ログイン“นะโมพุทธายะ มะอะอุ นะมะพะธะ” จะอยู่หรือตาย...ล้วนขึ้นอยู่กับวิบากกรรม
もっと見るผมชื่อ เทียน(อัครพัลลภ) ผมกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งคณะที่ผมเรียนก็คือสถาปัตยกรรมศาสตร์และผมมีความลับที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ ผมสามารถรับรู้สิ่งลี้ลับ นั่นคือการมองเห็นผี จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ
10ปีที่แล้ว ในช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม พ่อและแม่ของผมต้องไปทำงานอยู่จังหวัดในภาคใต้เป็นระยะเวลา 2 เดือน พ่อกับแม่เป็นห่วงผมเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลผม ทันใดนั้นเองพ่อกับแม่ได้ตกลงกันว่าจะให้ผมไปอยู่กับตายายที่ต่างจังหวัดก่อนชั่วคราว หลังจากที่พ่อกับแม่ทำงานเสร็จแล้วจะมารับผมทันที โดยปกติแล้วผมก็ไปเยี่ยมตาทุกช่วงปิดเทอมอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นอยู่เพียง1สัปดาห์ แต่ผมก็สนิทกับทั้งคู่มาก ยายของผมชื่อยายจันทร์ ยายเป็นคนอารมณ์ดี สนิทกับทุกคนในหมู่บ้าน ไปวัดทำบุญอยู่ตลอด แถมคุยสนุก ส่วนตาของผมชื่อตาเรือง ตาเป็นคนใจดี นิ่งเงียบ และตาของผมเป็นหมอธรรม คอยช่วยเหลือชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือโดยเฉพาะสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสได้ จังหวัดที่ตากับยายผมอยู่นั้น เป็นจังหวัดอยู่ในภาคอีสานซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดที่พวกผมอยู่ ครอบครัวของผมอาศัยอยู่จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ที่นี่ค่อนข้างมีความเจริญพอสมควร พวกผมเริ่มออกเดินทางตั้งเเต่ 6 โมงเช้า แม่ของผมบอกว่าต้องไปให้ถึงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน พ่อของผมเป็นคนขับรถเก๋งคันสีขาวนั่งอยู่ทางคนขับ แม่ของผมนั่งอยู่เบาะคนนั่งข้างคนขับอยู่ข้างหน้า ส่วนผมนั่งอยู่เบาะทางด้านหลังคนเดียว ในขณะที่พ่อกำลังสตาร์ทรถอยู่นั้น จู่ๆก็สตาร์ทไม่ติด พ่อรีบโทรเรียกช่างซ่อมรถเพื่อมาเช็กดูรถ หลังจาก30นาทีผ่านไป ช่างก็มาถึง ผมยืนอยู่ข้างแม่ส่วนพ่อก็ยืนคุยกับช่างอยู่ ช่างได้ลองสตาร์ทรถดูอีกครั้ง ปรากฏว่ารถกลับสตาร์ทติด พ่อกับแม่ของผมมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง หลังจากที่ทุกอย่างจบลงช่างก็ได้กลับไป จู่ๆแม่ผมก็พูดขึ้นว่า "หรือวันนี้จะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมา" "มันไม่มีอะไรหรอกคุณ คุณอย่าคิดมากเรื่องแบบนี้มันเกิดได้ตลอดนั่นแหละ" พ่อของผมพูดตอบกลับแม่พลางตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ บรรยากาศโดยรอบในช่วงเช้านี้พระอาทิตย์เริ่มขึ้นทางทิศตะวันออก บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยตึกสูงที่ตั้งเรียงรายหนาแน่น ทั้งสองฝั่งถนนมีสิ่งปลูกสร้างหลากหลายรูปแบบ มีทั้งตึกที่กำลังสร้าง ตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จและตึกที่กำลังประกาศขาย เมื่อมองไปรอบตัว มีแต่ตึกอาคารสูงปกคลุมท้องฟ้า ทำให้รู้สึกแออัดและอึดอัดเหมือนถูกโอบล้อมด้วยความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ถนนหนทางคึกคักไปด้วยผู้คนที่เร่งรีบ ต่างมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน โรงเรียน หรือธุระของตน รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถยนต์ส่วนตัวไหลเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงแตรรถและเครื่องยนต์ที่ดังระงม ผู้คนบนฟุตบาทเดินสวนกันไม่ขาดสาย หลังจากผ่านไป2ชั่วโมง ข้างหน้าทางถนน จู่ๆเกิดรถติดจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด สาเหตุที่เกิดขึ้นคือมีการเกิดอุบัติเหตุ คนขับรถกระบะชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่ ส่วนอีกคันหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไปชนท้ายกระบะคันนั้นจนร่างกระเด็นไปถึงกลางถนน มีรถบรรทุกไปเหยียบร่างซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้สองคน คนแรกที่ชนเสาไฟเป็นชายวัยกลางคน คนที่สองที่ขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นชายวัยรุ่นที่มีรถท่อเสียงดัง ศพของเขาเละ เครื่องในอวัยวะต่างๆถูกกระจัดกระจายตามพื้น สมองไหล เลือดของเขาไหลเต็มพื้นถนน ส่วนเจ้าของรถบรรทุกมีสีหน้าตกใจอย่างหนัก หลังจากที่ผ่านพ้นจากช่วงสถานการณ์จราจรติดขัดมาได้นั้นใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง พ่อผมได้ให้ทุกคนแยกย้ายลงไปทำธุระของตัวเองและกินข้าวก่อนที่จะขับรถเพื่อออกเดินทางกันต่อ ตอนนี้พวกผมอยู่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง บรรยากาศโดยรอบมีผู้คนจำนวนมากนั่งอยู่ภายในร้านมีอาหารหลากหลายวางอยู่บนโต๊ะของแต่ละโต๊ะ อากาศในช่วงนี้ค่อนข้างจะร้อน แม่ของผมได้สั่งข้าวผัดทะเลให้ผมกิน พ่อกับแม่ของผมเลือกสั่งกระเพราหมูสับกินกันคนละจาน พออาหารที่สั่งมาถึง ทุกคนต่างเงียบลงตั้งหน้าตั้งตากินไม่มีเสียงคุยกัน ผ่านไปสักพักพ่อของผมก็พูดขึ้นว่า "เราต้องใช้เวลาเดินทางกันต่ออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย" "คุณคิดว่าพวกเราจะถึงเวลากี่โมง" "ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ1-2ทุ่มได้" "ถ้างั้นก็ดีเลย" แม่เอ่ยบอกพ่อ จากสีหน้าที่เคยกังวลก่อนหน้านี้ กลับแปรเปลี่ยนจากเดิมด้วยสีหน้าสบายใจ บทสนทนาต่อจากนั้นก็สร้างเสียงหัวเราะ ครึกครื้นขึ้น ก่อนจะออกเดินทางกันต่อแม่ก็ได้สั่งอาหารใส่กล่องไว้ 3 ชุดและน้ำอีก 3 ขวด เผื่อหิวกันระหว่างทาง ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันขึ้นรถนั่งประจำตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นไม่นานผมเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา ผมนอนอยู่ตรงเบาะเอาขาขึ้นไว้บนเบาะเตรียมที่จะนอนหลับ ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้างัวเงีย เสียงพ่อปลุกผมให้ตื่นเพราะว่าตอนนี้รถที่ขับมาเกิดเสียพ่อบอกว่าจู่ๆรถก็ติดๆดับๆทั้งที่พ่อได้เติมน้ำมันไว้แล้วเต็มถังในช่วงที่ผมนอนหลับอยู่ ตอนนี้พวกผมจอดรถไว้ข้างทาง บริเวณโดยรอบมีแต่ป่าเต็มไปหมดมีเพียงบ้านร้างเป็นไม้ทั้งหลัง ลักษณะของบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวไม้เริ่มผุมีปลวกขึ้นตามบ้านส่วนทางทิศตะวันออกของบ้านมีศาลพระภูมิเก่าอยู่ตรงบริเวณนั้นมีผ้าเจ็ดสีเก่าผูกไว้ยังเสาไม้ของศาลพระภูมิแต่มันน่าสงสัยตรงที่ศาลพระภูมิสร้างจากไม้ทั้งหมดซึ่งแตกต่างจากที่ผมเคยเจอมา