ตอนที่ 6 ซ้อมบท
หลังจากนั้น พวกเขาก็ลองถ่ายทำฉากนี้อีกครั้ง
อิสราเคลื่อนตัวเข้าไปโอบกอดคีรินทร์ที่ทางด้านหลัง สองมือหนาเลื่อนไล้ไปตามช่วงเอวของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะกอดรัดเอวสอบเข้ามาแนบไว้ที่แผงอกหนาจนทั้งสองแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆ
คีรินทร์ถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาในทันที ร่างกายของเขาแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม แม้ภายในใจจะพยายามคิดว่ามันเป็นการแสดง แต่ทว่ามือหนากลับยิ่งกอดรัดและบีบเคล้นราวกับต้องการกลั่นแกล้งตนเอง
“นี่นาย...นายกำลังนอกบท” คีรินทร์พยายามรักษาท่าทีให้เป็นปกติ แต่ก็อดที่จะกระซิบเบาๆ ที่ได้ยินเพียงสองคนออกมา
“ฉันช่วยนายทำอารมณ์อย่างไงเล่า” อิสรากระซิบที่ริมหู เขายังคงสวมบทบาทพระเอกที่กำลังคลั่งรักนายเอกอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าโน้มลงซบที่ลำคอของคีรินทร์ พร้อมสูดดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบเข้าไปอย่างลืมตัว
การถ่ายทำยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง คีรินทร์ไม่อาจทำให้ตนเองพลาดได้อีกหน จึงได้แต่ฝืนยิ้มออกมา สองมือบางยกขึ้นมาเกาะกุมมือหนาที่โอบเอวตนเองไว้ ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดกดบีบมันลงไปราวกับต้องการแก้แค้น
“นายนี่ไม่เลวจริงๆ” อิสรายิ้มกริ่มออกมา ก่อนจะใช้สองมือหนาหันร่างอันบอบบางของคีรินทร์เข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว
มือหนาช้อนคางของคีรินทร์ขึ้นมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปแนบชิดที่ใบหน้าหวาน ริมฝีปากหนากดประทับลงบนริมฝีปากบางในทันที
คีรินทร์ถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขารีบผลักหน้าอกของอิสราออกห่าง ฟีโรโมนในร่างกายเริ่มส่งกลิ่นหอมของกุหลาบออกมามากยิ่งขึ้น เขารีบบีบข้อมือของตัวเองอย่างแรงเพื่อระงับการปล่อยฟีโรโมนที่มากเกินไปออกมา
คีรินทร์หันไปจ้องอิสราด้วยดวงตาลุกวาวด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง ยิ่งเมื่อเห็นท่าทางกวนประสาทของอิสรา เขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลมากยิ่งขึ้น
“คัท” เสียงผู้กำกับร้องดังขึ้นอีกครั้ง “คีรินทร์ นายเกือบทำดีแล้ว แต่ว่าตอนหลังนายไม่ต้องผลักคุณอิสราออก นายแค่ทำท่าตกใจเล็กน้อย แล้วก็โอนอ่อนไปตามแรงจูบของเขาเท่านั้น”
คีรินทร์รีบหันกลับมาหาผู้กำกับ พร้อมกับโค้งกายขอโทษอีกครั้ง
อิสรายักไหล่ขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส “ผู้กำกับ วันนี้ฉันเสียเวลามากแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” เขาพูดพร้อมปรายตามองคีรินทร์อย่างล้อเลียนเล็กน้อย
อิสราก้าวเดินออกไปในทันที แต่ในขณะที่เขาเดินผ่านผู้กำกับ เขาก็ยังมิวายทิ้งทวนอีกครั้ง “คุณควรให้โอเมก้านั่นฝึกการแสดงมากขึ้นอีกหน่อยนะ...คุณผู้กำกับ”
ผู้กำกับได้แต่ยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะโบกมือให้ทุกคนเตรียมเก็บข้าวของในทันที ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะยกเลิกการซ้อมในวันนี้ออกไปก่อน
แต่แล้วผลลัพธ์ของการซ้อมบทก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คีรินทร์ยังคงไม่สามารถแสดงบทบาทรักใคร่กับอิสราได้เลยแม้แต่น้อย
“คุณเอก คุณพาคีรินทร์กลับไปพักผ่อนก่อน” ผู้กำกับกล่าว “พรุ่งนี้เราจะมาลองซ้อมกันใหม่อีกครั้ง ก่อนจะเปิดกล้องในเดือนหน้า”
“คีรินทร์ หากนายยังแสดงแข็งอยู่แบบนี้ การถ่ายทำเรื่องนี้จะต้องลำบากแน่ ฉันว่านายควรกลับไปทบทวนเพิ่มขึ้นกว่านี้นะ” ผู้กำกับเดินมาเตือนคีรินทร์อีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเดินจากไปในที่สุด
คีรินทร์และเอกได้แต่เดินคอตกออกจากกองถ่ายอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว
ทางด้านอิสรา เมื่อเขาเข้ามานั่งภายในรถ ฐานวินก็หันมามองอิสราด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณอิส ผมว่าคุณควรจะทำดีกับคุณคีรินทร์สักหน่อยนะ”
อิสราปรายตามองฐานวินอย่างตำหนิ “ช่วยไม่ได้เขาฝีมือไม่ถึงเอง จะโทษฉันได้ยังไง”
ฐานวินได้แต่ถอนหายใจออกมา “แต่ผมเห็นว่าเมื่อกี้คุณจงใจแกล้งเขา”
“แล้วยังไงเล่า...แม้ว่าเขาจะทำเป็นหยิ่งผยองต่อหน้าฉัน แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงตอบสนองต่อฉันอยู่ดี”
คำพูดของอิสราทำให้ฐานวินถึงกับอึ้งไป “คุณ...หมายความว่ายังไงครับ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไงหรอก” อิสราตอบ “หากเขาเป็นมืออาชีพจริง เรื่องของฉันคงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อการแสดงของเขาหรอก นายก็เลิกเป็นห่วงโอเมก้านั่นได้แล้ว ถ้าหากนายห่วงมากนัก ก็ไปเป็นผู้จัดการของเขาเสียเลยแล้วกัน”
ฐานวินได้แต่ถอนหายใจหนักออกมาด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเบือนหน้าหนีชายหนุ่มด้วยท่าทางหัวเสีย
ในขณะเดียวกัน เมื่อคีรินทร์เข้ามานั่งในรถด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คีรินทร์เป็นอะไรไป” เอกถาม “ทำไมถึงไม่ยอมแสดงตามบทเล่า”
คีรินทร์ก้มหน้าลงมองพื้น “ผม…ผมขอโทษ” เขาพูดเสียงสั่น “แต่ผม…ผมทำไม่ได้จริงๆ ครับ”
“ถ้านายยังเป็นแบบนี้ ไม่แน่ว่าผู้กำกับอาจจะถอนนายออกมาซีรีส์ก็ได้ คุณอิสราไม่ใช่คนที่จะคอยให้นายพัฒนาฝีมือการแสดงหรอกนะ” เอกบอกออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม “หรือนายจะยอมให้เรื่องนี้มันจบลงแบบนี้จริงๆ เหรอ”
คำพูดของเอกทำให้คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองเอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน “ผม…ไม่รู้” เขาตอบ “ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี”
“นายต้องก้าวข้ามความกลัวในใจของนายให้ได้นะ” เอกพูด “นายต้องทำเพื่อตัวเองนะคีรินทร์”
คีรินทร์พยักหน้าเล็กน้อย “ผมจะพยายามครับ” เขาตอบ “ผมจะทำให้ได้”
คืนนั้น คีรินทร์กลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าและผิดหวังในใจ เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วสายตาของเขาก็พลันสะดุดเข้าข้อความหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความโมโห
‘หากนายไร้ฝีมือการแสดงก็ควรถอนตัวซะ’
คีรินทร์รีบกดเข้าไปอ่านข้อความทันที และนั่นก็เป็นข้อความที่อิสราส่งมาเย้ยหยันเขาอย่างโจ่งแจ้ง
มือของคีรินทร์สั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เขาไม่เคยเจอใครที่นิสัยแย่ขนาดนี้มาก่อน เขาลุกขึ้นเดินไปมารอบห้องอยู่นาน ก่อนจะพิมพ์ข้อความสั้นๆ ตอบกลับลงไป
‘อย่าตัดสินคนอื่นแค่เพียงเพราะเขาเป็นโอเมก้า’
ไม่นานข้อความก็ถูกอ่าน แต่กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ อีก เขาทิ้งมือถือลงบนเตียงแล้วนอนลงบนเตียงอย่างเงียบๆ เขาไม่สนใจแล้วว่าข้อความดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับเขาอย่างไร เขาแค่ต้องการที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
บทที่ 42 คำขอ หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันที่แสนหวาน ความรักของอิสราและคีรินทร์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน พวกเขายังคงเป็นคู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการบันเทิง อิสราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขารักคีรินทร์อย่างจริงใจและพร้อมที่จะปกป้องคีรินทร์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คีรินทร์เองก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจอิสราอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน อิสราพาคีรินทร์ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่ภูเก็ต วิลล่าแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมากมาย และอิสราก็ตั้งใจที่จะทำให้วันครบรอบหนึ่งปีนี้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของคีรินทร์ ทันทีที่พวกเขามาถึง วิลล่าก็เต็มไปด้วยแสงไฟอุ่นจากโคมไฟที่อิสราจัดเตรียมไว้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่โชยมากับลม คีรินทร์ก้าวลงจากรถแล้วสูดหายใจลึก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “สวยเหมือนเดิมเลย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อิสราเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะสอดมือเข้ากับมือของคีรินทร์ “แต่ฉันว่าครั้งนี้สวยกว่าเดิม…เพราะฉันได้
บทที่ 41 เยียวยา ภายในห้องพักโรงแรมหรู แสงไฟสลัวอบอุ่นสาดกระทบผ้าม่านสีครีมที่ปลิวไหวเบาๆ จากลมแอร์ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วห้อง ต่างจากเสียงอึกทึกที่เพิ่งผ่านมา คีรินทร์นั่งอยู่บนโซฟา แผ่นหลังยังสั่นไหวเล็กน้อยจากความกดดันที่ต้องเผชิญมา เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ราวกับไม่อยากให้อิสราเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด แต่ในช่วงเวลานั้น อิสรากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคีรินทร์ มือหนาของเขาเอื้อมไปประคองแก้มคนรักอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน “นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้…ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” อิสราพูดเสียงนุ่ม ดวงตาทอประกายอบอุ่น คีรินทร์เงยหน้าขึ้น แววตาสั่นระริกก่อนจะไหลทะลักออกมาเป็นน้ำตา “แต่ผม…ผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังและเจ็บปวดอีก” อิสราส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงที่หยดน้ำตานั้นทีละหยาด “ไม่มีทาง…ต่อให้ทั้งโลกหันหลังให้นาย ฉันก็จะไม่ไปไหน” คำพูดนั้นเหมือนทำลายกำแพงในใจของคีรินทร์ เขาพุ่งเข้ากอดอิสราแน่น แขนทั้งสองโอบรัดเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออีกฝ่ายจะหายไป ความอบอุ่นจากอกที่แนบชิดทำให้หัวใจของ
บทที่ 40 เจ็บปวด เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลง แขกที่มาร่วมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลางเวที คีรินทร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น สายตาของเขาสั่นไหว เขามองทิวาที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหา สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด ทิวายังคงพร่ำเพ้อออกมา เขาพยายามเดินเข้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับเดินถอยหลังห่างเขาไปอีกหลายก้าว สายตาที่เคยมองอย่างไว้ใจ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ทิวาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาแค่ต้องการเข้าไปปกป้องคีรินทร์ในยามที่ชายหนุ่มถูกทำร้าย และเขาก็ต้องการเป็นคนแรกที่ปลอบประโลมและดูแลคีรินทร์ “คีรินทร์…” เสียงของทิวาแหบพร่า เขายกมือสั่นเทาออกไปข้างหน้าเหมือนอยากคว้าตัวคนตรงหน้าไว้ “นายรังเกียจฉันเหรอ… ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันรักนายนะ” คำสารภาพของทิวาทำให้ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้งไปกันหมด โดยเฉพาะคีรินทร์ที่เวลานี้เขานั้นช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจคิดอะไรได้อีก คีรินทร์ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ ราวก
