เสียงหวานครางแผ่วระโหยหวังจะเรียกสติ แต่คนที่เมาทั้งเหล้าเมาทั้งรักหรือจะฟัง มือของเขาเคล้นคลึงดอกบัวตูมที่ชูช่ออย่างเมามัน ก่อนที่ริมฝีปากชุ่มชื้นจะครอบครองปลายยอดทรวงและดูดดื่มความหวานจนเธอผวาไปทั้งร่าง สมองขาวโพลนจนเผลอตัวแอ่นกายป้อนให้เขาชิม
หูแว่วได้ยินเสียงห้าวครางกระเส่าอย่างพอใจ หัวใจไม่รักดีก็เต้นรัวแรงไม่ยั้ง
‘วินนี่ สวยมาก สวยทั้งตัวเลย’ เตชิตากัดริมฝีปากแน่น อารมณ์รัญจวนเกือบหายเมื่อได้ยินชื่อหญิงอื่นจากปากเขา
‘พี่เจ! นี่แตมค่ะ ไม่ใช่พี่วินนี่ แตมเอง อ๊ะ! อื้ม...”
หญิงสาวเอ่ยไม่ทันจบก็ต้องผวาสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่เคลื่อนต่ำลงไปที่จุดศูนย์กลางร่างสาว ก่อนที่จะกรีดกลีบกายอันบอบบางจากกันเพื่อสำรวจความพร้อม และเขาก็คลี่ยิ้ม ดวงตาฉ่ำเยิ้มมีเสน่ห์ทอประกายวาวอย่างพอใจ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายพรักพร้อมสำหรับเขาแล้ว
‘พี่เจ...อย่า!” เตชิตากรีดร้องเบาๆ เมื่อถูกปลายนิ้วเรียวยาวสะกิดเบาๆ ที่เกสรสาวสะพรั่ง จนเธอสั่นสะท้านไปทั้งกาย เพราะเขาคลึงขยี้มันจนน้ำหวานในกายซึมออกมาล้นปรี่ เจษภัทรยิ้มร่าเมื่อเห็นภาพอันแสนรัญจวนตรงหน้า เขาไม่รอช้าหรือหยุดคิดที่จะลิ้มลองมันด้วยริมฝีปาก
‘อร้ายยยย...’ เสียงหวานกรีดร้อง ร่างกายบดส่ายด้วยความซ่านเสียวยามที่ถูกจ้วงชิมด้วยปลายชิวหาอย่างเร่าร้อน มือบางจิกที่เส้นผมของเขาไว้อย่างลืมตัว
‘คนดีของพี่’ คำชมของเขาช่างหวานหู ชวนให้เธอเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงจนปัดสติรู้ผิดชอบชั่วดีหายไป เหลือแต่ความต้องการทางธรรมชาติที่ก่อตัวสูงขึ้นทุกที
เธอต้องการเขา เธออยากเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ
เจษภัทรพรมปลายลิ้นระรัวพร้อมกับส่งปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางรักอันแสนคับแคบและอบอุ่น เรียกเสียงครวญครางไม่เป็นภาษาแต่ฟังแล้วเซ็กซี่ปลุกเร้าอารมณ์พิศวาสในกายเขาได้อย่างดียิ่ง
‘พี่เจขา...แตมไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย...’ เตชิตาหอบสะท้าน ปากก็พร่ำบอกเขาอย่างลืมอายให้เขาช่วยปลดปล่อยเธอจากความทรมานที่อัดอั้นในร่างกายนี้เสียที
เจษภัทรกระตุกยิ้มมุมปากก่อนที่จะเร่งมือปลุกปั่นเล้าโลมเธออย่างหนักหน่วงกว่าเดิม จนกระทั่งอารมณ์หวามของหญิงสาวพุ่งทยานขึ้นจนถึงจุดสูงสุดและระเบิดพร่างพร้อมกับที่ร่างกายเธอกระตุกถี่ยิบ คายน้ำหวานทะลักออกมาให้เขาเก็บชิมจนอิ่มหน่ำ เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับความสุขสุดยอดของวัยสาว
‘อ๊ะ!’ หญิงสาวสะดุ้งวาบเมื่อเขาชักปลายนิ้วออกจนเกิดเสียงอันชวนใจหวิว และผละถอยห่างไปจนเธอรู้สึกวูบโหวงในอกใจหายแปลกๆ สองมือเอื้อมไปไขว่คว้าอย่างลืมอาย
‘พี่เจ...’