มีถ้วยจานที่แตกแล้วอยู่บนพื้นหน้าศาลแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อคิดเพียงแค่ว่าเป็นเพียงแค่บ้านร้าง ก่อนหน้านี้พ่อผมบอกแม่ว่าจะใช้ทางลัดกันเพื่อให้ถึงเร็วขึ้น เนื่องจากในตัวเมืองมีรถติดซึ่งทำให้ระยะเวลาในการเดินทางช้าลง ตอนนี้ที่พวกเราทั้งสามคนอยู่นั้นแทบจะไม่ค่อยมีรถผ่านเลยสักคัน แม่เริ่มกังวลอีกครั้งส่วนพ่อก็พยายามหาเบอร์ติดต่อช่างเพื่อได้เอารถไปซ่อม ผ่านไป1ชั่วโมง มีกระบะคันหนึ่งขับมาทางถนนเส้นนี้ เจ้าของรถกระบะจอดรถแล้วลดกระจกรถลง "รถเป็นอะไรครับ" "รถเสียสตาร์ทไม่ติดครับ" "ได้เติมน้ำมันไหมครับ" "เติมเรียบร้อยแล้วครับเต็มถัง" "โทรเรียกช่างมารึยังครับ" "ยังเลย ไม่มีเบอร์เลยครับพอดีพวกผมมาจากต่างจังหวัดน่ะครับ" "เดี๋ยวถ้างั้นผมโทรเรียกให้ ผมพอจะรู้จักช่างแถวนี้อยู่" "ขอบคุณมากๆเลยครับ" เจ้าของรถกระบะได้โทรเรียกช่างให้มายังที่พวกผมอยู่ เพื่อมาเช็กรถให้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร "ถ้าภายในอีก20นาทียังไม่มาให้โทรตามอีกรอบนะครับ 0XXXXXXXX4" "ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือ" "ถ้าเป็นไปได้ให้รีบผ่านถนนเส้นนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้จะดีมาก" "ทำไมหรอครับ" "เปล่าหรอกครับ แต่ให้จำคำที่ผมพูดไว้ดีๆ" "ได้เลยครับ" ทันทีที่เจ้าของรถกระบะพูดจบนั้นก็ได้รีบขับรถออกไป หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ช่างซ่อมรถก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ามายังทางพวกผม มีช่างซ่อมรถ 2 คนที่มาด้วยกัน ทั้งคู่เริ่มมีสีหน้าดูกังวลมองดูรอบๆ ช่างทั้งสองคนลองไปเช็กรถเริ่มจากสตาร์ทรถดูอีกครั้ง ปรากฏว่าสตาร์ทติดจึงได้ลองเช็กทุกอย่างกลับพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ช่างทั้งคู่จึงมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายอย่างทุลักทุเล "มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับช่าง" "ไม่มีเลยนะครับ ทุกอย่างปกติดีผมเช็กระบบหมดแล้ว" "ขอบคุณนะครับ แต่ผมเองก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมวันนี้รถจู่ๆก็สตาร์ทไม่ติดตั้ง2ครั้งของวันนี้ ทั้งที่ผมพยายามสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที" "แล้วพวกคุณจะไปไหนกันหรอครับ" "ว่าจะไปเยี่ยมพ่อตากับแม่ยายน่ะครับ" "ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะครับ ผมอยากให้ระวังตัวกันให้ดีถ้าเป็นไปได้ให้รีบผ่านเส้นทางนี้ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน" ช่างพูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงสั่นๆกล้าๆกลัวพลางมองบรรกาศโดยรอบ "ทำไมหรอครับ ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกพวกผมแบบนี้" "ปะ..ป่าวหรอกครับ" "ค่าบริการเท่าไหร่ครับ" "30 บาท" "นี่ครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากที่พ่อคุยกับช่างเสร็จ ช่างทั้งสองคนก็ได้ขับรถออกไป จู่ๆผมก็เห็นยายแก่คนนึงนั่งอยู่ข้างหลังรถมอเตอร์ไซค์ของช่าง ยายคนนั้นก้มหน้าก้มตาใส่ชุดลูกไม้เก่าสีเขียวอ่อน ท่อนล่างใส่ผ้าถุงสีดำ เท้าเปล่า ผมของยายเป็นทรงผมบ๊อบสั้นดัดลอนฟูแบบผู้ใหญ่ผมมีสีขาวทั้งหัว อายุราว 70 ปีรูปร่างผอมแห้งเกือบเห็นกระดูก ยายคนนั้นค่อยๆหันหน้ามาทางผมคอของยายเริ่มหมุนมายังทางผม ผมรีบเปิดประตูรถเข้าไปอยู่ในรถไม่พูดจากับใคร พ่อกับแม่ของผมต่างพากันเข้ามาในรถ ทางของพ่อก็กำลังจะเตรียมขับรถต่อ ส่วนแม่ก็เงียบไม่พูดไม่จา ผมตกใจกลัวกับสิ่งที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเองสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ยังศาลพระภูมิเก่าทางบ้านร้าง สิ่งที่ปรากฏคือยายแก่คนนั้น ที่ตอนนี้มองมาทางผมแล้วแลบลิ้นยาว ไม่มีลูกตาทั้งสองข้างขุนผลักบานประตูให้เปิดออก เทียนก้าวเข้ามาในห้องก่อนโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาก้องท่ามกลางความเงียบ ไม่นานนักไฟในห้องก็ค่อยๆสว่างขึ้น เขาปิดประตูตามหลัง ก่อนจะยืนอยู่ไม่ไกลจากเทียน ทั้งสองยังคงนิ่ง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น ราวกับต่างฝ่ายต่างกำลังรอให้ใครสักคนเริ่มพูดก่อน ในที่สุด ขุนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น พลางเอ่ยเสียงเรียบ " อยากกินอะไรไหม?" "หื่อ ตอนนี้ยังไม่หิว" "แน่ใจ?" "ก็เออดิ ถามอยู่ได้" ขุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงของเทียน "..." "...โกรธอะไร จะได้ขอโทษ" "แล้วทำไมกูต้องโกรธมึงด้วยมิทราบครับ" เทียนมองด้วยสีหน้าไม่พอใจปนหงุดหงิดเล็กน้อย บรรยากาศในห้องยังเงียบ ขุนจ้องเทียนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ "รู้ไหม ว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่ง" เทียนนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินขุนพูดแบบนั้น เขาเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ "อะไรของนายอีกเนี่ย ก็กูไม่หิว! มึงเซ้าซี้กูอยู่ได้" เทียนตอบสั้นๆ น้ำเสียงหงุดหงิดยังไม่ลดลง ขุนมองหน้าเทียนตรงๆไม่หลบสายตา เทียนยังทำหน้าดุใส่ขุนอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากเถียงต่อ เสียงท้องของเขาดันร้องดังขึ้นมากอย่
"สวัสดีค่าา ยินดีตอนรับเข้าสู่ช่วงQ&A ถามปุ๊บตอบปั๊บ ถามปั๊บปั๊บตอบปุ๊บปุ๊บEP.4แล้วนะคะ~""แขกรับเชิญของเราก็คือออออ..เดือนมหาลัยปีนี้ น้องขุนค่าาาาาาาาา!!"ทั้งพิธีกรกับน้องขุนยกมือไหว้พร้อมกัน"ทุกคนคะ! ตัวจริงน้องขุนหล่อม้ากกกกกกก ทำเอาพิธีกรเกร็งเลยค่ะ5555555""ขอบคุณครับ" น้ำเสียงของขุนเรียบนิ่ง ไม่มีวี่แววตื่นเต้น หรือเคอะเขินรุ่นพี่พิธีกรกลับหัวเราะกลบความเงียบได้อย่างมืออาชีพ เธอกำลังนั่งไขว่ห้างอย่างเป็นกันเองบนเก้าอี้ทรงสูง ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา สวมชุดนักศึกษาแบบเรียบร้อย"เอาล่ะค่าาา วันนี้เราจะมาถามคำถามสั้นๆ สนุกๆ ให้แฟนๆ ได้รู้จักตัวตนของขุนมากขึ้น! ทั้งหมดมี 10 คำถามค่ะ พร้อมยังคะ?""ครับ""คำถามแรก ทำไมถึงได้ชื่อเล่นว่า ขุน คะ?""...""ตาเป็นคนตั้งให้...ผมเองก็ไม่ทราบครับ"พิธีกรถึงกับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่งยิ้มกลบอึดอัด"เราไปกันต่อที่คำถามต่อไปดีกว่าค่าาาา~""คำถามที่สอง ชอบสีอะไรคะ?""ดำครับ""คำถามที่สาม งานอดิเรกที่ชอบทำค่ะ""แกะเพลงเล่นเปียโนครับ"รุ่นพี่พิธีกรพลิกกระดาษคำถามในมืออีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย"แล้ววว~ น้องขุนมีแพลนจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด