ตอนที่ 7 เข้ากอง
หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว คีรินทร์ที่ยังไม่อาจสลัดความไม่พอใจและสับสนออกได้ ก็ได้แต่ทำใจ และเดินทางมายังกองถ่ายด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“คีรินทร์ วันนี้ถ่ายทำวันแรก นายต้องตั้งใจให้มาก อย่าให้ผิดพลาดเหมือนครั้งก่อนล่ะ” เอกพยายามย้ำด้วยท่าทางตื่นเต้นยิ่งกว่า
คีรินทร์เพียงพยักหน้ารับช้าๆ เขาสูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมความรู้สึกปั่นป่วนและมวนท้องที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อทั้งคู่มาถึงที่กองถ่าย คีรินทร์มองไปด้านหน้า ก็พบอิสราที่นั่งรออยู่ที่หน้าฉากอยู่ก่อนแล้ว เขาเบ้ปากออกมาอย่างนึกหมั่นไส้ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อสบเข้ากับสายตาของอิสราที่ปรายตามามองเขาพร้อมกับรอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นมา
และแล้วผู้กำกับประกาศก็ว่าพวกเขาจะเริ่มเข้าฉากแรกที่ทั้งคู่ต้องเข้าด้วยกันทันที
“ฉากที่ 46 นะครับ เป็นฉากที่ ‘คีริน’ (นายเอกของซีรีส์) วิ่งหนีการตามล่าของศัตรู แล้ว ‘พยัคฆ์’ (พระเอกของซีรีส์) เข้ามาช่วยไว้ทัน”
ผู้กำกับอธิบายต่อ “คีรินทร์ เตรียมตัวเลย ฉากนี้ต้องแสดงความกลัวและความตกใจให้สมจริง ส่วนคุณอิสรา คุณต้องแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและปกป้องให้เต็มที่”
คีรินทร์พยักหน้าเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนอย่างมั่นใจ พยายามสลัดความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่ออิสราออกไปให้หมด และเตรียมพร้อมที่จะเข้าถึงบทบาทของคีรินให้ได้มากที่สุด
“คุณโอเมก้าพร้อมหรือยัง” อิสราถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “ถ้าไม่พร้อม ฉันจะได้ไปพักก่อน”
คีรินทร์หันไปมองอิสราด้วยสายตาเย็นชา “ ไม่ต้องห่วงครับ ผมพร้อมเสมอ”
ผู้กำกับสั่งให้ทีมงานเซตฉากอย่างรวดเร็ว ฉากหลังถูกจัดให้เป็นป่าในยามค่ำคืนที่ดูวังเวงและน่ากลัว
“เริ่มฉากได้” ผู้กำกับสั่งเสียงดัง
ขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมตัวถ่ายทำฉากที่ต้องเข้าไปในป่า อิสราก็ตัดสินใจที่จะแกล้งคีรินทร์ด้วยการปล่อยงูปลอมเข้าไปในฉาก
“เฮ้ย! นั่นมันงูนี่” อิสราแกล้งทำเป็นตกใจ
คีรินทร์ถึงกับหน้าซีดเผือด เขาเป็นโอเมก้าที่กลัวสัตว์เลื้อยคลานมากเป็นพิเศษ
คีรินทร์วิ่งเข้ามาในฉากด้วยท่าทางหวาดกลัว ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดจากการแสดงความตกใจ เขาหอบหายใจอย่างหนักแล้วทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
“นั่นมันคีริน...คีริน” อิสราพูดเสียงทุ้มต่ำตามบทบาท เขาปรากฏตัวเข้ามาในฉากอย่างรวดเร็ว แต่สายตาที่เขามองคีรินทร์นั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองอิสรา ดวงตาทั้งคู่ประสานกันในระยะที่ใกล้เกินไป ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นมาจนไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นหรือว่าเป็นเพราะงูตัวนั้นกันแน่
อิสราก้าวเข้ามาใกล้แล้วคว้าร่างของคีรินทร์เข้ามาในอ้อมแขนตามบทบาท แต่แทนที่จะรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่บทบรรยายไว้ คีรินทร์กลับรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน...อะไรกัน” คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง
การแสดงของคีรินทร์แสดงความกลัวออกจากอย่างสมจริง บวกกับท่าทางอันน่าเป็นห่วงของอิสราที่มีต่อคนตรงหน้าทำให้ผู้กำกับพอใจอย่างมาก “คัท...ดีมากทุกคน”
