วันนี้เป็นวันที่กัญญานันไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยในชีวิต แม้จะเคยฝันไว้ว่าอยากใส่ชุดเจ้าสาวในแบบไหน แต่ไม่เคยคิดว่าเจ้าบ่าวของตนจะเป็นใคร หน้าตาแบบไหน และยิ่งเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา สมบัติพัสถาน ทั้งยังฉลาดเฉลียว มีความสามารถโดดเด่นหลายอย่างดังเช่นที่เขาเคยแสดงให้เธอได้เห็นในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือนที่ได้รู้จักกันอย่างเปรมินทร์ เธอยิ่งไม่เคยนึกฝัน แม้รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในวงจรชีวิตของเธอก็ตาม กระทั่งทุกสิ่งล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ วันที่เธอต้องมาเป็นเจ้าสาวของเขา
เวลานี้เธอกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ของทางฝ่ายเธอและเปรมินทร์ มือของเธออยู่ในมือหนาแข็งแรงของอีกฝ่ายขณะที่เขากำลังสวมแวนให้เธออย่างแผ่วเบา เนื้อแหวนที่เย็นเฉียบทำให้กัญญานันรู้สึกหนักอึ้ง หญิงสาวเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาพร่ามัว ยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนช้อยในขณะที่เขาเองก็รับไหว้เธอตอบ กัญญานันจำต้องข่มน้ำตาที่เอ่อคลอเอาไว้ แม้ใครหลายคนอาจจะมองว่าเจ้าสาวกำลังตื้นตันกับวันวิวาห์แสนหวานก็ตาม
ใช่ว่ากัญญานันจะรังเกียจเปรมินทร์จนถึงขั้นไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกับชายหนุ่มได้ แต่เธอถูกบีบบังคับจนไม่เหลือทางให้เลือกเดิน งานแต่งงานนี้เธอไม่อาจตัดสินใจด้วยตัวเองได้ นั่นคือเหตุผลแห่งความเก็บกดที่อัดแน่นอยู่ในจิตใจ
สองวันหลังจากได้รับโทรศัพท์เธอก็ถูกเรียกตัวกลับไปกรุงเทพฯ ทั้งผู้เป็นพ่อและพี่ชายพูดคุยกับเธออย่างเคร่งเครียด สายตากดดันเป็นความนัยจากมารดาทำให้กัญญานันจำต้องก้มหน้ายอมรับทุกอย่างและคงเป็นครั้งแรกที่กัญญานันเห็นคุณรุจีรัตน์ยิ้มอย่างภาคภูมิกับการกระทำของเธอ
พิธีถูกจัดขึ้นสองสถานที่ แบ่งเป็นพิธีหมั้นช่วงเช้าจัดแบบเรียบแต่หรูเชิญเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่และญาติพี่น้องที่สนิทกัน ที่วังอรรถพันธ์พงศ์ จากนั้นก็จะบินขึ้นเหนือทันทีเพื่อเดินทางไปจัดงานแต่งกันบนไร่ภูศรีจันที่เชียงราย
เมื่อพิธีช่วงเช้าเสร็จสิ้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ นับตั้งแต่กัญญานันรู้ว่าเจ้าปัทมาดารามาสู่ขอเธอให้เปรมินทร์หญิงสาวกับชายหนุ่มก็ยังไม่ได้คุยกันอย่างจริงจังสักครั้ง จะมีทักทายกันบ้างในตอนที่สองครอบครัวพูดเรื่องกำหนดการต่างๆ
ชุดเจ้าปัทมาดารากับคุณรุจีรัตน์ก็เป็นคนจัดการให้โดยที่ทั้งเธอและชายหนุ่มเพียงเลือกแบบแล้วก็ไปลองเท่านั้น เรื่องของชำร่วยเธอกับเขาคิดเห็นเหมือนกันว่าให้ผู้เป็นแม่เลือกให้ กัญญานันกับเปรมินทร์จึงไม่ยุ่มย่าม ส่วนเรื่องการ์ดนั้นเนื่องจากอยู่กันคนละจังหวัดและเวลากระชั้น จึงใช้วิธีเดินสายพร้อมกับบิดามารดาแทน เป็นงานแต่งงานที่เกิดขึ้นเร็วจนน่าใจหายสำหรับกัญญานันเลยทีเดียว
แม้จะคิดว่าพิธีหมั้นช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี เธอไม่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับเปรมินทร์มากนัก แต่พอขึ้นเครื่องร่างสูงกำยำก็นั่งลงเคียงข้าง อาการเกร็งเกิดขึ้นกับร่างอรชรทันที แถมชายหนุ่มยังหันมายิ้มให้พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้จนเธอผงะ มือหนาเอื้อมมาหาจนเธอรีบคว้ามือเขาเอาไว้แล้วก็เห็นว่าเขากำลังจับเข็มขัด
“คาดไว้”
เปรมินทร์พูดพร้อมกับล็อกเข็มขัดกับหน้าท้องของหญิงสาว สัมผัสที่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจทำให้เขารู้สึกแปลบปลาบขึ้นมาตามผิวเนื้ออย่างรุนแรงจนต้องเกร็งข้อมือ รักษาสีหน้าให้นิ่งขรึมทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบคลั่งเพราะร่างบางหอมกรุ่นในชุดไทยจักรีสีนวลตาพอดีกับรูปร่าง เผยสัดส่วนงดงามอ้อนแอ้นที่เห็นแล้วทำเอาเขาเกือบจะยกมือขึ้นไปคว้าเธอมากอดแนบอกเมื่ออยู่กันสองคน แต่อาการของกัญญานันที่เขาสังเกตเห็นได้ทำให้ไม่อยากวู่วาม รู้ดีว่าเธอถูกรวบรัดจากเจ้าแม่ของเขาจึงอดสงสารไม่ได้
นิ้วเล็กจิกลงบนมือเขาด้วยความเกร็ง แถมยังทำเหมือนจะขยับตัวถอยหนีทั้งที่ไปไหนไม่ได้แล้ว เหงื่อซึมขึ้นมาน้อยๆ บนขมับและไรผมของเธอ เปรมินทร์จ้องตาคู่หวานนิ่งแม้ว่าจะละมือจากเข็มขัดไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อของตนก็ตาม จากนั้นจึงบรรจงแตะซับให้หญิงสาวแผ่วๆ
“คุณควรพักผ่อนแล้วก็ทำใจให้สบายๆ ดีกว่า อย่าไปคิดอะไรมาก เดี๋ยวก็ต้องเหนื่อยกับงานแต่งอีก”
ชายหนุ่มกระซิบบอกเสียงทุ้มน่าฟัง
กัญญานันเพิ่งมารู้ตัวว่ากำลังกลั้นหายใจก็ตอนที่เขาซับผ้าเช็ดหน้าข้างขมับเธอ หญิงสาวผ่อนออกมาเบาๆ ขณะเริ่มคลายอาการเกร็งกล้ามเนื้อ แต่อาการปวดเมื่อยคงมาจากที่เธอเกร็งระหว่างงานหมั้นที่ผ่านมา ร่างอรชรผ่อนหลังลงกับพนักพิงหลังจากที่เขาซับหน้าเสร็จแล้ว ตาของทั้งคู่ยังสบกันนิ่ง หากในคนละความหมาย ดวงตากลมโตคู่หวานสับสนวุ่นวาย ส่วนตาคมสีน้ำตาลเข้มนั้นนิ่งลึก เดาอารมณ์ความรู้สึกได้ยากยิ่ง
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ”
เมื่อการจ้องตาไม่ช่วยให้เธอเข้าใจในความคิดของอีกฝ่ายกัญญานันจึงเอ่ยถามในที่สุด
“ถ้าคุณเปิดใจ คุณก็จะเข้าใจ”
เปรมินทร์บอกขณะไล้แก้มเนียนใสปราศจากเครื่องสำอางที่เธอล้างออกจนหมดแผ่วเบา แล้วเกลี่ยผมที่ตกลงมาระใบหน้าสวยหวานแสนตราตรึงให้กลับไปอยู่ด้านหลัง ผมเธอยังชื้นหน่อยๆ เพราะคงสระล้างการตกแต่งในตอนเช้าออกไป แต่นั่นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง
“คุณน่าจะเป่าผมให้แห้งก่อนนะ เดินทางไปเจอคนละอากาศแบบนี้จะไม่สบายได้ บนภูหนาวออกคุณก็รู้”
เขาดุเบาๆ ด้วยคำพูดหากแต่ไม่ไปถึงดวงตาคมที่นิ่งลึกนั้น และมันก็ทำให้กัญญานันที่หน้ากำลังร้อนผ่าวเพราะสัมผัสบางเบาของเขาต้องหน้าแดงเรื่อยิ่งขึ้น แปลกใจที่ถูกเขาดุแท้ๆ แต่เธอกลับเขินอายขึ้นมาแทนที่จะไม่พอใจ หญิงสาวจึงเพียงก้มหน้าหลบสายตาของชายหนุ่มเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด ทว่ากลับต้องเกร็งทั้งร่างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีลมหายใจร้อนผ่าวแตะลงมาที่ข้างหูพร้อมเสียงทุ้มนุ่มกระซิบตามมา
“แกล้งทำไม่รู้ชี้แบบนี้ ลืมไปแล้วหรือไงว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปคุณต้องอยู่กับผมแค่สองคน”
