เวลา 7:00 น.
เพียงขวัญยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องในคอนโดหรูอยู่ประมาณสิบนาทีได้ เธอกำลังรู้สึกตกใจในคำสั่งแรกที่ได้รับจากบริษัทเมื่อเช้าเพราะคำสั่งนั้นคือเธอต้องมาปลุกธามให้เข้าบริษัทพร้อมเธอให้ได้ โดยมีกฎอยู่ไม่กี่ข้อในการปลุกเขา 1.ใส่รหัสที่ให้ได้เลย ห้ามเคาะประตูเพราะเขาเกลียดเสียงเคาะประตูตอนเช้า ข้อนี้เธอแอบสงสัยว่ากับอีกแค่เสียงเคาะเขายังไม่ชอบแล้วการที่ทางบริษัทให้ใครก็ไม่รู้อย่างเธอเข้าไปปลุกเขาถึงในห้องนี่คิดว่าเขาจะชอบใจหรือยังไง? 2. เมื่อถึงหน้าห้องนอน ใช้วิธีไหนก็ได้ให้เขาตื่นโดยไม่ต้องเสียงดัง ปล.ปกติธามไม่ปิดประตูห้องนอน ขนาดเธออ่านมาถึงจุดนี้ยังไม่มีวิธีไหนในสมองที่นึกออกเลย ให้ตายเถอะ! "เอาวะ คุยโม้เพื่อนไว้สะเยอะตกงานตั้งแต่วันแรกคงไม่มีหน้าไปเจอทุกคน" เพียงขวัญเรียกกำลังใจชะเง้อหน้าเข้าไปสำรวจภายในห้อง แต่เธอต้องตกตะลึงเพราะสิ่งแรกที่สายตาเธอจับโฟกัสได้คือในห้องนี้เต็มไปด้วยตุ๊กตาแคร์แบร์หลายสีที่ถูกจัดเก็บไว้ในตู้โชว์อย่างดีเด่นออกมาจากโทนสีการตกแต่งห้องที่เป็นสีเทาดำขาว นั้นทำให้เพียงขวัญอดที่จะก้าวเท้าเข้าไปหยุดดูมันใกล้ๆ ไม่ได้ "สุดยอดโคตรเยอะ มีตัวที่หายากด้วย" เพียงขวัญที่เดิมทีชื่นชอบตุ๊กตาหมีเป็นทุนเดิมและเคยคิดว่าถ้าหาเงินเองได้อยากจะซื้อมันเก็บไว้สักตัวเหมือนกันมองเหล่าบรรดาตุ๊กตาที่จัดวางอยู่ตาเป็นมัน "คงนุ่มหน้าดูเลย... รอก่อนเถอะถ้าฉันได้เงินเดือนมาจะไปซื้อแกเจ้าหมีอ้วน" คิดได้แบบนั้นเธอก็หันมองสำรวจรอบห้องอีกครั้ง ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับเต่าแก๊สเท่านั้นสมองอันชาญฉลาดของเธอก็แล่นทันที "คนเราจะตื่นเสมอเมื่อได้กลิ่นสิ่งแปลกปลอม" จบคำพูดเพียงขวัญก็ตรงเข้าไปหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วมุ่งหน้าไปที่เตาแก๊สทันที มือเล็กกดเปิดมันทันทีจนทำให้เกิดเปลวไฟก่อนจะวางลงบนถ้วยเซรามิกใบยักษ์เพื่อกันไม่ให้ไฟลุกลามและฉีกกระดาษอีกหลายชิ้นหย่อนลงไป แล้วหันไปใส่ถุงมือกันความร้อนแล้วหยิบจานนั้นเข้าไปวางที่หน้าประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่ เธอวางมันไว้แล้วคอยมองสำรวจร่างที่อยู่ในผ้าห่มหนาว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร ผ่านไปไม่นานควันจากการเผาไหม้ก็คละคลุ้งไปทั่วห้องกว้างทำให้คนที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม เสียงสูดหายใจเข้าที่เริ่มดังถี่ขึ้นทำให้เธอต้องรีบไปหากระดาษมาเพิ่มเปลวไฟอย่างตื่นเต้น ฟรืบ ร่างสูงในสภาพหัวชี้ฟูด้านบนเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้าเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยท่าทีตื่นตระหนก เมื่อเพียงขวัญเห็นแบบนั้นก็รีบซ่อนตัวอยู่หลังประตูทันทีเพราะกลัวว่าจะถูกเขาโวยวายใส่ "อะไรวะน่ะ" เสียงตื่นตระหนกและเสียงลุกจากที่นอนดังขึ้นพร้อมกันธามรีบเดินมาดูเปลวไฟที่กำลังลุกในถ้วยราคาแพงของเขาก่อนที่เขาจะรีบไปหยิบแก้วน้ำบนหัวเตียงมาเทลาดมัน "ใคร!!!!!" เสียงเข้มตะโกนดังกังวานทั่วห้องเพื่อเรียกตัวการออกมาจากมุมมืด เมื่อเพียงขวัญได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังประตูด้วยรอยยิ้มแห้ง "ยัยบ้า! เธอจะเผาห้องฉันหรือยังไง!!" ธามตะโกนใส่เพียงขวัญด้วยท่าทีหงุดหงิดเขารู้สึกหัวเสียมากที่เห็นหนึ่งในผู้สัมภาษณ์เมื่อวานมาอยู่ในห้องเขา แถมยังปลุกเขาด้วยวิธีบ้าบ้าแบบนี้อีก "เอิ่ม...ก็ไม่รู้จะทำก็ไม่รู้จะทำยังไงอ่าค่ะพอดีข้อความที่ได้รับเขาบอกว่าคุณทำไม่ชอบให้ปลุก" "เลยคิดจะเผาคอนโดฉันว่างั้น?" "เปล่านะคะฉันแค่ปลุกสัญชาตญาณของมนุษย์ เอิ่ม... ที่ต้องเอาตัวรอดเมื่อได้กลิ่นควันไฟ" เพียงขวัญพูดพร้อมยิ้มแห้ง ธามมองใบหน้าจืดชืดของเด็กสาวนิดหน่อย เขาเดินขยับเข้าไปใกล้เธอด้วยท่าทีอดทนอดกลั้นเต็มที ริมฝีปากเม้มตรงด้วยความโกรธ ทำเอาเพียงขวัญรู้สึกกลัวจนต้องถอยหลังหนี "คุณๆ จะมาถอดเสื้อเดินเข้ามาใกล้ผู้หญิงไม่ได้นะ!" เพียงขวัญโวยวายลั่นทำเอาธามถึงกับกระตุกยิ้มมุมปาก โน้มตัวไปใกล้เธอมากขึ้นไปอีก "การปลุกสัญชาตญาณของมนุษย์อื่นอีกหลายวิธี แต่ไม่ใช่วิธีแบบที่เธอทำ!!" "ก็ ก็ ฉันไม่รู้จะต้องทำยังไงนี่คะ?" เมื่อถูกสายตาคมกริบนั่นจ้อง ก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้จริงๆ ไหนเพื่อนสาวของเธอที่เป็นแฟนคลับบอกว่าเขาเป็นคนน่ารักยังไงล่ะ แต่ดูสิ่งที่เธอเจอสิ ผ่านมายังไม่ถึงชั่วโมงเธอถูกตะคอกไปแล้วกว่าสิบรอบ "สมองเธอนี่มันมีอะไรอยู่กันแน่นะ! รอฉันตรงนี้เลยวันนี้ฉันจะจัดการเธอแน่!!" ธามดุเพียงขวัญเสียงดังจนต้องหลับตาเพราะกลัว ก่อนที่เขาจะเดินหันหลังหนีกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดัง ปัง! "ประสาท ฉันบอกแล้วแท้ๆ ว่าไม่เอาผู้หญิง!" เสียงธามตะโกนดังลั่นห้องจนเพียงขวัญสะดุดตกใจอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานธามก็ออกมาในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนสีซีด เขาหันมองเธอที่ยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิมด้วยท่าทีอารมณ์เสีย "เธอต้องไปบริษัทกับฉันเดี๋ยวนี้!" เขาพูดจบก็เดินนำหน้าเธอออกจากห้องทันทีเพียงขวัญรีบวิ่งตามมาด้วยท่าทางสงบเงียบ แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏเพราะแผนการที่เธอคิดไว้มันสำเร็จ!: ร้านนะโมเพื่อนทั้งสองเรียกตัวเพียงขวัญมาที่ร้านทันทีที่ได้เห็นข่าวการคบหาต่างวัยของนายแบบหนุ่มอันดับหนึ่งและผู้ช่วยสาวที่ดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต แต่เพื่อนสนิทอย่างเขาสองคนกับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนกอดอกนั่งมองตัวการที่กำลังยิ้มแห้งๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรจนนะโมต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน"ยังไม่อธิบายมาอีก ในข่าวนั้นมันหมายความว่ายังไง""ก็ตามนั่นแหละ ก็คบกันสักพักแล้ว""แล้วไม่คิดจะบอกเพื่อนอย่างพวกเราเลยหรือไง?"นกยูงโวยขึ้นอีกคน"ก็ไม่รู้ว่าจะคบกันนานไหมเลยไม่บอก กลัวหน้าแตกที่มีแฟนฮอตขนาดนั้นอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้ข่าวด้วยตัวเองแบบนั้น"เพียงขวัญพูดแล้วทำท่าทีเขินอายจนเพื่อนสองคนต้องกลอกตามองบน ไอ้ประโยคที่พูดมาเมื่อครู่นั้นไม่ต่างจากการอวดเลยสักนิด ทำให้นกยูงถึงขั้นหมั่นไส้ทำท่าทางล้อเลียนเธอจนเจ้าตัวต้องตีเข้าที่ไหล่ของเพื่อนสาวเป็นการแก้เขิน"แล้วนี่บอกแม่กับพ่อยัง? เขาจะตกใจไหมเนี่ยอยู่ๆ ก็มีแฟนแถมเป็นคนดัง อีกอย่างอายุพวกเธอก็ห่างกันด้วย"นะโมพูดพร้อมกับมองเพื่อนสาวที่มีสีหน้ากังวลขึ้นมาเพียงเท่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอยังไม่ได้บอกครอบครัว"ยัยบ้าแล้วอย่างนี้พ
ธามยังคงนั่งมองรูปของน้องสาวอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกคิดถึงจนเพียงขวัญต้องเดินเข้ามาสวมกอดเขาเข้าที่ด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เรื่องทุกอย่างผ่านไปธามก็ขอให้เพียงขวัญเขามาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของเขาที่สภาวะอารมณ์ยังไม่คงที่ อย่างน้อยถ้าพวกท่านได้เห็นหญิงสาวที่สดใสอย่างเพียงขวัญอาจจะรู้สึกดีขึ้น "พี่ดีขึ้นหรือยังคะ?""พี่อ่อนแอได้ที่ไหนล่ะ""พี่อ่อนแอได้ตลอดนะ มีหนูอยู่ข้างๆ ทั้งคนจะร้องไห้ก็ได้หนูไม่ว่าหรอกไม่ล้อด้วย"เพียงขวัญพูดพร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อเอาใจคนตัวสูง ธามเองก็รู้สึกดีขึ้นจนต้องหันมากอดขอบคุณเพียงขวัญที่คอยอยู่ข้างๆ เขามาจนถึงวันนี้ แถมยังคอยดูแลพ่อและแม่ของเขาให้อีกด้วย"ขอบคุณนะ...หนูน่ารักที่สุดเลย""แน่นอนอยู่แล้ว""ถ่อมตัวบ้างก็ได้นะหนูเพียง"ธามพูดพร้อมขยี้ผมเพียงขวัญเบาๆ ด้วยความเอ็นดูจนคนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ที่เขาทำทรงผมเธอเสียทรง ช่วงนี้ธามยังอยู่ในช่วงลาพักร้อนทำให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นและฟางก็เข้าใจเพราะตอนที่ทางบริษัทรู้ข่าวทุกคนก็ต่างตกใจจนต้องเคลียร์a dตารางงานให้ธามทั้งหมดทั้งคู่ตกลงจะคบหากันต่อไป และจะบอกทุกคนหลังจากที่สภาพจิตของครอบครัวธามดี
:ธามหลังจากที่จัดการเรื่องในงานเสร็จผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อดูอาการพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ด้านใน ผมถอนหายใจทิ้งด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นเพราะไม่อยากจะเห็นภาพของพ่อและแม่ที่กำลังทุกข์ใจจนไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป...จนมือเล็กๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จับเข้าที่แขนผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ผมเป็นการปลอบโยนแล้วส่งสัญญาณให้ผมเข้าไปดูพวกท่าน "เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ...""ฉันจะรอคุณตรงนี้ค่ะไม่ต้องกังวล"ผมสวมกอดเพียงขวัญครั้งหนึ่งเป็นการขอกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาคนเป็นพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ตรงหน้าผมก็คือภาพพ่อที่กำลังกอดแม่ไว้ในอ้อมกอดแน่นและท่านทั้งสองคนกำลังร้องไห้... ผมจึงคลานเข้าไปนั่งตรงหน้าทั้งสองคนแล้วกอดท่านไว้เช่นกัน"ผมขอโทษที่ทำให้ต้องรู้เรื่องนี้""มันถูกต้องแล้วลูก ลูกช่วยท้วงความยุติธรรมให้น้องมันถูกต้องแล้ว"พ่อลูบเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่แม่จะค่อยๆ เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ผม"ลูกรู้มานานขนาดนั้น แถมยังต้องปิดบังเพราะกลัวพ่อแม่เป็นทุกข์...ลูกต้องทุกข์ใจคนเดียวขนาดนั้นแม่ขอโทษนะ""แม่อย่าร้อง..."ผมโผล่เข้ากอดคนเป็นแม่แน่น"ถึงธันย่
: เพียงขวัญงานหมั้นเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศที่ดูครึกครื้นแขกในงานเต็มไปด้วยนายแบบและนางแบบชื่อดังแถมยังมีบรรดาไฮโซเต็มงานไปหมด ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและดีใจกับคู่รักในวันนี้จะเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ต้องยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานที่ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของเขาเลย นอกจากเขาจะมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วดวงตายังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดจนฉันเป็นกังวล"หนู...ใช่ผู้ช่วยเจ้าธามไหม"ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกจากด้านหลัง หญิงสาววัยกลางคนที่มีท่าทางสง่าและสูงศักดิ์กำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสถ้าให้เดาจากโครงหน้าที่เด่นชัดนี่คนคนนี้คงจะเป็นแม่ของคุณธาม"ใช่ค่ะ"ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันทีก่อนจะยิ้มตอบอย่างนอบน้อมก่อนที่จะชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เขาคงจะเป็นคุณพ่อของคุณธามฉันเลยแนะนำตัวไปคร่าวๆ ว่าฉันเป็นเพียงผู้ช่วยของเขาทำให้ทั้งคู่ชื่นชมฉันยกใหญ่ที่สามารถดูแลคนเรื่องมากอย่างเขาได้"ตอนเด็กน่ะนะ ตาธามนี่กินยากอยู่ยากชอบอยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่คิดว่าโตมาจะได้เป็นนายแบบเบอร์หนึ่งดังขนาดนี้"คนเป็นแม่พูดพร้อมกับมองคนที่ถูกพูดถึงด้วยสายตาภูมิใจ"ตอนนี้เขาดังมากเลยค่ะคุณน้า"ฉั
: งานหมั้นธามยืนจ้องเมียสาวที่กำลังแต่งตัวให้เขาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาไม่สามารถเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ได้เลย เพียงขวัญเองก็ไม่ต่างกันเธอกำลังสวมสูทให้คนรักอย่างอ่อนโยนแม้ในใจมันช่างทรมานสุดแสนจะบรรยายได้ ฟืบร่างสูงของธามสวมกอดเพียงขวัญแน่นจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เพียงขวัญเองก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหลังคนรักอย่างปลอบโยนด้วยความเข้าใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเลือกหมั้นเพราะอะไรเธอก็พร้อมจะปล่อยเขาไป"เวลามันผ่านไปเร็วมากเลย...""เวลาเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ""เธอทรมานเหมือนฉันไหม?""ฉันเลือกอะไรไม่ได้ค่ะ สุดท้ายคุณก็ไม่ใช่ของฉัน"เพียงขวัญพูดอย่างพยายามอดกลั้นความเสียใจที่มันปนออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่น แต่เหมือนธามจะรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจมากจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างหวงแหน"หลังจากหมั้น ฉันจะถอนหมั้นทันทีถึงตอนนั้นเธอจะยังไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะพยายามจีบเธอใหม่""อย่าเลยค่ะ คุณคิดจะหมั้นแล้วคุณก็ต้องอยู่กับเธอให้นานๆ สิ""มันไม่ใช่ความต้องการของฉันแล้วเพียงขวัญ เธอคือคนที่ฉันต้องการไม่ใช่โรส แต่ฉันไม่บังคับเธอนะเธอรอดูพฤติกรรมฉันก่อนก็ได้""คุณพูดอะไรของคุณ"เพ
: เพียงขวัญหลังจากที่คุณธามออกไปหาพี่ไนท์ที่ร้านอาหาร ฉันก็แอบมาพบกับพี่มอสอีกครั้งโดยที่ไม่ได้บอกใครเขาส่งข้อความมานัดฉันตั้งแต่เช้าโชคดีที่คุณธามไม่รู้ไม่อยากนั้นเขาคงไม่ให้ฉันมาแน่ ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันยังเหลือเยื่อใยอะไร แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่พูดหรือตัดความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมาจะยังทำให้เขาคิดว่ายังมีโอกาสกลับไปคบกันได้อีก เพราะหลายวันที่ผ่านมาพี่มอสยังคงส่งข้อความราวกับว่าเรายังเป็นคนรักกันอยู่มันเหมือนกับว่าเขาคิดจะรอฉัน"พี่มอสมานานหรือยังคะ?"ฉันถามขึ้นก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาและพบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ฉันชอบหลายเมนู และนั้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังพยายามเอาใจฉันอยู่ "ไม่นานหรอก ทานเลยสิเดี๋ยววันนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?""อาทิตย์นี้เพียงพักค่ะ พอดีคุณธามเขาต้องเตรียมตัวหมั้นตารางงานเลยว่างค่ะ"ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่อันที่จริงแล้วในใจของฉันมันยังเจ็บไม่น้อยเลยที่ต้องยอมเห็นคนที่ตัวเองรักไปเป็นของคนอื่น แต่จะทำยังไงได้ละนอกจากทำมันให้ดีที่สุดก่อนจะจากกัน"หลังจากนั้น...เพียงจะทำยังไงต่อละ?""หมายถึงอะไรคะ?""หลังจากค