LOGIN“อะ...อะ...อะ...” เขากระแทกกระทุ้ง ตะบันเด้าเธอไม่ยั้งตามแรงใคร่ราคะที่ถูกกระตุ้นหนักมาก่อนหน้า กระแทกซอยถี่ยิบหนักหน่วงไม่พักยก กระทั่งน้ำกามกระฉอกออกมาจากช่องเสียวของเธอราวกับน้ำฉี่ราด น้ำรักน้ำใคร่เหนียวเหนอะไหลนองเต็มที่นอนไปหมด เสียงครางจากสองร่างดังระงมไปทั้งห้อง
ความสุขซ่านเสียวประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำเอาเธอหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“โอว...ดีจังเลยค่ะพี่ภู...อืมมม โอ๋มีความสุขจัง มีความสุขที่สุดเลย”
ความสุขและความฝันที่เป็นจริงของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานอยู่รอบกาย เกสรดอกไม้ส่งกลิ่นหอมหวนยวนใจไปหมด ที่เขาบอกว่าโลกเป็นสีชมพูนั้น มันก็คงเป็นเช่นนี้เองสินะ
“พี่ก็มีความสุขจ้ะที่รัก” แน่นอน เขาไม่ได้ตักตวงแค่ครั้งเดียว แต่เขาร่วมรักกับเธอจนเสร็จเสียวไปสามรอบ จากนั้นก็นอนกอดก่ายถ่ายเทความรักความอบอุ่นให้กันและกันจนถึงเช้า
“อืม อืมมม....” เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้านี้ในอ้อมกอดของเขา เธอรู้สึกสุขสบายและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก หากวันนี้ไม่ต้องไปทำงานล่ะก็ เธอจะทำเรื่องอย่างว่ากับเขาทั้งวันเลยล่ะ ทำให้หมดแรงล้าไปเลย
“ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว” เขากระซิบกระซาบ “โอ๋อยากอยู่บ้านหรืออยู่คอนโดล่ะ”
“อืมม โอ๋ว่าเราอยู่คนโดดีกว่าค่ะ สะดวกเวลาไปทำงานมากกว่า เพราะถ้าซื้อบ้านเราก็ต้องซื้อแถวชานเมืองใช่มั้ยล่ะคะ เพราะงั้นอยู่คอนโดไปก่อนนะคะ เอาไว้ในอนาคตถ้าเรามีลูกเมื่อไหร่ เราค่อยวางแผนเรื่องที่อยู่กันใหม่นะคะ”
เธอตกลงกับว่าที่สามีตามนี้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน วันนี้เขาบินไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศใกล้ ๆ ในแถบเอเชีย ส่วนเธอมีบินภายในประเทศ แต่ยังไม่ทันได้บิน หัวหน้าโทรเรียกให้เข้าพบเสียก่อน
“ว่าไงนะคะ ไปปารีสคืนนี้เหรอคะ!!!”
“ใช่ เป็นเที่ยวบินแบบเหมาลำน่ะ ลูกค้าต้องการความเป็นส่วนตัวมาก”
“โอ...สงสัยคนมีชื่อเสียง หรือไม่ก็รวยมากแน่ ๆ”
“รวยมากสิ ก็เค้าเป็นลูกชายของCEOของเรานี่แหละจ๊ะ เห็นว่าจะไปดูที่เรียน เธอไปเตรียมตัวเถอะ”
“แล้วกัปตัน...”
“คุณเมฆเจาะจงให้เป็นกัปตันภูธเนศจ๊ะ”
“อะ!” เธอแทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยินชื่อของว่าที่เจ้าบ่าว...เพราะนั่นย่อมหมายความว่า เธอกำลังจะได้บินกับคู่หมั้นในคืนนี้ และจุดหมายปลายทางคือสถานที่ ในฝัน ที่เธอวาดฝันเอาไว้ในใจว่าจะไปฮันนีมูนกันในช่วงฤดูไบไม้ผลิ
“ว๊าว...ทำไมชีวิตฉันมันดีอย่างนี้นะ!”
นาฬิกาข้อมือของเธอบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาที...
หลังจากเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ราว ๆ ยี่สิบนาที เครื่องบินลำใหญ่ก็ลอยลำอยู่เหนือน่านฟ้าของประเทศพม่าไปแล้ว...
แอร์โฮสเตสเพียงคนเดียวของไฟท์นี้ เดินเข้าสู่ห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจเพื่อทำหน้าที่แนะนำตัวและบริการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันนาราริน อาภารัตน์ จะทำหน้าที่บริการ....”
เธอยังแนะนำตัวไม่ทันจบ ชายหนุ่มในชุดสูทหรูซึ่งนั่งหันหลังให้เธออยู่บนเก้าอี้ผู้โดยสารสุดหรู เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วเหลียวกลับมามองเธอ ด้วยสีหน้าชิลๆสบาย ๆ แต่มันทำให้เธอตะลึงไปหลายวินาที
‘หมอนี่!’
เขาเหยียดยิ้มมุมปากนิด ๆ ขณะไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ชื่อนารารินเหรอ?”
“อืม...ค่ะ ดิฉันจะทำหน้าที่...”
“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด!”
เขาออกคำสั่งบ้า ๆ ขณะหยิบหนังสือขึ้นอ่าน หญิงสาวตกใจจนหน้าชา ก่อนหันหน้ามองชายฉกรรจ์ในชุดสูทดำจำนวนห้านาย ซึ่งยืนประจำในแต่ละจุด คนพวกนี้ถูกแนะนำว่าบอดี้การ์ดของเขา
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
“ไม่ได้ยินเหรอ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาเริ่มมีแววขุ่นเคือง ก่อนตวัดสายตาดูถูกเธอ
“ดิฉันคงทำตามคำสั่งของคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้!” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ประจันหน้ากับเธอ สายตาของเขาราวกับสัตว์ป่า ทำเอาเธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าให้ต้องใช้กำลังนะ”
เธอตาลุกวาว “คุณคิดจะทำอะไร!”
“เดี๋ยวก็รู้”
เธอเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีซะแล้วจึงคิดจะหลบออกไปตั้งหลัก แต่เขาเข้าขวางไว้เสียก่อน
“อย่าคิดว่าเป็นลูกชายเจ้าของสายการบินแล้วจะทำอะไรกับพนักงานก็ได้นะคะ”
“แต่ฉันทำได้ว่ะ เธอคงไม่รู้ว่าฉันเป็นแค่ลูกเลวๆเป็นแค่แกะดำในครอบครัว ฉันทำเลวได้แบบไม่ห่วงหน้าตาครอบครัวอยู่แล้ว”
หัวใจเธอเริ่มสั่นรัว “คุณคงโกรธฉันมากเรื่องที่ฉันปฏิเสธคุณในผับคืนนั้น”
“ใช่!!! คนอย่างฉันไม่เคยมีใครปฏิเสธ รู้เอาไว้ด้วย!!!”
เขาพูดพลางขยับเท้าเข้าหาเธอ หญิงสาวก้าวถอยหลังด้วยความกลัว
“เธอพลาดแล้วที่เล่นกับคนอย่างฉัน!!!”
“ที่ฉันปฏิเสธเพราะฉันมีแฟนอยู่แล้ว ฉันไม่ผิดที่ปฏิเสธคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหนก็เหอะ มันเป็นความพอใจของฉัน!”
เขาคว้าข้อมือเธอแล้วบีบอย่างแรง...
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ...พี่ภูช่วยด้วย!!” เธอร้องตะโกนลั่นห้องหวังให้ได้ยินไปถึงห้องนักบิน แต่ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ลูกน้องสองคนของเขาจัดการปิดประตูอย่างรู้งานและรู้ใจเจ้านายเลวๆ
“นี่คุณจะทำบ้าอะไรห๊า???”