เมื่อเสียงคัทดังขึ้น คีรินทร์ก็ผลักอกอิสราออกทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” คีรินทร์พูดเสียงสั่น “คุณ…คุณมันบ้าไปแล้วเหรอ”
คำพูดของคีรินทร์ทำให้อิสราถึงกับยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉันก็แค่…อยากให้นายเข้าถึงบทบาทเท่านั้น นายจะได้ไม่เสียเวลาของฉัน”
“คุณมันโรคจิต” คีรินทร์สบถออกมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ ร่างกายยังคงสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจับใจ “คุณมันเลวที่สุด”
ท่าทางของคีรินทร์ทำให้อิสราถึงกับอึ้งไป เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มท่าทางอ่อนไหวขนาดนี้มาก่อน นั่นทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“ฉัน…ขอโทษ” อิสราเบือนหน้าพร้อมพูดเสียงแผ่วเบาจนแทบอยู่ในลำคอ
คำขอโทษของอิสราทำให้คีรินทร์อึ้งไปชั่วขณะ เขาได้แต่เม้มปากแน่นอย่างไม่รู้จะตอบโต้อะไรอีก เขาแค่เงียบแล้วมองอิสราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในขณะนั้น ผู้กำกับก็เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พวกคุณทำได้ดีมาก”
“ทำได้ดี...?” คีรินทร์ทวนคำพูดอย่างงงๆ
“ก็เพราะมันดูสมจริงไงล่ะ” ผู้กำกับพูด “ผมหวังว่าฉากหน้าพวกคุณจะแสดงได้สมจริงแบบนี้”
คำชมของผู้กำกับทำให้คีรินทร์ถึงกับอึ้งไป ไม่นึกว่าสิ่งที่อิสราทำ จะทำให้เขาแสดงได้จนผู้กำกับชม
ในขณะที่อิสรากลับปรายตามองคีรินทร์พร้อมยักคิ้วขึ้นอย่างล้อเลียน ก่อนจะยกยิ้มที่ชวนให้น่ามอง และลุกเดินจากไปในทันที
“เชอะ...ก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” คีรินทร์บ่นอุบในใจ แต่ก็ยังคงแอบมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินจากไปจนลับสายตาตัวเอง
หลังจากที่พักกองได้สักพักหนึ่ง ผู้กำกับก็แจ้งให้เริ่มถ่ายทำฉากต่อไป
“ฉากที่ 63 นะครับ เป็นฉากที่ทั้งคู่รักกันแล้ว ‘พยัคฆ์’ เข้ามาโอบกอดคีรินจากทางด้านหลัง แล้วทั้งคู่ก็โอบกอดกัน พยัคฆ์ค่อยๆ โน้มตัวจูบคีรินเบาๆ”
ผู้กำกับอธิบายต่อ “คุณอิสรา คีรินทร์ เตรียมตัวเลย ฉากนี้พวกคุณต้องแสดงความรักต่อกัน”
อิสรายกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับปรายตามองคีรินทร์ราวกับกำลังหยอกเย้า ส่วนคีรินทร์ได้แต่มองค้อนเขาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“เริ่มฉากได้” ผู้กำกับสั่งเสียงดัง
คีรินทร์ยืนหันหลังอยู่ตรงระเบียง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเตรียมตัวถ่ายบทดังกล่าว
อิสราค่อยๆ เดินเข้ามาช้าๆ พร้อมกับโอบสองมือกอดคีรินทร์เอาไว้ ลำแขนของเขาดึงร่างของคีรินทร์เข้ามากระชับที่หน้าอกอย่างแนบแน่นด้วยความจงใจ ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปที่บริเวณซอกคอ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนผิวเนียนนุ่มอย่างต้องการกลั่นแกล้ง
“นายนอกบท” คีรินทร์กระซิบออกมา ในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงฝืนยิ้มกว้าง แม้ว่าเขาจะพยายามขัดขืนเล็กน้อย แต่วงแขนนั้นกลับยิ่งรัดเขาไว้ราวกับกรงเหล็ก
“ก็แค่ตามอารมณ์ตัวละครเท่านั้น...คีรินทร์” อิสรากระซิบเสียงพร่า ริมฝีปากจะยังกดเม้มที่ซอกคอกลิ่นกุหลาบนั้นอย่างเอาแต่ใจ
คีรินทร์รู้สึกสมองพร่าเบลออย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เสียงกระซิบข้างหูทำให้ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนระทวยลง
“นายมันคนเลว...”
