“ทำบ้าอะไรกับฉันฮะ!” “จูบไงครับ จะเป็นผัวเมียกันแล้ว จูบไม่ได้เหรอ” “ใคร? ใครจะเป็นผัวเมียกัน” “สงสัยว่าที่เมียผมจะเมาจูบแฮะ ผมไง ศรัณ ว่าที่สามีของคุณ”
View Moreเพียงเศษใจ
[1]
ผมเป็นสามีของคุณ
ใบหน้าเนียนกริบของหญิงสาววัยสามสิบเอ็ด กระจ่างอยู่ในกระจก วงหน้ารูปไข่เรียวรี คิ้วโก่งพอเหมาะรับกับดวงตากลมโต ริมฝีปากรูปกระจับดูเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มยามประดับอยู่บนวงหน้านี้ หลานสาวย่าพร้อม พิศมองความงามแบบเรียบง่ายอย่างที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอเคยว่ากระทบแล้วพบว่ามันคงจริงตามนั้น ทุกอย่างที่ก่อเกิดเป็นเธอสมบูรณ์แบบ แต่มิได้ทำให้เธอสวยผุดผาดบาดตา อาจเป็นเพราะใบหน้านี้ แห้งแล้งการแย้มยิ้มก็เป็นได้
หญิงสาวปัดความคิดไร้สาระทิ้งไปเสีย เธอสอดก้านของตุ้มหูเพชรอันแวววาวเข้ารูหูของตัวเอง หางตายังเหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารปกสีแดง คล้ายว่ามันวางอยู่ตรงนี้มาเกือบเดือนแล้ว เธอมองมันอีกคราหนึ่ง เอื้อมมือไปหมายจะเปิดดูสักนิดแต่ประตูกลับถูกเคาะ ตามด้วยเสียงของพี่เลี้ยงที่วัยมากกว่าเธอราวสิบปี เจ้าหล่อนผลักประตูเข้ามาเพื่อรายงานบางอย่าง
“คุณอุ่นคะ มีแขกมาค่ะ”
“แขกเหรอ?” เธอถามย้ำแล้วมองนาฬิกาบนข้อมือ “นี่เพิ่งจะหกโมงเช้านะ ใครมากันล่ะ”
“ไม่ทราบค่ะ คุณเขาไม่พูดอะไรเลย”
“แล้วทำไมพี่ไม่ถามละคะ” บ่นให้พี่เลี้ยงแล้วจำต้องยุติการแต่งตัว เธอดูดีแล้ว สำหรับการไปทำงาน แต่ว่า...คนที่รออยู่ข้างล่างนี่สิ ใครกันนะ
ความใคร่รู้ของหญิงสาวถูกเฉลยในไม่กี่นาทีถัดมา ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางห้องรับแขก เขาสวมยีนสีเข้มมีรอยขาดตรงหัวเข่า สวมเสื้อลายตารางสีอ่อนกว่ากางเกงเล็กน้อย แวบแรกนั้นเธอไม่ได้มองหน้าเขาเลย เธอเห็นเพียงบ่ากว้างของเขากับเชิ้ตพอดีตัวที่รัดรึงจนคล้ายจะเห็นกล้ามเนื้อแน่นๆ ตรงหน้าอก เขายังมองเธอนิ่งๆ และนั่นทำให้เธอยิ่งใคร่รู้ เขาไม่ใช่ผู้ชายหรอก แต่เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ และเขา...หน้าตาหล่อเหลาทีเดียว
“บ้านนี้สวนกว้างจัง ฝั่งโน้นที่รกๆ ทำสวนกล้วยน่าจะดี”
หญิงสาวมุ่นคิ้ว อะไรของเขากัน เธอหันมองพี่เลี้ยง พี่พุดซ้อน ก็ทำหน้างงไม่แพ้กัน
“คุณเป็นใครกัน”
“ผมเหรอ ผมชื่อ ศรัณ ครับ ศรัณ ศาสตรา ผมมาพบคุณอารดา”
เจ้าบ้านสาวมุ่นคิ้วแรงกว่าเดิม เด็กหนุ่มคนนี้ ใครกันนะ
“แล้วคุณมาหาอารดาทำไม”
“ผมต้องตอบคุณด้วยเหรอ”
คนถูกย้อนทำตาโตอย่างเคืองขุ่น ถ้าเธอถามเขาก็ควรต้องตอบสิ
ศรัณมองเจ้าบ้านอย่างพิจารณา ผู้หญิงที่สูงเพียงบ่าเขา วงหน้านั้นมิได้งามผุดผาดบาดตา แต่ก็ชวนให้พิศมองไม่น้อย คิ้วโก่งจมูกโด่งพอเหมาะ ดวงตากลมโต ริมฝีปากเล็กน่าเอ็นดู หล่อนน่าจะอายุมากกว่าเขา ดูจากการแต่งตัวและผมที่มวยไว้จนตึงเปรี๊ยะนั่นละนะ ถ้าใส่แว่นสายตาอันหนาเตอะ คงได้เรียกคุณครูระเบียบกันล่ะ
“ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดบางอย่าง อารดาคงไม่รู้จักคุณหรอก”
“คุณรู้จักเธอใช่ไหม บอกเธอมานี่ทีสิ”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น”
“เพราะผมมีธุระกับเธอ”
“เรื่อง?”
“เรื่องของผมกับเธอครับ”
ความเงียบงันดังกระหึ่มขึ้นในตอนนั้น นานชั่วนาทีก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ย
“พี่พุดซ้อนส่งแขกที”
“คะ?” พุดซ้อนทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ผมเพิ่งมาจะไล่กันแล้วหรือ ผมแค่อยากเจออารดา เรียกเธอมาได้ไหม”
“คุณเป็นอะไรกับเธอล่ะถึงจะให้ฉันไปเรียกเธอมาพบ”
“ว่าที่สามี”
“อะไรนะ!?”
“ผมเป็น...ว่าที่สามีของอารดา”
ตุ้บ!
กระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่อยู่ ร่วงหล่นลงพื้น หญิงสาวหน้าซีดเผือด มองเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้แล้วอยากฆ่าตัวตายนัก คุณย่า…คุณย่าทำอะไรลงไป!
“ว่าไงครับ ผมจะพบคุณอารดาได้หรือยัง”
กลิ่นของชายหนุ่มชวนให้หญิงสาวมึนงง กลิ่นอุ่นๆ ของคนตรงหน้าทำเอาแข้งขาอ่อนไปหมด
“ว้าย! คุณคะ!”
นายสาวของพุดซ้อนเข่าอ่อนยวบ และคงได้ล้มลงไปหากมืออุ่นๆ ของเขาไม่คว้าไว้
“คุณ!?”
“ปล่อย! ปล่อยฉันนะ!” เธอดิ้นเมื่อรับรู้ถึงอกอุ่นของเขา เขายอมปล่อยแต่โดยดี หน้าตายังมีความงุนงงปนอยู่ “ไป! ไปนั่งตรงโน้น ห่างๆ ฉันเลย!”
ศรัณเป็นงง แต่ก็ยอมถอยไปนั่งที่เดิม ผู้หญิงตรงหน้าเขาทำไมทำท่าประหลาดนัก มันแปลกหรือที่เขาจะมีภรรยาชื่ออารดา
“คุณคะ เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่! ไม่เป็นไรพี่ ขอกระเป๋าค่ะ...กระเป๋า”
พุดซ้อนรีบหยิบกระเป๋าให้คนเป็นนาย เจ้าบ้านสาวตั้งสติ มองชายหนุ่มอีกคราด้วยดวงตาที่พิจารณายิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็บอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ
“ขอน้ำเย็นๆ สักแก้วสิพี่ เอามาให้แขก เอ่อ…ให้เขาด้วย”
พุดซ้อนรีบไปหาน้ำมาให้ไว เมื่อกลับมาอีกครา ยังถูกสั่งให้ไปหยิบแฟ้มเอกสารบนห้องลงมาให้
“ขอฉันคุยกับเขาสักคำ พี่จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” บอกพี่เลี้ยงดิบดี รอจนอีกฝ่ายจากไปจึงได้เปิดแฟ้มออกดู เธอพิจารณาเอกสารในแฟ้มอย่างถี่ถ้วน จึงได้เห็นว่าข้อมูลคร่าวๆ ในนั้นเป็นของคนที่ชื่อศรัณจริงๆ
คนเป็นมารดาเริ่มสติแตก ทำไมลูกที่เฝ้าฟูมฟักดูแลถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้นะ อรุณฉายคือความภาคภูมิใจของเธอ จะมาเป็นแบบนี้ไม่ได้!คนเป็นลูกส่ายหน้าอีกครา เธอไม่รู้จะตอบมารดาอย่างไรดี“หมายความว่าไง ออม...บอกมาลูก ท้องกับใคร ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ” โอภาสยังคุยดีกับลูกสาว ตอนนี้ท่านมั่นใจว่ามีสติมากกว่าโฉมชบา“หนู...หนูไม่รู้ เราเจอกันที่บาร์ หนู...ไม่รู้จักเขา ไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ”“ออม!? นังลูกบ้า! นังลูกไม่รักดี! แกพูดอะไรออกมาฮะ!?”โฉมชบามิใช่แค่ร้องด่าแต่แลหาของใกล้มือ เจอขวดน้ำหอมของอรุณฉายก็คว้ามาปาใส่ร่างเจ้าตัว อรุณฉายไม่ลุกหนี ไม่ตอบโต้ด้วยซ้ำ“ไปเรียกมันมา ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมารับผิดชอบแก ฉันไม่ยอมให้แกท้องโย้ประจานตัวเองหรอก ฉันอายชาวบ้านเขาได้ยินไหม!?”“แม่คะ หนูแค่ท้องนะคะแม่ หนูไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย แม่...ช่วยหนูเลี้ยงแกได้ไหม...ฮึกๆ หนูไม่มีใครแล้ว เขาไม่รับผิดชอบ เขาไม่รับผิดชอบหนู แม่รู้บ้างไหม!?”“กรี๊ดดด!!! นังลูกสิ้นคิด! แกคิดว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ
อรุณฉายน้ำตาไหลพราก ปาดน้ำตาแห่งความอึดอัดใจแล้วลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ทำแท้งไปดีกว่า จะได้จบๆ ไป“คิดเสียว่าวันนี้ไม่ได้เจอฉันก็แล้วกัน” บอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวจากมา ชนนท์ตามเธอมาติดๆ เขาพยายามรั้งเธอไว้ เรียกชื่อเธอ ดึงแขนเธอ แต่ว่า...ไม่ได้พูดสักคำว่าอยากยอมรับลูกเธอ แล้วเธอจะยอมเขาไปทำไม“อย่าเพิ่งไปสิ! อย่าเพิ่งใจร้อนได้ไหม ค่อยๆ คิดก่อน” เขาเอ่ยอ้าง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองเมื่อชนนท์พูดเสียงดัง“ฉันไม่อยากรอ ฉันรอไม่ได้ ฉันเครียดรู้ไหม ฉันเพิ่งยี่สิบเอ็ดและฉันไม่เคยท้องมาก่อน ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไม่ต่างจากนาย และอย่ามาพูดว่าให้ฉันใจเย็นๆ ถ้ามาเป็นฉัน นายจะเย็นได้ไหมล่ะ ลองมาเป็นฉันดูไหม!”เธอผลักเขาออกเต็มแรง วิ่งไปขึ้นรถของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับปัญหาที่ก่อไว้ เธอขับรถออกมาด้วยความเร็ว บางทีนะ...บางทีการทำแท้งอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ชนนท์มองตามรถของอรุณฉาย ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี เขากลับไปที่โต๊ะ หยิบมือถือมาต่อสายหาหล่อนแต่หล่อนไม่ยอมรับเลย หล่อนหน
“หมายความว่าไง” เธอสวนทันควัน ไม่ชอบใจเสียงนี้ของตัวเองเลย มันเหมือนเสียงนางมารร้ายอย่างไรก็ไม่รู้“ก็...ในฐานะที่เธอเป็นแม่ของฟีฟ่า ในตอนที่เลิกกัน ผมควรให้อะไรเธอบ้าง...อย่างเช่นค่าเลี้ยงดูอะไรอย่างนี้”อารดาหันหลังให้สามีทันควัน เรื่องอะไรต้องเอาเงินไปให้คนอื่นด้วย ถึงเขาจะมีเงินมากมาย แต่ต้องเอาไปให้เมียเก่า เธอก็ไม่ชอบนะ แค่ต้องออกค่ากินค่าเช่าบ้านให้ เธอก็คิดว่ามากพอแล้ว“ไม่รู้! แล้วแต่เถอะ!” เสียงห้วนๆ หลุดออกจากปาก เธอหงุดหงิดเพราะเสียงตัวเองอีกแล้วศรัณยกมือยอมแพ้ในนาทีนั้น“ครับ! แล้วแต่...แล้วแต่แสดงว่าไม่โอเค ไม่โอเคก็ไม่ให้แล้วกัน ให้เท่าที่ให้ได้นั่นแหละ”รอยยิ้มสมใจปรากฏที่ใบหน้าของอารดา หญิงสาวพอใจยิ่งนักกับการตัดสินใจของสามี เธอขยับไปโอบร่างเขา ไม่พอใจก็ปีนขึ้นนั่งบนตัก ศรัณกอดเอวเธอไว้“วันนี้จะทำอะไรดีครับ”“เข้าสวนพร้อมรัณดีไหม”เขาส่ายหน้าพรืด “อยู่บ้านสอนหนังสือฟีฟ่าดีกว่า เพราะวันนี้แม่เขาไม่อยู่ คงไม่ได้แวะไปหากัน น้ามา
คนเป็นลูกบ่นให้มารดาขณะรอเจ้าบ้านให้ลงมาที่โต๊ะอาหาร ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นคราวโน้น เธอรู้สึกว่าน้าชายของเธอเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูดจากับมารดาเท่าไหร่ หรือหากพูด ก็พูดตามมารยาท ไม่ได้ดูเกรงอกเกรงใจเท่าที่ควร มันแปลกไปจนเธอรู้สึกได้ เรื่องนั้นที่ทำให้อารดาฟิวส์ขาด คงทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในบ้านนี้เปลี่ยนไป เธอไม่สนหรอก ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร ขอแค่อารดาไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ดีใจมากแล้ว เจ้าหล่อนลาออกจากงานอีก ยิ่งเข้าทางเธอเลย“ตักข้าวเถอะพุดซ้อน”โอภาสบอกพุดซ้อนตอนที่นั่งลงยังหัวโต๊ะ โฉมชบาช่วยขยับเลื่อนจานกับข้าวไปตรงหน้าสามี มองสมาชิกในครอบครัวที่เหลือน้อยลงแล้วรู้สึกแปลกๆ ต่อให้ไม่ค่อยได้รักใคร่ปรองดองกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังชอบใจให้ทุกคนอยู่กันครบ ไม่ใช่หายไปทีละคนสองคนอย่างนี้“คิดถึงยัยอุ่นเหมือนกันนะคะ”โฉมชบาเอ่ยขึ้น พี่สาวของสามีเลยได้เลิกคิ้วสูง“เพิ่งรู้ว่าหล่อนก็เอ็นดูลูกเลี้ยงนะแม่โฉม”โฉมชบาคอแข็งขึ้นมา เชิดหน้าใส่อรดีอย่างไม่เคยทำมาก่อน“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้เอ็นดูอะไรยัยอุ่นมากมาย แต่ฉันมั
[15]เวรกรรมมาเป็นตัวๆ_______________ในเดือนถัดมาเสียงสั่นครืดๆ ดังขึ้นเมื่อมีข้อความเด้งเข้ามาในไลน์ ชนนท์ทิ้งกายลงบนเตียงหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย เวลานี้สามทุ่มเข้าไปแล้ว แต่คนที่ส่งข้อความมาเหมือนอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เพิ่งหัวค่ำเท่านั้น ผู้หญิงในชุดสายเดี่ยวเปิดเปลือยเนินทรวง กับกางเกงขาสั้นแทบจะเห็นแก้มก้น ถือแก้วค็อกเทลสีสวยอยู่ในมือ หล่อนยิ้มยั่วเข้าอยู่หน้าจอ‘ส่งมาทำไมมิทราบ’เขาพิมพ์ข้อความส่งไป อรุณฉายแทบจะตอบกลับมาในทันที ราวกับเฝ้ารออยู่‘อ้อ...ขอโทษที ส่งผิดน่ะ ว่าจะส่งไปให้พี่เขย’‘ออม!?’‘อะไร’‘ที่เคยเตือนไว้ลืมแล้วเหรอ อย่ายุ่งกับพี่รัณ แล้วนี่...เธอมีเบอร์เขาตั้งแต่เมื่อไหร่’‘เรื่องของฉัน!’ อรุณฉายโต้กลับ เขาโง่เหรอ เธอแค่แกล้งบอกไป ไม่นึกว่าเขาจะเชื่อจริง‘เธอมันบ้า โรคจิต แล้วก็
วันอาทิตย์ที่แสนสดใสวันนี้อารดาอยู่บ้านกับเจ้าเด็กน้อย เธอกำลังสอนหนังสือเจ้าตัวเล็กอยู่ แต่ไม่รู้สอนกันอย่างไร พอแวบลงมาเอาขนมขึ้นไปให้ ไม่กี่นาทีเจ้าตัวแสบดันหนีหาย เธอได้แต่เม้มปากแน่นๆ เด็กน้อยคงอยากเล่นซนมากกว่าถูกเธอสอนหนังสือกระมัง“ฮือ...ฮือ...ยาย...ยายค้าบ! ฮือออ...”เสียงร้องดังแว่วมาจากในสวน อารดาวิ่งลงมาจากห้องของเด็กน้อย เท้าเรียวๆ ก้าวไปตามทางเดิน ได้ยินเสียงร้องระงมของเจ้าเด็กน้อยชัดขึ้นทุกขณะ การอยู่กับฟีฟ่า บางคราก็ทำให้เธอคลายเหงา แต่บางคราก็ทำให้เธอปวดหัวได้ โดยเฉพาะตอนที่เขานั่งเค้เก้อยู่บนพื้นและมีเลือดไหลอาบขาอย่างนี้“แม่อุ่น! ฮึกๆ แม่อุ่น...ฮือออ...”“ฟีฟ่า!?” หัวใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ยามเห็นเด็กน้อยมีเลือดออก เจ้าตัวเอาแต่เบ้ปากร้องระงม“ฮึกๆ แม่อุ่น...ฮึก ฟีฟ่าเจ็บ ฮือออ...”อารดาส่ายหน้ารัวๆ“แล้วเข้ามาทำไมในนี้ นึกว่านั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือเสียอีก”เด็กน้อยปาดน้ำตายามอารดานั่งลงแล้วพลิกดูรอยแผลที่ขาให้“กระแต”
Comments