“ถ้าผมพูดความจริงคุณจะเชื่อไหมล่ะ”
“ถ้ามันคือความจริงจะต้องกังวลทำไมว่าฉันจะไม่เชื่อล่ะคะ”
“ผมเป็นเพื่อนของลูกชายเตียง 18 คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกชายของคุณลุงไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง”
“ค่ะเขาส่งตัวแทนมาถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทนาย มันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณรู้จักฉันตรงไหนคะ”
“เขาส่งรูปให้ผมดู ในรูปถ่ายมีคุณอยู่ในนั้นด้วย”
“พอคุณเจอที่ผับคุณก็เลยจำได้เหรอคะ ฉันว่าคุณไม่น่าจะจำได้นะเพราะวันนั้นฉันแต่งหน้าเข้มมาก”
“เวลาที่เรารู้สึกชอบใครสักคนไม่ว่าเขาจะแต่งตัวหรือแต่งหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหนแต่เราก็จะจำเขาได้”
“คุณคงไม่ชอบฉันตั้งแต่เห็นในรูปหรอกนะคะ”
“เห็นไหมล่ะ พอผมบอกความจริงไปคุณก็ไม่เชื่อ”
“ใครจะเชื่อกันล่ะคะ ไปหลอกเด็กเถอะค่ะ”
“ผมพูดจริงนะ ถึงคืนนั้นผมจะไม่เจอคุณที่ผับผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะมาหาคุณที่โรงพยาบาล แต่โชคดีที่เราเจอกันก่อน”
“คุณจะมาหาทำไมคะ”
“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าชอบคุณ” เขาบอกเธอเป็นครั้งที่สองซึ่งคนฟังไม่ได้เขินอายอย่างที่คิดแต่กลับมองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านยากจนพีรกันต์กลัวว่าหญิงสาวจะโกรธ
“ฉันเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าคุณเป็นคนพูดตรงหรือเป็นคนเจ้าชู้กันแน่”
“ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนพูดตรงคุณก็คงไม่เชื่อง่ายๆ ใช่ไหมครับเนย”
“ค่ะ”
“แต่ผมมีทางพิสูจน์เรื่องนี้ได้นะ” พีรกันต์คิดว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาจะสวยถูกใจแล้วยังฉลาดทันคน
“ยังไงคะ”
“เราลองคบกันไหมล่ะ คุณจะได้รู้ว่าผมพูดจริงหรือพูดเล่น”
รัญรวีเงียบเพราะไม่คิดมาก่อนว่าผู้ชายที่ตนเองเจอสามครั้งในสองวันจะพูดกับตนแบบนี้ แล้วสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังมากจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาล้อเล่นหรือเปล่า
“หมายถึงคบกับเป็นเพื่อนใช่ไหมคะ”
“ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร แต่ผมก็ไม่อยากจะเร่งรัดจนคุณรู้สึกอึดอัด”
“หรือคุณไม่อยากจะเป็นเพื่อนฉันล่ะคะคุณกันต์” รัญรวีก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีลูกเล่นอะไรอีกไหม
“อยากสิ อย่างน้อยระหว่างผมกับคุณก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันอีกแล้ว เราก็คงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“บ่อยขึ้นเหรอคะ”
“ใช่สิเพื่อนกันก็ต้องเจอกันบ่อยๆ”
“คุณกันต์คงหมายถึงเวลาที่มาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 ใช่ไหมคะ”
“นั่นก็ใช่ แต่นอกเวลางานผมก็อยากเจอคุณบ้าง อย่างเช่นวันหยุดเสาร์อาทิตย์”
“พยาบาลไม่ได้หยุดทุกเสาร์อาทิตย์หรอกนะคะ เราจะเปลี่ยนกันหยุด”
พีรกันต์พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาคลุกคลีอยู่ในโรงพยาบาลมานาน
“แล้วเนยหยุดวันไหนบ้าง บางทีถ้าเราหยุดตรงกันจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”
“ดูเหมือนคุณจะว่างานนะคะ ฉันถามได้ไหมว่าทำงานอะไร”
“ลองเดาสิครับ”