บทที่ 39 เปิดเผย คีรินทร์นิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพรักของทิวา เขาจ้องมองทิวาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คีรินทร์ได้แต่คิดไปว่าทิวากำลังสับสนเมื่อเห็นตนเองในสภาพเช่นเมื่อวานนี้ “ทิวา...ฉันว่านายคงกำลังสับสนอยู่นะ” “คีรินทร์...ฉัน...” ทิวาพยายามอธิบาย เขาก้าวเท้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังห่างจากเขาไปอีกครั้ง ทิวาได้แต่หยุดชะงักลงไปอีกครั้ง พร้อมทอดมองคีรินทร์อย่างรู้สึกผิดหวังรุนแรง “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” คีรินทร์ตัดบท ก่อนจะเดินออกจากบ้านทิวาไปในทันที “คีรินทร์...” ทิวาพยายามตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองเขาแม้แต่น้อย ทิวาได้แต่กำหมัดแน่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคีรินทร์ถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ชายหนุ่มได้แต่นึกโทษอิสรา ต้องเป็นเพราะเขาแน่ที่ทำให้คีรินทร์ถอยห่างเขาไปแบบนี้ ทิวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ยังมีกลิ่นไอของคีรินทร์ติดอยู่ เขาซุกหน้าสูดดมความหอมหวานนั้นอย่างหลงใหล “คีรินทร์ นายบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ” ทิวาได้แค่เพ้อออกมา ดวงตาแ
บทที่ 38 มือที่สาม คีรินทร์ตัดสายของทิวาไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะเข้านอนแต่วันเพราะร่างกายและจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คีรินทร์ตรงไปเปิดประตู และเขาก็เห็นอิสราที่มีสีหน้าอิดโรยยืนรอเขาอยู่ “คุณอิส ทำไมคุณยังไม่นอนอีก” คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหินห่าง “นายคุยกับใครอยู่” อิสราถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนเช่นกัน “คุณอิส คุณจะหาเรื่องอะไรอีก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ” คีรินทร์ตัดบท พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง อิสรากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือของคีรินทร์ขึ้นมาตรวจดู คีรินทร์ไม่พอใจกับท่าทีของอิสรา เขาจึงเดินไปแย่งมือถือออกจากมือของอิสรา “คุณอิส คุณจะทำอะไร” “แล้วนายคุยกับใครอยู่ล่ะ” อิสราตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย “ผมคุยกับเพื่อน” คีรินทร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อิสรากัดฟันแน่น เขาคว้าตัวคีรินทร์มารัดไว้ พร้อมแย่งมือถือกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรของทิวา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ทำไม
บทที่ 37 รอยร้าว คืนเดียวกันนั้น ทิวาได้รับข้อความจากคีรินทร์ที่ส่งมาสั้นๆ “ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว” ทิวามองข้อความนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะค่อยๆ คลี่ออก เขารู้ดีว่ารอยร้าวกำลังเกิดขึ้นระหว่างคีรินทร์กับอิสรา และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการซับซ้อนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น เสียงฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะและความวุ่นวาย แต่ภายในคอนโดหรูของทิวากลับเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบโซฟาหนัง ทำให้เงาของทิวาที่นั่งพิงอยู่ทอดยาวบนพื้นห้อง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ทิวารีบเดินไปเปิดในทันที รอยยิ้มกว้างผุดออกมาด้วยความดีใจเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยอยู่ ‘คีรินทร์’ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น ตามด้วยร่างของคีรินทร์ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้น” ทิวาลุกขึ้นต้อนรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยที่แสร้งให้ดูจริงใจ เขา