กัญญานันไม่ได้หันกลับไปมองคนพูด เพราะรู้ว่าหน้าเขาอยู่ใกล้หน้าเธอมาก ไม่รู้ทำไมสำหรับเปรมินทร์แล้วยิ่งใกล้เธอยิ่งอยากหลบ แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ใจมากมายเพราะเขาเพียงหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วถอยไปคาดเข็มขัดให้ตัวเองนั่งตัวตรงและไม่พูดคุยกับเธออีก
================
ในที่สุดงานแต่งงานในแบบล้านนาแท้ก็ผ่านพ้น หลังจากกัญญานันต้องนั่งเคียงข้างเจ้าบ่าวสุดหล่อของตนเป็นเวลาเนิ่นนาน ทั้งพิธีเรียกขวัญและผูกข้อมือเนื่องจากแขกเหรื่อผู้ใหญ่ของทั้งสองค่อนข้างมาก และก่อนหน้านี้หญิงสาวกับชายหนุ่มยังนั่งรับคำสั่งสอนและให้พรของพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายที่เข้ามาส่งตัวในห้องหอ ทำเอากัญญานันถึงกับเหน็บกินลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว เมื่อบานประตูปิดลงความเงียบก็เข้ามาปกคลุมภายในห้อง รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กระทบผิวจนขนลุก
เรือนหอของทั้งคู่คือบ้านบนภูหมอกซึ่งเป็นบ้านของชายหนุ่มเอง แม้งานพิธีจะจัดขึ้นที่บ้านในไร่ภูศรีจันทว่าการส่งตัวมีขึ้นที่นี่ และก็มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่เดินทางขึ้นมา โดยทุกคนจะพักกันในบ้านพักตากอากาศของเจ้าปัทมาดาราที่อยู่ห่างออกไป
“ผมช่วยไหม”
เสียงทุ้มของเปรมินทร์ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างๆ ขยับตัวไม่ได้และจับที่ขาตัวเอง หากก็ไม่พูดหรือแสดงออกว่าตนเองกำลังลำบากจนเขาต้องเอ่ยปาก
“เอ่อ ไม่...”
กัญญานันส่ายหน้าอย่างเกรงใจพร้อมกับจะปฏิเสธ ทว่าอีกฝ่ายกลับถอนหายใจแล้วโน้มร่างเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป สองแขนกำยำสอดใต้แผ่นหลังกับเข่าของหญิงสาวแล้วอุ้มร่างอรชรในชุดสวยแบบล้านนาขึ้น
“อุ๊ย...”
หญิงสาวอุทานขึ้นมาเมื่อถูกยกอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชายหนุ่มพากัญญานันไปวางลงให้เธอนั่งบนเตียงพร้อมกับดุเบาๆ
“ตอนแรกผมแค่จะช่วยพยุง แต่คุณก็คงไม่ยอม ทั้งที่แค่ขยับก็เจ็บแล้วยังจะดื้ออีก แบบนี้แหละง่ายดี รอคุณยอมคงยาก ผมไม่อยากให้นั่งอยู่บนพื้นนาน เดี๋ยวจะไม่สบาย อากาศที่นี่ยิ่งดึกยิ่งหนาวจับใจ”
ร่างสูงกำยำในชุดเจ้าบ่าวล้านนาสีขาวอมเหลืองนวลถอยออกมานั่งลงไม่ห่างจากร่างบางมากนัก สายตาจับอยู่ที่ดวงหน้าหวานของคนที่เอาแต่ก้มหน้าหลบตาเขามาทั้งวัน ก่อนจะกวาดมองทั่วร่างแบบบางที่อยู่ในชุดสวยสีงาช้าง ผิวขาวผ่องที่โผล่พ้นเสื้อเกาะอกกับสไบสั้นพาดเฉียงนั้นดูเนียนน่าลูบไล้แตะต้องยิ่งนัก หากแต่เขาก็ยังอยากให้เธอได้ทำใจและเตรียมพร้อมมากกว่าจะรีบรุกในตอนนี้ เขายังมีเวลาอีกทั้งคืน แถมจะเกงานต่ออีกสักสองสามวันก็ไม่มีใครว่า ในเมื่อกำลังอยู่ในช่วงเวลาหวานชื่นของคู่แต่งงาน เปรมินทร์คิดอยู่ในใจแล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้น
“คุณนั่งพักให้หายก่อนก็แล้วกันนะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”
คำบอกของเขาทำให้คนที่นั่งนิ่งตัวเกร็งเพราะการใกล้ชิดกันหันมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่ได้เอ่ยถามซึ่งเปรมินทร์ก็จ้องกลับด้วยแววตาคมล้ำลึกมีความหมาย ทว่าเพราะเขายิ้มขำท่าทางของเธอกัญญานันจึงขมวดคิ้วไม่พอใจแทนที่จะสังเกตสายตาคู่คม
