เธอหยิบมันขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า ‘1,000,000 บาท’
‘ขอบคุณนะคะ ถึงมันจะแลกมาด้วยน้ำตาและความเสียใจของฉันก็ตาม อย่างน้อยฉันก็ได้ทำเพื่อคนที่ฉันรัก’
ก่อนจะไปอยู่ที่สัตหีบ เธอให้เงินสดแม่เอาไว้อีกสองหมื่น และใส่เงินในบัญชีให้แม่ไว้อีกสองแสน
“ไปเอาเงินที่ไหนมา” คุณแม่ถามด้วยความสงสัย
“เพื่อนที่สนิทมาก และเขาสงสารเรา เขาเลยให้ยืมมา แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ จิลทำสัญญากับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว จะชดใช้ให้กับเขาจนกว่าจะหมดค่ะแม่” เธอพูดไปยิ้มไป เพื่อให้แม่สบายใจ
“ใครจะมาใจดีกับเรามากอย่างนี้ลูก แม่ฝากไปขอบคุณเขาด้วยนะลูกนะ” นางยิ้มทั้งน้ำตา ยกมือขึ้นจับใบหน้าของลูกสาว
“ผอมไปนะเรา กินข้าวให้เยอะ ๆ อีกหน่อย จะได้มีน้ำมีนวล เป็นสาวเป็นแส้ เดี๋ยวไม่มีผู้ชายมาจีบ” แม่บอกด้วยความห่วงใย และสัพยอกลูกสาวไป
“ไม่เอาดีกว่าค่ะแฟน อยู่กับแม่กับพ่ออย่างนี้ดีกว่า” เธออ้อนแม่
“แม่ก็ต้องกินเยอะ ๆ เหมือนกัน ผอมลงไปเยอะเลย จะเอาแรงที่ไหนดูแลคุณพ่อคะแบบนี้” เธอสวมกอดเอวท่านด้วยความรัก
“แม่จ๋า จิลอาจจะไม่ได้มาเยี่ยมบ่อย ๆ นะคะ เพราะที่ฝึกงานไกล และอีกอย่างงานที่จิลทำ ต้องเป็นเลขาฯ ท่านเจ้าของ คงจะยุ่งน่าดู แล้วยังต้องตามท่านไปทุก ๆ ที่ แต่จิลจะโทรหาแม่ทุกวัน แล้วหากจิลจะไปทำงานที่ไหน จิลก็จะบอกแม่ล่วงหน้านะคะ” ปองรักนึกไปถึงคำพูดของฟาเบียนแล้ว เขาคงใช้เธอจนคุ้มกับเงินหนึ่งล้านบาทนั่นแน่ ๆ
“ตั้งใจทำงานนะลูก จบแล้วจะได้หางานทำดี ๆ เราก็มีกันอยู่สามคน แม่กับพ่อก็ต้องฝากความหวังไว้ที่จิล” วงแขนของท่านสั่นสะท้าน
“เออ... เสี่ยทรงพลมาเยี่ยมด้วยนะเมื่อสองวันก่อน เสี่ยมาเห็นสภาพของพ่อแล้ว ก็บอกว่าให้ผัดผ่อนหนี้สินไปได้ แม่ก็เลยถามเสี่ยเขาไปตรง ๆ ว่าถ้าเราจะเอาบ้านของเรายกให้เสี่ยไป เสี่ยจะว่ายังไง” แม่นั่งถอนหายใจ ตอนนี้ปลงไปได้เยอะ เธอสบตาของแม่จับมือของแม่เอาไว้
“แล้วเสี่ยว่าไงจ๊ะ” น้ำเสียงถามออกไปด้วยความอยากรู้
“เสี่ยเขาก็ดีนะลูก เสี่ยบอกว่าได้ แล้วเราติดหนี้เขาเท่าไรเสี่ยจะไม่คิดดอก แล้วจะให้ทางธนาคารมาตีมูลค่าบ้านของเราให้ ถ้ามีส่วนเกินเสี่ยจะให้เงินเราด้วย เสี่ยคงจะสงสารพ่อมั้ง ยังไงก็คนเคยดี ๆ กัน เสี่ยบอกว่าให้เราอยู่ไปก่อนจนกว่าพ่อจะหาย หรือเราหาบ้านใหม่ได้” มารดายิ้มทั้งน้ำตา อย่างน้อยชีวิตก็ยังไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้
“แม่จ๋า จิลจะรีบหางานทำ แล้วจะซื้อบ้านให้พ่อกับแม่ใหม่จ้ะ” ปองรักขยับปากบอกกับแม่ด้วยนัยน์ตาที่มุ่งมั่น
“บ้านหลังนั้นก็ยกให้เสี่ยเขาไป เราก็ได้สบายใจ ไม่ติดค้างอะไรเขา ส่วนเงินที่จะมารักษาพ่อ จิลจะรับผิดชอบเอง” เธอให้คำมั่น สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความหวัง
หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะจับมือของพ่อที่ถูกเจาะจนพรุน
“พ่อจ๋า รีบหายนะคะ” ผู้เป็นพ่อก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับ เธอได้แต่ภาวนาให้มีปาฏิหาริย์
“สวัสดีค่ะพี่” ปองรักยกมือไหว้คุณมุกดาที่นั่งอยู่ที่หน้าห้อง
“มารถพนักงาน ตอกบัตรอะไรเรียบร้อยเนอะ เดี๋ยวพี่พาไปดูโต๊ะทำงานของเรา เออ... ชื่อเล่นอะไรนะ”
“จิลค่ะ”
“อ้อ... เรียกพี่ว่า พี่มุกดานะ จะได้เรียกกันสนิทปากหน่อย” มุกดายิ้มให้หญิงสาวอย่างจริงใจ ปองรักค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ยังมีคนอัธยาศัยดีให้ความเป็นมิตร เธอก้าวขาตามมุกดาเข้าไปในห้องฟาเบียน ใจเต้นแรงแค่เห็นโต๊ะทำงานของเขาเธอก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที และหน้าเริ่มร้อนผ่าว ๆ ลามไปจนถึงใบหู ปองรักยกมือขึ้นจับหูที่แดงร้อนอย่างลืมตัว
“ให้เรียกคุณฟาเบียนว่า บอส นะคะ” มุกดาหันมาบอกหญิงสาว
“เออ... พี่มุกดาค่ะ บอส ยังไม่มาหรือคะ” เธอถามเพราะความอยากรู้ ปองรักต้องเตรียมตัวเตรียมใจแค่ไหนที่จะต้องมาเริ่มงานวันนี้
“บอสเหรอคะ ช่วงเช้าบอสจะไปดูที่คลังสินค้าก่อน และอาจจะแวบไปดูที่ท่าเรือ แล้วถึงจะเข้าออฟฟิศ ส่วนใหญ่บอสจะมาประมาณเก้าโมงห้าสิบนาที” คำบอกเล่าของมุกดา ทำให้ปองรักหันหน้าไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนตรงฝาผนัง เธอถอนหายใจออกมารู้สึกโล่งอก ตอนนี้เพิ่งแปดนาฬิกาสี่สิบนาที
“มา น้องจิล เดี๋ยวพี่สอนงานให้ พี่แบ่งงานมาให้หนูแล้ว เราสองคนต้องช่วยกัน” เธอชักชวนให้เด็กสาวนั่งลงใกล้ ๆ และเริ่มสอนงาน
สิ่งที่ปองรักต้องทำคือ เช็กอีเมล ตอบอีเมลที่สามารถตอบไปได้ มุกดายังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานหลายอย่างที่เธอต้องรู้ และต้องทำอะไรหากฟาเบียนถามถึงข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งมุกดาจัดเอกสารไว้ทั้งในคอมพิวเตอร์ และเป็นแบบแฟ้มเอกสารต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ปองรักเป็นเด็กที่หัวไว เธอเรียนรู้ได้เร็วจนมุกดาเอ่ยปากชม
“ค่อยโล่งใจหน่อย” เธอพูดขึ้นมาลอย ๆ
“ทำไมคะ” ปองรักถามด้วยความสงสัย
“ก็คนที่จะทำงานกับบอสได้ ต้องเร็วเป็นอันดับหนึ่ง และต้องได้ดั่งใจเป็นอันดับสอง ไม่มีอะไรที่ว่าไม่ได้ และถ้าชักช้า...” มุกดายิ้มแห้ง ๆ
“จะเป็นไงคะ” สีหน้าของปองรักเต็มไปด้วยความอยากรู้
“เดี๋ยวก็เจอเอง แต่น้องจิลไม่ต้องกังวลไป บอสของพี่ปากร้ายแต่ใจดี”
“แหม... พี่ขู่จิลใช่ไหมคะ” ปองรักยิ้มให้กับมุกดา คนที่แก่กว่าก็ยิ้มตอบ แล้วพยักหน้าให้ ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว
“เออ... พี่ลืมบอกไป นี่โทรศัพท์เครื่องใหม่ ในเครื่องนี้มีเบอร์ที่บริษัทเราต้องประสานงานเอาไว้ทั้งหมด คุยแต่เรื่องงานเท่านั้น แล้วถ้าเห็นเป็นสายบอส ห้ามไม่ให้มีมิสคอลนะคะ” มุกดาพูด พร้อมทำมือเหมือนมีดบาดคอ
“ค่ะ จิลจะท่องให้ขึ้นใจเลย” มุกดาได้ยินคำตอบก็หัวเราะชอบใจ
“เอกสารกองนี้ เดี๋ยวน้องจิลจะต้องคีย์เข้าไปในคอมให้หมดเลยนะ ทำได้ใช่ไหม”
“ค่ะ จิลทำได้”
“มีความสุขไหมจ๊ะคนสวย” เขาลุกขึ้นยืนใช้แขนรั้งตัวเธอให้ลุกขึ้นด้วย ขิงที่หอบเหนื่อยอย่างแรงขาสั่นแทบยืนไม่ไหวต้องโอบรัดตัวพี่หินไว้ยึดเหนี่ยว เขาก้มลงไปหา ความหวานที่ริมฝีปากอวบอุ่นนั้นอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อ เธอจูบตอบเขาแบบเร้าใจสมใจ คนตัวสูงที่เร้าอารมณ์ปรารถนาให้สาวเจ้ากระเจิดกระเจิง“พี่คิดถึงขิงทุกคืนเลย คิดถึงริมฝีปากอุ่น ๆ นี้ด้วย” เขายกมือแตะริมฝีปากของเธอส่งสายตาเว้าวอน อีกมือจับมือของภรรยาสาวให้ลงไปกุมกล่องดวงใจที่ตอนนี้กำลังหาทาง ระบายของออกมันตึงมันแน่นอัดอยู่ข้างในจนบวมเป่งเห็นเส้นเลือดปูดพองเธอสบตาเขารู้ได้ว่าพี่หินต้องการอะไรหญิงสาวทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า มือหนึ่งลูบไล้หยอกล้อกับกล่องดวงใจ อีกมือจับกำรูดเอาไว้แน่น แค่นี้คนที่ไม่ได้นอนกับเมียเกือบเดือนแทบดิ้นตาย เสียงซี้ดซ้าดลอดไรฟันออกมาไม่ขาดปากจนต้องทรุดนั่งลงที่ขอบอ่าง ขิงยกหน้าขึ้นไปยิ้มให้แบบยวนใจส่งปลายลิ้นแตะเบา ๆ ตัวพี่หินแทบกระเด้ง สวนขึ้นทันทีตอนเธออ้างับปลายเนื้อแข็งตัน ๆ นั้น“อือ” ยิ่งครางประท้วงตอนที่เขากระแทกลำใหญ่อัดเข้ามาแทบชนคอหอย สองมือพี่หินลูบปลอบโยนทั้งสองแก้มที่ตอนนี้ตอบเข้าดูดจ๊วบ
“จะไหวหรือคะนายแม่” ขิงถามด้วยความเป็นห่วง“เออน่ะ ถ้าไม่ไหวยังไงแม่จะโทรไปตาม” เธอพูดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง นายแม่ลองเอาหลานไปนอนด้วยทีไรต้องเอามาส่งแม่ขิงทุกที“งั้นเราสองคนไปก่อนนะครับ เพราะว่าจะพาขิงไปร้านทำผมด้วยกลัวสวยน้อยกว่าแฟนของเพื่อนคนอื่น ๆ” ปากบอกแม่แต่สายตาก็จ้องสบภรรยาสาวตลอดขิงรีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะหอมแก้มเด็กน้อยไปหลายที“อย่าดื้ออย่าซนกับคุณย่าคุณยายนะครับ” ขิงสั่งลูกชายเด็กน้อยทำตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจหรอก แต่ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากตอนแม่หอมไปที่พุง“ม้วนเอ้ย... ม้วน เอาปาปูนไปเดินเล่นก่อนไป เดี๋ยวเห็นแม่เดินหายไปลับตาจะร้องเอาเปล่า ๆ” นายแม่เรียกม้วนที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ เธอรีบวางมือจากกองผ้าก่อนจะมารับปาปูนไปจากมือของขิง“จะห้าโมงแล้ว” หินมองนาฬิกาที่ข้อมือใช้ฝ่ามือแตะข้อศอกให้ลุกขึ้นตาม พอพ้นออกมาจากตรงนั้น“พี่หินต้องทำเวลา คิดถึงเมียอยากเอากับเมียใจจะขาด” เขากระซิบข้างหูของเธอ ขิงเงยหน้าขึ้นมองเขาทำหน้าแดง“อะไรก็ไม่รู้ พี่หินเนี่ย” เธอค้อนเขาทุบเอาเบา ๆ ที่หัวไหล่ พี่หินรีบจับมือขิงเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปขึ้นรถ ตอนนี้เขาทำทางให้รถวิ่งเข้าไปถึงบ้านพักได้และ
สิบเอ็ดเดือนต่อมา“ไหน ไหน ไหย มาหายายสิลูก” ป้าใหญ่มาถึงก็ตรงดิ่งเข้าหาเจ้าตัวเล็กที่กำลังจ้ำม่ำเต็มไม้เต็มมือ เด็กน้อยยิ้มให้คลานอย่างเร็วเข้าไปหา ขิงมองตามลูกชายส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ป้าของเธอ“ใครเรียกไปหมดเลยค่ะป้า หน้าเป็นมาก ๆ เจ้าเด็กคนนี้รู้ว่าจะมีคนอุ้มหรือพาไปเดินเล่นไปกับเขาทันที ดูท่าทางเจ้าชู้แต่เด็กเลยค่ะ” ขิงเล่าพลางหัวเราะ อยู่ที่นี่เธอก็ไม่เหนื่อยเท่าไรเพราะมีคนเยอะกว่าที่กรุงเทพฯ ได้ช่วยกันเลี้ยงกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยปาปูนเข้าคนได้ง่ายเหลือเกิน“สงสัยได้เชื้อพ่อมาหรือเปล่าเนี่ย” ป้าใหญ่แซวคนตัวโตที่ไปรับเธอจากสนามบิน แล้วนั่งรถมาด้วยกันจากกรุงเทพฯขิงกับปาปูนมาอยู่ที่ปราณบุรีกับคุณย่าลิ้นจี่เพราะทนเสียงรบเร้าทุก ๆ วันของคุณย่าไม่ไหว แล้วยิ่งตอนนี้ปาปูนกำลังน่ารักน่าชังสุด ๆ สองแม่ลูกมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนหนึ่งแล้วหินกะว่าจะหยุดงานสักสิบวัน ป้าใหญ่ประจวบเหมาะอยากมาเยี่ยมทั้งสองคนจึงบินมาจากเชียงใหม่ ให้หินไปรับที่สนามบินแล้ววิ่งรถตรงดิ่งยาวมาปราณบุรีกันเลย“เป็นยังไง เหนื่อยกันไหมเธอ” ลิ้นจี่เดินมาจากหลังบ้านเพราะได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจึงออกมาดูเอ่ยทักเพื่
“เต็มที่แล้วค่ะ” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะก้าวไว ๆ เปิดประตูเรียกคุณหมอที่รออยู่แล้วให้เข้ามาทำคลอด“คุณพ่อคะ เตรียมกล้องได้เลยนะคะ” พยาบาลคนเดิมหันมาบอกให้หินที่ยังนิ่งยืนดูทีมพยาบาลและแพทย์ที่กำลังช่วยขิงทำการเบ่งคลอดเขากระวีกระวาดหยิบกล้องขึ้นมา มือไม้สั่นกดเปิดและเริ่มถ่าย คุณหมอช่วยนับการหายใจและสั่งงานพยาบาลไปด้วย ยิ่งตอนนี้เบ่งคลอดจนหน้าแดง“อ้าว เด็กโผล่แล้วนะครับ” แพทย์ผู้ทำการคลอดบอกออกมา พยาบาลช่วยลุ้นอยู่ใกล้ ๆ ส่งผ้ารองรับเด็กให้คุณหมอ ก่อนจะช่วยกันเบ่งและคุณหมอจับเด็กดึงออกมา“ผู้ชายนะครับ” คุณหมอเปล่งเสียงบอกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าได้ลูกชาย หินถลาเข้ามาดูหน้าลูกและจับภาพตอนที่คุณหมอยื่นเด็กน้อยให้กับพยาบาลที่รอรับอยู่ พยาบาลอีกคนส่งอุปกรณ์ในการตัดสายสะดือให้“คุณหินจะตัดสายสะดือให้ลูกชายไหมครับ” เสียงคุณหมอผู้ทำคลอดหันไปถามคุณพ่อมือใหม่ที่มีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัดหินรับกรรไกรจากมือคุณหมอด้วยอาการสั่นเทา ก่อนจะตัดไปยังสายสะดือของลูก เสียงเขาถอนหายใจออกมาดัง ๆ เหมือนโล่งอก ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“สิบเอ็ดนาฬิกาสิบเก้านาทีค่ะ” พยาบาลที่จ้องนาฬิกาอยู่ส่งเสียงบอกเวลาคลอด ทุกค
“อะไรกันคะ” เธอถามบุรุษพยาบาล “เป็นลมหน้ามืดเลยต้องเข็นมาส่งครับ” เขาทำหน้ายิ้ม ๆ บอกขิง“ไม่เป็นอะไรมากหรอก พี่จะกลับบ้านหมอบอกว่าถ้าไม่ดีขึ้น ให้กลับมาเติมน้ำเกลือ พรุ่งนี้” หินบอกออกมาสีหน้าเรื่อย ๆ“เดี๋ยวเชิญญาติจ่ายเงินทางด้านนี้ครับ” บุรุษพยาบาลผายมือให้ขิงเดินตามไปที่เคาน์เตอร์ฝ่ายการเงินที่อยู่ใกล้ ๆ“มะม่วง คุณปั๋งไม่ได้กินของผมหมดนะครับ” เขายังมีแรงทวงของกินนึกเปรี้ยวปากมาอีกตงิด ๆ มองปั๋งด้วยตาขวาง“โธ่คุณหิน ผมกินไปคำเดียวคายออกแทบไม่ทันมะม่วงอะไรเปรี้ยวสาด” ปังลาก เสียงต้องตีแขนเขาดังเพี้ยะ“ก็มันจริงนี่น่า กินเข้าไปได้ยังไง” ทั้งยังทำสีหน้าท่าทางแบบเปรี้ยวสุด ๆ“กลับกันได้แล้วค่ะ เผื่อคนเปื่อยต้องการพักผ่อนค่ะ” ขิงหยอกเป็นสามีเน้นคำว่า เปื่อย... แทนคำว่าป่วย“ผมจะแพ้ท้องอีกนานไหมครับ” หินส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความอ่อนใจตอนนี้ยกมือปิดปากทำท่าจะอ้วกออกมาอีก“นอนที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอคะ” ขิงบอกออกมาด้วยความเป็นห่วง“ไม่เอา จะกลับบ้านอยากนอนกอดเมีย นอนที่นี่ก็ไม่ได้นอนกอดขิงอะดิ” ยังไม่วายออดอ้อนเมีย“พี่หินเนี่ย อายเพื่อน ๆ มั่ง” ขิงออกอาการเขิน“ไม่เป็นไร พี่เริ่มจะชิน” ปั๋งแซว
“ครับค่อยยังชั่วได้มะม่วงเข้าไป” เขาหน้ามีสีเลือดขึ้นมาบ้าง เดินก้าวขยับคล้องแขนขิงเข้าไปในโรงพยาบาล โชคดีโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เปิดบริการทุกแผนกจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง“เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเข้าบริการเอาใจคนทำงานนะ” ต้องเอ่ยชม“เอกชนนี่คะ เงินทั้งนั้น” ขิงตอบทำท่านับธนบัตรพนักงานต้อนรับลงทะเบียนแล้วพาทั้งสามคนไปยังฝ่ายสูตินรีแพทย์นั่งไม่นานก็ถึงคิวตรวจ“แล้วพี่หินต้องตรวจที่นี่ด้วยหรือต้อง” ขิงทำหน้าสงสัยถามเพื่อนเพราะต้องเธอเป็นคนจัดการทุกอย่าง“เออน่ะ เดี๋ยวรู้เอง” ต้องยกยิ้มให้ทั้งสองคนนั่งได้สักพักพยาบาลก็พาขิงไปตรวจตามขั้นตอน เมื่อรออีกสักครู่ก็เรียกให้เข้าพบแพทย์ ต้องดันหลังพี่หินที่นั่งหน้าตรงยังมึนหัวอยู่นิด ๆ เข้าไปกับขิงด้วย“สรุปคุณสุกฤษตาท้องนะครับ” ขิงกับหินมองหน้าคุณหมอก่อนจะหันมามองกัน พี่หินเฮขึ้นมาทันที“ท้องแสดงว่าผมจะมีลูกหรือครับ” เขาถามคุณหมอออกไปน้ำเสียงตื่นเต้นเอามาก ๆ“ครับ ท้องครับ” หมอหัวเราะขันในท่าทางของเขาที่แสดงออกมาเขากระโดดตัวโยน จนขิงต้องลุกขึ้นดึงกระตุกแขนเขาเอาไว้“เก็บความดีใจเอาไว้ก่อนครับ วันนี้คุณพ่อคุณแม่อยากเห็นหน้าลูกหรือยัง” คุณหมอทำเสียงหลอกล่อหินเ