“คุณกันต์จะให้เนยช่วยยังไงคะ”
“ผมอยากให้คุณไปทำงานที่โรงพยาบาลของผม”
“ทำงานที่โรงพยาบาลของคุณ”
“ใช่ครับ โรงพยาบาล XX คือกิจการของครอบครัวที่ผมดูแลอยู่”
“คุณต้องล้อเนยเล่นแน่ๆ ใช่ไหมคะ”
“เปล่านะผมพูดจริงนะเนย ผมขอโทษที่ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าครอบครัวของผมทำธุรกิจอะไร”
“เพราะกลัวว่าเนยจะหวังผลประโยชน์จากคุณใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างผิดหวัง
“เปล่าเลยนะ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกล่ะคะ”
“ผมกลัวว่าพอคุณรู้แล้วคุณจะไม่คุยกับผมเหมือนเดิม”
“ทำไมต้องไม่คุยด้วยล่ะคะ”
“บางคนมองว่าผมต่างจากเขา”
“ต่างยังคะ”
“ก็เรื่องฐานะและสังคม ถ้าคุณรู้คุณจะยอมรับผมเป็นแฟนไหมล่ะครับ บางที่คุณอาจไม่ให้ผมเป็นเพื่อนเลย”
“คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ”
“ตอนผมเรียนหมอพอเพื่อนรู้ว่าผมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขาเกรงใจผมมากขึ้น ความสนิทก็หายไป”
“อะไรนะคะ คุณเรียนหมอ เนยไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนดีระหว่างครอบครัวคุณเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกับเรื่องที่คุณเรียนหมอ”
“ผมรู้ว่าเรื่องที่บอกมันน่าตกใจแต่เนยจะไม่โกรธใช่ไหม”
“มันก็น่าโกรธนะคะ คุณหลอกให้เนยหลงกลยอมรับปากไปช่วยงาน”
“ผมไม่คิดจะหลอกอะไรคุณเลยนะ ผมจะบอกคุณหลายครั้งแล้วแต่ทุกครั้งที่เจอกันเราก็คุยกันเรื่องอื่นตลอด”
“แล้วทำไมถึงบอกวันนี้ล่ะคะ ที่บอกเพราะเนยตกลงเป็นแฟนคุณหรือเปล่า”
“ผมตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานตอนที่ไลน์ไปถามว่าคุณว่างช่วงเย็นไหม แต่พอเราจะมาเที่ยวด้วยกันผมเลยตัดสินใจพูดเรื่องของเราก่อน”
“ทำไมไม่บอกก่อนว่าเป็นใครแล้วค่อยขอเป็นแฟนล่ะคะ”
“ผมกลัวเนยจะปฏิเสธ”
“ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบผู้ชายรวยๆ อยู่แล้วนะคะ ถ้าเนยรู้ว่าบ้านคุณรวยเนยอาจจะรีบเป็นแฟนคุณก็ได้นะคะ”
“นั่นไม่ใช่นิสัยของคุณ”
“คุณรู้ได้ยังไง เนยก็เหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ชอบคนรวย”
“ระยะเวลาที่ผมรู้จักคุณมันก็นานพอที่ให้ผมรู้จักนิสัยของคุณนะเนย คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยรู้จัก เรื่องที่คุณคุยกับผมไม่เคยมีเรื่องเงิน เรื่องเที่ยวหรือของฟุ่มเฟือยอะไรเลย คุณคุยแค่เรื่องงานและคนไข้เท่านั้น คุณไม่เคยถามว่าที่บ้านผมทำธุรกิจอะไร คุณยินดีช่วยผมทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยากให้คุณช่วยทำอะไร”
“แล้วคุณอยากให้เนยไปช่วยจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ตอนนี้โรงพยาบาลกำลังต้องการทั้งหมอและพยาบาลมากๆ จะฟูลไทม์หรือพาร์ทไทม์เราก็รับหมด ขนาดจบใหม่เรายังรับเลยนะ ขอแค่มีใบประกอบวิชาชีพ เนยตกลงแล้วนะว่าจะไปช่วย”
“ตกลงว่าจะช่วยค่ะ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ ตารางเวรเดือนหน้าออกมาแล้ว ถ้าจะไปสมัครงานก็คงรอเป็นเดือนถัดไป”
“แค่รู้ว่าคุณจะไปสมัครผมก็ดีใจแล้ว ผมจะบอกฝ่ายบุคคลไว้นะ”
“เนยอยากไปสมัครเองมากกว่าค่ะ อยากให้เขารับเพราะความสามารถมากกว่าค่ะ หรือคุณคิดว่าเขาจะไม่รับ”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมแค่อยากมั่นใจว่าคุณจะไม่หลอกให้ผมดีใจเก้อ”