“ฉันเดาไม่ออกหรอกค่ะ อาชีพบนโลกนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าจะให้เดาจริงๆ ก็คงจะเป็นงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง ทำกิจการของที่บ้าน ฟรีแลนซ์หรือไม่ก็กำลังตกงาน”
“คุณเก่งนะเดาถูกด้วย”
“ถูกข้อไหนล่ะคะฉันเดาไปตั้งหลายข้อ”
“ผมทำกิจการของที่บ้านครับ”
“ค่ะ” เธอไม่ถามต่อเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
“คุณเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากบอกว่าหยุดอีกทีวันไหนใช่ไหมล่ะ”
“ฉันหยุดพรุ่งนี้กับมะรืนค่ะ” เพราะเขารู้ทันหญิงสาวจึงบอกไปตามความจริง
“อยากไปเที่ยวไหนไหมครับ”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่กล้าไปไหนมาไหนกับผมสองคนเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แค่หลายวันมานี้ฉันขึ้นเวรติดๆ กันหลายวันพอมีวันหยุดก็อยากจะนอนให้เต็มที่” รัญรวีปฏิเสธเพราะกลัวว่าถ้าได้เจอกันบ่อยๆ ตนเองจะแพ้ลูกตื๊อของเขา
“แต่คนเราก็ต้องกินข้าว ถ้าไม่อยากไปไหนไกลเรามากินข้าวร้านนี้ด้วยกันอีกก็ได้นะ พรุ่งนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ฉันไม่รับปากนะคะ ถ้าคุณมาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 เสร็จก็ลองโทรถามดูนะคะถ้าตอนนั้นฉันยังไม่กินข้าวเราก็อาจได้เจอกันค่ะ แต่วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณพักที่ไหน ใช่หอพักในโรงพยาบาลหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“ผมเดินไปส่งนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แถวนี้ฉันเดินมาหลายปีแล้ว”
“แต่ผมต้องกลับไปเอารถโรงพยาบาลอยู่แล้วนะ”
พีรกันต์เดินคู่มากับรัญรวีจนมาถึงลานจอดรถซึ่งตอนนี้เหลือรถเพียงไม่กี่คันเท่านั้น
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับเนย”
“เปลี่ยนใจเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องคบกันกับเรื่องไปเที่ยวพรุ่งนี้”
“ไม่ค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันและเพิ่งเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะคุณกันต์”
“ผมก็ว่านานพอสมควรแล้วนะ”
“ค่ะนานมากเลยค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เปลี่ยนใจก็โทรหาผมได้ตลอดนะ ผมแอดไลน์จากเบอร์โทรไปแล้วอย่าลืมรับแอดผมด้วยล่ะเนย”
รัญรวีหันมายิ้มก่อนจะเดินไปยังหอพักซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาล
หญิงสาวเดินเข้าออกบริเวณนี้มาสี่ปีกว่าแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะวันนี้มีคนเดินคุยด้วยตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลจนมาถึงลานจอดรถ ซึ่งเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงหอพัก
เธออยากเล่าเรื่องที่ได้เจอกับพีรกันต์และไปทานข้าวด้วยกันให้กับเพื่อนสนิทอย่างจริญญาฟังแต่ดูนาฬิกาแล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่บนวอร์ดน่าจะกำลังยุ่งกันอยู่ จึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง
ความรู้สึกที่มีให้กับชายแปลกหน้าซึ่งบังเอิญเจอในผับมันเป็นอะไรที่อธิบายยาก การเจอกันในสถานที่อโครจรยามค่ำคืนแบบนั้นทำให้รัญรวีมอบสถานะให้เขาได้แค่เพื่อนถึงแม้ชายหนุ่มจะมีหน้าตาและรูปร่างตรงสเปกมากแค่ไหนก็ตาม
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้หญิงสาวออกจากภวังค์ความคิด
“ไม่ยุ่งเหรอจ๊ะถึงมีเวลาโทรหาเพื่อน”
“ยุ่งสิเนย แต่จุ๋มเคลียร์งานหมดแล้ว”
“มีเรื่องอะไรจะเม้าท์ใช่ไหมล่ะถึงโทรมาหาในเวลางานแบบนี้”
“แน่นอนสิเรื่องสำคัญด้วยนะ”
“ชักอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไรรับเล่ามาเลย”
“คนที่เล่าคือเนยไม่ใช่จุ๋ม”
“เนยเหรอ”
“บอกมาเลยว่าเย็นนี้กินข้าวร้านป้าแอ๋วกับใคร”
“จุ๋มรู้ได้ยังไง”
“น้องผู้ช่วยที่วอร์ดเห็นน่ะ ใช่คนที่มาหาตอนกลางวันใช่ไหม”
“ก็เขานั่นแหละ เขาได้เบอร์โทรศัพท์มาจากยุก็เลยโทรมาทวงเรื่องที่เนยต้องเลี้ยงข้าว”
“เลี้ยงข้าวร้านป้าแอ๋วเนี่ยนะเขาไม่บนแย่เหรอ”
“ก็มันใกล้และสะดวกดีไง เขาจะแอบบ่นทีหลังหรือเปล่าเนยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะบ่นยังไงเนยก็ไม่ได้ยิน”
“กินข้าวแล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกหน่อยสิจุ๋มอยากรู้”
“ก็คุยหลายเรื่องถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ลงเวรแล้วแวะมาที่ห้องสิ”
“ต้องรอถึงพรุ่งนี้เลยเหรอแล้วคืนนี้จุ๋มจะนอนหลับไหม”
“เรื่องมันยาวถ้าเล่าตอนนี้ก็เล่าได้นิดเดียวแต่ถ้ามาหาที่ห้องจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยตกลงไหม”
“เนยก็รู้ว่าจุ๋มอยากรู้แต่ยังแกล้ง”
“แกล้งที่ไหนล่ะ เรื่องมันยาวจริงๆ”
“เนยจ๋าอย่าใจร้าย ตอนนี้ต่อมเผือกของจู๋มกำลังหลังสารอยากรู้ออกมาเยอะเลยนะ”
“ถ้าจุ๋มลงเวรบ่ายมาแล้วไฟห้องเนยยังไม่ปิดจุ๋มก็เคาะเรียกได้เลยแล้วเนยจะเล่าให้ฟัง”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย แต่อย่าปิดไฟหนีกันไปเสียล่ะ”
เกินจะทน (ตอบจบ)พีรกันต์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกจึงยอมปล่อยเลยตามเลย“ถ้าเขาไม่ยอมให้ตรวจมึงก็แอบตรวจสิ เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเรื่องแค่นิคิดไม่ได้”“แต่มันผิดกฎหมายนะ” นุกูลทนายหนุ่มพูดขึ้น“กูถามมึงหน่อยนะไอ้นุถ้ามึงเป็นไอ้กันต์มึงอยากจะรู้ไหมว่าเด็กที่เรียกว่าลูกน่ะเป็นลูกของมึงจริงๆ หรือเปล่า”“เป็นใครก็ต้องอยากรู้”“งั้นมึงก็เงียบไปเลยนะ” ธนวินท์หันมาทำตาดุใส่เพื่อน“ถ้ายังไม่อยากตรวจDNAก็ตรวจแค่กรุ๊ปเลือดก่อนก็ได้ มึงรู้ไหมน้องข้าวหอมกรุ๊ปเลือดอะไร”“กูไม่รู้แต่น่าจะมีในผลตรวจเลือด” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่ทางโรงพยาบาลส่งให้เมื่อครั้งก่อนพอเห็นกรุ๊ปเลือดของลูกสาวแล้วก็หน้าซีด“ไหนกูขอดูหน่อย” เมฆาคว้าโทรศัพท์ในมือเพื่อนไปดูจากนั้นก็เงยหน้ามองพีรกันต์แล้วนิ่ง“มึงเลือดกรุ๊ปอะไร”“AB” เขาตอบเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะถ้าเขาเลือดกรุ๊ปABก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ข้าวหอมจะมีเลือดกรุ๊ปO“นั่นมึงจะไปไหนกันต์” อธิษถามเห็นพีรกันต์ลุกขึ้น“กูจะไปถามหลินให้รู้เรื่อง”“ใจเย็นก่อน” เมฆาที่นั่งอยู่ใกล้ฉุดมือของพีรกันต์ให้นั
การอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไม่ง่ายเลยสำหรับพีรกันต์เพราะนอกจากเขาจะคอยดูแลข้าวหอมแล้วยังต้องคอยหลบหลีกลินรดาที่มักจะเข้าใกล้และยุ่งกับการใช้ชีวิตของเขามากกว่าที่คุยกันไว้“นี่มันดึกแล้วนะกันต์จะออกไปไหนอีก”“หน้าที่ของผมคือเล่านิทานและพาลูกเข้านอนตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้วผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม” พีรกันต์ตอบอย่างหัวเสีย“หลินอยากคุยกับคุณ ขอเวลาหลินได้ไหมเราไปคุยกันที่ห้องนะคะ”“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก”“ก็เรื่องของเรา”“ระหว่างผมกับคุณมีแค่เรื่องของลูก ไม่มีเรื่องของเราหรอกนะ”“คุณชวนหลินมาอยู่ที่บ้านแต่คุณไม่เคยสนใจหลินเลยนะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ คุณไม่มีใครหลินก็ไม่มีใครทำไมเราไม่ลองคุยกันอีกสักครั้ง”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าจะเป็นแค่พ่อของข้าวหอมที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย”“คุณจะกลับไปหาผู้หญิงที่ชื่อเนยเหรอคะ คุณคิดว่าเธอจะรอคุณเหรอ”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนยเพราะถึงไม่มีเนยผมก็คิดจะกลับไปคบกับคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ผมอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีของข้าวหอมเรื่องอื่นผมไม่อยากคิด”“หลินทำผิดอะไรคุณถึงไม่คิดจะกลับมาเป
“พี่กานต์มีเบอร์อาจารย์หมอศาสตราไหมขอผมหน่อยสิ”“มีสิ นายจะเอาไปทำอะไรหรือจะจ้างอาจารย์มาตรวจพี่ว่าอย่าเสียเวลาเลยพี่เคยชวนท่านหลายครั้งแล้ว”“เปล่าครับ”“แล้วจะเอาเบอร์ไปทำไมหรือมีใครป่วย”“ผมอยากปรึกษาท่าน”“กันต์มีอะไรหรือเปล่า หรือลูกไม่สบาย” เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเครียดคนเป็นมารดาก็ร้อนใจ“เปล่าครับแม่ คนที่ใม่สบายคือข้าวหอม”“อะไรนะ หลานแม่ป่วยเป็นอะไร”“เนยบอกผมว่าข้ามหอมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับแม่”“ป่วยถึงขั้นไหนแล้วตรวจเจอนานหรือยังรักษาไปถึงขั้นไหนแล้ว ต้องให้คีโมหรือเปล่า”“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับวันนี้ว่าจะพาข้าวหอมไปหาอาจารย์หมอ”“น่าสงสารจังตัวแค่นั้นก็ป่วยแล้ว กันต์ต้องดูแลลูกดีๆ”“ครับแม่”“คนที่บอกนายว่าข้าวหอมป่วยคือเนยเหรอ”“ครับพี่ เนยบอกผมเมื่อคืน”“แปลกดีนะทำไมคนที่บอกไม่ใช่แม่ของข้าวหอมล่ะ แล้วเนยไปรู้มาได้ยังไง”“ผมมัวแต่ตกใจเลยลืมถามเรื่องนี้ไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะจะรู้จากใครความจริงก็คือความจริง”“ถ้าต้องไปดูแลข้าวหอมบ่อยๆ กันต์ก็คุยกับหนูเนยให้เข้าใจนะลูก แบ่งเวลาให้ดี” เพราะคนหนึ่งก็หลานสาวอีกคนก็ว่าที่ลูกสะใภ้“คงไม่ต้องแล้วล่ะครับแม่”“ก
เพราะมีข้าวหอมมาอยู่ด้วยที่บ้านพีรกันต์เลยไม่คิดมากเรื่องรัญรวีเท่าไหร่จนกระทั่งผ่านไปสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมาพีรกันต์ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ววันนี้เขาจึงมาดักรอหญิงสาวตรงทางเดินระหว่างโรงพยาบาลกับคอนโดมิเนียม“เนย”“พี่กันต์” รัญรวีตกใจเพราะจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาจากมุมถนน“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”“เอาไว้คุยวันหลังดีไหมคะ ตอนนี้มันดึกแล้ว”“พี่ไม่อยากรอแล้วนะ สามวันมานี้เนยไม่ติดต่อพี่มาเลย”“เนยงานยุ่งค่ะ”“ไปนั่งคุยกันในรถก่อน”“แต่เนยจะกลับไปพักแล้ว”“จะไปดีๆ หรือจะให้พี่อุ้มไปละเนย"เพราะคำขู่ของเขารัญรวีเลยยอมเดินตามมาที่รถ เธอขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งแต่ความรู้สึกแปลกออกไปเพราะตอนนี้คนข้างกายของเธอไม่ใช่คนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยอีกต่อไปแล้ว“พี่กันต์จะคุยอะไรคะ”“เนยเป็นอะไร โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรผิดเหรอเนยถึงไม่ติดต่อพี่เลยแล้วยังเก็บของพี่ออกจากคอนโด”“พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เนยเองที่ผิด ผิดที่ไปรักคนมีเจ้าของอย่างพี่”“กำลังพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“ก็พี่กับครอบครัวของพี่”“ครอบครัวของพี่ก็คือเนย เราจะแต่งงานและร่วมสร้างมันด้วยกัน”“พี่กันต์ค่ะ
รัญรวีตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอในขณะที่พีรกันต์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวมองสภาพห้องนอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสุขที่เขามอบให้เมื่อคืนมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คำบอกรักที่เขากระซิบข้างหูเธอจำมันได้อย่างดีและจะจดจำมันไปตลอดว่าตนเองเคยมีความสุขมากแค่ไหนหญิงสาวเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจกร่างกายเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ มันตอกย้ำว่าเธอและเขาผ่านเรื่องบนเตียงมาแล้วอย่างเร่าร้อนแต่มันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพราะรัญรวีไม่คิดจะนอนกับใครอีกแล้ว การอยู่ตัวคนเดียวมันอาจเหงาแต่ที่ผ่านมาเธอก็เคยอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บของใช้ของพีรกันต์ลงกระเป๋าก่อนะจะเอาไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างและสั่งไว้แล้วว่าห้ามเขาขึ้นมาบนห้องเธออีก รหัสที่ประตูหน้าห้องถูกเปลี่ยน รัญรวีตัดการติดต่อทุกช่องทางเพราะกลัวว่าถ้าได้ยินเสียงของเขาเธอจะตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้หญิงสาวใช้เวลาว่างตลอดวันจัดห้องใหม่เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ก็จะคิดถึงเขา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ก็เป็นเวลาเย็น เธอทำอาหารจากของสดที่เหลืออยู่ในตู้จากนั้นก็นั่งทานคนเดียวเงียบๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นรีญ
พีรกันต์กอดกระชับร่างที่หอบเหนื่อยรอจนเธอหายใจเป็นปกติจากนั้นก็รีบอาบน้ำและเช็ดตัวให้เธอก่อนจะอุ้มมาวางบนเตียง“เนยจ๋า พี่ไม่ไหวขออีกคืนนี้ขอแรงหน่อยไหม” เพราะท่าทางยั่วยวนและลีลารักเมื่อครู่มันปลุกความดิบเถื่อนในกายเขาจนต้องเอ่ยขอ“เนยตามใจพี่กันต์ทุกอย่าง” เพราะนี่จะเป็นคืนสุดท้ายเธอก็อยากให้เขาทำทุกอย่างไปตามใจปรารถนา รัญรวีอยากเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาขึ้นไว้เป็นความทรงจำเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้นพีรกันต์ก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ปากร้อนจูบไปทั่วใบหน้าซอกคอดูดแรงจนขึ้นรอย รัญรวีทั้งเจ็บทั้งเสียวจนได้แต่ครางหวาน“อื้อ...พี่กันต์ขาจูบเนยหน่อยได้ไหม”ลิ้นร้อนสอดเข้าโพรงปากนุ่มตวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน เธอเองก็จูบกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิงทำให้เขาครางอย่างพอใจหญิงสาวหูอื้อตาลายไปกับปากร้อนที่จูบเบียดแนบชิด เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาพีรกันต์จูบจนพอใจก็ยอมให้ปากเล็กเป็นอิสระ เขาลากไล้ความเปียกชื้นมาตามผิวนุ่มขบเม้มแทะเล็ม ฝากรอยประทับไว้ทั่วเนินอกอิ่ม ตาคมมองยอดถันที่ชูชัน ลิ้นร้อนลากวนอย่างปลุกเร้าก่อนจะครอบครองเข้าอุ้งปากร้อน ดูดแรงอย่างคนกระหาย ยิ่งเธอแอ่นโค้งเข้าหาเ