บทที่ 42 คำขอ หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันที่แสนหวาน ความรักของอิสราและคีรินทร์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน พวกเขายังคงเป็นคู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการบันเทิง อิสราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขารักคีรินทร์อย่างจริงใจและพร้อมที่จะปกป้องคีรินทร์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คีรินทร์เองก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจอิสราอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน อิสราพาคีรินทร์ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่ภูเก็ต วิลล่าแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมากมาย และอิสราก็ตั้งใจที่จะทำให้วันครบรอบหนึ่งปีนี้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของคีรินทร์ ทันทีที่พวกเขามาถึง วิลล่าก็เต็มไปด้วยแสงไฟอุ่นจากโคมไฟที่อิสราจัดเตรียมไว้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่โชยมากับลม คีรินทร์ก้าวลงจากรถแล้วสูดหายใจลึก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “สวยเหมือนเดิมเลย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อิสราเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะสอดมือเข้ากับมือของคีรินทร์ “แต่ฉันว่าครั้งนี้สวยกว่าเดิม…เพราะฉันได้
บทที่ 41 เยียวยา ภายในห้องพักโรงแรมหรู แสงไฟสลัวอบอุ่นสาดกระทบผ้าม่านสีครีมที่ปลิวไหวเบาๆ จากลมแอร์ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วห้อง ต่างจากเสียงอึกทึกที่เพิ่งผ่านมา คีรินทร์นั่งอยู่บนโซฟา แผ่นหลังยังสั่นไหวเล็กน้อยจากความกดดันที่ต้องเผชิญมา เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ราวกับไม่อยากให้อิสราเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด แต่ในช่วงเวลานั้น อิสรากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคีรินทร์ มือหนาของเขาเอื้อมไปประคองแก้มคนรักอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน “นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้…ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” อิสราพูดเสียงนุ่ม ดวงตาทอประกายอบอุ่น คีรินทร์เงยหน้าขึ้น แววตาสั่นระริกก่อนจะไหลทะลักออกมาเป็นน้ำตา “แต่ผม…ผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังและเจ็บปวดอีก” อิสราส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงที่หยดน้ำตานั้นทีละหยาด “ไม่มีทาง…ต่อให้ทั้งโลกหันหลังให้นาย ฉันก็จะไม่ไปไหน” คำพูดนั้นเหมือนทำลายกำแพงในใจของคีรินทร์ เขาพุ่งเข้ากอดอิสราแน่น แขนทั้งสองโอบรัดเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออีกฝ่ายจะหายไป ความอบอุ่นจากอกที่แนบชิดทำให้หัวใจของ
บทที่ 40 เจ็บปวด เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลง แขกที่มาร่วมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลางเวที คีรินทร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น สายตาของเขาสั่นไหว เขามองทิวาที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหา สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด ทิวายังคงพร่ำเพ้อออกมา เขาพยายามเดินเข้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับเดินถอยหลังห่างเขาไปอีกหลายก้าว สายตาที่เคยมองอย่างไว้ใจ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ทิวาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาแค่ต้องการเข้าไปปกป้องคีรินทร์ในยามที่ชายหนุ่มถูกทำร้าย และเขาก็ต้องการเป็นคนแรกที่ปลอบประโลมและดูแลคีรินทร์ “คีรินทร์…” เสียงของทิวาแหบพร่า เขายกมือสั่นเทาออกไปข้างหน้าเหมือนอยากคว้าตัวคนตรงหน้าไว้ “นายรังเกียจฉันเหรอ… ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันรักนายนะ” คำสารภาพของทิวาทำให้ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้งไปกันหมด โดยเฉพาะคีรินทร์ที่เวลานี้เขานั้นช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจคิดอะไรได้อีก คีรินทร์ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ ราวก
บทที่ 39 เปิดเผย คีรินทร์นิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพรักของทิวา เขาจ้องมองทิวาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คีรินทร์ได้แต่คิดไปว่าทิวากำลังสับสนเมื่อเห็นตนเองในสภาพเช่นเมื่อวานนี้ “ทิวา...ฉันว่านายคงกำลังสับสนอยู่นะ” “คีรินทร์...ฉัน...” ทิวาพยายามอธิบาย เขาก้าวเท้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังห่างจากเขาไปอีกครั้ง ทิวาได้แต่หยุดชะงักลงไปอีกครั้ง พร้อมทอดมองคีรินทร์อย่างรู้สึกผิดหวังรุนแรง “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” คีรินทร์ตัดบท ก่อนจะเดินออกจากบ้านทิวาไปในทันที “คีรินทร์...” ทิวาพยายามตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองเขาแม้แต่น้อย ทิวาได้แต่กำหมัดแน่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคีรินทร์ถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ชายหนุ่มได้แต่นึกโทษอิสรา ต้องเป็นเพราะเขาแน่ที่ทำให้คีรินทร์ถอยห่างเขาไปแบบนี้ ทิวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ยังมีกลิ่นไอของคีรินทร์ติดอยู่ เขาซุกหน้าสูดดมความหอมหวานนั้นอย่างหลงใหล “คีรินทร์ นายบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ” ทิวาได้แค่เพ้อออกมา ดวงตาแ
บทที่ 38 มือที่สาม คีรินทร์ตัดสายของทิวาไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะเข้านอนแต่วันเพราะร่างกายและจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คีรินทร์ตรงไปเปิดประตู และเขาก็เห็นอิสราที่มีสีหน้าอิดโรยยืนรอเขาอยู่ “คุณอิส ทำไมคุณยังไม่นอนอีก” คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหินห่าง “นายคุยกับใครอยู่” อิสราถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนเช่นกัน “คุณอิส คุณจะหาเรื่องอะไรอีก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ” คีรินทร์ตัดบท พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง อิสรากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือของคีรินทร์ขึ้นมาตรวจดู คีรินทร์ไม่พอใจกับท่าทีของอิสรา เขาจึงเดินไปแย่งมือถือออกจากมือของอิสรา “คุณอิส คุณจะทำอะไร” “แล้วนายคุยกับใครอยู่ล่ะ” อิสราตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย “ผมคุยกับเพื่อน” คีรินทร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อิสรากัดฟันแน่น เขาคว้าตัวคีรินทร์มารัดไว้ พร้อมแย่งมือถือกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรของทิวา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ทำไม
บทที่ 37 รอยร้าว คืนเดียวกันนั้น ทิวาได้รับข้อความจากคีรินทร์ที่ส่งมาสั้นๆ “ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว” ทิวามองข้อความนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะค่อยๆ คลี่ออก เขารู้ดีว่ารอยร้าวกำลังเกิดขึ้นระหว่างคีรินทร์กับอิสรา และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการซับซ้อนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น เสียงฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะและความวุ่นวาย แต่ภายในคอนโดหรูของทิวากลับเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบโซฟาหนัง ทำให้เงาของทิวาที่นั่งพิงอยู่ทอดยาวบนพื้นห้อง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ทิวารีบเดินไปเปิดในทันที รอยยิ้มกว้างผุดออกมาด้วยความดีใจเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยอยู่ ‘คีรินทร์’ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น ตามด้วยร่างของคีรินทร์ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้น” ทิวาลุกขึ้นต้อนรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยที่แสร้งให้ดูจริงใจ เขา