-ดาริน-
2 อาทิตย์ต่อมา
“ริน!!”
เสียงของเพื่อนสนิทของฉันเรียกเมื่อเราเจอกัน หลังจากทร่ฉันหายไปพักรักษาตัวมาได้เกือบสองอาทิตย์ กว่าแผลบนใบหน้าจะหายดี
“เป็นยังไงบ้างอะ แกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ด้วยกลัวเพื่อนจะเป็นห่วงมากกว่าเดิม
“ดูสิเนี่ย หน้าแกยังมีรอยอยู่เลย! ทำไมแกถึงไม่เอาเรื่องพวกมันล่ะ!”
ยัยนก หรือ ลูกนก ถามฉันด้วยน้ำเสียงขัดใจที่ฉันไม่ยอมเอาเรื่องพวกหมิว จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ฉันรู้ว่าถ้าฉันเอาเรื่องยัยพวกนั้นต้องไม่เลิกตอแยฉันแน่ๆ สู้ทนเจ็บให้มันจบ ๆ ไปแค่ครั้งนี้ครั้งดียวน่ะ ดีแล้ว
“ช่างมันเถอะ เรารีบไปเรียนเถอะ อาจารย์นภาด้วยคลาสนี้”
ฉันพูดตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวของฉันถามมากไปกว่านี้ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะปิดบังอะไรกับเพื่อนหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ อย่างน้อยไม่รู้มันยังจะดีกว่า
“จริงด้วย! รีบไปกันเถอะ><”
เป็นไปตามคาดหากฉันเอาชื่ออาจารย์ที่ดุ ๆ มาอ้างเมื่อไหร่ ยัยนกจะลืมเรื่องที่คุยกันอยู่ทันที ฉันกับเพื่อนสนิทจึงรีบเดินไปที่ตึกเรียนทันที
ห้องเรียน
พอเข้ามาในห้องฉันก็ต้องเจอกับสายตาพิฆาตของหลายๆ คน และหนึ่งในสายตาพวกนั้นก็คือหมิว ฉันถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีทันที
“หึ หน้าด้าน!”
และเมื่อฉันกำลังจะเดินผ่านหมิวก็พูดกัดฉันทันที ฉันได้แต่ถอนหานใจเบา ๆ ไม่อยากจะต่อกรกับใครอีกฉันอยากอยู่อย่างสงบ
“มึงว่าใคร!”
แต่เหมือนกับนกไม่ได้คิดเหมือนที่ฉันคิดสักเท่าไหร่ หลังจากหมิวพูดจาแดกดันฉันยังไม่ทันเสร็จดี ยัยนกก็ตอบกลับทันควัน
“อย่าเสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
หมิวลุกขึ้นประจันหน้ากับนกทันที หน้าของทั้งคู่เอาเรื่องมาก ๆ ตอนนี้ สองคนนี้เดิมทีก็เป็นไม้เบื่อำม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าให้เผลอเป็นต้องหาเรื่องต่อปากต่อคำกัน
“นกพอแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะเดี๋ยวอาจารย์มาแล้วจะงานเข้านะ”
ฉันรีบเข้าไปดึงเเขนเพื่อนไว้ทันที นกน่ะเป็นคนใจร้อน บ่อยครั้งมักจะถูกลงโทษเพราะทะเลาะกับหมิวอยู่บ่อยครั้ง
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!”
นกพูดพลางเดินสบัดหน้าหนีไปทันที ฉันเองก็เดินตามเพื่อนไปไม่ได้คิดจะสนใจหมิวอีก แต่ทว่า
“หึ มีพวกละเก่งขึ้นเหรอมึงอีหน้าด้าน”
หมิวกลับไม่ยอมจบง่าย ๆ พูดกระแทกแล้วมองฉันอย่างอาฆาต สายตาพวกนี้นี่เหมาะกับฉันจริง ๆ เลยนะ ไม่ว่าจะใครก็มักจะมอบมันมาให้ฉันเสมอ
“คราวที่แล้วยังไม่พอใจรึไง”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าฉันตอบโต้ไปมากกว่านี้
“เหอะ จะพอหรือไม่มันก็เรื่องของกู มึงมันแส่หาเรื่องเอง! จะเรียกร้องเหี้ยอะไร”
หมิวพูดแล้วทำท่าจะเดินมาหาฉันด้วยสายตาเอาเรื่อง ทำเอานกที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเดินกลับมาประจันหน้าหมิวแทนฉัน
“มีอะไรกัน!!”
พอดีกับที่อาจารย์นภาเข้ามาพอดี ฉันเลยรีบดันยัยนกไปที่โต๊ะทันที ด้วยท่าทางเร่งรีบ
“ทีหลังแกอย่าไปยอมมันนะริน ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”
พอนั่งปุ๊ป นกก็พูดขึ้นทันที ฉันส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอา เพื่อนก็พอเพื่อนฝั่งนั้นก็พอฝั่งนั้น
“เรามาสนใจเรียนกันเถอะนะ”
ฉันบอกยัยนกก่อนจะทำเป็นเตรียมสมุดไว้จดเลคเชอร์ขึ้นมาก่อนจะนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย
พอมานึกดูดี ๆ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับฉัน..มันก็เริ่มตั้งแต่วันนั้น...เมื่อสี่ปีก่อน นานแล้วเหมือนกันนะเนี่ยที่ฉันต้องมารับกรรมที่ฉันไม่ได้ก่อ ฉันคงต้องยอมรับผลกรรมนั้นสินะ...กรรมที่ช่วยผู้หญิงคนนั้นไว้ไม่ได้ หากฉันย้อนกลับไปแล้วช่วยเธอได้ ฉันคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวแบบนี้
4 ปีก่อนหน้า
“พ่อคะ แม่คะ กะ..เกิดอะไรขึ้นคะ!?”
ฉันถามพวกท่านด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นข่าวเรื่องที่บ้านฉันล้มละลาย ข่าวพาดหน้าหนึ่งแทบทุกฉบับ สำนักข่าวมากมายต่างก็เล่นข่าวบ้านของฉันกันสนุกปาก
“เหมือนเราจะมีปัญหากับพวกรุ่นใหญ่น่ะ...”
คุณพ่อพูดแล้วเอามือกุมขมับ ใจฉันตอนนี้เริ่มเต้นตุบตับมันร้อนรนไปหมด...เขาเริ่มแล้วสินะ พี่วินทัพ... เขาทำมันจริง ๆ ด้วย
“แล้วพ่อกับแม่จะเอายังไงต่อไปคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ?”
ฉันถามพวกท่านเสียงสั่น ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน เพราะฉันคนเดียว ทำยังไง ฉันควรจะทำยังไงดี
“พ่อกับแม่ว่าจะไปอยู่อเมริกาก่อนสักพัก พ่อบอกว่าจะไปเริ่มต้นใหม่กับเพื่อนทางนั้นก่อน หนูอยู่ที่นี่ รีบเรียนให้จบแล้วแม่จะส่งเงินมาให้ลูกนะ พอเรียนจบแม่กับพ่อจะมารับทันที...โอเคมั้ยลูก...”
ฉันถึงกับพูดไม่ออก...ฉันเพิ่งอยู่ม.6เองนะ นี่พวกท่านเลือกจะทิ้งฉันไว้สินะ...มันคงเป็นกรรมของฉันเอง..กรรมของฉันที่ช่วยอะไรใครไม่ได้นอกจากจะเป็นภาระ
“แม่จะมารับหนูจริงๆ ใช่มั้ยคะ…”
ฉันถามด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย ทุกอย่างมันทำฉันสับสนไปหมด ฉันควรจะร้องไห้โอดครวญแต่คงเป็นเพราะได้เตรียมใจมาบ้างแล้วว่าจะถูกทิ้งแบบนี้เลยไม่ได้เสียใจมากเท่าที่ควร
“จริงสิจ้ะ แม่จะรีบมารับหนู แม่สัญญา”
แม่พูดแล้วลูบหัวฉันเบา ๆ ซึ่งฉันก็พยักหน้ารับก่อนจะโผล่เข้ากอดแม่ของฉันอย่างไม่อยากให้ท่านไป ถึงจะบอกว่าไม่เสียใจมากเท่าไหร่ แต่ลึก ๆ แล้ว ฉันก็เสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“แล้ว...แม่กับพ่อจะไปวันไหนคะ?”
ฉันถามต่อเมื่อผละออกจากอกของแม่แล้ว หากไปช้าก็คงจะดีจะได้มีเวลากอดพวกท่านอีกสักหน่อย
“คืนนี้”
คุณพ่อของฉันเป็นคนตอบ... ฉันถึงกับช็อคทันที ไวปานนั้นเชียวหรือ
“ทำไมไวจะล่ะคะ?”
ฉันถามด้วยน้ำเสียงตกใจ มันเร็วเกินไปมากจริง ๆ พวกท่านกะจะไม่ให้ฉันได้เตรียมใจเลยหรอ…
“เราต้องรีบไปให้เร็วที่สุด แม่โอนเงินของแม่ให้หนูไปหมดแล้ว หนูเอาเงินไปซื้อคอนโดอยู่นะลูก บ้านหลังนี้น่ะ มันไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว…”
แม่พูดแล้วน้ำตาไหลลงมา... ไม่นะ มันเป็นความฝันใช่มั้ย... ถ้าเป็นแบบนั้นก็รีบตื่นเสียที! บ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด มันจะไม่ใช่ของครอบครัวฉันอีกแล้วงั้นหรอ... บ้านหลังนี้คุณแม่เคยเล่าให้ฉันฟัง ว่าพ่อของฉันตั้งใจหาเงินมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อบ้านหลังนี้..ทุกอย่างมันพังเพราะฉัน!
กลางดึกคืนนั้น
ฉันยืนมองคุณพ่อกับคุณแม่ที่กำลังจะขึ้นรถไปด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“ฮึก..แม่คะ...ฮึก...พ่อ...ฮือออ”
ตอนแรกคิดว่าฉันจะไม่ร้องไห้ออกมาแล้ว พอถึงเวลาจริง ๆ ฉันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะร้องออกมา ฉันไม่อยากให้ท่านทั้งสองไปเลย...ฉันอยากจะอ้อนวอนพวกท่านเหลือเกินว่าอย่าทิ้งฉันไป แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะพวกท่านอาจจะเป็นกังวลมากกว่าเดิม แค่นี้ฉันก็ทำพวกท่านเดือดร้อนมากไปแล้ว
“เข้มแข็งนะดาริน เข้าใจมั้ยลูก”
คุณพ่อพูดกับฉันก่อนจะดันคุณแม่ขึ้นไปบนรถอย่างเร่งรีบคงจะกลัวว่าคุณแม่จะใจอ่อน คุณพ่อน่ะเป็นคนใจแข็งแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เวลาที่ท่านสอนฉันเหมือนสอนลูกผู้ชายก็ไม่ปาน
“ดาริน ตั้งใจเรียนนะลูก...รอพ่อกับแม่นะ...มีอะไรโทรหาแม่นะลูก”
คุณแม่พูดก่อนที่ประตูรถจะถูดปิดลง...สายตาของท่านแสดงออกถึงความห่วงใยต่อฉัน แม้แต่พ่อของฉันก็ตาเริ่มแดงเช่นกัน
“แม่คะ....ฮือออ พ่อคะ พ่ออ!!!”
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวฉันรีบเดินตามไปเกาะที่ประตูรถทันทีพลางเดินไปพร้อมกับรถขึ้นเรื่อย ๆ
“พ่อขา.....คุณแม่!! ไม่นะ ฮือออออ!! คุณแม่...”
ฉันร้องไห้หนักขึ้น เมื่อรถของพวกท่านออกตัวเร็วขึ้น ฉันรีบสาวเท้ายาว ๆ จนกลายเป็นวิ่ง ถึงแม้จะหักห้ามใจไม่ให้ทำแบบนี้แต่ฉันกลัว กลัวการอยู่คนเดียว ชีวิตนี้ฉันไม่เคยต้องห่างจากพวกท่านเลย
“พ่อจ๋า..ฮือออ แม่จ๋า!! อย่าไปนะ..ฮือออ แม่!!!!”
ฉันล้มลงกับพื้นตรงใกล้ ๆ ประตูรั้วบ้าน แต่รถก็ไม่ได้หยุดหรือลดความเร็วลงเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันยอมแพ้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปดูรถของพวกท่านที่ขับออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนลับสายตาไป
“หนูกลัว..แม่จ๋า...พ่อจ๋าหนูกลัว...ฮือ อย่าทิ้งหนูไว้แบบนี้สิคะ…คุณพ่อคุณแม่…”
หากอยู่โดยไม่ต้องกังวลอะไรฉันก็พอจะอยู่ได้ หากการล้มละลายของบ้านฉันเกิดจากธุรกิจขิงพวกท่านมีปัญหาฉันก็คงไม่ต้องกังวลอะไร แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องปรกติที่นักธุกิจต้องเจอ แต่เป็นเพราะเขา พี่วินทัพ…เท่านี้เขาก็ทำฉันกลัวเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าที่เขาพูดขู่ฉันวันนั้นเขาจะทำมันจริง ๆ มันทำฉันกลัว กลัวเขาคนนั้น....ฉันกลัวการอยู่คนเดียว...ฉันกลัวที่สุด...ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว...ไม่เหลือใครเลย...
คอมเม้นท์ + กดใจ = เป็นกำลังใจนักเขียนนะคั้บ~~
หากต้องการอ่านตอนใหม่ก่อนใครสามารถเพิ่มเข้าชั้นหนังสือเพื่อรับการแจ้งเตือนได้นะคั้บ><