จู่ๆ 'อรนลิน' สตาฟสาวหน้าใหม่ของบริษัทออร์แกไนเซอร์ ก็โดนบังคับให้กระโดดขึ้นไปเดินแบบบนเวทีอย่างที่เธอไม่เคยคาดฝัน แต่ดูเหมือนมันจะเป็นฝันร้ายมากกว่า เมื่อความสวยของเธอดันไปเตะตา 'โฮร์มุช บิน ฮาเร็บ อัล อลาวี' ว่าที่สุลต่านหนุ่มจอมโหดแห่งตะวันออกกลาง... แล้วอะไรก็คงไม่แย่นัก ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เพิ่งจะเหยียดหยามเธอว่าเป็นขอทานสกปรกเมื่อวันก่อน... ดังนั้น คำตอบเดียวที่เขาจะได้จากการเสนอเงื่อนไขให้เธอเป็นนางบำเรอหนึ่งคืน นั่นก็คือ 'ไปตายซะ' แล้วเจ้าชายซาตาน ผู้ไม่เคยถูกหยามเกียรติจะจัดการกับนางแบบสาวหัวดื้ออย่างไร เพื่อให้เธอมาสยบอยู่แทบเท้าของเขาแต่เพียงผู้เดียว!
View Moreภายในห้องชุดหรูหรา บนอาคารสูงเสียดฟ้ามูลค่าหลายพันล้านบาท ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพ... เสียงอึกทึกของเพลงเทคโน-ป๊อปจากเครื่องเสียงชั้นสูงถูกเร่งให้ดังกระหึ่มทั่วทั้งห้อง... ท่ามกลางความมืดสลัว แสงดิสโก้เลเซอร์ที่สาดกระทบพื้นผิวของมิเรอร์บอลขนาดยักษ์ซึ่งกำลังหมุนอย่างเชื่องช้าอยู่บนเพดาน สะท้อนเส้นแสงหลากสีสันให้กระจายออกไปทุกทิศทางไม่ต่างกับบรรยากาศของดิสโก้เธคหรือผับเต้นรำสักแห่ง...
บนเตียงน้ำขนาดเก้าฟุตที่ปูทับด้วยผ้าปูที่นอนซาตินเรียบลื่นเป็นมันสีแดงเบอร์กันดี ร่างเกือบเปลือยของคนคู่หนึ่งกำลังกอดก่ายกันอยู่อย่างเร่าร้อน
แขนกำยำของฝ่ายชายค่อยๆ ยกร่างท่อนบนให้ลอยขึ้นจากเตียงในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ชายหนุ่มกำลังแอ่นตัว เกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่าง ราวกับต้องการอวดแผงอกบึกบึนและลอนหน้าท้องแน่นกระชับ ประดับไปด้วยไรขนสีน้ำตาลอ่อนที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ต่อหน้าฝ่ายหญิงซึ่งนั่งคร่อมอยู่บนต้นขาแข็งแกร่ง
ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเหยียดหงายไปด้านหลัง ริมฝีปากได้รูปเผยอยิ้มและส่งเสียงครวญครางลอดไรฟันขาวสะอาดออกมาอย่างพึงพอใจ ในขณะที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวของอีกฝ่ายกำลังก้มลงซุกไซ้คลอเคลียอยู่บนแผงอกกว้าง ทำให้หญิงสาวนึกกระหยิ่ม เกลี่ยปลายจมูกช้าๆ เพื่อสูดดมกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ผสมผสานไปกับกลิ่นเย้ายวนเฉพาะตัวของผู้ชาย ก่อนจะกดปลายลิ้นลงไปไล้วนบนเม็ดเนื้อเล็กๆ ที่ไวต่อการสัมผัสอีกครั้ง
“Umm... Ah... คุณกำลังจะฆ่าผมนะ ที่รัก... หยุดก่อนเถอะ...ไม่อย่างนั้นผมคงตายแน่ๆ...” ชายหนุ่มบอกเสียงกระเส่าแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังครึกโครมอยู่รอบตัว... ไม่กี่นาทีต่อมาแขนทั้งสองข้างที่ยันร่างกายเอาไว้ก็หมดแรง ทิ้งตัวกลับลงไปจนเตียงน้ำทั้งหลังยวบไหวเป็นระลอกคลื่น
แม้ปากจะพูดห้ามปรามอย่างนั้น แต่มือกลับยกขึ้นลูบไล้ลอนผมสลวยสีบลูเน็ตของอีกฝ่าย พร้อมกับกดศีรษะเธอเบาๆ เป็นการบังคับกลายๆ ให้หญิงสาวทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้เขาต่อไปโดยไม่มีทีท่าขัดขืนสักนิด
“อย่าเพิ่งรีบหมดแรงสิคะ Your Highness เกรซยังไม่ทันได้โชว์ทีเด็ดเลย...” หญิงสาวผละริมฝีปากชั่วคราว ขยิบตาให้ พลางเลียมุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน
“ยังมีทีเด็ดอะไรจะเซอร์ไพรซ์ผมอีกเหรอ เบบี๋...” ชายหนุ่มสูดปากซี้ดซ้าด หลิ่วตามองเรือนร่างขาวนวลเนียนซึ่งมีชุดชั้นในลูกไม้สีดำปกปิดอยู่เพียงบางส่วน “Bring it on, Honey. เอาเลยสิ... แสดงออกมาให้สุดฝีมือเลย ผมกำลังรอพิสูจน์อยู่...”
เรียวปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างรับคำท้าทาย ก้มลงจูบลอนกล้ามเนื้อหน้าหน้าท้องเบาๆ ก่อนจะลากไล้ปลายลิ้นไปตามไรขนที่ไล่เรียงกันหายลงไปใต้ผ้าห่มสีแดงก่ำ
สองแขนของเขายกขึ้นหนุนศีรษะอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่ทอดมองชายผ้าห่มผืนใหญ่ถูกมือของอีกฝ่ายค่อยๆ ลากออกไปให้พ้นจากลำตัวช่วงล่าง เผยให้เห็นความเข้มแข็งที่ดีดตัวขึ้นมาเย้ยสายตาของเธออยู่ในที
ภายใต้บรรยากาศมืดสลัว มีเพียงแสงสะท้อนวูบวาบจากมิเรอร์บอลซึ่งส่องกระจายหมุนวนไปรอบๆ ห้อง ยิ่งส่งเสริมให้สิ่งที่ตระหง่านง้ำอยู่ตรงหน้า ดูยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวมากกว่าปกติหลายเท่า กระทั่งคนที่เคยผ่านประสบการณ์ทางกายมาอย่างโชกโชนอย่างเธอก็ยังอดตะลึงจนตาค้างไม่ได้
หญิงสาวยื่นมือสั่นๆ เข้าไปกอบกุมและลูบไล้มันด้วยความตื่นเต้น แม้จะพยายามบอกตัวเองให้รักษาสติอารมณ์เอาไว้ให้สมกับการเป็นคู่นอนมืออาชีพ แต่สัมผัสร้อนผ่าวและจังหวะชีพจรตุบๆ ของสิ่งที่อยู่ในมือกลับยิ่งกระตุ้นให้ความปรารถนาพลุ่งพล่านจนควบคุมไม่อยู่
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หากก็ไม่ลังเลที่จะก้มหน้าลงไปจูบแล้วใช้ปลายลิ้นลิ้มลองรสชาติของหยดน้ำใสๆ และหนืดเหนอะซึ่งเอ่อไหลออกมา แสดงถึงความพร้อมจนถึงขีดสุดของชายหนุ่ม ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากหญิงสาวจะได้ครอบครองความเร่าร้อนแข็งแกร่งนั้น เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวภายในห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน
เจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองในชุดชั้นในลูกไม้ต้องสะดุ้งตกใจ รีบผละออกจากร่างอีกฝ่าย ในขณะเดียวกับที่เขาก็ดันตัวเองลุกจากเตียงด้วยความหงุดหงิด สีหน้าเคลิบเคลิ้มมีความสุขเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงกะทันหัน บอกให้รู้ว่าเขากำลังหัวเสียมากแค่ไหนที่ถูกขัดจังหวะความสุขในเวลานี้...
อย่างไรก็ดี มีเพียงคนรับใช้ใกล้ชิดของเขาเท่านั้นที่รู้จักหมายเลขโทรศัพท์ภายในที่พักแห่งนี้ และการที่ ‘มัน’ กล้าโทรมารบกวนการพักผ่อนของชายหนุ่ม นั่นก็หมายความว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ ต้องรายงานให้รู้ เพราะไม่มีใครกล้าลืมเลือนกฎระเบียบและโทษทัณฑ์อันโหดเหี้ยมของเจ้าชาย โฮร์มุซ บิน ฮาเร็บ อัล อลาวี รัชทายาทอันดับสองของรัฐสุลต่าน[1] บาห์ลา จาเบลุซ อย่างแน่นอน
“ว่ามา!!” ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ตะคอกใส่หูโทรศัพท์ ทันทีที่คว้ามันขึ้นมาจากโต๊ะเตี้ยๆ ข้างเตียง
“ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านขอรับ... กระผมยูซุฟ...” เลขาฯ คนสนิทในด้านธุรกิจพ่วงตำแหน่งองครักษ์ประจำตัวจากดินแดนตะวันออกกลางรีบลนลานกล่าวคำขอโทษเมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นนาย
“ฉันรู้ว่าเป็นแก ยูซุฟ... ไม่ต้องพิรี้พิไร!” เขาลดความแข็งกร้าวในน้ำเสียงลง อันที่จริงโฮร์มุซเองก็เดาได้ว่าคงมียูซุฟเพียงคนเดียวที่กล้าติดต่อเขาในเวลาส่วนตัว “มีเรื่องอะไรสำคัญนัก ดึกป่านนี้แล้วแกถึงได้โทรมากวนใจฉัน”
“ขอรับ... เราได้ตัว มาห์มุด ราฮิด มาแล้วขอรับ เอ่อ...” เลขาฯ หนุ่มยังอึกอัก “ท่านสั่งว่า ถ้าเจอตัวมันเมื่อไหร่ให้รายงานทันที...” เพราะคำว่า ’ทันที’ ของโฮร์มุซย่อมหมายความอย่างนั้น
“ไอ้มาห์มุดเหรอ” เขานิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนเตียงห่างๆ พลอยรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจในสถานการณ์ และปรับอารมณ์ตามไม่ทัน “ฮ่าๆๆ!! ดีมากยูซุฟ... แกนี่มันสมกับเป็นเพื่อนตายของฉันจริงๆ”
“กระผมไม่บังอาจขอรับ...” ปลายสายตอบกลับอย่างประหม่าเมื่อได้ยินคำว่า ’เพื่อนตาย’ จากปากของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ แม้จะเป็นความจริงที่เขาสามารถตายแทนผู้เป็นนายได้ก็ตาม “แล้วจะให้ผมทำยังไงกับมันดีขอรับ...”
“ไม่น่าถาม... แกก็รู้ว่าฉันต้องเป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว...” พูดจบก็แค่นเสียงเหอะอย่างสาแก่ใจ ในสมองนึกไปถึงวิธีการต่างๆ ที่จะใช้ลงทัณฑ์อดีตลูกน้องซึ่งกล้าหักหลัง นำความลับทางธุรกิจของเขาไปขายให้กับคู่แข่งในยุโรปเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งโฮร์มุซสืบจนรู้แน่ชัดว่าหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ
ดังนั้นการที่เจ้าชายรัชทายาทแห่งจาเบลุซตั้งใจเดินทางมายังประเทศไทยในครั้งนี้ นอกจากการมาตรวจสอบบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีในเครือของครอบครัวตามคำสั่งของผู้เป็นอา และพบปะหารือกับเพื่อนสนิทเรื่องการลงทุนธุรกิจร่วมกันแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อที่จะมาจัดการกับคนทรยศด้วยตัวเองนั่นเอง
เพราะ โฮร์มุซ อัล อลาวี ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครหัวเราะเยาะลับหลังได้... และใครก็ตามที่กล้าท้าทายเขา ผลตอบแทนย่อมไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย...
[1] รัฐสุลต่าน (Sultanate) เป็นชื่อเรียกประเทศหรือดินแดนมุสลิมที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์อันมีสุลต่านเป็นประมุข ในที่นี้ใช้อ้างอิงประเทศสมมุติในนามรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ (Sultanate of Bahla Jabeluz)
หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส
พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ
กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ
“ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ
สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง
Comments