“ไม่หรอกค่ะ เนยเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น”
“ผมไม่ผิดหวังเลยที่ได้รู้จักคุณ”
“แต่เนยยังไม่รู้จักคุณดีเท่าไหร่ อยากเล่าเรื่องของตัวเองให้เนยฟังบ้างไหมคะ”
“ได้สิ เราหาที่นั่งกันก่อนได้ไหมล่ะเรื่องของผมมันยาวมาก”
“เล่าตอนนั่งรถกลับก็ได้ค่ะ”
“จะกลับแล้วเหรอ”
“นี่มันก็เกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วนะคะ กว่าจะถึงก็น่าจะดึก”
“ผมลืมดูเวลาไปเลย พรุ่งนี้คุณทำงานไหมครับ”
“พรุ่งนี้เนยเข้าเวรบ่ายต่อดึกค่ะ” หญิงสาวพูดขณะเดินตามเขามาที่รถ
“หมายถึงลงเวรตอนเช้าเหรอครับ” พีรกันต์ถามหลังจากขึ้นรถและขับออกมาจากชายหาดชะอำ
“ค่ะ”
“เวรคุณหนักน่าดูเลยนะครับ”
“ค่ะ พยาบาลในแผนกลาพักร้อนค่ะ คนที่เหลือก็เลยทำงานกันหนักขึ้น”
“แล้วคุณพักร้อนตอนไหน”
“ยังไม่ได้วางแผนเลยค่ะ”
“ถ้าวางแผนจะหยุดหรือไปเที่ยวไหนอย่าลืมเอาผมเข้าไปอยู่ในแผนของคุณด้วยนะครับ”
“ถ้าคุณว่างตรงกับเนยก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ”
“ผมหาเวลาว่างได้ตลอดแค่เนยบอก”
“งานบริหารไม่หนักเหรอคะ ถึงได้มีเวลามาเจอเนยบ่อยๆ”
“หนักครับ บางครั้งผมก็ออกมาเจอเนยแล้วกลับไปทำงานต่อ”
“คุณคงเหนื่อยแย่”
“ไม่หรอกครับ การได้ออกมาเจอเนยได้มากินข้าวด้วยกันนั่งคุยกันมันทำให้ผมหายเหนื่อย เหมือนมาชาร์ตแบต”
“ไม่นึกเลยว่าคนช่างพูดอย่างคุณจะเป็นถึงผู้บริหาร”
“แล้วผู้บริหารต้องเป็นแบบไหมล่ะ”
“ก็มาดนิ่งๆ ดูเป็นผู้ใหญ่แต่คุณไม่ใช่แบบนั้นเลย เราเจอกันครั้งแรกก็เป็นสถานบันเทิงและคุณยังมาทำเจ้าชู้อีก”
“ผมเป็นหุ้นส่วนที่นั่นก็เลยไปนั่งดื่มและนัดเจอเพื่อนประจำ”
“คุณทำให้เนยประหลาดใจอีกแล้วนะคะ”
“มีอีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวผม”
พีรกันต์เล่าเรื่องของตนเองให้กับรัญรวีฟังตั้งแต่เรียนแพทย์จนถึงการไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาอยากให้เธอรู้จักเขาทุกแง่มุม
“เสียดายไหมคะที่ไม่ได้ทำงานเป็นหมอ”
“ก็มีเสียดายบ้าง ถึงผมจะไม่เป็นหมอแล้วแต่งานที่ทำก็ยังเกี่ยวข้องกันอยู่ มันก็ดีนะครับเพราะตอนเรียนผมรู้จักคนเยอะ ตอนนี้ก็เลยชวนให้มาทำงานด้วยกัน บางคนก็มาทำพาร์ทไทม์แต่บางคนก็ยอมลาออกมาทำงานเต็มเวลา”
“ค่าจ้างคงแพงมาก”
“แพงก็ต้องยอมแลกครับเพราะผู้ป่วยเราเยอะขึ้นทุกวัน เราก็เลยต้องจ้างทั้งหมอและพยาบาลเพิ่ม”
“รุ่นพี่พยาบาลที่รู้จักเขาก็ไปรับขึ้นเวรที่นั่นอยู่หลายคนค่ะ บางครั้งก็รับเฝ้าไข้พิเศษ”
“ใช่ครับ เราต้องหารพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษมากเพราะผู้ป่วยของเราทุกคนต้องมีญาติมาเฝ้าใคร ถ้าญาติใครไม่สะดวกก็ต้องจ้างพยาบาลหรือไม่ก็ผู้ช่วยพยาบาล แค่ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะเลือกจ้างพยาบาลมากกว่า”
“แต่ก็ต้องแลกด้วยจำนวนเงินที่เยอะกว่าใช่ไหมคะ”
“ครับเพราะความเป็นเอกชนทุกอย่างก็ต้องแลกมาด้วยเงิน”
“แต่คนที่ใช้บริการก็คงเป็นคนที่มีฐานะระดับหนึ่ง”
“ใช่ครับบางคนก็ยินดีจะจ่ายเพราะเห็นถึงความสะดวกสบาย”
พีรกันต์คุยกับหญิงสาวมาตลอดทางเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุยเรื่องงานกับเขาได้นานเป็นชั่วโมง ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งได้เห็นถึงความแตกต่างของรัญรวีกับผู้หญิงที่เคยคบมา เธอดูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบและขยันทำงานมากๆ
“เราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ครับเนย” เขาถามเมื่อจอดรถที่หน้าหอพัก
“อีกหลายวันกว่าจะได้หยุดค่ะ”
“เย็นวันไหนคุณว่างบอกผมนะ จะได้มากินข้าวด้วยกัน”
“ดูคุณจะชอบกินข้าวร้านป้าแอ๋วนะคะ”
“ก็สมัยเรียนผมกินร้านนี้ประจำ”
“ถึงว่าวันนั้นคุณถึงหาร้านเจอ”
“คุณคงคิดว่าผมจะหาไม่เจอใช่ไหมล่ะ ถึงได้นัดร้านป้าแอ๋ว”
“เปล่านะคะก็แค่อยากพาคุณมากินร้านที่กินประจำ”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าตอนนั้นคุณคิดอะไร เพราะตอนนี้ผมกับคุณเป็นแฟนกันแล้ว ขอตารางเวรได้ไหม”
“จะขอไปทำไม”
“ผมจะได้รู้ว่าเวลาไหนโทรหาคุณได้บ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่รบกวนเวลางานของคุณเลย”
“ได้ค่ะเดี๋ยวส่งให้ทางไลน์นะคะ”
“คืนนี้ขอโทรหาได้ไหม คุณจะนอนดึกหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ ขับรถดีนะคะ ขอบคุณมากที่พาไปหาของอร่อยกิน”
“ยินดีครับคุณแฟน ผมไปก่อนนะ”
เกินจะทน (ตอบจบ)พีรกันต์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกจึงยอมปล่อยเลยตามเลย“ถ้าเขาไม่ยอมให้ตรวจมึงก็แอบตรวจสิ เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเรื่องแค่นิคิดไม่ได้”“แต่มันผิดกฎหมายนะ” นุกูลทนายหนุ่มพูดขึ้น“กูถามมึงหน่อยนะไอ้นุถ้ามึงเป็นไอ้กันต์มึงอยากจะรู้ไหมว่าเด็กที่เรียกว่าลูกน่ะเป็นลูกของมึงจริงๆ หรือเปล่า”“เป็นใครก็ต้องอยากรู้”“งั้นมึงก็เงียบไปเลยนะ” ธนวินท์หันมาทำตาดุใส่เพื่อน“ถ้ายังไม่อยากตรวจDNAก็ตรวจแค่กรุ๊ปเลือดก่อนก็ได้ มึงรู้ไหมน้องข้าวหอมกรุ๊ปเลือดอะไร”“กูไม่รู้แต่น่าจะมีในผลตรวจเลือด” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่ทางโรงพยาบาลส่งให้เมื่อครั้งก่อนพอเห็นกรุ๊ปเลือดของลูกสาวแล้วก็หน้าซีด“ไหนกูขอดูหน่อย” เมฆาคว้าโทรศัพท์ในมือเพื่อนไปดูจากนั้นก็เงยหน้ามองพีรกันต์แล้วนิ่ง“มึงเลือดกรุ๊ปอะไร”“AB” เขาตอบเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะถ้าเขาเลือดกรุ๊ปABก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ข้าวหอมจะมีเลือดกรุ๊ปO“นั่นมึงจะไปไหนกันต์” อธิษถามเห็นพีรกันต์ลุกขึ้น“กูจะไปถามหลินให้รู้เรื่อง”“ใจเย็นก่อน” เมฆาที่นั่งอยู่ใกล้ฉุดมือของพีรกันต์ให้นั
การอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไม่ง่ายเลยสำหรับพีรกันต์เพราะนอกจากเขาจะคอยดูแลข้าวหอมแล้วยังต้องคอยหลบหลีกลินรดาที่มักจะเข้าใกล้และยุ่งกับการใช้ชีวิตของเขามากกว่าที่คุยกันไว้“นี่มันดึกแล้วนะกันต์จะออกไปไหนอีก”“หน้าที่ของผมคือเล่านิทานและพาลูกเข้านอนตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้วผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม” พีรกันต์ตอบอย่างหัวเสีย“หลินอยากคุยกับคุณ ขอเวลาหลินได้ไหมเราไปคุยกันที่ห้องนะคะ”“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก”“ก็เรื่องของเรา”“ระหว่างผมกับคุณมีแค่เรื่องของลูก ไม่มีเรื่องของเราหรอกนะ”“คุณชวนหลินมาอยู่ที่บ้านแต่คุณไม่เคยสนใจหลินเลยนะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ คุณไม่มีใครหลินก็ไม่มีใครทำไมเราไม่ลองคุยกันอีกสักครั้ง”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าจะเป็นแค่พ่อของข้าวหอมที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย”“คุณจะกลับไปหาผู้หญิงที่ชื่อเนยเหรอคะ คุณคิดว่าเธอจะรอคุณเหรอ”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนยเพราะถึงไม่มีเนยผมก็คิดจะกลับไปคบกับคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ผมอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีของข้าวหอมเรื่องอื่นผมไม่อยากคิด”“หลินทำผิดอะไรคุณถึงไม่คิดจะกลับมาเป
“พี่กานต์มีเบอร์อาจารย์หมอศาสตราไหมขอผมหน่อยสิ”“มีสิ นายจะเอาไปทำอะไรหรือจะจ้างอาจารย์มาตรวจพี่ว่าอย่าเสียเวลาเลยพี่เคยชวนท่านหลายครั้งแล้ว”“เปล่าครับ”“แล้วจะเอาเบอร์ไปทำไมหรือมีใครป่วย”“ผมอยากปรึกษาท่าน”“กันต์มีอะไรหรือเปล่า หรือลูกไม่สบาย” เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเครียดคนเป็นมารดาก็ร้อนใจ“เปล่าครับแม่ คนที่ใม่สบายคือข้าวหอม”“อะไรนะ หลานแม่ป่วยเป็นอะไร”“เนยบอกผมว่าข้ามหอมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับแม่”“ป่วยถึงขั้นไหนแล้วตรวจเจอนานหรือยังรักษาไปถึงขั้นไหนแล้ว ต้องให้คีโมหรือเปล่า”“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับวันนี้ว่าจะพาข้าวหอมไปหาอาจารย์หมอ”“น่าสงสารจังตัวแค่นั้นก็ป่วยแล้ว กันต์ต้องดูแลลูกดีๆ”“ครับแม่”“คนที่บอกนายว่าข้าวหอมป่วยคือเนยเหรอ”“ครับพี่ เนยบอกผมเมื่อคืน”“แปลกดีนะทำไมคนที่บอกไม่ใช่แม่ของข้าวหอมล่ะ แล้วเนยไปรู้มาได้ยังไง”“ผมมัวแต่ตกใจเลยลืมถามเรื่องนี้ไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะจะรู้จากใครความจริงก็คือความจริง”“ถ้าต้องไปดูแลข้าวหอมบ่อยๆ กันต์ก็คุยกับหนูเนยให้เข้าใจนะลูก แบ่งเวลาให้ดี” เพราะคนหนึ่งก็หลานสาวอีกคนก็ว่าที่ลูกสะใภ้“คงไม่ต้องแล้วล่ะครับแม่”“ก
เพราะมีข้าวหอมมาอยู่ด้วยที่บ้านพีรกันต์เลยไม่คิดมากเรื่องรัญรวีเท่าไหร่จนกระทั่งผ่านไปสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมาพีรกันต์ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ววันนี้เขาจึงมาดักรอหญิงสาวตรงทางเดินระหว่างโรงพยาบาลกับคอนโดมิเนียม“เนย”“พี่กันต์” รัญรวีตกใจเพราะจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาจากมุมถนน“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”“เอาไว้คุยวันหลังดีไหมคะ ตอนนี้มันดึกแล้ว”“พี่ไม่อยากรอแล้วนะ สามวันมานี้เนยไม่ติดต่อพี่มาเลย”“เนยงานยุ่งค่ะ”“ไปนั่งคุยกันในรถก่อน”“แต่เนยจะกลับไปพักแล้ว”“จะไปดีๆ หรือจะให้พี่อุ้มไปละเนย"เพราะคำขู่ของเขารัญรวีเลยยอมเดินตามมาที่รถ เธอขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งแต่ความรู้สึกแปลกออกไปเพราะตอนนี้คนข้างกายของเธอไม่ใช่คนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยอีกต่อไปแล้ว“พี่กันต์จะคุยอะไรคะ”“เนยเป็นอะไร โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรผิดเหรอเนยถึงไม่ติดต่อพี่เลยแล้วยังเก็บของพี่ออกจากคอนโด”“พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เนยเองที่ผิด ผิดที่ไปรักคนมีเจ้าของอย่างพี่”“กำลังพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“ก็พี่กับครอบครัวของพี่”“ครอบครัวของพี่ก็คือเนย เราจะแต่งงานและร่วมสร้างมันด้วยกัน”“พี่กันต์ค่ะ
รัญรวีตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอในขณะที่พีรกันต์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวมองสภาพห้องนอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสุขที่เขามอบให้เมื่อคืนมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คำบอกรักที่เขากระซิบข้างหูเธอจำมันได้อย่างดีและจะจดจำมันไปตลอดว่าตนเองเคยมีความสุขมากแค่ไหนหญิงสาวเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจกร่างกายเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ มันตอกย้ำว่าเธอและเขาผ่านเรื่องบนเตียงมาแล้วอย่างเร่าร้อนแต่มันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพราะรัญรวีไม่คิดจะนอนกับใครอีกแล้ว การอยู่ตัวคนเดียวมันอาจเหงาแต่ที่ผ่านมาเธอก็เคยอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บของใช้ของพีรกันต์ลงกระเป๋าก่อนะจะเอาไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างและสั่งไว้แล้วว่าห้ามเขาขึ้นมาบนห้องเธออีก รหัสที่ประตูหน้าห้องถูกเปลี่ยน รัญรวีตัดการติดต่อทุกช่องทางเพราะกลัวว่าถ้าได้ยินเสียงของเขาเธอจะตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้หญิงสาวใช้เวลาว่างตลอดวันจัดห้องใหม่เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ก็จะคิดถึงเขา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ก็เป็นเวลาเย็น เธอทำอาหารจากของสดที่เหลืออยู่ในตู้จากนั้นก็นั่งทานคนเดียวเงียบๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นรีญ
พีรกันต์กอดกระชับร่างที่หอบเหนื่อยรอจนเธอหายใจเป็นปกติจากนั้นก็รีบอาบน้ำและเช็ดตัวให้เธอก่อนจะอุ้มมาวางบนเตียง“เนยจ๋า พี่ไม่ไหวขออีกคืนนี้ขอแรงหน่อยไหม” เพราะท่าทางยั่วยวนและลีลารักเมื่อครู่มันปลุกความดิบเถื่อนในกายเขาจนต้องเอ่ยขอ“เนยตามใจพี่กันต์ทุกอย่าง” เพราะนี่จะเป็นคืนสุดท้ายเธอก็อยากให้เขาทำทุกอย่างไปตามใจปรารถนา รัญรวีอยากเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาขึ้นไว้เป็นความทรงจำเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้นพีรกันต์ก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ปากร้อนจูบไปทั่วใบหน้าซอกคอดูดแรงจนขึ้นรอย รัญรวีทั้งเจ็บทั้งเสียวจนได้แต่ครางหวาน“อื้อ...พี่กันต์ขาจูบเนยหน่อยได้ไหม”ลิ้นร้อนสอดเข้าโพรงปากนุ่มตวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน เธอเองก็จูบกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิงทำให้เขาครางอย่างพอใจหญิงสาวหูอื้อตาลายไปกับปากร้อนที่จูบเบียดแนบชิด เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาพีรกันต์จูบจนพอใจก็ยอมให้ปากเล็กเป็นอิสระ เขาลากไล้ความเปียกชื้นมาตามผิวนุ่มขบเม้มแทะเล็ม ฝากรอยประทับไว้ทั่วเนินอกอิ่ม ตาคมมองยอดถันที่ชูชัน ลิ้นร้อนลากวนอย่างปลุกเร้าก่อนจะครอบครองเข้าอุ้งปากร้อน ดูดแรงอย่างคนกระหาย ยิ่งเธอแอ่นโค้งเข้าหาเ