“หนาวไหม เอาผ้าห่มไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณมักจะตอบอย่างนี้เสมอนั่นแหละ เอาเถอะ ถ้าหนาวก็ห่มผ้านะ ผมอาบไม่นาน แล้วจะผสมน้ำอุ่นไว้ให้ ได้นอนแช่น้ำคุณจะได้สบายตัวขึ้น เมื่อยมาทั้งวันแล้ว”
ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มบางให้กัญญานันก่อนจะหันไปหยิบรีโมตทีวีมากดเปิด แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบจับของด้วยท่าทางสบายๆ ไม่เคอะเขินแถมยังดูไร้กังวลต่างจากเธอลิบลับ ลับแผ่นหลังของร่างสูงกำยำหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปมองทีวีตรงปลายเตียง คิดว่าเขาคงไม่อยากให้เธอเหงาจึงเปิดทิ้งไว้ให้ ทว่าจิตใจของกัญญานันแทบจะไม่อยู่ที่มันสักนิด
สำหรับเธอแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันกะทันหันและไม่ง่ายเลยที่จะเปิดใจแล้วเข้าใจได้ทุกอย่างตามที่ชายหนุ่มบอก เพราะยังมีปมขัดแย้งในใจทำให้ตะขิดตะขวงอยู่ อย่างน้อยเปรมินทร์ก็มีคนที่คบหาอยู่ด้วยแล้ว
เธอต้องการความกระจ่างมากกว่าคำบอกเล่าสั้นๆ ของเขา แม้อาจไม่ได้คิดถึงประโยครักหวานชื่น ทว่าอย่างน้อยก็เรื่องผู้หญิงคนนั้น แม้วันนี้วันนิสาไม่ได้ปรากฏตัวในงาน แต่เจ้าปัทมาดาราก็แนะนำเธอกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน ‘งามฟ้อน’ ของเธอกับเพื่อน และบอกว่าท่านคือพ่อของวันนิสา เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง คงเสียใจมากจนไม่อาจมาร่วมยินดีในงาน
อีกทั้งคำพูดของลัลนาผู้เป็นพี่สาวซึ่งบินกลับมาร่วมงานด้วย ก็ยิ่งทำให้กัญญานันอดเก็บมาคิดอย่างไม่สบายใจไม่ได้
‘ไม่น่าเชื่อว่าคุณมินทร์จะหล่อ สมาร์ต เร้าใจขนาดนี้ น่าเสียดายจัง รู้ไหมว่าก่อนหน้านี้คุณแม่ไปหาฉัน บอกว่าอยากให้ฉันมาเจอเขา แต่ฉันไม่อยากเป็นเครื่องมือให้คุณแม่เอามาขายกินแบบเธอ หึ...เธอควรจะขอบใจฉันนะยายก้อย เพราะฉันยอมถอย เธอถึงได้สามีหล่อเลิศ มองแล้วน้ำลายหกสุดๆ แบบนี้ เชอะ’
หมายความว่าคุณแม่ตั้งใจพาเธอมาเจอกับเปรมินทร์แทนพี่สาว ที่ท่านอยากช่วยหาที่ทางให้ก็เพื่อจะได้ติดต่อกับเจ้าปัทมาดาราเพื่อนเก่าของท่าน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มารดาเธอปูทางเอาไว้แล้ว เธอกับคนในครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อน นั่นทำให้กัญญานันยิ่งกังวลถึงอนาคตข้างหน้า ผู้เป็นแม่เคยพูดกับเธอแล้วว่าฐานะทางบ้านกำลังแย่ เธอต้องตกปากรับคำเรื่องแต่งงาน หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดลืมคิดถึงสิ่งรอบกาย กระทั่งเสียงทุ้มแกมดุเช่นเคยดังขึ้นใกล้ตัว
“คุณนี่ยังไงนะ ตกลงต้องการให้ผมห่มผ้าให้ด้วยหรือไง ทำไมถึงนั่งกอดตัวเองตัวสั่นอย่างนี้ฮึ”
กัญญานันเพิ่งรู้ตัวเมื่อชายหนุ่มพูดขึ้น แล้วพอเงยหน้าก็เห็นอีกฝ่ายยืนกอดอกมองมาด้วยสีหน้านิ่ง ทว่าเห็นชัดว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ที่ทำเอากัญญานันอึ้งมองเขาตาโตหน้าเหวอก็ตรงที่อีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงขายาวแบบป้ายผูกเอวเพียงตัวเดียว ผมสั้นสีน้ำตาลเข้มสวยแบบไม่ต้องทำสีของเขาก็ถูกเสยยุ่งๆ ทั้งที่มันยังชื้นอยู่
=====
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให