ค่ำคืนมหานครกรุงเทพฯ สว่างไสวราวกับดวงดาวทั้งฟ้าหล่นลงมาอยู่ในงานเดียว “Divina Haute Couture Fashion Night” งานแฟชั่นโชว์ระดับท็อปของปีที่รวบรวมเหล่าดีไซเนอร์ชื่อก้องไฮโซเซเลบริตี้นักธุรกิจ และดาราชื่อดังไว้คับคั่ง ฮอลล์หลักของโรงแรมหรูใจกลางเมืองแน่นขนัดไปด้วยผู้คนระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็ล้วนเจอแต่ใบหน้าคุ้นเคยจากปกนิตยสาร
แต่ค่ำคืนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังคนเพียงคนเดียว พรพระพาย ลูกสาวคนเดียวของ พัทธ์ธร วรานนทวัฒน์ นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาณาจักรมูลค่าหลายหมื่นล้าน และเธอหญิงสาวผู้ไม่เคยใช้เพียงแค่ชื่อเสียงของพ่อในการยืนหยัดบนโลกนี้
พรพระพาย วรานนทวัฒน์ วัย 22 ปี เพิ่งจบมาหมาดๆ เธอเริ่มทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 16 ปี หญิงสาวมีใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวนวลเนียนราวหยก ดวงตากลมโตดูหวานปนเศร้า ริมฝีปากแดงระเรื่อได้รูป มักมีหนุ่มๆ ทั้งในและนอกวงการตามจีบเสมอ
แม้จะเป็นทายาทพันล้าน แต่พรพระพายเลือกจะฝ่าทางของตัวเอง และคืนนี้เธอจะเดินในฐานะนางแบบฟินาเล่ ของแบรนด์ระดับโลก “Valentine's ROSÉ”
เสียงเพลงเริ่มเปลี่ยนจังหวะช้าลง เย้ายวนราวกับเวทมนตร์สะกดม่านแสงค่อยๆ เบี่ยงไปยังจุดศูนย์กลางของรันเวย์ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีขาวมุกปักคริสตัลนับพันเม็ด ปรากฏท่ามกลางแสงไฟ
เธอคือความสง่างาม เธอคือจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล ผิวเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบ ดวงตาคู่งามที่เปล่งประกายเยือกเย็น บ่งบอกถึงความมั่นใจเกินวัย
ริมฝีปากสีแดงไวน์ที่แย้มเพียงน้อย แต่กลับสะกดทุกลมหายใจของห้องทั้งห้อง
ทุกก้าวย่างของเธอบนรันเวย์นั้นไม่ได้เดินอยู่บนผืนพรม แต่เหมือนกำลังก้าวเดินบนความภาคภูมิในตัวเอง พรพระพายไม่ได้เพียงแค่สวย แต่เธอคือพายุแห่งเสน่ห์ทั้งสวยทั้งฉลาด และทรงพลัง
ในช่วงท้ายของโชว์ ดีไซเนอร์ดังเดินเคียงข้างเธอออกมารับปรบมือ แต่เสียงปรบมือดังกึกก้องไม่ได้มอบให้แบรนด์เพียงอย่างเดียว หากแต่ถูกส่งให้เธอผู้เป็นดั่งภาพจำของค่ำคืนนี้อย่างไม่มีใครเทียบ
ค่ำคืนนี้ไม่มีใครไม่พูดถึงพรพระพาย ลูกสาวของนักธุรกิจแถวหน้านางแบบฟินาเล่ หญิงสาวผู้เป็นดังสัญลักษณ์ของคำว่าเพอร์เฟกต์
“ไม่รู้ยัยเด็กนั่นมีอะไรดีคนถึงได้พากันหลงนักหนา” วีนัสจ้องมองสาวรุ่นน้องที่ได้เป็นดาวเด่นของานนี้
“นี่แหละที่ว่าเกิดมาบนกองเงินกองทองอะไรเป็นใจไปหมด” เฌอเอมอิจฉาวาสนาของพรพระพายไม่น้อย
“อย่าให้รู้ว่าใช้เต้าไต่ขึ้นมาจะเหยียบซ้ำเลย”
สองสาวพูดคุยกันสนุกสนานเพราะอิจฉาในความสามารถของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นขาขึ้นไป
“พวกเธอนี่นะหุบปากไว้กินข้าวเถอะย้ะ แก่กะโหลกกะลา” ลิลลี่สาวสองผู้จัดการส่วนตัวของพรพระพายได้ยินเข้า จึงอดไม่ไหวที่จะจัดการพวกชอบเม้าท์คนอื่น
“ว้าย อีกะเทยตกใจหมดใครแก่ห๊ะ”
“พวกฉันเพิ่งจะ 30 เอง”
“เห็นชอบจับกลุ่มคุยกันเหมือนป้าข้างบ้าน”
“นี่แก...” วีนัสอยากจะกรีดร้องใส่หน้า
หลังจบโชว์สุดตระการตาพรพระพายเดินกลับมาหลังเวทีพร้อมเสียงปรบมือและสายตาชื่นชมจากทุกทิศทาง ผู้จัดการส่วนตัวรีบเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มและขวดน้ำแร่ในมือ
“เหนื่อยไหม”
หญิงสาวรับขวดน้ำมาถือไว้ แต่เพียงยิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เลยค่ะแค่นิดเดียวเองสบายมาก” พรพระพายกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันหลังเดินไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้ผู้จัดการยืนหัวเราะเบาๆ ตามหลัง
ขณะรอหญิงสาวเปลี่ยนชุดอยู่ด้านนอก ผู้จัดการเปิดมือถือขึ้นมาไถฟีดข่าวตามปกติ แต่ทันทีที่พาดหัวข่าวสีแดงแจ่มวาบขึ้นบนหน้าจอ หัวใจของเขาก็เต้นสะดุด
“พัทธรา กรุป ส่อแววล้ม! นักธุรกิจยักษ์ใหญ่อาจเผชิญภาวะล้มละลายหลังขาดทุนต่อเนื่อง 4 ไตรมาส”
สายตาของลิลลี่เบิกกว้าง มือสั่นเล็กน้อยขณะเลื่อนอ่านรายละเอียด เป็นชื่อบริษัทของครอบครัวพรพระพายจริงๆ ข่าวระบุชัดถึงการสูญเสียดีลลงทุนระดับพันล้าน และการถอนตัวของพาร์ตเนอร์หลักจากต่างประเทศ
เสียงเปิดประตูห้องเปลี่ยนชุดดังขึ้นข้างหลัง พรพระพายในชุดเดรสเรียบง่ายสีขาวเดินออกมา ผมยาวสยายดูผ่อนคลายหลังงานใหญ่
“มีอะไรเหรอคะ? ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
ผู้จัดการเก็บสีหน้าแทบไม่ทันรีบดับหน้าจอมือถือทันที แต่สายตาของพรพระพายก็ไวพอจะเห็นหัวข่าวคร่าวๆ
“เมื่อกี้ข่าวอะไรคะได้ยินเหมือนข่าวของปะป๊าเลย” เธอถามนิ่งๆ เสียงเรียบแต่เยือกเย็น
“ไม่มีอะไรหรอกแต่งตัวเสร็จแล้วเรากลับกันดีกว่า”
เธอพรพระพายสังเกตเห็นว่าผู้คนรอบข้างมองมาที่เธอและซุบซิบกัน และในวินาทีนั้นหัวใจของหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกหนักขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“จะกลับแล้วเหรอยัยคุณหนูตกอับ” วีนัสได้ยินข่าวเลยรีบมาซ้ำเติม ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้
“หุบปากของหล่อนซะ” ลิลลี่ไม่อยากให้พรพระพายเครียดจึงยังไม่ยอมบอกเรื่องข่าว
“ตกอับอะไรคะ”
“แหม๋~ รับไม่ได้นะสิที่กำลังจะไม่เหลืออะไรต่อไปอาจจะต้องใช้อย่างอื่นทำงานแลกเงินแล้ว” เฌอเอมหัวเราะบนความทุกข์ของคนอื่น เพราะหวังแค่จะขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแทน
“พวกเธอเงียบเลยนะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาขนมอุดปากแทน” ลิลลี่โมโหสองสาว
“อีกะเทยเสียใจละสิที่กำลังจะไม่มีงาน”
“เจ้ลิลลี่เกิดอะไรขึ้น” เธอถามด้วยความสงสัย
พรพระพายยืนนิ่งอยู่หน้าจอมือถือ สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนในพริบตาพาดหัวข่าวตัวหนา “พัทธรา กรุป กำลังเผชิญวิกฤติ” ซ้ำไปซ้ำมาในหัว
เธอกำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีดไม่รอให้ใครพูดหรือทักต่อ หญิงสาวคว้ากระเป๋ารีบเดินฝ่าเหล่าผู้จัดการทีมงาน และนางแบบคนอื่นออกจากแบ็กสเตจทันที
แต่ก่อนจะพ้นประตูเสียงเยาะเย้ยเบาๆ จากอีกมุมหนึ่งก็ดังขึ้นพอให้ได้ยิน