“ทำบ้าอะไรน่ะเหรอ???” แล้วเขาก็หัวเราะลั่นเหมือนสติเสีย ก่อนจะมองหน้าเธอด้วยสายตาคลั่งและดูถูก หมอนี่เป็นโรคจิตหรือไม่ก็ไบโพล่าแน่ ๆ
ฉันถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อน สำรวจร่างกายตัวเองผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นร่องรอยการโดนกระทำหยาบคายตามเนื้อตัวเป็นหย่อมๆก็นึกพึงพอใจขึ้นมา โดยเฉพาะตรงเนินสาวที่ระบมแดงและบวมฉึ่งอย่างเห็นได้ชัด“อืมมม...ดีจัง” ฉันมั่นใจว่าฉันจะได้เจอสองน้าหลานคู่นั้นอีกแน่นอน แต่เป็นเมื่อไหร่ค่อยว่ากันฉันเข้าห้องน้ำ อาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดหมดจด สวมชุดคลุมออกจากห้องน้ำ ตอนนั้นเองได้ยินเสียงประตูห้องเปิด เลยรีบเดินออกจากห้องนอนตัวเองไปหาเพื่อนในห้องกลาง..“อุ๊ย! สภาพ! ไม่ได้เมาแน่นะ” เพื่อนสาวอยู่ในสภาพเหมือนเพิ่งไปฟัดกับหมามางั้นแหละ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ยุ่งเหยิง แถมหน้าตาดูเหมือนเหนื่อยล้าสุดๆ ยัยนั่นเดินมาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาเหมือนคนหมดแรง วางถุงในเบียร์กับขนม ก๊อปแก๊บลงบนโต๊ะ “สภาพเหมือนเมาเลยอ่ะ แถมเสื้อยับเหมือนไปฟัดกับใครมา”“ดื่มไปนิดหน่อยน่ะ เฮ้อ..เหนื่อย” พูดพร้อมกับทิ้งแผ่นหลังพิงพนักโซฟา ดวงตาปรือมองเพดานห้องเหมือนกำลังใช้ความคิด...ฉันเดินไปนั่งโซฟาตรงข้ามกับเพื่อน หยิบเบียร์กระป๋องจากในถุงมาเปิดสลักซดดื่ม “อ๊า...สุดยอดเลย ชอบเบียร์ยี่ห้อนี้สุดๆเลย อืมม ดีงามมาก โอวว ทำไมชีวิตมันมั
“โอยย สวยสุดๆเลย” ตาลุงคนขับไม่ยืนเปล่า ยื่นมือมาบีบคลำสองเต้าของฉันไม่ยอมปล่อย ขณะกระเป๋ารถเมล์จอมอึดกระแทกสวนซอยขึ้นมาถี่ๆ ต่อสู้กับแรงขย่มของฉันอย่างดุดัน จนรูรักร้อนผ่าวกระตุกระริก กดเกร็งไปทั้งตัว ฉีดน้ำสวาทออกมาพรั่งพร้อมเพรียงกัน“โอ้วววว” ฉันกับเขาร้องลั่นสามสมในรสสวาท ก่อนที่เขาจะก้มเข้าหาเต้าซ้าย อ้าปากงับดูดไล้เลียหัวนมของฉันอย่างสุขสม ส่วนเต้าขวาอยู่ในฝ่ามือตาลุงคนขับ บีบขยำ ขยี้หัวนมปรนเปรอไม่หยุด“โอววว...” ฉันเคลิบเคลิ้มในรสสวาทจนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ เหมือนฝันแต่ก็ไม่ใช่ฝัน ฉันเพิ่งมีเซ็กซ์แบบสองต่อหนึ่งกับผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ แถมไม่ได้เล่นกันบนเตียง แต่เล่นกันบนรถเมล์ ภายในอู่รถนอกเมือง ที่มีบรรยากาศเหมือนป่าช้าเสียมากกว่า“อ่า...” ครั้งที่สามจบลงอย่างสวยงาม แต่อีตากระเป๋ารถเมล์ไม่ยอมให้ฉันลงจากตักของเขา แถมไม่ยอมถอนตัวออกอีกต่างหาก“อืมม..” ตาลุงครางกระเส่า ขยับกายเข้ามาประชิดกับสะโพกลมตึงของฉัน จ่อท่อนสวาทกับรูรักของฉันที่ยังมีดุ้นเนื้อของหลานชายเสียบคาอยู่“อุ๊ย! จะทำไรคะ”“เข้าสองอันพร้อมกันไง” กระเป๋ารถเมล์กระซิบใกล้หูด้วยเสีย
“โอ้วโหวว ขาวสวยจัง” เสียงแหบพร่าของตาลุงคนขับดังใกล้หู..ใช่แล้ว แม้ในแสงสลัวก็ยังมองออกว่าฉันผิวขาวผุดผ่องไปทั้งตัว “หอมไปทั้งตัวเลย..อืมม”“บอกแล้วว่าเด็ด” อีตากระเป๋ารถเมล์ลุกขึ้นยืน ขยับแก่นกายเข้ามาใกล้หน้าฉัน สาวรูดแท่งเนื้อจนแข็งประมาณหนึ่ง นำมาจ่อริมฝีปากฉัน“อ่าม..” ฉันอ้าปากรับดุ้นเนื้อเข้าปากด้วยความเต็มใจ ละเลงเลียดุ้นเนื้อยาวราวกับหิวโหย ขณะตาลุงคนขับลงไปนั่งที่พื้นรถ จับสองขาของฉันแหวกออกจนสองกลีบแบะอ้า ก้มเข้าหาพร้อมลิ้นสากกลิ่นบุหรี่ ตวัดเลียเม็ดกระสันเสียวพลางครางสุขสม“อื้ออ อื้ออ อืออ..” ฉันโมกแท่งเนื้อของกระเป๋ารถเมล์จนหัวสั่นหัวคลอน ทำเขาร้องครางอย่างพึงพอใจ อดไม่ไหว ใช้สองมือบีบขยำสองเต้าด้วยความแรง ส่วนตาลุงดูดเลียกลีบงามอย่างเอร็ดอร่อย ทำฉันเสียวซ่านจนน้ำสวาทหลั่งเยิ้มเต็มร่อง “อ้า อ้า อ้า..”“อืมมม..อย่างนั้น อย่างนั้น อือมม..” กระเป๋ารถเมล์หน้าเคลิ้มหายใจแรง ถอนแท่งเนื้อออกจากปากของฉันแล้วขยับกายออก ส่งสัญญาณให้ฉันยืนกึ่งนั่งหันหลังให้ โดยวางเข่าข้างนึงบนเบาะเพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ...ฝ่ามือใหญ่ตบตีก้นฉันสาม-สี่ครั้ง ก่อนที่เขาจะจับก้นฉันให้กระดกขึ้น แล้วใช้นิ้ว
“อ๊ะ...” หัวใจฉันเต้นรัวไปหมด พยายามคิดว่าก่อนหน้าที่ฉันจะหลับคารถเมล์จนรถมาหยุดที่อู่ ฉันพูดอะไรกับพวกเขาไปกันนะ แล้วฉันก็คิดออก !!‘โอ้วว นังทิชา แกบ้าไปแล้วเหรอ???’ปลุกด้วยลิ้น..สินะ!!ตอนนั้น ฉันแสร้งทำเป็นพูดทีเล่นทีจริง แสร้งทำเป็นคะนองปาก เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างดีก็แค่หมาหยอกไก่แต่ก็แอบคิดในใจนะว่า ก่อนลงจากรถเมล์ อาจมีการนัดหมายไปวันไนท์สแตนด์กันที่โมเต็ลราคาถูกใกล้ๆ เอากันสนุกๆเหมือนครั้งก่อน“อื้ออ...” แต่สาบานเลย..ฉันไม่ได้วาดภาพนี้ไว้เลย ภาพที่ตัวเองโดนชายแปลกหน้าสองคนรุมบนรถเมล์ ท่ามกลางแสงสลัวอันเย็นเยือก บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังฆาตกรรม“อ๊ะ อ้า ซี๊ดส์ นี่..อูยย นี่” ฉันอยากจะอ้าปากบอกให้พวกเขาหยุดกระทำหยาบหยามใส่ฉัน แต่ร่างกายของฉันกลับสนองตอบปลายลิ้นรสสัมผัสหยาบคายของพวกเขาด้วยความเต็มใจ ปลายลิ้นสากที่กระดกเลียทรวงเต้าของฉันอย่างหิวโหย ปลายลิ้นสว่านที่กำลังละเลงเลียร่องกลีบของฉันจนหัวสั่นหัวคลอน “อ่า..ซี๊ดส์ อูยย เสียวนะ อื้ออ นี่นาย..ยะ หยุด หยุดก่อนซี”เสียงห้ามของฉันโคตรอ่อนแรง เสียหายใจกระเส่าอย่างมีอารมณ์ดังกว่าหลายเท่า อีตากระเป๋ารถเมล์ตัวแสบผละปลา
