“ไม่สบายน่ะสิ สงสัยจะทำขนมจนไม่ได้พัก เฮ้อ...ไม่รู้จะหักโหมอะไรนักหนา”
“แล้วฟีฟ่าละคะ”
“อยู่โรง’บาลด้วยกันนั่นแหละ รัณโทรมาบอกเมื่อกี้”
“รัณ? รัณพาเพียงฟ้าไปหาหมอหรือคะ”
มาลาอ้าปากค้างไว้ “อ่า...อย่าคิดมากนะหนู ก็...ฟีฟ่าโทรไปหาพ่อของแกน่ะ รัณไม่มีทางเลือกหรอก น้าไปก่อนนะ”
อารดารับคำน้ามาลา ไม่ให้คิดมากอย่างนั้นหรือ ช่างทำได้ยากจริง
บ้านช่องเงียบลงไปอีกเท่าตัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงตะหลิวกระทะของน้ามาลา เธอกะว่าจะกลับไปนอนกลางวันสักงีบเพราะง่วงเหลือกำลัง แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน บิดาของเธอโทรมา ท่านเล่าถึงเรื่องอันน่าตกใจเมื่อสี่เดือนก่อน เรื่องของอรุณฉาย
“อะไรนะคะ! แล้วตอนนี้ยัยออมอยู่ไหนคะพ่อ”
‘อยู่กับย่า พ่อโทรไปหา พุดตานบอกว่าออมสบายดี’
อารดาใจไหวยวบ ถ้านับจากวันที่ออกจากบ้านมา ป่านนี้อรุณฉายคงจะท้องโตแล้ว
“ทำไมไม่มีใครบอกหนูเลย”
‘พ่อแค่...อยากให้ลูกมีความสุขบ้าง เพิ่งจะแต่งงานไป พ่อก็อยากให
“พอเถอะ พี่กลับไปได้แล้ว ฉันต้องไปอาบน้ำ ฉันเหนื่อย”“เหนื่อยเหรอ นี่ทำงานในสวนจริงๆ ใช่ไหม”อรุณฉายสูดน้ำมูกฟืดๆ ลุกจากแคร่แล้วผายมือให้พี่สาวดูสภาพตัวเอง“ฉันทำทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง”“ถ้าไม่อยากใช้เงินพ่อแม่ เธอก็น่าจะบอกพี่สิ”น้ำตาของอรุณฉายร่วงเผาะ เธอจะเอาเงินจากพี่สาวได้อย่างไร“ฉันนัดผัวพี่มาที่กระท่อม ฉันอ่อยเขา ฉันทำทุกอย่างเพื่อทรยศพี่ แต่สวรรค์ไม่เป็นใจ คนที่มาคืนนั้นไม่ใช่เขา และฉัน...ท้องกับผู้ชายคนนั้น! สวรรค์ลงโทษฉันเพราะฉันเลว พี่รู้อย่างนี้แล้วก็ไปซะ! อย่ามาที่นี่ อย่ามาสงสารฉัน ยิ่งพี่มาพูดดี มาทำดีกับฉัน ฉันยิ่งทรมาน ยิ่งตอกย้ำว่าฉันเลวแค่ไหน ได้โปรด...ไปเถอะพี่อุ่น อย่ามายุ่งกับฉันเลย ไปซะ!”อารดาอยากจะทรุดลงทั้งที่นั่งอยู่ อรุณฉายพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม มันจุก มันอึ้ง มันเจ็บ แต่มันยังทนได้ เพราะความจริงเสียยิ่งกว่าจริงคอยย้ำเตือนเอาไว้ ว่าคนที่มาหาอรุณฉายไม่ใช่ศรัณ ไม่ใช่สามีของเธอพี่สาวคนดียังมิได้กลับไป ยามที่น้องสาวหนีเข้าห้องน้ำ
“ไม่สบายน่ะสิ สงสัยจะทำขนมจนไม่ได้พัก เฮ้อ...ไม่รู้จะหักโหมอะไรนักหนา”“แล้วฟีฟ่าละคะ”“อยู่โรง’บาลด้วยกันนั่นแหละ รัณโทรมาบอกเมื่อกี้”“รัณ? รัณพาเพียงฟ้าไปหาหมอหรือคะ”มาลาอ้าปากค้างไว้ “อ่า...อย่าคิดมากนะหนู ก็...ฟีฟ่าโทรไปหาพ่อของแกน่ะ รัณไม่มีทางเลือกหรอก น้าไปก่อนนะ”อารดารับคำน้ามาลา ไม่ให้คิดมากอย่างนั้นหรือ ช่างทำได้ยากจริงบ้านช่องเงียบลงไปอีกเท่าตัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงตะหลิวกระทะของน้ามาลา เธอกะว่าจะกลับไปนอนกลางวันสักงีบเพราะง่วงเหลือกำลัง แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน บิดาของเธอโทรมา ท่านเล่าถึงเรื่องอันน่าตกใจเมื่อสี่เดือนก่อน เรื่องของอรุณฉาย“อะไรนะคะ! แล้วตอนนี้ยัยออมอยู่ไหนคะพ่อ”‘อยู่กับย่า พ่อโทรไปหา พุดตานบอกว่าออมสบายดี’อารดาใจไหวยวบ ถ้านับจากวันที่ออกจากบ้านมา ป่านนี้อรุณฉายคงจะท้องโตแล้ว“ทำไมไม่มีใครบอกหนูเลย”‘พ่อแค่...อยากให้ลูกมีความสุขบ้าง เพิ่งจะแต่งงานไป พ่อก็อยากให
ตะวันตกดินแล้วแต่สองพ่อลูกยังไม่กลับมาเลย อารดาร้อนใจทว่าไม่ได้โทรตามเพราะคิดว่าเขาอาจจะยุ่งอยู่ เธอเฝ้ารออย่างอดทน กระทั่งรถของสามีแล่นเข้ามาจอด เขาหิ้วถุงมาเต็มสองมือ กลิ่นขนมนมเนยลอยมาให้เธอได้สัมผัส และแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาไปบ้านเพียงฟ้ามา แต่สุดท้าย เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ“แม่อุ่นค้าบ”“ครับคนเก่ง เป็นยังไงบ้าง ทำขนมช่วยแม่ฟ้าเหนื่อยไหมเอ่ย”“ไม่คับ! วันนี้พ่อช่วยเราด้วย พ่อแพ็กขนมเก่งที่สุดเลย”อารดาเผลอสบตาสามีไปหนหนึ่ง เธอยิ้มให้เขา ยิ้มให้ลูกชาย แต่รอยยิ้มนั้นไม่สดใสจนศรัณรับรู้ได้“ไปอาบน้ำแล้วค่อยลงมากินมื้อค่ำนะจ๊ะ”“คับผม!” เด็กชายรับคำแล้ววิ่งขึ้นเรือนอารดาไปรับของจากสองมือของสามี มีขนมอบติดมือมาไม่น้อย“วันนี้คงไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้ง รัณกินขนมก็คงอิ่ม”“งอนผมเหรอ ผมไม่ได้อยากไปนะ น้าชุนไม่ว่าง ผมเลยต้องไปแทน”เธอยักไหล่ หิ้วถุงขนมไปวางที่กลางโต๊ะใต้ถุนเรือน น้ามาลาโผล่หน้าออกมาดู หยิบบราวน์นี่ไปชิ้น
[16]คือความรับผิดชอบ___________________เครื่องไล่ยุงอันน้อยถูกเสียบเข้ากับปลั๊กตรงต้นเสาที่กลางกระท่อม พุดตานถอนหายใจรอบที่ร้อย มองไปที่หลานเจ้านายแล้วจำต้องถอนหายใจอีกครา“ไปคุยกับย่าอีกรอบเถอะนะคะ คุยกันดีๆ เดี๋ยวท่านก็หายโกรธ”พุดตานแนะด้วยหวังดี อรุณฉายมาหาย่าพร้อมข่าวคราวที่ชวนให้หญิงชราตื่นตะลึง ทั้งสองมีปากเสียงกันไม่น้อย ย่าแค่ต้องการรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องของหลานสาว แต่เจ้าตัวใจแข็งนัก ใจแข็งเกินกว่าจะยอมปริปาก สุดท้ายเลยถูกย่าไล่ลงเรือนไม่ต่างจากบิดามารดา แต่ว่า...เจ้าตัวจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร กระท่อมท้ายสวนมันไม่สะดวกสบายสักนิด“ไม่เอาแล้วจ้ะน้า แค่มาบอกเรื่องวุ่นวายนี่ ย่าก็เป็นลมไปหลายรอบแล้ว” บอกน้าพุดตานอย่างสำนึก เรื่องมันช่างน่าเศร้านัก ย่าพร้อม...ที่พึ่งสุดท้ายของเธอไม่ยินยอมให้เธอพึ่งพา ตอนนี้ เธอคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว“น้าจะช่วยพูดนะคะ ตอนนี้ย่ายังโกรธอยู่”หญิงสาวยิ้มให้สาวใหญ่ด้วยความขอบคุณยิ่ง แต่เธอทำอย่างนั้นไม่
คนเป็นมารดาเริ่มสติแตก ทำไมลูกที่เฝ้าฟูมฟักดูแลถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้นะ อรุณฉายคือความภาคภูมิใจของเธอ จะมาเป็นแบบนี้ไม่ได้!คนเป็นลูกส่ายหน้าอีกครา เธอไม่รู้จะตอบมารดาอย่างไรดี“หมายความว่าไง ออม...บอกมาลูก ท้องกับใคร ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ” โอภาสยังคุยดีกับลูกสาว ตอนนี้ท่านมั่นใจว่ามีสติมากกว่าโฉมชบา“หนู...หนูไม่รู้ เราเจอกันที่บาร์ หนู...ไม่รู้จักเขา ไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ”“ออม!? นังลูกบ้า! นังลูกไม่รักดี! แกพูดอะไรออกมาฮะ!?”โฉมชบามิใช่แค่ร้องด่าแต่แลหาของใกล้มือ เจอขวดน้ำหอมของอรุณฉายก็คว้ามาปาใส่ร่างเจ้าตัว อรุณฉายไม่ลุกหนี ไม่ตอบโต้ด้วยซ้ำ“ไปเรียกมันมา ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมารับผิดชอบแก ฉันไม่ยอมให้แกท้องโย้ประจานตัวเองหรอก ฉันอายชาวบ้านเขาได้ยินไหม!?”“แม่คะ หนูแค่ท้องนะคะแม่ หนูไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย แม่...ช่วยหนูเลี้ยงแกได้ไหม...ฮึกๆ หนูไม่มีใครแล้ว เขาไม่รับผิดชอบ เขาไม่รับผิดชอบหนู แม่รู้บ้างไหม!?”“กรี๊ดดด!!! นังลูกสิ้นคิด! แกคิดว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ
อรุณฉายน้ำตาไหลพราก ปาดน้ำตาแห่งความอึดอัดใจแล้วลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ทำแท้งไปดีกว่า จะได้จบๆ ไป“คิดเสียว่าวันนี้ไม่ได้เจอฉันก็แล้วกัน” บอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวจากมา ชนนท์ตามเธอมาติดๆ เขาพยายามรั้งเธอไว้ เรียกชื่อเธอ ดึงแขนเธอ แต่ว่า...ไม่ได้พูดสักคำว่าอยากยอมรับลูกเธอ แล้วเธอจะยอมเขาไปทำไม“อย่าเพิ่งไปสิ! อย่าเพิ่งใจร้อนได้ไหม ค่อยๆ คิดก่อน” เขาเอ่ยอ้าง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองเมื่อชนนท์พูดเสียงดัง“ฉันไม่อยากรอ ฉันรอไม่ได้ ฉันเครียดรู้ไหม ฉันเพิ่งยี่สิบเอ็ดและฉันไม่เคยท้องมาก่อน ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไม่ต่างจากนาย และอย่ามาพูดว่าให้ฉันใจเย็นๆ ถ้ามาเป็นฉัน นายจะเย็นได้ไหมล่ะ ลองมาเป็นฉันดูไหม!”เธอผลักเขาออกเต็มแรง วิ่งไปขึ้นรถของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับปัญหาที่ก่อไว้ เธอขับรถออกมาด้วยความเร็ว บางทีนะ...บางทีการทำแท้งอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ชนนท์มองตามรถของอรุณฉาย ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี เขากลับไปที่โต๊ะ หยิบมือถือมาต่อสายหาหล่อนแต่หล่อนไม่ยอมรับเลย หล่อนหน