“อ้าว พายจะรีบไปไหนน่ะหรือรีบกลับไปเก็บของก่อนโดนยึดบ้าน?” เสียงหวานติดเหน็บจากเฌอเอมดังขึ้นไม่หยุดตามด้วยหัวเราะหยัน
“โอ๊ย นางแบบลูกเศรษฐีเค้าก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ” วีนัสเสริมคำ
“ดูไว้นะวีนัสคนสวยไม่ได้รอดทุกคนหรอก ถ้าฐานะพัง วันหนึ่งอาจต้องลดตัวไปเป็นของประมูลก็ได้นะ ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะแหลมๆ ดังตามหลังมาเป็นระลอก แต่พรพระพายไม่หันกลับไปมองแม้แต่นิด เธอเดินตรงออกไปท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาและสายตาหลายคู่ที่เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม
คนเคยชื่นชมวันนี้อาจเป็นคนที่เหยียบซ้ำ ที่รีบออกมาไม่ใช่เพราะความอาย แต่เพราะคำว่าพ่อกำลังตกอยู่ในจุดที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เจอมาก่อน
.
เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวข้างกายดังก้องในห้องวีวีไอพีสุดหรูในผับใจกลางเมือง เธอแทบจะซุกตัวแนบกับอกเขา มือบางลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่า ขณะที่ไทเกอร์ นั่งเอนหลังบนโซฟากว้าง ดวงตานิ่งเฉยแม้ใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มบาง
มืออีกข้างของเขายังล้วงเข้าไปในชุดเดรสรัดรูปของหญิงสาว ปลายนิ้วไล้เบาๆ ราวกับจะฆ่าเวลาด้วยความเบื่อหน่าย
“เหอะ สภาพเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศเหลือแค่เงา” เสียงของคิงตัน เพื่อนสนิทอีกคนดังขึ้นพลางวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะกระจก
“ลูกค้าต่างชาติรายใหญ่ถอนตัว แล้วไปเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่ในเครือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เอเดน อ่านเนื้อข่าวต่อด้วยน้ำเสียงประชด
ไทเกอร์ไม่พูดอะไรเขาเพียงยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบเบาๆ ดวงตาคมดูล่องลอยไปยังวิวกลางคืนของกรุงเทพฯ ผ่านกระจกใส
“บริษัทใหม่ที่ว่าใช่ของมึงใช่ไหมวะไทเกอร์” คิงตันเหล่มองอย่างรู้ทัน
ชายหนุ่มยิ้มนิดเดียวเป็นรอยยิ้มบางเฉียบ เยือกเย็นแต่เฉียบขาด ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาวที่ยังแนบชิดอยู่บนตัก
“อย่าเพิ่งหยุดสิ ที่รักคืนนี้ยังอีกยาว”
มือหนายังลูบไล้เรื่อยๆ ขณะที่ดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึก เพราะการที่พัทธรากรุปกำลังจะล่มสลายไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจ
“เฮ้ยมึงหยุดล้วงก่อน”
“ใช่แล้วจะทำไมวะ” เขาตอบแบบไม่รู้สึกผิด
“ถ้าป๊ามึงรู้คอขาดแน่ นั่นเพื่อนพ่อเลยนะโว๊ย” เอเดนอึ้งไม่คิดว่าเพื่อนจะทำแบบนี้
“บริษัทกูไม่ใช่ของพ่อกู เพื่อนพ่อกูไม่ใช่เพื่อนกู” เขาก่อตั้งบริษัทใหม่หวังทำงานแข่งกับผู้เป็นพ่อ คนที่เขาต้องล้มให้ได้คือพัทธรากรุป และเขาก็ทำมันได้สำเร็จ
“สาธุ ขอให้ป๊ามึงเข้าไปช่วยและขอให้แม่อัญญาจับลูกสาวของอีกฝ่ายมาแต่งงานเพื่อใช้หนี้ด้วยเถอะ” คิงตันยกมือไหว้ท่วมหัว
“กูไม่เอาแม่นางแบบเด็กนั่นหรอก ไม่ชอบเด็กโว้ยย” ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอ เขาเจอเธอออกจะบ่อยตามป้ายโฆษณา และในงานอีเว้นท์ต่างๆ แต่เขาไม่ชอบความหยิ่งยโสนั้น ผู้หญิงครึ่งค่อนประเทศอยากครอบครองเขา แต่อีกฝ่ายทำเป็นเมินและปฏิเสธการนัดออกเดตกับเขา ไทเกอร์จึงอคติกับอีกฝ่ายเรื่อยมา
“เสียหน้าที่นัดเดตแล้วเขาปฏิเสธ?”
“ตอนนั้นน้องเพิ่งจะ 18 เอง มึงจะพรากผู้เยาว์เอา” เอเดนรู้เรื่องนี้มาจากลูกน้องของไทเกอร์
“คุกสำหรับกูก็แค่คุกกี้เสี่ยงทาย” ไทเกอร์หัวเราะชอบใจ และก้มคลอเคลียสาวสวยต่อโดยไม่สนสายตาของเพื่อนสักนิด
“อุ้ยคุณไทเกอร์ขา~”
“เราไปห้องเชือดกันดีกว่าคืนนี้ผมจะทำให้คุณคลานลงจากเตียงเลย”
สองหนุ่มสาวพากันเดินออกจากห้องไป จุดหมายปลายทางคือห้องลับในผับหรู ที่มีไว้สำหรับลูกค้าที่กระเป๋าหนัก
ร้านอาหารหรูที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองครอบครัวนัดเจอกัน แต่เสียดายที่พรพระพายติดงานถ่ายแบบเลยมาด้วยไม่ได้ ทุกคนกำลังนั่งรอไทเกอร์อย่างใจจดใจจ่อ “เดี๋ยวเอวาโทรตามพี่ไทเกอร์เองค่ะ” เอวารินทร์ลุกไปจากโต๊ะอาหาร รู้ว่าพี่ชายตั้งใจมาช้า ที่ชั้นบนสุดของกาสิโนสุดหรู กลางห้องทำงานที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดและเอกสารกองพะเนิน ไทเกอร์กำลังนั่งตรวจสัญญาการเงินด้วยสายตาเย็นเฉียบ สองมือถือแฟ้มและปากกาดูตัวเลขอย่างแม่นยำ “ว่ายังไง...” เขายังพูดไม่ทันจบ “พี่ไทเกอร์เมื่อไหร่จะมาคะ ผู้ใหญ่รอนานแล้ว” “รอไม่ไหวก็ให้เขากลับไปยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี” จะอะไรกันนักกันหนาแค่เรื่องแต่งงาน “วันนี้น้องพายสวยมากเลยนะคะถ้าไม่มาเห็นจะไม่มีบุญตาแน่” เอวารินทร์วางสายทันที หมั่นไส้พี่ชายตัวเองทีกับผู้หญิงร้ายๆ กลับเดินเข้าหา “นายหญิงบอกว่าถ้าไม่ไปตอนนี้จะให้นายใหญ่จัดการเจ้าพยัคฆ์ขั้นเด็ดขาด” พายุเข้ามารายงานไทเกอร์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาคมดุสบตากับคนพูดนิ่งสนิทเขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา เขาก็วางแฟ้มในมือลงบ
ไทเกอร์เดินตามพรพระพายเข้ามาในร้าน สายตาของพนักงานต่างพากันจ้องมองพรพระพาย บางคนก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูป สิ่งที่เขากลัวคือจะมีข่าวของเขาหลุดออกไป “หากว่ามีข่าวของผมหลุดออกไปร้านของคุณจะเหลือไว้แต่ชื่อ!” เขาข่มขู่พร้อมลากหญิงสาวเข้าไปในห้องลองชุด ซึ่งเขาไม่คิดจะเลือกชุดด้วยซ้ำ “ชุดนี้หล่อดีนะครับ” พายุบอกเจ้านายที่นั่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร “พวกนายเลือกมาสิว่าอันไหนดี” เขาเปิดแท็บเล็ตนั่งอ่านงาน โดยไม่ยอมหันมองชุดที่ลูกเลือก “ผมว่านายน้อยมาลองใส่ดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าเหมาะมั้ย” “มึงว่ากูไม่หล่อเหรอ?” เขาใส่อะไรก็เหมาะทั้งนั้น “เปล่าครับผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้” เขาหมายถึงว่าชุดจะเหมาะกับชุดของเจ้าสาวหรือไม่ “เอาสีดำนั่นแหละเลือกๆ มา” เขาไม่สนใจสักพักประตูอีกห้องก็เปิด พร้อมกับร่างคนตัวเล็กกว่าเขาเดินออกมาในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด พรพระพายก้าวออกมาช้าๆ ด้วยท่าทีสง่างาม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายดวงตาของไทเกอร์หยุดอยู่ตรงหน้าเธอทันทีแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่การ
คฤหาสน์หลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดที่ประดับไว้รอบบ้านอย่างประณีต พรพระพายก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดด แต่เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ของว่าที่เจ้าบ่าวหญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองของบ้านหลังนั้นอัญญากำลังนั่งจิบชารออยู่บนโซฟาไม้สัก แววตาเฉียบคมแต่นิ่งสงบพรพระพายเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้อย่างสุภาพ“สวัสดีค่ะคุณป้าพายขอโทษด้วยนะคะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาด้วย” พรพระพายส่งยิ้มให้แม่ของเขา ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างกับไทเกอร์อัญญารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าหญิงสูงวัยดูเคร่งขรึมในตอนแรก แต่แววตาไม่ได้แฝงความรังเกียจแม้แต่น้อย“ไม่เป็นไรลูกเรียกแม่ว่าคุณแม่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ”“ค่ะคุณแม่” พรพระพายยิ้มเก้อ ๆ นิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าเสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง ก่อนหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งจะวิ่งเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแม่อัญญาอย่างสนิทสนม“ขอโทษค่ะเอวาไปเปลี่ยนเสื้อช้านิดหน่อย พี่เอวาค่ะยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่สะใภ้”พรพระพายหันไปมองยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
สตูดิโอเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งเช้า พรพระพายนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ เธอสวมเพียงเสื้อคลุมผ้าซาตินบางเบาชุดจริงอยู่ข้างใน ชุดถ่ายโฆษณาโลชั่นที่เผยผิวเนียนเปลือยช่วงไหล่และแผ่นหลังอย่างเย้ายวน“พร้อมนะ” เสียงตากล้องเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม นางแบบสาวยิ้มบาง ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เผยร่องไหล่พอดีแล้วก้าวเข้าไปกลางฉากสีขาวเธอเริ่มโพสต์ท่าลูบไล้โลชั่นลงบนผิวอย่างอ่อนช้อย นิ้วเรียวยาวแตะเนื้อครีมสีขาวมุกก่อนจะแตะลงบนต้นขาเนียนแน่น แล้วลากขึ้นถึงช่วงสะโพก ตากล้องกดชัตเตอร์รัว ใบหน้าพรพระพายยิ้มบาง ดวงตาออดอ้อนส่งให้กล้องอย่างมืออาชีพ แต่กลับไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังยืนมองอยู่หลังม่านด้านหลังทีมงานไทเกอร์ยืนกอดอกดวงตาดุดันจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวในฉาก ดวงหน้าเข้มเครียดขณะมองพรพระพายยิ้มหวาน ลูบไล้เนื้อโลชั่นลงบนต้นแขนเนียนนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้ตากล้องที่ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก“สุดยอดเลยน้องพายสวยมาก เซ็กซี่มาก!”คำพูดนั้นทำให้เขากัดกรามแน่น หัวใจเขาเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะความรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นแบบนี้ผู้ชายทั้งหมดในห้องนี้มองเธอเหมื