“อ่าห์..” สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย ท่ามกลางรถราพลุกพล่านท้องบนถนน เสียงบีบแตร เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังกระหน่ำต่อเนื่อง แต่สมองฉันกลับได้ยินเพียงเสียงครางกระเส่าของตัวเอง ยามเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่บนเตียงในโมเตลราคาถูก ดิ้นกายส่ายไหวอย่างเร่าร้อน แอ่นเนินสวาทป้อนปากลิ้นกลิ่นบุหรี่ของชายแปลกหน้า อย่างสุขสมใจ“อ่าห์...อ่าห์ อืออ อูววว ซี๊ดส์” ฉันหลับตาเพราะไม่อยากเห็นหน้าหมอนั่น แต่ภาพตอนมีเซ็กซ์กับอีตากระเป๋ารถเมล์ก็ยิ่งฉายชัดในความรู้สึก ใบหน้าก่ำแดงเต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่ของเขายามสุขล้นแรงกระสัน ขณะกระแทกท่อนเอ็นใส่รูสาวของฉันถี่ยิบ ร่ำร้องครวญครางโหยหวนอย่างกับสัตว์ป่าติดสัตว์“โอวว..” ฉันเม้มริมฝีปากอย่างมีอารมณ์ หายใจเร็วแรงกระชั้น พยายามกดกลั้นอารมณ์กระสันเอาไว้ แต่กลีบสวาทกลับร้อนผ่าวกระตุกระริก ออกอาการหิวโหยรสใคร่จนถึงกับหลั่งน้ำเหนียวใสชโลมร่องกลีบ “อูววว..”ใช่แล้ว...ฉันรู้ตัวว่าต้านทานแรงกระตุ้นจากสัญชาติญาณดิบไม่ไหว หากไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อผ่อนปรนแรงปรารถนาที่กำลังเล่นงานฉันอยู่อย่างเลือดเย็น ฉันจะต้องปวดไมเกรนฉุกเฉินจนหัวแทบกระเบิดอย่างแน่นอน“อืมม..อ่าห์ ซี๊ดส์” โชคดีที
“น่าจะขอเบอร์ติดต่อไอ้บ้านั่นไว้” เผื่อวันไหนอยากปลดปล่อยจะได้มีที่ระบาย เพราะหมอนั่นพยายามขอเบอร์ฉันก่อนจะร่ำลากันในคืนนั้น แต่ฉันอยากให้มันเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ ก็เลยไม่สานต่อให้เสียระบบ “อืออ...เจ็บใช่ชะมัดเลย”สายฝนโปรยปรายเป็นสายไล่ให้ฉันก้าวขึ้นรถเมล์อย่างเร่งรีบ โชคดีหน่อยที่มีที่นั่งว่างเยอะ ผู้โดยสารก็ไม่ได้มากมายอะไร ทั้งที่ยังไม่ดึกมากฉันเลยเดินไปนั่งเก้าอี้เกือบท้ายๆรถ เพราะอยากนั่งแบบส่วนตัว เผื่อน้ำตามันไหล จะได้ไม่อายใคร “เฮ่อ..เสียอารมณ์ชะมัด อุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจจะมันส์แล้วแท้ๆ ทำไมมันเฮงซวยแบบนี้วะ เฮ้อ....อดขย่มไอ้เอกเลยอ่ะ เสียดายชะมัด เราไม่น่าไปเคาะประตูร้านเลย เราน่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วจัดมันให้หนักๆ ชิ!”เมื่อเลือกที่นั่งเรียบร้อย ฉันนั่งมองหน้าต่างรถที่มีหยดฝนเกาะพราว อยู่ๆหวนคิดไปถึงคืนวันไนท์สแตนด์แล้วเสียวซ่านในอารมณ์ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ คิดถึงความเร่าร้อนและหยาบโลนของชายแปลกหน้าคนนั้น คิดถึงลิ้นสากๆร้อนๆและลำเอ็นขนาดเขื่องที่ทำให้ร่องกลีบเสียวซ่าน...“โอววว อืมม..” คืนนี้อาจต้องช่วยตัวเองในห้องน้ำสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคงเคร่งเครียดและอึดอัดในอารมณ์




![เมียน้อยพ่อเป็นของผม [Is Mine]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