เจษภัทรไม่ได้หายไปไหน เขาเพียงผละไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนโถมเข้าหาเรือนร่างอันน่าปรารถนาของเธออีกครั้ง
‘พี่อยู่นี่’ เขาเอ่ยเสียงพร่า นัยน์ตาที่มองมาหวานฉ่ำและเซ็กซี่ที่สุด เตชิตามองเรือนกายแข็งแกร่งของบุรุษตรงหน้าอย่างเขินอาย
เจษภัทรเป็นนักบาสของโรงเรียน และชอบเล่นกีฬาทำให้เขามีรูปร่างแข็งแรงเซ็กซี่ แถมมีกล้ามหน้าท้องที่แน่นหนั่นน่ามองเป็นที่สุด แต่สิ่งที่ชวนให้แก้มใสๆ ของเธอร้อนวาบๆ คือสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายที่น่าเกรงขามต่างหาก
เตชิตารีบเบือนสายตาหลบด้วยความเขินปนกระดากอาย แต่เขากลับเชยคางเธอไว้ ให้หันกลับมา พร้อมกับจูบซับที่ริมฝีปากอันแสนหวานจนอารมณ์รัญจวนของเธอทำงานอีกครั้ง
หญิงสาวรีบผวาโอบกอดร่างเขาไว้อย่างโหยหา ความสุขล้ำที่เขามอบให้ยังอวลในร่างไม่จางหาย แต่เธอยังต้องการอะไรที่มากกว่าจากเขา แล้วก็สมใจเมื่อเขาหยิบยื่นโอกาสนั้นมาให้อย่างไม่หวงของ
‘อร้ายยย...’ เตชิตาจิกแขนเขาไว้ด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างกายถูกสิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่โตกว่าปลายนิ้วดันแทรกเข้ามาจนคับแน่น ‘พี่เจ...แตมเจ็บ เอาออกก่อน อื้อ...’
เจษภัทรกัดฟันแน่น เมื่อสัมผัสรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยถูกใครล่วงล้ำร่างกายแสนหวานนี้มาก่อน เขาเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินั้น ความรู้สึกภาคภูมิใจบังเกิดขึ้นพร้อมกับความฮึกเหิม ที่อยากจะมอบประสบการณ์ครั้งแรกให้เธอประทับใจ
ชายหนุ่มก้มลงมาจูบซับที่ริมฝีปากนุ่มหวานและดูดดึงมันเล่นจนอีกฝ่ายเริ่มผ่อนคลาย จนลืมไปว่าส่วนล่างกำลังถูกลุกล้ำเข้ามาทีละนิดๆ มันทรมานก็จริง แต่หากผลีผลามเขาเกรงว่าเธอจะเจ็บปวดจนเข็ดขยาดในรสรัก
‘อ๊ะ! อร้ายยยย’ เตชิตาสะดุ้งสุดตัว เมื่อรับรู้ถึงความใหญ่โตที่ดันเข้ามาจนสุดความยาวที่มี เธอจิกแขนเขาสุดแรง น้ำตาไหลพรากเมื่อสำเหนียกได้ถึงสิ่งที่สูญเสียไป แต่เพราะเป็นเขาที่เธอรัก มันจึงไม่ใช่การถูกบังคับขมเหง แต่เป็นเธอที่เต็มใจมอบให้เขาเป็นคนแรกและคนเดียว
เจษภัทรจูบซับน้ำตาให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเลื่อนไปจูบที่ริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม พร้อมกับขยับกายเข้าออกอย่างเนิบนาบเพื่อให้เธอคุ้นชิน และเรียนรู้บทเรียนรักครั้งแรกที่เขาพร่ำสอน จนกระทั่งความเจ็บปวดจางหายไป เหลือไว้แต่ความซ่านเสียวที่เกิดขึ้น จากนั้นชายหนุ่มจึงเริ่มเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นเข้าหา
“พ่อเจ...” ราวกับหัวใจที่แห้งแล้งได้น้ำชโลม เจษภัทรรู้สึกอุ่นวาบในอก หัวใจพองโต ก่อนอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน“ครับคนเก่ง พ่อเจพ่อของลูกชิ้น พ่อขอโทษนะที่ทำงานเสร็จช้า แต่ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกกับแม่แตมไปไหนอีกแล้ว พ่อรักลูกนะครับ”เตชิตามองภาพนั้นอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกของเธอก็ได้มีพ่อกับเขาเสียที“จริงๆ นะครับ พ่อเจห้ามโกหกนะ”“ไม่โกหกครับ”“เย้! ลูกชิ้นมีพ่อแล้ว ลูกชิ้นรักพ่อเจที่สุดเลย”“เดี๋ยวนะ แล้วแม่ล่ะครับ” หญิงสาวแกล้งแหย่ลูกชายตัวแสบ“ลูกชิ้นรักทั้งพ่อเจ รักทั้งแม่แตม รักมากที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อและแม่อย่างมีความสุขสองปีต่อมา...ร้านก๋วยเตี๋ยวโกวีในวันหยุดมีลูกค้าคึกคักกว่าปกติ เจ้าของร้านแม้จะอายุเกือบหกสิบปีในอีกไม่กี่วัน แต่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แต่ที่ทำให้ขายดีเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้มีเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์มาช่วยงานก็เป็นได้“หมี่เหลืองแห้งโต๊ะสี่ได้แล้ว” พอขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็เข้ามารับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาวใหญ่ที่นั่งส่งตาหวานให้วิ้งๆ“ดูสามีเธอสิยัย
“ตาภาส”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรหันไปมองตาม พลางคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้พบอดีตศัตรูหัวใจ“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมารับวินนี่ไปทานข้าวครับ” คนพูดหันไปสบตาแขกที่นั่งอยู่ พลางพยักหน้าให้นิดๆ “ไม่พบกันนานนะคุณเจ สบายดีเหรอ”“ครับ” เจษภัทรรับคำ น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นอีกฝ่าย กลับรู้สึกเหมือนโล่งราวยกหินออกอก“ใครไปตามยัยวินนี่มาที บอกว่าพี่ภาสมารับแล้ว” คุณวิมาดากระวีกระวาดต้อนรับแขกผู้มาใหม่ราวกับต้องการให้เห็นว่าเธอไม่ได้แยแสอดีตคนรักของลูกสาวแม้แต่น้อยรอเพียงไม่นานวินรดาก็เดินลงมา หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ภาสกร แต่พอเห็นหันมาเห็นใครอีกคน ยิ้มหวานก็ลบเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชา“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”“พี่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้ว” เจษภัทรยกยิ้ม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรยามได้เห็นวินรดาเดินไปควงแขนชายหนุ่มอีกคนแสดงความสนิทสนมอย่างออกนอกหน้าผิดกับวินรดาที่หวังจะได้เห็นสีหน้าของผู้พ่ายแพ้เหมือนครั้งอดีตที่เธอเคยบอกเลิกกับเขาเพื่อคบกับภาสกร แต่ทว่าก็ต้องแอบผิดหวังและขัดใจนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าผิดหวังเสียใจอย่างที่เธอต้องการเห็น ต
นายวีระหายใจฮึดฮัด ร่ำๆ อยากจะเอาเลือดหัวอีกฝ่ายออกให้สมอยาก ยิ่งเห็นลูกสาวสุดที่รักเข้าไปประคองและช่วยซับเลือดให้อีกฝ่าย ก็ยิ่งขัดตาขัดใจ“ยัยตาล พาน้องขึ้นห้องไปก่อน”“พ่อคะ...”เตชิตาร้องเรียกอย่างกลัวใจ ตาแลไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งยอมรับความผิด สภาพเขาตอนนี้อาจแค่ปากแตกสะบักสะบอม แต่หากเธอยอมขึ้นห้องไปตามที่พ่อสั่ง ไม่แน่ว่าตอนลงมาอาจพบเขานอนเป็นศพแล้วก็ได้“ถ้าพ่อจะลงโทษพี่เจ งั้นก็ลงโทษแตมด้วยอีกคนเถอะค่ะ หากเรื่องนี้จะมีใครผิด เราสองคนก็คงผิดเท่าๆ กัน หรือไม่แตมก็ผิดมากกว่า”เจษภัทรหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างกายเขาด้วยสายตาห่วงใย“แตม อย่าทำแบบนี้”“พี่เจไม่เคยรู้ว่าแตมท้อง ตอนเกิดเรื่องเขาเคยขอรับผิดชอบแล้ว แต่เป็นหนูที่ปฏิเสธเขา”“แล้วทำไมตอนนั้นลูกไม่บอกพ่อสักคำ”“แตม...” เจษภัทรกดสายตามองหญิงสาวพลางส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปสบตาพ่อของเธอ“เพราะตอนนั้นผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองครับ”ทุกคนมองสองหนุ่มสาว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าระเบิดจะลง“คนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองงั้นเหรอ” นายวีระทวนคำเสียงเยาะ “แล้วตอนนี้เกิดฉลาดขึ้นมาแล้วหรือไง”“เปล่าครับ แค่เพิ่งรู้ใจ
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับคุณหมอที่ออกมาแจ้งผลด้วยสีหน้าอิดโรย“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เตชิตาพุ่งไปเป็นคนแรก“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องได้เลือดจากคุณพ่อที่มีกรุ๊ปเดียวกัน ไม่งั้นคงแย่ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากเสียด้วย” ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”“กำลังนอนพักอยู่ในห้องบริจาคเลือดข้างๆ กันครับ เพราะให้เลือดไปเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกเดี๋ยวก็คงฟื้น”“งั้นฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ” คุณหมอพยักหน้าอนุญาต แต่ให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวภาพคนตัวเล็กนอนเหยียดบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยาง ทำให้คนเป็นแม่ใจแทบสลาย สีหน้าลูกแม้ซีดเผือด แต่เตชิตารู้ว่าลูกรักปลอดภัยแล้ว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกายให้เห็น หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆในนาทีแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด“แตม...ลูกเป็นยังไงบ้าง...”เสียงนั้นอ่อนระโหย แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจที่สุด เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจมาตลอดนิ่งค้าง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดแนบอกเสียงห
คุณวิมาดาหันไปถามกับสามี แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเพราะไม่รู้เช่นกัน“ว่าไงนะ ใครถูกรถชน เด็กที่ไหน...”เสียงซุบซิบเริ่มลามมาทางแถวหน้าอย่างรวดเร็ว และกระเด็นเข้าหูเจ้าภาพบนเวที พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปที่ข้างเวทีด้านที่นายชิษณุนั่งพร้อมกระซิบบอก“มีลูกของแขกที่มางานถูกรถชนหน้าโรงแรมค่ะ”“ตายจริง ลูกของแขกคนไหนกัน” คุณวิมาดาที่ได้ยินพลอยตกใจ“เห็นว่าเป็นแขกของคุณชิษณุ เด็กคนนั้นชื่อลูกชิ้นค่ะ!”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรสะดุ้ง ใจหายวาบ“ว่าไงนะ เด็กชื่ออะไรนะ”“ชื่อน้องลูกชิ้นค่ะ”“ลูกชิ้น!”ร่างสูงใหญ่ผุดลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบข้างๆ พลอยตกใจ หันมาขึงตาใส่“พี่เจจะทำอะไรคะ ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว จะไปไหน” วินรดากัดฟันถาม ตามองแขกเหรื่อที่เริ่มมองมาทางเวทีเป็นตาเดียว“ตาเจ ลูกอยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อไปดูให้เอง” นายชิษณุที่เห็นท่าไม่ดีรีบอาสา“ไม่ครับพ่อ ผมจะไปดูลูกเอง”“ลูก!” วินรดาเผลอตัวรีบคว้าแขนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มไว้ “ลูกใครคะ”“ลูกชิ้น! ลูกชายของพี่!”วินรดาอ้าปากค้าง ส่วนคนบนเวทีพลอยตกอกตกใจกับประโยคนั้น คุณวิมาดาลมแทบใส่“ละ...ลูกชายพี่งั้นเหรอคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทุกอย่างตอนนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณกำลังจะได้สมหวังกับผู้หญิงที่คุณรักมาตลอด ส่วนฉันก็พอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง งั้นอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลยนะคะ ดึกแล้วคุณควรกลับไปพักผ่อน ส่วนฉันก็ควรต้องกลับเหมือนกัน”“แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปที่งานหรือเปล่า” อะไรบางอย่างทำให้เขาหลุดปากถามออกไป“ฉันรับปากพี่วินนี่ไว้แล้วว่าจะไปค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกนะคะ เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็นห่วง ลา...อุ๊บ!” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาเสียก่อนจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของเขาสะกดตรึงเธอไว้ ราวกับปลดชนวนระเบิดในหัวใจที่แสนอัดอั้น หากนี่คือจูบอำลา เธอก็ขอเห็นแก่ตัวทำตามที่หัวใจไม่รักดีต้องการเป็นครั้งสุดท้ายบ้างเจษภัทรเลิกคิ้ว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนที่ตอบกลับมา ความรู้สึกหวานที่คละเคล้าความเศร้าอวลในรสจูบนี้ จนนึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มตัดใจถอนริมฝีปากออกเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่รินอาบแก้มของอีกฝ่าย“แตม...พี่...”“ครั้งก่อนพี่ทิ้งกันไปโดยไม่ได้บอกลา งั้นครั้งนี้แตมขอเป็นฝ่ายบอกพี่เอง...ลาก่อนนะคะพี่เจ