ดอกฟ้าบอบบางหอมหวาน เบ่งบานล่อแมลงดอมดม สีสันงามล้ำชวนชม กลับถูกฉุดลงตมด้วยคนพาล “ไปไหนมาแต่เช้าเชียว” ใจดวงน้อยระทึกขึ้นกับความสนิทชิดเชื้อของเขา คิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจว่าเมื่อไรเธอจะทำใจได้สักที เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ ตัวสั่นใจสั่นทุกครั้งที่ชายหนุ่มแตะต้อง ทั้งยังรู้สึกร้อนวูบวาบบนเรือนกายรวมทั้งใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะกลิ่นกายบุรุษที่ไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดนอกจากพี่ชายก่อให้เกิดความหวามไหวแบบที่เธอไม่เคยรู้จัก ยิ่งตอนนี้ได้กลิ่นหอมของสบู่เหลวที่ตนใช้กับไอเย็นจากร่างสูงใจก็ยิ่งสั่น เปรมินทร์จับคนที่ทำตัวเกร็งพลิกให้หันหน้ามาหาเขาพร้อมกับอุ้มเธอขึ้น พาให้นั่งที่เตียงโดยให้ร่างอรชรอยู่บนตักของตน ก่อนจะเชยคางเล็กให้เงยขึ้นสบตาเขา “ผมถามว่าไปไหนมา” “ไปดูเพ็ญเตรียมอาหารค่ะ” ปากอิ่มสวยสีระเรื่อขยับเพียงน้อยนิดทั้งเสียงที่ตอบก็บางเบา หากชายหนุ่มก็ได้ยิน แม้ความสนใจของเขาจะหยุดอยู่ที่กลีบปากสวยมากกว่าสิ่งใดก็ตาม “ต่อไปตื่นมาต้องเห็นคุณอยู่บนเตียงกับผม” เพลิงแค้นในใจ 'เปรมินทร์' แผดเผา 'กัญญานัน' ด้วยไฟเสน่หา
View Moreอากาศเมืองเหนือที่มีฝนโปรยปรายเช้าจรดเย็นทั้งชื้นและหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ แม้แต่คนตัวโตยังต้องหาความอบอุ่นให้ร่างกาย หากร่างน้อยร่างหนึ่งกลับไม่อาจทำได้ แม้มันจะพยายามซุกตัวเข้าไปในกองขยะที่สุมรวมกันอยู่มุมหนึ่งของถนนอย่างเต็มความสามารถ ขณะแทะเล็มเศษกระดูกอย่างพอใจกับรสและกลิ่น
ทว่าเสียงฝีเท้ากับกลิ่นกระดูกไก่ย่างหอมๆ ที่ลอยมาใหม่ ทำให้เจ้าตัวน้อยมุดตัวโผล่ออกจากกองขยะด้วยความสนใจอย่างไม่แคร์ฝนฟ้าซึ่งเริ่มกระหน่ำมากขึ้น
คนที่กำลังเพิ่งทิ้งขยะลงถังและพยายามจะเก็บชิ้นอื่นๆ ที่หล่นบนพื้นผงะเล็กน้อย เพราะบางอย่างขยุกขยิกก่อนจะมีเจ้าตัวเล็กกระจ้อยสีเทาขมุกขมัว เลอะทั้งโคลนทั้งเศษอาหารโผล่มาตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทแป๋วแหววคู่เล็กจ้องมองมาพร้อมหน้าแหลมแหงนเงยเต็มที่
ใบหน้าสวยหวานราวนางฟ้าซ่อนอยู่ในฮูดกันฝนมองมันนิ่งชั่วครู่ แล้วมือเรียวบางจึงค่อยๆ ยื่นไปหามันพร้อมระบายยิ้มละไมบนริมฝีปากอิ่มสีเรื่อ เจ้าตัวเล็กเอียงคอมองมือนั้นอย่างไม่แน่ใจ แต่เพียงอึดใจเดียวมันก็เลียแผล็บที่นิ้วเรียว ดมฟุดฟิด ก่อนจะเลียซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น ระหว่างนั้นมือบางอีกข้างก็ค่อยๆ หยิบขยะรอบๆ เจ้าตัวเล็กใส่ถังจนหมด ร่างเล็กมอมของมันเปียกโชกเพราะฝนและกำลังสั่นเทา ขนสั้นๆ มอมแมมไม่ช่วยอะไร หญิงสาวรู้ว่าเจ้าตัวเล็กที่มีแค่หนังหุ้มกระดูกนี่อาจไม่รอดแน่ ถ้ามันยังต้องอยู่แบบนี้
“ก้อย รถที่บ้านมาแล้ว เร็วๆ เข้า”
เสียงหนึ่งเรียกมาจากด้วนหลัง ทำให้คนร่างบางหันกลับไปพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแล้วตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมรวบเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแนบอก และมันก็ร้องลั่นขึ้นทันที
“เงียบน่า ฉันไม่จับไปขายหรอก หมาพันธุ์ทาง ไม่ได้ราคา”
นิ้วเรียวสวยตีจมูกแหลมๆ ที่เงยขึ้นมาร้องใส่เธอราวกับประท้วงเบาๆ ขณะเอ่ยเสียงขำขัน
จากนั้นร่างบางอ้อนแอ้นก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนอีกสองคนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองสาวรูปร่างใกล้เคียงกับคนแรก ทั้งความสูงและขนาดตัว แถมยังผมยาวสลวยเกือบจะถึงบั้นเอวเหมือนกันหมด หากแต่ใบหน้าสวยงามไปคนละแบบ
“อะไรน่ะก้อย ทำไมมันสกปรกอย่างนี้”
คนที่เอ่ยถามเป็นสาวผิวขาวกระจ่างใส ตากลมโตน่ารักราวกับนางเอกในการ์ตูนตาหวาน ส่วนอีกคนที่รออยู่เป็นสาวสวยตาคมเฉี่ยว ผิวขาวเหลืองนวลลออ ใบหน้างดงามราวกับนางในวรรณคดี ทางด้านคนร่างบางที่กลับมาพร้อมเจ้าตัวน้อยแสนมอมในมือนั้นผิวขาวผ่องอมชมพู
“ก็มันอยู่กับกองขยะนี่นา ก้อยสงสารเลยพามาด้วย”
คนที่อุ้มเจ้าตัวน้อยแนบอกบอกเสียงอ่อย ขณะที่เพื่อนสองคนได้แต่ทำหน้าแหย ไม่ได้รังเกียจมันหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะกล้าอุ้มเจ้าตัวสกปรกเลอะเทอะนั่นด้วยมือเปล่า
“แต่ว่าพามันมาด้วยแบบนี้แล้วจะเอาไงดีล่ะคะ เราต้องไปบ้านสอง งานเสร็จก็ต้องบินกลับพรุ่งนี้แต่เช้า เอามันไปด้วยไม่ได้อยู่ดีนี่คะคุณก้อย”
พิมพ์ปรางถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เพราะก้อยสำหรับเพื่อนสนิท หรือที่คนอื่นๆ ต่างเรียกว่า กัญญา นั้น คือหม่อมหลวงกัญญานัน อรรถพันธ์พงศ์ เป็นบุตรสาวของหม่อมราชวงศ์พงศกร อรรถพันธ์พงศ์ ซึ่งคุณยายของเธอเป็นแม่นมของคุณชาย และเธอก็อยู่ที่วังของอรรถพันธ์พงศ์มาตั้งแต่เล็ก จนเป็นเพื่อนสนิทสนมกับคุณก้อยและเรียกติดปากเสมอมา
คนที่พาเจ้าตัวเล็กมาส่ายหน้ายิ้มแหยให้ มาธาวีสาวตาโตแวววาวราวการ์ตูนจึงหัวเราะขึ้นมาพร้อมพูด
“เอาอีกแล้วนะ นิสัยชอบช่วยชาวบ้านแบบไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนนี่เมื่อไรจะเลิกสักทีนะก้อย”
“ไม่รู้ล่ะ ก้อยทิ้งมันไม่ได้ จะเอาไงค่อยว่ากันอีกที”
กัญญานันทำหน้างอ พอดีกับที่รถจากบ้านพ่อเลี้ยงศรา คุณพ่อของมาธาวีมาจอดพอดี เพราะสาวๆ เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่หลังลงเครื่องก่อน แล้วนัดเวลากับจุดที่ให้มารับเอาไว้ เมื่อช็อปปิ้งกันจนพอใจแล้วจึงมารอเพื่อจะได้เดินทางไปยังบ้านพ่อเลี้ยงที่อยู่นอกตัวเมืองท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา ซึ่งขับรถต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเข้าเขตจังหวัดเชียงราย
รถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดก่อนที่ชายวัยกลางคนจะลงมา ทั้งสามสาวยกมือไหว้ขณะที่อีกฝ่ายก้มหัวให้แล้วช่วยพวกเธอเอาของไปเก็บในรถ เมื่อทั้งหมดขึ้นไปบนรถก็ทำจมูกฟุดฟิดเพราะกลิ่นแปลกๆ ทุกสายตามองมาทางกัญญานัน หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้พร้อมกับกอดเจ้าตัวน้อยที่ยอมซุกตัวหาความอบอุ่นแนบอก สองสาวที่เหลือต่างก็ส่ายหน้า ส่วนลุงคนขับทำหน้าฉงนแต่ก็ยิ้มให้แล้วหันไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยไม่ได้ซักถามเรื่องของผู้เป็นนาย
================
ร่างสูงเพรียวกำยำที่ดูแกร่งด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงเดินทอดน่องมองกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่สวยงามภายในเรือนเพาะกล้วยไม้ด้วยความสนใจ โดยมือข้างหนึ่งเกี่ยวเสื้อสูทพาดอยู่บนไหล่ อีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างสบายๆ ทว่าในสมองคิดถึงความเป็นไปได้ของผลกำไรจากการลงทุน หากเขาจะเพาะกล้วยไม้ขึ้นมาบ้าง มันสามารถเป็นอีกตัวเลือกให้กับลูกค้าของเขานอกจากกุหลาบที่ไร่ เขาจะเสนอทำเรือนเพาะกล้วยไม้กับพ่อดูและจะเป็นคนดูแลตรงส่วนนี้เอง แต่อย่างแรกคงต้องขอคำแนะนำจากพ่อเลี้ยงศราเสียก่อน
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านนอก ฝนที่เพิ่งหยุดไปทำให้สนามหญ้าชุ่มน้ำ ทว่าทางเดินมีหินปูห่างๆ ตามระยะก้าวจึงไม่จำเป็นต้องกังวล ขายาวก้าวช้าๆ เพื่อกลับเข้าไปในส่วนจัดงานเลี้ยง หลังฆ่าเวลารองานเริ่มจนสมควรที่จะกลับแล้ว
วันนี้มีงานเลี้ยงใหญ่ฉลองวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของพ่อเลี้ยงศรา และท่านเพิ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แม้พ่อเลี้ยงศราจะไม่ต้องการให้มีงานเลี้ยงเอิกเกริกใหญ่โต ทว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรมที่คนในจังหวัดต่างก็นับหน้าถือตามากมายหลายคนต่างต้องการมาร่วมยินดีจึงไม่อาจเลี่ยงได้ ชายหนุ่มเองก็มาพร้อมกับผู้เป็นแม่ ซึ่งก็คือ เจ้าปัทมาดารา
ศิริจันทร์ ณ ภูศรีจัน ที่รู้จักนับถือกันมานานกับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเป็นอย่างดี แม้เจ้าแม่ของเขาจะอยู่ที่เชียงรายก็ตาม
เพราะความสนิทสนมที่มีทำให้เจ้าแม่ของเขาอยากมาช่วยงานเร็วๆ ลูกอย่าง เปรมินทร์ ศิริจันทร์ ณ ภูศรีจัน คลากสัน จึงจำต้องติดตามมาด้วยก่อนงานเริ่ม ส่วนผู้เป็นพ่อคือนาย เฮนรี่ คลากสัน ต้องเคลียร์งานก่อนแล้วจะตามมา
เปรมินทร์เดินมาถึงทางเชื่อมไปเรือนครัวซึ่งกำลังวุ่นวาย แล้วก็ได้ยินเสียงที่ดึงความสนใจให้หันมอง
“คุณกัญญาเจ้า กำเดียวงานก่อจะเริ่มแล้วน่ะเจ้า ปล่อยหมาน้อยก่อนเต๊อะเจ้า มันมอมขนาด ชุดงามๆ เลอะหมดแล้วน่ะเจ้า”
“ไม่เลอะหรอกค่ะ ก้อยระวังอยู่ แต่ก้อยอยากอาบน้ำให้มันหน่อยน่ะค่ะ”
“บ่ต้องดอกเจ้า ข้าเจ้าอาบหื้อมันเองดีกว่าเจ้า คุณกัญญาปิ๊กหลังเวทีเต๊อะเจ้า”
แววตาคมพานพบกับภาพที่ไม่อาจดึงสายตากลับมาได้ หญิงสาวรวบผมขึ้นสูงไปมวยประดับปิ่นระย้ามากมายเอาไว้เผยดวงหน้ากระจ่างหวาน แม้จะมีเครื่องสำอางแต่งแต้มหากก็ดูออกว่าเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพามัน เรือนร่างอ้อนแอ้นงามงอนอยู่ในชุดเกาะอกสีทอง มีเสื้อแขนกระบอกโปร่งใสผ่าหน้าคลุมทับอีกชั้น นุ่งซิ่นลายทองเงินสลับตามขวาง เข็มขัดทองคาดทับเอวคอดกิ่วเน้นทรวดทรงเปรมินทร์มองนิ่งและคิดว่าเขาอาจจะตาฝาด
นางฟ้าลงมาเดินบนดินหรืออย่างไร
หากแต่การพูดคุยที่เข้าหูอยู่ตลอดนั้นทำให้รู้ว่าเธอเป็นคนมีชีวิตจิตใจเหมือนๆ กับเขา จับต้องได้ ทุกอย่างในตัวเธองามเลิศ ทำเอาเขาหยุดทอดสายตามองเพลิน ทว่ากลับมีบางอย่างขัดตา
สุนัขน้อยมอมแมมที่เธออุ้มอยู่
เปรมินทร์อยู่ในมุมที่มีพุ่มไม้จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา แถมคนงานหลายคนต่างก็วุ่นวายกับงานของตนเองเพื่อจะได้ทำทุกอย่างให้ทันเวลา ไม่มีใครสนใจสิ่งรอบข้างมากนัก
“ก้อยเกรงใจน่ะค่ะ กำลังยุ่งกันอยู่เลย”
“บ่เป็นหยังเจ้า ส่งหมาน้อยมาหื้อข้าเจ้าเต๊อะ คุณกัญญาล้างไม้ล้างมือเต๊อะเจ้า”
“จะดีเหรอคะ ก้อยกลัวจะรบกวนน่ะสิคะ”
เสียงแสนหวานไพเราะถามอย่างเกรงใจ จนเปรมินทร์อดเหล่มองลูกสุนัขในมือเธอไม่ได้ จะว่าไปแล้วความน่าเกลียดของมันก็น่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย เพราะมีสาวสวยจะอาบน้ำให้เองกับมือ
“บ่เป็นหยังเจ้า ข้าเจ้ามีหน้าที่คอยช่วยคุณสองกับเพื่อนอยู่แล้วเจ้า”
“ขอบคุณนะคะ”
สาวสวยบอกพร้อมกับส่งลูกสุนัขมอมแมมแทบจะไม่เห็นสีจริงของมันไปให้อีกฝ่าย
“ฟ้อนเสร็จแล้วข้าเจ้าจะเอามันไปหื้อน่ะเจ้า”
ใบหน้างดงามสลดลงมาเมื่อได้ยินคำบอก ก่อนจะพึมพำเบาๆ พร้อมมือก็ลูบหัวเจ้าตัวเล็กไปด้วย
“ก้อยยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะเอายังไงกับมันดี เอาขึ้นเครื่องกลับด้วยคงไม่ได้ แต่ถึงจะหาทางพามันไปด้วยได้ ที่หอก็ไม่ให้เลี้ยงสัตว์อยู่ดี”
“กะเจ้า?”
“ค่ะ”
เมื่อมาถึงตรงนี้สองสาวต่างก็หน้าเศร้าลง ก่อนจะคนงานสาวจะเสนอขึ้น
“บ่ต้องกึ๊ดนักดอกเจ้า บ่ดีคุณสองเปิ้นอาจจะฝากแม่เลี้ยงไว้ก่ะได้เจ้า”
“แต่...ก้อยเกรงใจ ก้อย...”
“ก้อย มัวทำอะไรอยู่ เร็วเข้า มานี่ เราต้องไปเตรียมตัวแล้ว”
พร้อมเสียงใสๆ ร่างบางในชุดสวยงดงามซึ่งต่างจากคนแรกก็ก้าวมาเร็วๆ ทั้งที่ผ้านุ่งทำให้ก้าวได้สั้นเธอก็เดินเร็วราวกับเคยชินเป็นอย่างดี ดวงหน้าใสที่ดูคุ้นตาของคนมาใหม่ทำให้เปรมินทร์พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร แม้ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เธอก็ดูไม่ค่อยเปลี่ยนไปมากนัก ยังตัวเล็กร่างบางเหมือนเดิม จะต่างไปคงเป็นสัดส่วนที่ดูสมวัยขึ้น
“ตายๆ มัวแต่มายุ่งกับหมาหน้ามอมนี่อยู่ได้ ไปล้างมือเลยเร็วเข้า”
มือบางของคนมาใหม่ดึงคนที่ตัวเองบ่นหมับแล้วลากไปทันที ไม่รอให้ทักท้วง ขณะที่สาวผู้มีใบหน้างดงามในความรู้สึกของเปรมินทร์ยังอุตส่าห์หันกลับมามองเจ้าลูกสุนัขตัวน้อยด้วยแววตาละห้อย
ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวแล้วก็หันกลับไปมองหน้าแหลมเล็กๆ ของสุนัขที่ดูสกปรกก่อนจะยิ้มมุมปาก คืนนี้เขาได้เจอนางฟ้าตัวจริงเข้าให้เสียแล้ว
=====
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให
Comments