้งคู่รอลิฟต์กันอยู่
"ใยไหมค่ะ"
"แล้วนี่ฝึกงานแผนกไหนล่ะ เป็นยังไงบ้าง โอเคไหม"
"อยู่แผนกจัดการพัฒนาองค์กรค่ะ แต่อย่าถามเลยค่ะว่าโอเคหรือเปล่า" ใยไหมระบายลมหายใจเมื่อเห็นถึงสิ่งที่เจอมาตลอดสองสัปดาห์ก็ได้แต่ปลงตก
"เอ้า! ทำไมล่ะ"
"แฮะๆ ไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ แต่หนูไม่อยากพูด" เธอส่งยิ้มแห้งกลับไป
"เล่าได้นะ ถึงจะช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่ก็ยินดีรับฟังปัญหา ไหนๆ พี่ก็ทำงานที่นี่มานานกว่าอาจจะพอให้คำแนะนำเราได้"
สายตาอบอุ่นและท่าทางที่ดูจริงใจ ทำให้ใยไหมรู้สึกวางใจหญิงแปลกหน้าผู้นี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นแค่ความรู้สึกสบายใจที่จะได้พูดคุยด้วย จึงตัดสินใจระบายความอัดอั้นตันใจให้อุษาฟัง ทั้งเรื่องถูกเมินงาน เรื่องเส้นสายในแผนก หัวหน้างานไม่เอาไหน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกๆ มีสีหน้าตกใจออกมาบางครั้ง จนใยไหมเผลอพรั่งพรูความรู้สึกจนหมดเปลือก
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลิฟต์เปิดยังชั้นเป้าหมาย ใยไหมชะงักค้างไปเล็กน้อยเมื่อพบทางเดินหินอ่อนอย่างดี และแจกันดอกไม้หรูที่ทำจากปูนปั้นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าลิฟต์ แถมยังมีภาพประดับแขวนไว้บนฝาผนัง บรรยากาศภายนอกดูเงียบเชียบหรูหราราวกับหลุดมายังอีกโลก ทำให้เธอกะพริบตาปริบๆ แล้วจ้องมองตัวเลขบอกชั้นให้แน่ใจ
'ฉิบหาย ชั้นแปด'
ดวงตาเรียวเบิกกว้างเล็กน้อย แตกตื่นขึ้นมารีบมองรุ่นพี่ในชุดคลุมท้องอีกครั้งด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำตำแหน่งอะไรกันแน่ถึงมีสิทธิ์ขึ้นมายังชั้นผู้บริหารเช่นนี้
"ออกมาสิจ๊ะ"
"ค่ะๆๆๆ"
เสียงของอุษาทำให้สติที่หลุดลอยไปไกลกลับเข้าร่าง รีบรับคำด้วยน้ำเสียงติดขัด ก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์ตามหลังอีกฝ่ายไป
สายตาเป็นประกายวิ้งวับกวาดสำรวจทั่วโถงทางเดินยาวด้วยความตื่นเต้น ทุกสิ่งถูกตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตลงตัว ก่อนจะเก็บสายตาก้มหน้าเดินตามอีกฝ่ายไปจนถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง
"วางไว้ตรงนี้เลยจ้ะ" อุษาชี้นิ้วไปบนโต๊ะทำงานตัวเองหน้าห้องหนึ่ง เพียงแค่เห็นบานประตูก็เดาได้ไม่ยากว่าภายในต้องเป็นของผู้บริหารสักคนแน่นอน
"ค่ะ...คือว่า เรื่องเมื่อกี้"
ใยไหมยิ้มแห้ง อยากเอามือทุบหัวตัวเองจริงๆ ที่ดันระบายนินทาคนในบริษัทกับเลขาผู้บริหาร แต่อุษาก็หัวเราะขบขันกับท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเด็กฝึกงานสาวที่เมื่อครู่ยังดูมั่นอกมั่นใจพ่นบ่นหัวหน้าด้วยความหงุดหงิด พอมาตอนนี้กลับก้มหน้าขวยเขินวางตัวไม่ถูกซะแบบนั้น
"พี่ไม่บอกใครหรอก ไม่ต้องห่วง" สาวอายุมากกว่าให้คำมั่น พร้อมขยิบตาส่งให้เป็นสัญญา เธอถึงได้โล่งใจขึ้นหน่อย
"ขอบคุณมากนะคะ ไหมก็ต้องขอโทษอีกครั้งด้วยที่ดันหลุดพูดไปตั้งเยอะ หวังว่าพี่อุษาคงไม่บอกใครเรื่องนี้"
"พี่สิต้องขอบคุณเรา อุตส่าห์เสนอตัวช่วยพี่ถือของ...ส่วนเรื่องที่พูดน่ะพี่เข้าใจ พี่เห็นใจเรานะ เอาไว้จะลองหาทางช่วยเราดู เผื่อว่าจะสามารถย้ายไปทำตำแหน่งอื่นได้"
"ขอบคุณนะคะ"
เธอส่งยิ้มเจื่อนให้อุษาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์เท่าไร ก่อนจะขอตัวกลับไปยังแผนกของตัวเอง เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาเข้างานช่วงบ่ายแล้ว อุษาเองก็ไม่ได้รั้งใยไหมไว้ต่อ ยืมส่งยิ้มจนกระทั่งเด็กฝึกงานคนสวยลงลิฟต์จากไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา"
มืออวบผลักบานประตูเข้าสู่ด้านใน พร้อมกองเอกสารมากมายที่เพิ่งได้รับจากคู่สัญญาในอ้อมแขน คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อมองกองแฟ้มตรงหน้า ก่อนจะหันมาถามเลขาด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย
"นี่คุณอุษาลงไปรับเอกสารเองงั้นเหรอ"
"ค่ะ เห็นว่าติดพักเที่ยงโทรหาใครก็ไม่มีใครรับ ดิฉันเลยเอางานลงไปส่งให้เมสเซนเจอร์เอง"
"ผมเตือนคุณหลายรอบแล้วนะ อย่าให้คนอื่นมองว่าผมเป็นเจ้านายใจร้าย ใช้งานแม้กระทั่งคนท้องเลย"
"ไม่ได้ถือเองหรอกค่ะ พอดีมีเด็กฝึกงานเข้ามาช่วย แล้วอาสาถือแฟ้มพวกนี้กลับขึ้นมาให้ค่ะ"
"..."
รองประธานมองหน้าเลขาส่วนตัวนิ่งๆ ด้วยสายตายากจะสื่อความหมาย ทำให้อุษากลั้นใจลองพูดเรื่องของใยไหมขึ้นมา หวังว่าจะพอตอบแทนเด็กสาวคนนั้นได้บ้าง
"คุณแผ่นดินจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าดิฉันจะขอดึงตัวเด็กฝึกงานมาช่วยงานระหว่างนี้"
"เด็กฝึกงานงั้นเหรอ...แผนกอะไร จะไม่กระทบวิชาเรียนเด็กงั้นเหรอ"
"เห็นว่าตอนนี้ฝึกงานอยู่แผนกจัดการพัฒนาองค์กร คงเรียนการจัดการมา เด็กมหาลัย T ค่ะ" อุษารีบขายของอวดชื่อมหาลัยเสร็จสรรพหลังจากสังเกตเห็นตรามหาลัยที่ปกชุดนักศึกษา
"..."
ชายหนุ่มเงียบไปอย่างใช้ความคิด ส่วนเลขาวัยกลางคนก็ได้แต่ยืนลุ้นระทึกด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม ต่อให้ทำงานด้วยกันมาหลายปี เธอก็ไม่อาจคาดเดาความคิดอีกฝ่ายได้เลย
"แล้วแต่คุณก็แล้วกัน มีเด็กมาช่วยก็ดี ส่วนงานหรือโพรเจกต์อะไรก็คุยกับเด็กฝึกงานคนนั้นเองก็แล้วกัน"
"ขอบคุณมากเลยค่ะ"
อุษายิ้มกว้าง ตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายยอมอนุญาตง่ายดาย คงเพราะชายหนุ่มเห็นแก่เด็กน้อยในครรภ์เธอ จึงได้ยอมให้คนแปลกหน้าขึ้นมาวุ่นวายยังชั้นบนเช่นนี้
หญิงวัยกลางคนค้อมศีรษะทำความเคารพตามปกติ เก็บแฟ้มเอกสารที่แผ่นดินเพิ่งเซ็นชื่อแล้วกลับออกไปนั่งประจำที่ มุมปากอิ่มมีน้ำมีนวลของคนท้องคลี่ออก พร้อมทำเรื่องติดต่อประสานงานเพื่อดึงตัวใยไหมขึ้นมาช่วยงานทันที
สามปีต่อมาเด็กชายตัวน้อยวัยสามขวบวิ่งเล่นยังสนามหญ้ากว้างโดยมีพี่เลี้ยงวัยกลางคนวิ่งไล่ตาม ใบหน้าเล็กฉายแววหล่อตั้งแต่เด็กแดงก่ำด้วยเม็ดเหงื่อ หัวเราะคิกคักเสียงใสมีความสุข"คุณวายุวิ่งช้าๆ หน่อยสิคะ หวานวิ่งตามไม่ทันแล้ว""คิกคิก พี่หวานช้า แน่จริงก็จับวายุให้ได้สิ"พี่เลี้ยงระบายยิ้ม ชะลอแรงลงเล็กน้อยเพื่อให้ช้ากว่าขาเล็กๆ ของคุณหนู ทำท่าให้ดูเหมือนว่าวิ่งไล่ตามไม่ทัน ทำให้เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะสดใส"วายุครับ มาพักก่อนเร็ว พี่หวานหมดแรงแล้ว" เสียงหวานร้องเรียกลูกชายวัยกำลังซนเด็กชายเองก็ยิ้มกว้าง วิ่งตรงปรี่เข้ามาหามารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สนามใต้ร่มไม้ด้วยความรวดเร็ว"ระวังครับวายุ อย่าวิ่งเร็วขนาดนี้ เดี๋ยวก็หกล้มเอาหรอก""เอาน่า อย่าดุแกนักเลย มาให้ปู่อุ้มหน่อยสิหลานรัก...ไหนดูซิ เหงื่อซกเลย"เดชาหันไปปรามสะใภ้ ก่อนจะผายมือรอหลานชายคนโตที่เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าไปหาเขาแทนใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยความสุข หอมแก้มแดงๆ ของหลานชายสุดที่รักไปฟอดใหญ่ พลางช่วยหาผ้าเช็ดหน้ามาซับเม็ดเหงื่อบนใบหน้าเล็ก"ดื่มน้ำก่อนครับวายุ คุณย่าทำน้ำอัญชันมะนาวที่ชอบมาให้ด้วยนะ" ใยไหมเองก็ส่งยิ้มกว้างเอ็น
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการก็ได้ฤกษ์เข้าหอของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งคู่ส่งแขกผู้ใหญ่บางส่วนกลับ และปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นที่ยังติดลมนั่งดื่มสังสรรค์กันต่อ ส่วนเจ้าของงานก็เดินตามครอบครัวขึ้นมายังห้องสวีตสุดหรูของโรงแรม เดชา จันเจ้า และธิดาได้กล่าวอวยพรขอให้ทั้งคู่มีชีวิตรักที่ราบรื่น และเร่งผลิตทายาทมาให้สองครอบครัวได้ชื่นใจเร็ววัน ใยไหมอมยิ้มพยักหน้ารับคำ แม้ความจริงเธอนั้นมีข่าวดีมานานแล้ว แต่เก็บเงียบปิดบังทุกคนเอาไว้ ตั้งใจว่าคืนนี้จะมีเซอร์ไพรส์สามีเป็นของขวัญวันแต่งงานเสียหน่อยเมื่อทั้งหมดจากไปแล้วภายในห้องสวีตก็เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใบหน้าของแผ่นดินแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มไปหลายแก้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหล่อร้ายแพรวพราวด้วยเสน่ห์เปี่ยมล้นจนใยไหมใจเต้นแรงทุกครั้งที่มอง"เหนื่อยไหมครับที่รัก วันนี้ดินมีความสุขมากเลยรู้หรือเปล่า"ร่างสูงสวมกอดเจ้าสาวคนสวยเอาไว้จากทางด้านหลัง กดริมฝีปากแนบลาดไหล่แผ่วเบา ดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความลุ่มหลงรักใคร่เด่นชัด ยิ่งได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง เขาก็สามารถแสดงออกถึงความรักที่มีให้เธอเต็มที่"เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่ก็มีคว
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดก็ถึงงานแต่งงานของใยไหมและแผ่นดิน หญิงสาวจำเป็นต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตีสามครึ่ง โดยมีทั้งธิดา จันเจ้า และม่านฟ้ากระวีกระวาดช่วยตรวจเช็กข้าวของเจ้าสาวให้เรียบร้อยคู่บ่าวสาวจำเป็นต้องไปถึงโรงแรมก่อนแปดโมง และพิธีการหมั้นแบบไทยปนจีนก็จะเริ่มขึ้นตอนเก้านาฬิกาตรงบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนสนิทมิตรสหายและตัวแทนบริษัทคู่ค้าเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญมากมายแม้จะเหนื่อยกับหลายสิ่งหลายอย่างแต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ใยไหมมีความสุขเหลือเกิน เธอหันมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเจ้าบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน ซึ่งเขาก็ก้มมองเธออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงสวมสูทสีน้ำตาล เรือนผมดกหนาถูกเซตเสยขึ้นด้านบน เปิดเผยใบหน้าดุดันให้โดดเด่นขึ้นเป็นอีกเท่าตัวมุมปากของชายหนุ่มระดับรอยยิ้มจางๆ เอาไว้เสมอ เรียกกระแสฮือฮาจากญาติและเพื่อนฝูงเขาได้เป็นอย่างดี ในที่สุดหนุ่มหน้าตึงราวกับโกรธคนทั้งโลกก็มีมุมหวานชื่นให้ได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้งใยไหมอยู่ในชุดสีขาวแขนยาวสะอาดตา ดูสวยสง่าเรียบร้อย เหมาะกับพิธีหมั้นในช่วงเช้าทั้งคู่นั่งพับเพียบบนเวทีสูง ตกแต่งประดับประดาด้วยซุ้มดอกไม้สวยงาม ช่างภาพหลายคน
สองเดือนต่อมาทุกอย่างถูกเตรียมการอย่างเร่งรีบเนื่องจากเจ้าบ่าวอยากจะเข้าประตูวิวาห์ใจจะขาด ทำให้ทีมออร์กาไนซ์หลายเจ้าถูกเกณฑ์เพื่อมารังสรรค์งานแต่งงานครั้งนี้ให้ออกมายิ่งใหญ่อลังการสมฐานะแม้งานแต่งจะจวนเจียนใกล้เข้ามาแล้ว แต่หนุ่มบ้างานก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง งานเลขาของใยไหมถูกหยุดลงชั่วคราว และรับหน้าที่เลือกสรรสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับงานแต่ง โชคดีที่ได้ม่านฟ้าและจันเจ้ามาคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเธอคงได้สติแตกแน่นอนกับความยุบยิบมากมาย แถมเมื่อได้เห็นราคาคร่าวๆ สำหรับวันสำคัญวันเดียว ว่าที่เจ้าสาวก็แทบลมจับ เพราะแผ่นดินเล่นทุ่มทุนสร้างถึงเกือบสิบล้านบาทตอนนี้เธอเชื่อหมดใจแล้วว่าเขาคือสายเปย์ตัวจริง!ร่างบางในชุดเจ้าสาวแขนยาวเข้ารูปสีขาวสะอาดตาเปิดม่านออกมาให้น้องสามีที่นั่งรอช่วยดูม่านฟ้าฉีกยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้นมาจับตัวพี่สะใภ้รุ่นราวคราวเดียวกันหมุนกาย เพื่อดูชุดสวยให้ถนัดตา"โอ๊ย คนมันสวยนี่ใส่อะไรก็สวยจริงๆ ด้วย ตัวนี้ลายลูกไม้หรูเชียว ว่าไงเธอชอบหรือเปล่า""ดูไม่เป็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้"ใยไหมอมยิ้มเขินอาย ไม่ชินเลยยามต้องมาอยู่ในชุดที่เรียบร้อยเป็นทางการเช่นนี้"แต่ออร่
BBK Engineeringร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงเข้ารูปสีน้ำเงิน ราศีคุณนายจับทุกกระเบียดนิ้ว ควงแขนเดินเคียงคู่มากับรองประธานสุดหล่อ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นปรายตามองรอบข้างด้วยท่าทางเหนือกว่า การกลับมาบริษัทในครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากครั้งสุดท้ายราวฟ้ากับเหวเหล่าพนักงานต่างชะเง้อคอมองทั้งคู่ด้วยความสนใจ ซึ่งก็มีหลากหลายอารมณ์เลยทีเดียว ทั้งแตกตื่น สงสัย รวมถึงริษยา ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มเย้ยหยัน สมเพชเวทนา!นิ้วเรียวยาวประดับด้วยเพชรเม็ดสวยบนนิ้วนางข้างซ้ายส่องประกายวิบวับ ซึ่งสาวแสบก็ไม่วายกรีดกรายนิ้วให้อดีตกลุ่มพนักงานที่เคยสุมหัวนินทาได้เห็นมันชัดๆ และเมื่อสายตาคมกริบของแผ่นดินกวาดมอง ทุกคนก็ได้แต่เก็บกักความสงสัยใคร่รู้แล้วก้มหน้าหลบสายตา ปล่อยให้ทั้งสองเดินเข้าลิฟต์ไป"แก! นั่นใช่ยัยเด็กฝึกงานคนเก่าที่ตามติดบอสต้อยๆ หรือเปล่า""ฉันว่าใช่! สรุปแล้วนางกลับมาอีกได้ไง ไหนบอกว่าบอสกำลังจะหมั้นไม่ใช่เหรอ?""ตกข่าวมาก! เขาถอนหมั้นกันไปนานแล้วเถอะ แต่ก็ไม่คิดว่ายัยเด็กฝึกงานคนนั้นจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้""หมายความว่าไง""ไม่เห็นที่มือนางเหรอยะ! แหวนเพชรเม็ดโตขนาดนั้น!""สรุปบอส
หญิงสาวหลับสนิทตลอดทางด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากบทรักในค่ำคืนวานสูบพลังไปมากแผ่นดินอาศัยช่วงที่รถกำลังติดไฟแดงใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมยาวที่ปรกใบหน้าสวยขึ้นทัดหู เพื่อที่จะได้มองหน้าสาวคนรักได้ชัดขึ้น ดวงตาคมอ่อนโยนราวกับไม่ใช่รองประธานสุดโหดคนเดิม การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยทำให้หญิงสาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราขมวดคิ้ว ปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมองรอบข้าง"อื้มมมม~ ถึงแล้วเหรอ""ยังครับ อีกสักชั่วโมง ไหมนอนพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวถึงบ้านดินปลุกเอง""ดินไม่เหนื่อยเหรอไง เมื่อคืนก็นอนไปนิดเดียว เดี๋ยวไหมเปลี่ยนไปขับให้เอง"ร่างเล็กบิดกายขับไล่ความเมื่อยล้า ขยี้ตาให้หายง่วงออกปากอาสา"ไหมนอนเถอะ ดินชาร์จพลังมาเต็มที่แล้ว ตอนนี้คึกคักสุดๆ"ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ สร้างความเคอะเขินให้หญิงสาวไม่น้อย หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำด้วยบทรักสุดเร่าร้อนตลอดคืน ทำเอาร่างเธอปวดเมื่อยระบมไปหมด แต่ฝ่ายกระทำเป็นส่วนใหญ่กลับกระชุ่มกระชวยจนน่าหมั่นไส้"งั้นก็ตามใจ ถึงแล้วบอกด้วยนะ ขอนอนอีกแป๊บ""ได้ครับคุณนาย"แอร์เย็นๆ บวกกับความอ่อนล้าทำให้ไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง โดยที่มือบางถูกหนุ่มคนขับกุมเอาไว้