หญิงสาวมองธามจากกระจกมองหลัง เห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนจนกระทั่งรถของเธอเลี้ยวมาอีกด้าน ทำให้มองไม่เห็นเขาแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็กรี๊ดออกมาลั่นรถเพื่อระบายความอัดอั้น
“อีตาบ้า อีคนหน้าตาย คิดจะอ่อยฉันเหรอ เชอะ! ไม่สำเร็จหรอกย่ะ รอให้ฉันตัดใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นเมื่อไร ต่อให้มากอดแข้งกอดขาฉันก็จะเชิดหน้าให้คอเคล็ดไปเลย ฮึ!”
ทีตอนที่เธอวิ่งตามเขา เขากลับไม่เคยแยแส แต่พอเธอตั้งใจว่าจะเลิกแคร์ เขากลับตามตอแยเธอไม่เลิก
เมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียม พลอยพัดชารีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่เตรียมชุดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงไม่เสียเวลากับการเลือกชุดที่จะใส่ไปงานปาร์ตีคืนนี้
หญิงสาวเลือกบิกินีลายดอกลิลลี่สีชมพูพื้นดำ เครื่องสำอางต้องเป็นแบบกันน้ำเพราะงานนี้มีการกระโดดลงสระกันแน่นอน จากนั้นก็หยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งมาสวมใส่ เพราะคงเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ส่วนผ้าผูกเอวที่เอาไว้คลุมสะโพกค่อยเอาไว้ไปใส่ที่งาน รวมไปถึงดอกกล้วยไม้สำหรับทัดหูนั่นด้วย
“เฮ้อ...ทำไมฉันสวยอย่างนี้เนี่ย” พลอยพัดชาหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่ แต่พอเหลือบมองนาฬิกาก็ตาลีตาเหลือกรีบวิ่งออกมาจากห้องนอน
หลังจากเช็กทุกอย่างจนมั่นใจแล้วว่าไม่ลืมอะไร พลอยพัดชาก็รีบออกจากห้องพักเพื่อไปบ้านใหญ่ทันที
เมื่อก่อนตอนที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่พลอยพัดชาอาศัยอยู่กับพวกท่าน โดยมีจินตวาตีอาศัยอยู่ด้วยกัน ทว่าหลังจากที่เสียพวกท่านไป หญิงสาวก็ไม่สามารถอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้อีก เพราะกว้างใหญ่เกินไป ความทรงจำและช่วงเวลาดี ๆ ที่มีต่อบิดามารดาตลอดสิบกว่าปีก็มีมากเกินไป เธอจึงขออนุญาตผู้เป็นน้ามาอาศัยคอนโดมิเนียมอยู่เพียงลำพัง
เมื่อพลอยพัดชาย้ายออกไป จินตวาตีจึงใช้บ้านหลังใหญ่ให้เป็นประโยชน์กับงานของตน ซึ่งเธอเองก็ไม่ขัดข้อง ทั้งยังเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะอย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็จะได้มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย และจะได้มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะเพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับตัวบ้าน ดีกว่าที่จะต้องปล่อยไว้เฉย ๆ ให้ความเงียบเหงาเข้ามายึดครอง
พลอยพัดชามาถึงบ้านใหญ่ในเวลาสิบแปดนาฬิกาตรง หญิงสาวจอดรถได้ก็รีบหอบข้าวของทั้งหมดที่เตรียมมาเข้าไปในบ้านเพื่อคุยกับฝ่ายที่รับหน้าที่จัดงานเลี้ยงทันที
ขณะที่เธอกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่นั้น หางตาก็เหลือบเห็นร่างสูงโปร่งของใครบางคนกำลังยืนกอดอกและมองมาทางตนอยู่ เธอจึงหันไปมองยังทิศทางนั้น แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดี ซึ่งเธอจำได้ว่าเขาคือนักแสดงหนุ่มที่จินตวาตีกำลังดันให้โด่งดังเป็นพลุแตกเหมือนพระเอกคนก่อน ๆ
“สวัสดีครับคุณพลอย ได้เจอตัวจริงสักที”
พลอยพัดชาได้แต่ยิ้มและค้อมศีรษะให้เขา แต่ไม่คิดหยุดคุยด้วยเพราะเธอต้องทำเวลา คิดในใจว่าตอนเริ่มงานก็คงได้คุยกันอยู่ดีเพราะคนมาร่วมงานก็มีแต่คนกันเอง และคนในวงการที่สนิทสนมกันเท่านั้น
จะว่าไปแล้วพลอยพัดชาก็เหมือนคนในวงการบันเทิงเข้าไปทุกที เพราะหญิงสาวรู้จักดารานักแสดงหลายคนมาก โดยเฉพาะเด็กในสังกัดของจินตวาตีไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพราะเวลามีงานถ่ายแบบโดยใช้สตูดิโอของที่บ้าน หรือเวลามีซ้อมการแสดง ถ้าเธอกลับมาบ้านทีไรก็มักเจอเหล่าดาราทั้งหลายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เสมอ
แต่กระนั้น ไม่ว่าชั้นล่างของตัวบ้านจะทำเป็นพื้นที่สำหรับสายงานของจินตวาตีไว้มากมายแค่ไหน แต่ชั้นบนก็ยังถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพลอยพัดชากับจินตวาตีเสมอ เพราะห้องนอนส่วนตัวของหญิงสาวและของบิดามารดาก็ยังคงปิดไว้ตามเดิม ส่วนจินตวาตีนั้นพักอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ได้พักที่อื่น
พลอยพัดชาใช้เวลาเตรียมงานกับฝ่ายจัดงานประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็รีบวิ่งขึ้นห้องนอนของตนเพื่อไปแต่งตัวให้เข้ากับธีมงาน เพราะเวลานี้เริ่มมีแขกมาร่วมงานกันเยอะพอสมควรแล้ว
หญิงสาวถอดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดออกจนเหลือแต่บิกินี หยิบผ้าคลุมสะโพกมาผูกเป็นปมไว้ที่สะโพกซ้าย นำดอกกล้วยไม้มาทัดหูด้านขวา หลังจากที่ตรวจความเรียบร้อยของตัวเองดีแล้วจึงพับเสื้อยืดใส่กระเป๋าสานที่เตรียมมา จากนั้นก็ออกจากห้องแล้วปิดล็อกมันไว้ตามเดิม
“อุ๊ยตายแล้ว นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็น้องพลอยนี่เอง แหม วันนี้สวยเซ็กซี่ไม่แพ้ใครเลยนะหนู” เจสซี ช่างแต่งหน้าชื่อดังเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลอยพัดชาจึงยกมือไหว้
“แหมพี่เจสซีขา ถ้าพลอยไม่แต่งให้สวย พลอยก็สู้นาง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้น่ะสิคะ ดูสินั่น มีใครยอมใครที่ไหน” หญิงสาวพยักพเยิดไปทางสระว่ายน้ำ เพราะบริเวณนั้นมีแต่นักแสดงสาวสวยทั้งนางเอกนางร้ายในสังกัดของจินตวาตีอยู่กันพร้อมหน้า
“ก็จริงค่ะคุณน้อง งานนี้ไม่เกิดก็ดับ แต่พี่ว่าคุณน้องน่ะเกิดแน่นอน เฮ้อ...เสียดายจริงเชียว ทำไมเจ๊จินนี่ไม่เอาหนูเข้าวงการนะ”
“พลอยเป็นดาราไม่ได้หรอกค่ะพี่เจสซี ต้องดูแลงานของครอบครัวน่ะ”
เรื่องนี้เธอคุยกับจินตวาตีไว้แล้วตั้งแต่บิดามารดาจากไป เพราะเธออยากใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสานต่อพัดชา เจมส์มากกว่า หากเธอเป็นดาราหรือเข้าวงการบันเทิง คงไม่มีเวลามาดูแลงานตรงนี้แน่
“พี่รู้ อ๊ะจริงสิ อาทิตย์หน้าพี่อาจจะรบกวนน้องพลอยให้ช่วยเลือกแหวนให้แม่ของพี่หน่อยนะ แต่พี่จะเข้าไปที่ร้านของหนูวันไหนแล้วพี่จะโทร. บอกอีกทีละกัน”
“ได้เลยค่ะพี่เจสซี พลอยจะลดพิเศษให้พี่เลย เราออกไปข้างนอกกันดีกว่าค่ะ”
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพราะนอกจากอาหารรสเลิศแล้ว จินตวาตียังจ้างบาร์เทนเดอร์จากบาร์ชื่อดังมาผสมเครื่องดื่มให้ในงานด้วย ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของสาว ๆ ที่มาร่วมงานกันมาก
“เป็นไงบ้างยะ หล่อนกับพี่ธามน่ะ” นลินทราถามเบา ๆ หลังจากที่ได้อยู่กันสองคน
“ก็ไม่เป็นไงนี่ ฉันพูดคำไหนคำนั้นย่ะ บอกว่าไม่ไปหาเขาฉันก็ไม่ไปจริง ๆ นะแก ฉันยังแปลกใจตัวเองเลยว่าทำไมคราวนี้ฉันใจแข็งได้” พลอยพัดชายิ้มอ่อน สีหน้ารำคาญเต็มกลืนของธามในวันนั้น เธอยังจำได้จนวันนี้
“ก็ดีแล้ว ให้เขาเป็นฝ่ายวิ่งตามแกซะบ้าง”
นลินทราพูดประโยคนี้ออกมา พลอยพัดชาจึงอดหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างจับผิดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายพูดราวกับว่าไปรู้อะไรมา
“ยายนิ้ง แกพูดเหมือนกับว่าพี่ธามเขาชอบฉันก็เลยมาตามตอแยฉันอย่างนั้นแหละ” แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่พลอยพัดชาก็อดนึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของธามในช่วงหลังมานี้ไม่ได้ เพราะนอกจากเขาจะเป็นฝ่ายรุกเธอก่อนแล้ว ชายหนุ่มยังโทรศัพท์มาหา รวมถึงส่งข้อความมาคุยกับเธออีกด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนเขาแทบไม่เคยส่งมาก่อนเลยสักครั้ง เว้นเสียแต่ว่ามีเรื่องด่วนหรือจำเป็น
นลินทรามองหน้าพลอยพัดชานิ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเหมือนตัดสินใจเรื่องอะไรบางอย่างได้
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ละ ถ้าฉันบอกว่าพี่ธามเขาเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วละ แกจะว่ายังไง”
พลอยพัดชาแทบสำลักค็อกเทลที่ดื่มเข้าไป ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก แกเอาอะไรมาพูด หรือว่าคุณซีบอกแกมาอย่างนั้น แหม...เดี๋ยวนี้สนิทกันเนอะ ไปไหนมาไหนด้วยกันจนฉันเห็นแต่ข่าวซุบซิบของหล่อนเต็มหน้าฟีดไปหมด”
ยังไม่ทันที่สองสาวจะได้คุยอะไรกันต่อ สายตาของพลอยพัดชาก็เห็นชายหนุ่มที่เอ่ยปากทักตนเมื่อช่วงเย็นกำลังเดินมาทางที่ตนกับนลินทรานั่งอยู่
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&