ไทเกอร์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้หนังแท้ สีดำเข้ากับบุคลิกดุดันของเขา แสงไฟสลัวทำให้รอยสักใต้ปลายแขนเสื้อดูน่ากลัวกว่าปกติ สายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวไล่ไถ่ตัวเลขบนกระดาษบัญชี รายได้ของกาสิโนประจำเดือน ไม่มีอะไรหลุดจากสายตาเขาได้ติ๊ง... ติ๊ง...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแผ่วเบา หน้าจอส่องแสงวูบวาบ แต่เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองปล่อยให้เสียงนั้นดังไปอย่างน่ารำคาญ“จะโทรอะไรนักหนา” เขาสบถเบาๆ ในลำคอ ขณะยังจดจ่ออยู่กับตัวเลขตรงหน้า ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดอย่างนอบน้อม ร่างสูงของมือขวาคนสนิทของไทเกอร์ ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“นายน้อยครับ...” เขาเดินตรงเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้ แต่ไทเกอร์ไม่รับปรายตามอง“บอกนายใหญ่ไปว่าฉันไม่ว่าง!” เจ้าพ่อมาเฟียถอนหายใจหนักๆ ราวกับถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดใจ“แต่...”“ไทเกอร์นี่แม่เอง! ไม่ใช่ป๊า” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ผู้หญิงที่เขากลัวที่สุดคือแม่“ครับคุณแม่ ผมคิดถึงที่สุดเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นอกจากแม่ก็มีน้องสาวที่เขารักมากที่สุด รองลงมาก็เป็นพ่อที่ไม่ค่อยถูกกับเขาเท่าไรนัก“ไทเกอร์กลับบ้านเดี๋ยวนี้เป็นคำสั่ง”“ครับผมจะกลับ...” เขายังพูดไม
ห้องใต้ดินลับในกาสิโนหรูหราใจกลางเมือง ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดและแสงสลัวจากหลอดไฟเพียงดวงเดียวที่แกว่งไกวเหนือเพดาน สายโซ่ที่ถูกพันไว้แน่นหนาบนข้อมือเปื้อนเลือดของชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงกระทบพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ ดวงตาเขาเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว เหงื่อกาฬไหลอาบขมับทั้งที่อากาศเย็นยะเยือกเสียงรองเท้าหนังราคาแพงก้าวลงบันไดอย่างหนักแน่นเป็นจังหวะทีละขั้น ราวกับเสียงของยมทูตที่กำลังจะเดินเข้ามาเอาวิญญาณเงาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดำสนิทปรากฏขึ้นจากเงามืด ผิวเข้มดุดัน ใบหน้าคมสันไร้รอยยิ้ม ดวงตาคมกริบเปรียบเหมือนเสือที่พร้อมขย้ำทุกอย่างที่ขวางทางเขาคือ ไทเกอร์ หรือที่คนในวงการใต้ดินเรียกเขาว่า เสือดำแห่งกรุง มาเฟียผู้ควบคุมอำนาจเหนือทุกอย่างตั้งแต่กาสิโนสนามแข่งรถ ไปจนถึงตลาดค้าอาวุธระดับโลกแต่สิ่งเดียวที่ไทเกอร์ไม่แตะต้องคือยาเสพติดและการค้ามนุษย์ เพราะเขามีน้องสาวและแม่ที่เขารักที่สุด เขาทำใจไม่ได้หากจะเห็นผู้หญิงถูกย่ำยีแบบไม่เต็มใจ“ขอร้องผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ!” เสียงชายที่นั่งกองอยู่บนพื้นร้องโหยหวน ร่างกายเขาสั่นสะท้านทั้งจากความหนาวและความหวาดกลัวไทเกอร์หยุดยืนตรงหน้าชายคนน