กริ๊ง...กริ๊ง.......กริ๊ง............ เสียงสมาร์ทโฟนของหัวหน้านักเลงดังขึ้น เขามองเบอร์ที่ไม่คุ้นก่อนที่จะรับสาย
“ฮัลโหล มึงเป็นใคร” เสียงกร้าวกรอกไปในสาย “กูเอง จางหลง” สิ้นเสียงเหี้ยมของจางหลง หัวหน้านักเลงคุมบ่อนก็อ่อนเสียงลงทันที “อ้อ..เอ่อ พี่จางเองหรอครับ พี่โทรมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนอบน้อมดังขึ้นทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “ไอ้คนตรงหน้ามึงตอนนี้มันเป็นหนี้บ่อนนายมึงเท่าไหร่” จางหลงเอ่ยถามขณะที่สายตายังจับจ้องคนกลุ่มนั้นอยู่โดยไม่ละสายตา เขาโทรรายงานคุณชายซือแล้ว คุณชายซือบอกให้เขาใช้หนี้ให้หลิวตงตง แล้วพามันไปหาคุณชายที่บ้านหลังเล็กที่อยู่นอกเมือง “เอ่อ พี่จางรู้จักไอ้หมอนี่ด้วยหรอครับ” หัวหน้านักเลงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คนกระจอกอย่างหลิวตงตงจะไปรู้จักกับมือซ้ายของคุณชายซือผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองแอลได้อย่างไรกัน “เอาเป็นว่าไอ้คนตรงหน้าแกมันเป็นของคุณชายซือ แกรู้เท่านี้พอ” สิ้นเสียงของจางหลงหัวหน้านักเลงก็ไม่ถามต่อ ก่อนที่จะบอกยอดหนี้จำนวน5หมื่นหยวนเท่านั้น จางหลงส่งลูกน้องให้มาพาตัวพี่ชายของหลิวถิงถิงมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยเขาไม่ได้เป็นฝ่ายลงไปจัดการ เพียงแต่ออกคำสั่งเท่านั้น เพราะเขารู้หากเขาลงไปเอง ไอ้พวกนี้มันต้องต้อนรับเขาอย่างเวอร์วังอลังการ ซึ่งมันเสียเวลา และตอนนี้เขาก็รีบส่งบุคคลที่นายใช้เงินแลกมาส่งให้ถึงมือนาย ขณะที่ขึ้นมาบนรถแล้ว หลิวตงตงก็ยังอดระแวงไม่ได้ที่ต้องมากับคนแปลกหน้าพวกนี้ แต่เพราะความเจ็บปวดจากการที่ถูกรุมทำร้ายมาก่อนหน้าเลยทำให้เขาสลบไป จางหลงมองคนที่บาดเจ็บแล้วส่ายศีรษะออกมา อย่างรู้สึกเอียมระอา มีพ่อแม่เดียวกันทำไมนิสัยถึงได้ห่างไกลกันนัก สงสารก็แต่หญิงสาวที่มีพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ ใช้เวลาไม่นานจางหลงก็พาหลิวตงตงมาถึงบ้านหลังเล็กนอกชานเมืองของคุณชายซือ ร่างบอบช้ำที่สะบักสะบอมยังคงสลบไม่ได้สติอยู่ จนจางหลงให้ลูกน้องที่มาด้วยกันช่วยกันหิ้วปีกชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน “มาแล้วครับคุณชายซือ” จางหลงบอกผู้เป็นนาย ก่อนที่จะสั่งให้เอาร่างที่ยังไม่ได้สติไปวางไว้บนพื้น “เห้ย สภาพมันขนาดนี้เลยหรอวะ ไอ้พวกเชี้ยนี่เล่นหนักจริงๆ” ซือมู่อันสบถออกมาเมื่อเห็นสภาพพี่ชายของเด็กสาวที่ตนอุปการะ “ครับ ผมทำตามที่คุณชายบอกใช้หนี้แทนมันไปแล้วครับ” จางหลงรายงาน “จางหลง โทรตามหมอไห่ให้มารักษามันด้วย แล้วเองสองคนเอามันไปพักที่ห้องรับแขกทางซ้ายมือ รอมันฟื้นฉันค่อยคุยกับมัน” ซือมู่อันบอก ก่อนที่สายตาคมจะมองไปที่คนที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้นด้วยแววตาสมเพช ‘ผีพนัน’ พวกนี้มันไม่รู้จักคิด ดีที่แม่สาวน้อยนั้นออกจากบ้านมาก่อนไม่อย่างนั้นไม่รู้ตอนนี้จะโดนอะไรบ้าง อาจจะโดนไอ้พี่ชายไร้สมองคนนี้ส่งไปสังเวยเจ้าหนี้ก็เป็นได้ หลังจากหมอไห่ หมอประจำตระกูลซือมาตรวจดูอาการของหลิวตงตง เขาก็จัดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และยาแก้ฟกช้ำให้ และหลิวตงตงก็ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา ซึ่งคนที่รอเขาอยู่แล้วก็ยังคงไม่ไปไหนเช่นกัน และทันทีที่หลิวตงตงเห็นใบหน้าของเจ้าของเงินที่ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากดงตีน เขาก็ต้องตกใจตาเบิกกว้าง “ค่ะ..คุณ...ชาย...ซ่ะ..ซะ...ซือ” น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างเกรงๆดังขึ้นจากปากหนาที่มีร่องรอยแตกอยู่จากการโดนหมัดซัดเข้าไปเต็มหน้า “ใช่ฉันเอง ซือมู่อัน” น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากปากสีกุหลาบของคนที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้ไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ แต่สายตาคมที่มองมาที่หลิวตงตงนั้นมันเย็นชาจนเด่ไม่ออกว่าคนตรงหน้านี้คิดจะทำอะไร หรือรู้สึกอย่างไร “ค่ะ...คุณ..ชาย ชะ..ช่วยผมไว้ทำไมครับ” หลิวตงตงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ที่ฉันช่วยแก ไม่ได้ช่วยเพื่อให้แกกลับไปทำแบบเดิมอีก เพราะแกคงจะไม่โชคดีอีกครั้ง แล้วเรื่องที่แกไปวิ่งราวคนอื่นเขามาแกอย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้ เมื่อไหร่แกจะหยุดสร้างความเดือดร้อนสักที หรือว่าแกต้องหายไปจากโลกนี้ซะก่อน ฮะ หลิว ตงตง!!!” เสียงกร้าวดังขึ้นราวกับคำราม หลิวตงตงกลัวจนตัวสั่น เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคุณชายซือมาพอสมควร ว่ามีอิทธิพลมากแค่ไหนในเมืองแอลแห่งนี้ “ผ่ะ...ผม..ม่ะ...ไม่กล้าแล้วครับคุณชายซือ” เสียงสั่นๆดังมาจากคนที่นอนราบอยู่บนเตียงเพราะยังรู้สึกปวดตามร่างกายอยู่ “ขอให้แกไม่กล้าจริงๆเถอะ แกสมควรที่จะต้องทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีได้แล้ว ไม่ใช่ทำตัวเหลวแหลกอยู่แบบนี้!! ” ซือมู่อันเอ่ยขึ้นด้วยแววตาและน้ำเสียงจริงจัง จนคนที่นอนอยู่บนเตียงต้องขนลุก “จริงๆครับ ผมจะไม่เล่นการพนันกับเป็นขโมยอีกแล้วครับ” เขารับปากทั้งที่ไม่รู้ว่าตนเองจะทำได้ไหม แต่เขาก็กลัวในอิทธิพลของคนตรงหน้า “ฉันจะให้โอกาสแกได้แก้ตัว ต่อไปนี้แกเข้าไปทำงานที่ผับของฉันที่ตอนใต้ของเมืองแอล ฉันจะให้คนคอยจับตาดูพฤติกรรมของแก ถ้าแกยังเป็นแบบเดิม เตรียมตัวหายไปตลอดกาลได้เลย” น้ำเสียงเข้มติดเย็นชาของซือมู่อันทำให้หลิวตงตงหวาดกลัว และตกลงในทันที ก็ยังดีที่เขามีงานทำ อย่างน้อยชีวิตเขาก็ไม่ต้องอดตาย ถึงแม้จะไม่มีอิสระแบบเดิมก็ตาม แต่นั่นก็เพราะเขาเป็นหนี้คุณชายซืออยู่ เขาก็ต้องชดใช้ พอจัดการพี่ชายของเด็กในอุปการะเรียบร้อย ก็เหลือทางครอบครัวของหญิงสาวที่เขาจะต้องจัดการให้เด็ดขาด โดยเฉพาะแม่เลี้ยงตัวดี ต้าฉินแอบได้ยินสองผัวเมียคุยกันในบ้าน ต้าฉินแอบแฝงตัวเข้าไปหลบอยู่ใกล้ๆหน้าต่างจึงได้รับรู้มาว่า แม่เลี้ยงที่มีนามว่า หยินเยว่ นั้นต้องการให้บิดาของหลิวถิงถิง บังคับให้บุตรสาวต้องเลิกเรียนแล้วออกมาทำงานส่งน้องสาวต่างแม่เรียนแทน ตอนที่เขาฟังครั้งแรกก็อดที่จะโมโหแทนเด็กสาวไม่ได้ ดีหน่อยที่ผู้เป็นบิดาไม่ได้เข้าข้างภรรยาเสียทีเดียว หากแต่เขาก็ยังไม่วางใจ เขานั้นอยากให้เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้มีความสุขโดยไร้สิ่งใดๆมารบกวน “ฉันว่า เห็นทีต้องได้ไปเยี่ยมบ้านลูกหนี้สักหน่อยล่ะ จางหลง ต้าฉิน” ซือมู่อันเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะรอยยิ้มที่สองบอดี้การ์ดต่างรู้กันว่าคงไม่ได้เป็นการไปเยี่ยมแบบธรรมดาธรรมดาแน่นอน“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว