หลังจากที่จัดการพี่ชายของหลิวถิงถิงได้แล้ว ซือมู่อันกับบอดี้การ์ดก็พากันมุ่งหน้ากลับบ้านหรูหรือเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิด เพราะตั้งอยู่ในอาณาจักรอันกว้างขวางของตระกูลซือ หากเป็นเมื่อก่อนครอบครัวของเขายังมีความสุขดี จนมาสูญเสียบิดาไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขาต้องสืบทอดตระกูลซือมาตั้งแต่อายุ28ปี ชายหนุ่มต้องเป็นทุกอย่างให้กับมารดาและตระกูล
“กลับมาแล้วหรือมู่อัน” เสียงจากหญิงสูงวัยดังมาจากห้องรับแขก “ครับ แม่กำลังทำอะไรอยู่ครับ” ซือมู่อันเดินไปโอบกอดมารดาด้วยความรัก หญิงรับใช้มองมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชม ถึงจะดูเย็นชา แข็งแกร่ง และดูน่าเกรงขามต่อหน้าคนอื่น แต่สำหรับมารดาแล้ว คุณชายซือก็เหมือนกับเด็กน้อยวัยสิบขวบในตอนนั้นไม่มีผิด “แม่กำลังรอลูกอยู่” ซือหลินซู่เอ่ยขึ้นขณะที่ยังโอบกอดบุตรชายที่รักอยู่ “รอผม แล้วแม่ทานข้าวหรือยังครับ” ซือมู่อันถามมารดาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ทานแล้วล่ะ แต่แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับลูก” คุณนายหลินซู่เอ่ยขึ้นขณะที่ใช้มือเหี่ยวย่นลูบใบหน้าหล่อเหลาของบุตรชาย เขามีใบหน้าหล่อเหลาคล้ายๆกับบิดาไม่ผิดเพี้ยนเท่าใดนัก “แม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” ซือมู่อันเอ่ยถามอย่างสงสัย คุณนายซือมองหน้าหญิงรับใช้ก่อนที่หล่อนจะออกจาห้องไปอย่างรู้กัน ว่าคุณนายต้องการคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณชาย “ปีนี้ลูกก็สามสิบแล้วใช่ไหม แม่อยากอุ้มหลานแล้วนะลูก เมื่อไหร่ลูกจะลงเอยกับใครสักคนสักที” มือที่เหี่ยวย่นจับไปที่มือหนาของบุตรชายคนเดียว แววตาก็จดจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ซือมู่อันค่อนข้างที่จะตกใจกับคำถามของมารดา จะให้เขาตอบว่ายังไงดีล่ะ ก็ในเมื่อหัวใจของเขามันไม่เคยรักใคร ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับผู้หญิงคนไหน ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ครับแม่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม อีกอย่างภาระหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบอยู่มันทำให้ผมยังไม่พร้อมจะดูแลใครจริงๆ เรื่องนี้ผมขอเถอะนะครับแม่ แม่ช่วยรอผมอีกสักพักได้ไหม ตั้งแต่ลูกชายแม่โตมายังไม่เคยได้ลองรักใครเลยสักครั้ง ถ้าผมจะมีลูกกับใครสักคน ขอให้เธอเป็นคนที่ได้หัวใจของผมไปได้ไหมครับ” ซือมู่อันบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คุณนายซือไม่อยากที่จะทำให้บุตรชายรู้สึกเหนื่อยจนเกินไปจึงไม่เซ้าซี้เรื่องนี้อีก “อย่าปล่อยให้แม่รอจนแก่ตายก่อนนะลูก” คุณนายซือหลินซู่บอกเสียงอ่อนลง เขาสัมผัสได้ว่ามารดาคงรู้สึกเศร้าใจที่ต้องอยู่ลำพังโดยไร้ลูกหลานในบ้านหลังใหญ่โตราวกับคฤหาสน์ เขารวบร่างบางของมารดามากอดเอาไว้ราวกับให้คำมั่นสัญญา มหาวิทยาลัยแอล “ ประกาศนักศึกษาหลิวถิงถิง มีผู้ปกครองมาพบ” เสียงประกาศจากเสียงตามสายดังขึ้นจนคนที่โดนเรียกชื่อนั้นแอบสะดุ้งเล็กน้อย “เห้ย ยัยถิงถิง ผู้ปกครองที่ไหนมาหาเธออะ” เพื่อนในห้องเอ่ยถามขึ้น “ใช่ผู้อุปการะของเธอหรือเปล่า” สาวสวยคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “ไม่ใช่หรอก ถ้าคุณชายซือมาจริงๆ เธอคิดว่ากระดานกระทู้ของมหาวิทยาลัยจะเงียบขนาดนี้หรอ” เพื่อนอีกคนว่า สาวสวยเห็นด้วยจึงเดินหนีหลิวถิงถิงกลับไปนั่งโต๊ะ “ไปพบผู้ปกครองก่อนเถอะถิงถิง” อาจารย์ประจำภาควิชาเอ่ยขึ้น “ขอบคุณค่ะอาจารย์” ด้วยเป็นเด็กหัวไวและเรียนดี อาจารย์จึงไม่ห่วงหากหญิงสาวจะขาดเรียนไปบ้าง หลิวถิงถิงรีบเก็บหนังสือปากกาเข้ากระเป๋า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องเรียนไปเพื่อพบกับ ‘ผู้ปกครอง’ ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปรากฎร่างของหญิงสูงวัยร่างอวบนั่งรอเธออยู่ ทันทีที่หลิวถิงถิงเห็นเธอเข้าก็ถอนหายใจออกมาหนักๆหลายที ‘หยินเยว่’ แม่เลี้ยงมหาภัยของเธอ มาที่นี่ทำไมกันนะ หรือจะเกิดเรื่องอะไรกับพ่อและพี่ชายเธอ “ป้าหยินเยว่ มาหาฉันถึงที่นี่มีเรื่องอะไรจะคุยคะ” สาวสวยเอ่ยถามทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายหันมา “ทำไม พอออกจากบ้านมาแล้วแกไม่ใช่คนตระกูลหลิวแล้วหรือไง” หยินเยว่เบะปากพร้อมกับเอ่ยประชดประชัน “มีธุระอะไรก็ว่ามาดีกว่า อย่ามาเสียเวลาเรียนของฉันเลย” หลิว ถิงถิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้เธออยู่ในที่สาธารณะ เธอไม่กลัวว่าจะโดนแม่เลี้ยงใจร้ายคนนี้รังแก หยินเยว่มองหลิวถิงถิงอย่างหมั่นไส้แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก ด้วยสายตาของนักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาทำให้เธอสงบกว่าที่เคยเป็น “แหม......... จบมาจะเป็นเจ้าคนนายคนรึไงยะ แกมันก็แค่ลูกคนจน จะเรียนสูงไปทำไมกัน เอาล่ะ ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะบอกให้แกลาออกจากมหาลัยแล้วกลับไปอยู่ที่บ้าน ไปหาเงินมาช่วยส่งน้องสาวของแกเรียนจะดีกว่า” หยินเยว่เอ่ยออกมาอย่าไม่รู้สึกผิดอะไร หลิวถิงถิงหน้าเสียซ่อนความโกรธเอาไว้ไม่มิด“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว