ชายหนุ่มใช้นิ้วกดโทรศัพท์ภายใน
“คุณมุกดา บอกการ์ดมาเชิญตัวคุณทิพย์ดาราออกไป แล้วต่อไปห้ามเธอเข้ามาในเขตบริษัทของเราอีก” น้ำเสียงพูดที่จริงจังของเขาทำให้เธอใจหาย
“ฟาเบียนอย่าทำแบบนี้กับดาด้านะ” เธอหวีดร้องขึ้นมาทันที
ชายฉกรรจ์สี่คนเดินเข้ามาประชิดร่างเธอ พวกเขาไม่ต้องรอคำสั่งของนายเป็นครั้งที่สอง ทั้งสี่ยึดทั้งแขนและขาของเธอ และหามเธอออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียงของทิพย์ดาราร้องวี้ด ๆ ด้วยความไม่พอใจ
ร่างของเธอถูกนำไปวางไว้ข้างรถเก๋งคันหรูของเธอเอง ทิพย์ดาราแหงนหน้าขึ้นไปมองบนตึกด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“คอยดูนะคะ คุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายมาง้องอนดาด้า” เธอปรามาสเขาเอาไว้ ใช้กุญแจเปิดรถ เข้าไปนั่ง แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“อะ... จิล ฉันให้แก”
“อะไรอ่ะแก” ปองรักยกหน้ามองสุจิราเพื่อนสาวคนสนิท
“บัตรทำผมที่ร้าน........... พอดีมันจะหมดวันอาทิตย์นี้ ฉันก็ลืมเอาไปใช้ วันศุกร์ฉันต้องบินไปญี่ปุ่นกับคุณพ่อคุณแม่ เสียดาย แกเอาไปใช้เถอะ” สุจิราบอก
“ว้าว... ของร้านดังด้วย ว่าแต่ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มใช่ไหม” ปองรักดีใจสุด ๆ นานแล้วมั้งที่ไม่ได้เข้าร้านทำผม
“เออ... ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ทำอะไรทุกอย่างในร้านได้หมด”
“แหม... โชคดีจัง ขอบใจนะ” เธอพูดไปยิ้มไป
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยนะ วันนี้เราเลี้ยงเธอเอง” สุจิราบอกกับปองรักเพื่อนรัก เพราะเธอรู้ว่าช่วงนี้ที่บ้านของปองรักมีปัญหาด้านการเงินทำให้เธอต้องกระเบียดกระเสียร
ปองรักทำท่าจะปฏิเสธ สุจิราจับมือเธอและลากขึ้นทันที หญิงสาวจำใจต้องเดินตามเพื่อน
“ให้เลี้ยงทุกวัน เกรงใจ” เธอบอกสุจิราเสียงแผ่ว
“เกรงอกเกรงใจอะไรกัน แกช่วยฉันเรื่องเรียนตั้งหลายเรื่อง อีกอย่างแกก็ไม่ได้กินอะไรเยอะ ขนหน้าแข้งจิราไม่ร่วงหรอกนะ” สุจิราเป็นลูกเจ้าของร้านจิวเวลรี่ที่ดังที่สุดในเมืองไทยตอนนี้
“ขอบใจนะเพื่อน” ปองรักและสุจิรายิ้มให้กันอย่างจริงใจ
ณ ร้านเสริมสวย................ ในห้างใหญ่กลางกรุงเทพฯ
“ลมอะไรหอบมาคะคุณน้อง” ช่างชลลี่ทักทิพย์ดาราตั้งแต่เธอย่างกรายเข้ามาในร้าน
“มีคิวว่างไหมคะ” ทิพย์ดาราถามเพราะเห็นลูกค้านั่งกันอยู่หลายคน
“สำหรับน้องดาด้าว่างเสมอ วันนี้จะทำอะไรมั่งคะ” ช่างชลลี่รีบรับกระเป๋าแบรนด์ดังจากมือของเธอไปวางเอาไว้บนโต๊ะกระจกข้างหน้า ดาราสาวเข้าไปนั่งประจำที่
“ซอยเล็มปลายแล้วก็สระไดร์ค่ะ” เธอบอกช่างชลลี่ ก่อนจะทำหน้าเหี่ยว ๆ
“เป็นอะไรคะคุณน้องท่าทางอารมณ์บ่จอย” ชลลี่เป็นช่างที่รู้ใจ และก็เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่ทิพย์ดารารู้จักตั้งแต่เข้ามาเป็นดาราใหม่ ๆ
“เซ็งคนค่ะ มีเงิน แล้วทำตัวใหญ่โต เอาแต่ใจ” เธอนึกไปถึงหน้าของฟาเบียนแล้วโมโห ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาเอาเงินฟาดหัวของเธอแล้วก็ยิ่งช้ำใจ
“แหม... เพิ่งเห็นข่าวให้สัมภาษณ์ถึงหวานใจ” ชลลี่แซว
“นั่นแหละค่ะ เขาล่ะที่ดาด้าชักจะเกลียดเสียแล้ว” เธอพ่นลมหายใจออกมา ชลลี่ขยับเข้าใกล้อย่างสอดรู้สอดเห็น
“วันก่อนก็ไปเที่ยวยุโรปมาด้วยกันไม่ใช่หรือคะ พี่คิดว่าจะตกร่องปล่องชิ้นกันแล้วเสียอีก”
“ผู้ชายนะคะพี่ มีเงินก็คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ใช้แต่เงินฟาดหัวคนโน้นคนนี้ ยังไงดาด้าก็ต้องเอาชนะเขาให้ได้” เธอพูดอย่างมั่นหน้า
“พี่ไม่เข้าใจอ่ะ” ชลลี่งง เพราะไม่เข้าใจที่ทิพย์ดาราพูดออกมาสักนิด
“ฟาเบียนเขามีเงินนี่คะ เงินถุงเงินถัง เขาจะเอาผู้หญิงคนไหนที่เขาพอใจมาขึ้นเตียงก็ได้ ก็แค่จ่ายเงิน ดาด้าขอสาปส่งเลยนะคะ แช่งเลยว่าให้เขาไม่มีคู่ครองไปจนตาย”
“ว้าย ๆ... ถึงกลับจะไม่เผาผีกันเลยหรือคะ น้ำผึ้งหวาน ๆ ขมปี๋ซะแล้ว”
“ยังไม่ทันขึ้นรวงเลยค่ะ ร่วงลงมาซะก่อน ดาด้าก็อยากจะเห็นน้ำหน้าเมียที่เขาจะพาออกหน้าออกตาเหลือเกิน เชอะ...” เธอทำเสียงขึ้นจมูก มองสบตากับช่างชลลี่อย่างสะใจ
ปองรักที่นั่งอบไอน้ำอยู่ที่เก้าอี้ห่างไปอีกตัว ได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสองสนทนากันอย่างชัดเจน เธอนั่งเปิดเฟซบุ๊กและเช็กข่าวดารา
‘อ๋อ... ทิพย์ดารา คนนี้นี่เอง’ เธอมองไปยังมือถือ และเหลือบตามองใบหน้าของทิพย์ดารา
ข่าวที่เธอให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง
(ผู้นำของธุรกิจนำเข้าและส่งออกมือหนึ่งของเมือง ฟาเบียน ฟรองซัว วัย 32 ปี ที่ไม่ยอมแต่งงานเสียที มิน่าล่ะ... เป็นขาประจำคนคุ้นเคยกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ทิพย์ดารา นวลพรรณนี่เอง
ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอจะชวนเขาลงจากคานทองมาได้ สยบข่าว คาสโนว่าตัวพ่อ ที่มีคอนเซ็ปที่สาว ๆ ฟังแล้วขนลุกไปตาม ๆ กัน “หากอยากได้ทุนการศึกษา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่”)
‘นักข่าวก็ช่างเขียนข่าวนะ’ ปองรักหัวเราะหึ ๆ
“มีความสุขไหมจ๊ะคนสวย” เขาลุกขึ้นยืนใช้แขนรั้งตัวเธอให้ลุกขึ้นด้วย ขิงที่หอบเหนื่อยอย่างแรงขาสั่นแทบยืนไม่ไหวต้องโอบรัดตัวพี่หินไว้ยึดเหนี่ยว เขาก้มลงไปหา ความหวานที่ริมฝีปากอวบอุ่นนั้นอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อ เธอจูบตอบเขาแบบเร้าใจสมใจ คนตัวสูงที่เร้าอารมณ์ปรารถนาให้สาวเจ้ากระเจิดกระเจิง“พี่คิดถึงขิงทุกคืนเลย คิดถึงริมฝีปากอุ่น ๆ นี้ด้วย” เขายกมือแตะริมฝีปากของเธอส่งสายตาเว้าวอน อีกมือจับมือของภรรยาสาวให้ลงไปกุมกล่องดวงใจที่ตอนนี้กำลังหาทาง ระบายของออกมันตึงมันแน่นอัดอยู่ข้างในจนบวมเป่งเห็นเส้นเลือดปูดพองเธอสบตาเขารู้ได้ว่าพี่หินต้องการอะไรหญิงสาวทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า มือหนึ่งลูบไล้หยอกล้อกับกล่องดวงใจ อีกมือจับกำรูดเอาไว้แน่น แค่นี้คนที่ไม่ได้นอนกับเมียเกือบเดือนแทบดิ้นตาย เสียงซี้ดซ้าดลอดไรฟันออกมาไม่ขาดปากจนต้องทรุดนั่งลงที่ขอบอ่าง ขิงยกหน้าขึ้นไปยิ้มให้แบบยวนใจส่งปลายลิ้นแตะเบา ๆ ตัวพี่หินแทบกระเด้ง สวนขึ้นทันทีตอนเธออ้างับปลายเนื้อแข็งตัน ๆ นั้น“อือ” ยิ่งครางประท้วงตอนที่เขากระแทกลำใหญ่อัดเข้ามาแทบชนคอหอย สองมือพี่หินลูบปลอบโยนทั้งสองแก้มที่ตอนนี้ตอบเข้าดูดจ๊วบ
“จะไหวหรือคะนายแม่” ขิงถามด้วยความเป็นห่วง“เออน่ะ ถ้าไม่ไหวยังไงแม่จะโทรไปตาม” เธอพูดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง นายแม่ลองเอาหลานไปนอนด้วยทีไรต้องเอามาส่งแม่ขิงทุกที“งั้นเราสองคนไปก่อนนะครับ เพราะว่าจะพาขิงไปร้านทำผมด้วยกลัวสวยน้อยกว่าแฟนของเพื่อนคนอื่น ๆ” ปากบอกแม่แต่สายตาก็จ้องสบภรรยาสาวตลอดขิงรีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะหอมแก้มเด็กน้อยไปหลายที“อย่าดื้ออย่าซนกับคุณย่าคุณยายนะครับ” ขิงสั่งลูกชายเด็กน้อยทำตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจหรอก แต่ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากตอนแม่หอมไปที่พุง“ม้วนเอ้ย... ม้วน เอาปาปูนไปเดินเล่นก่อนไป เดี๋ยวเห็นแม่เดินหายไปลับตาจะร้องเอาเปล่า ๆ” นายแม่เรียกม้วนที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ เธอรีบวางมือจากกองผ้าก่อนจะมารับปาปูนไปจากมือของขิง“จะห้าโมงแล้ว” หินมองนาฬิกาที่ข้อมือใช้ฝ่ามือแตะข้อศอกให้ลุกขึ้นตาม พอพ้นออกมาจากตรงนั้น“พี่หินต้องทำเวลา คิดถึงเมียอยากเอากับเมียใจจะขาด” เขากระซิบข้างหูของเธอ ขิงเงยหน้าขึ้นมองเขาทำหน้าแดง“อะไรก็ไม่รู้ พี่หินเนี่ย” เธอค้อนเขาทุบเอาเบา ๆ ที่หัวไหล่ พี่หินรีบจับมือขิงเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปขึ้นรถ ตอนนี้เขาทำทางให้รถวิ่งเข้าไปถึงบ้านพักได้และ
สิบเอ็ดเดือนต่อมา“ไหน ไหน ไหย มาหายายสิลูก” ป้าใหญ่มาถึงก็ตรงดิ่งเข้าหาเจ้าตัวเล็กที่กำลังจ้ำม่ำเต็มไม้เต็มมือ เด็กน้อยยิ้มให้คลานอย่างเร็วเข้าไปหา ขิงมองตามลูกชายส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ป้าของเธอ“ใครเรียกไปหมดเลยค่ะป้า หน้าเป็นมาก ๆ เจ้าเด็กคนนี้รู้ว่าจะมีคนอุ้มหรือพาไปเดินเล่นไปกับเขาทันที ดูท่าทางเจ้าชู้แต่เด็กเลยค่ะ” ขิงเล่าพลางหัวเราะ อยู่ที่นี่เธอก็ไม่เหนื่อยเท่าไรเพราะมีคนเยอะกว่าที่กรุงเทพฯ ได้ช่วยกันเลี้ยงกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยปาปูนเข้าคนได้ง่ายเหลือเกิน“สงสัยได้เชื้อพ่อมาหรือเปล่าเนี่ย” ป้าใหญ่แซวคนตัวโตที่ไปรับเธอจากสนามบิน แล้วนั่งรถมาด้วยกันจากกรุงเทพฯขิงกับปาปูนมาอยู่ที่ปราณบุรีกับคุณย่าลิ้นจี่เพราะทนเสียงรบเร้าทุก ๆ วันของคุณย่าไม่ไหว แล้วยิ่งตอนนี้ปาปูนกำลังน่ารักน่าชังสุด ๆ สองแม่ลูกมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนหนึ่งแล้วหินกะว่าจะหยุดงานสักสิบวัน ป้าใหญ่ประจวบเหมาะอยากมาเยี่ยมทั้งสองคนจึงบินมาจากเชียงใหม่ ให้หินไปรับที่สนามบินแล้ววิ่งรถตรงดิ่งยาวมาปราณบุรีกันเลย“เป็นยังไง เหนื่อยกันไหมเธอ” ลิ้นจี่เดินมาจากหลังบ้านเพราะได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจึงออกมาดูเอ่ยทักเพื่
“เต็มที่แล้วค่ะ” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะก้าวไว ๆ เปิดประตูเรียกคุณหมอที่รออยู่แล้วให้เข้ามาทำคลอด“คุณพ่อคะ เตรียมกล้องได้เลยนะคะ” พยาบาลคนเดิมหันมาบอกให้หินที่ยังนิ่งยืนดูทีมพยาบาลและแพทย์ที่กำลังช่วยขิงทำการเบ่งคลอดเขากระวีกระวาดหยิบกล้องขึ้นมา มือไม้สั่นกดเปิดและเริ่มถ่าย คุณหมอช่วยนับการหายใจและสั่งงานพยาบาลไปด้วย ยิ่งตอนนี้เบ่งคลอดจนหน้าแดง“อ้าว เด็กโผล่แล้วนะครับ” แพทย์ผู้ทำการคลอดบอกออกมา พยาบาลช่วยลุ้นอยู่ใกล้ ๆ ส่งผ้ารองรับเด็กให้คุณหมอ ก่อนจะช่วยกันเบ่งและคุณหมอจับเด็กดึงออกมา“ผู้ชายนะครับ” คุณหมอเปล่งเสียงบอกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าได้ลูกชาย หินถลาเข้ามาดูหน้าลูกและจับภาพตอนที่คุณหมอยื่นเด็กน้อยให้กับพยาบาลที่รอรับอยู่ พยาบาลอีกคนส่งอุปกรณ์ในการตัดสายสะดือให้“คุณหินจะตัดสายสะดือให้ลูกชายไหมครับ” เสียงคุณหมอผู้ทำคลอดหันไปถามคุณพ่อมือใหม่ที่มีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัดหินรับกรรไกรจากมือคุณหมอด้วยอาการสั่นเทา ก่อนจะตัดไปยังสายสะดือของลูก เสียงเขาถอนหายใจออกมาดัง ๆ เหมือนโล่งอก ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“สิบเอ็ดนาฬิกาสิบเก้านาทีค่ะ” พยาบาลที่จ้องนาฬิกาอยู่ส่งเสียงบอกเวลาคลอด ทุกค
“อะไรกันคะ” เธอถามบุรุษพยาบาล “เป็นลมหน้ามืดเลยต้องเข็นมาส่งครับ” เขาทำหน้ายิ้ม ๆ บอกขิง“ไม่เป็นอะไรมากหรอก พี่จะกลับบ้านหมอบอกว่าถ้าไม่ดีขึ้น ให้กลับมาเติมน้ำเกลือ พรุ่งนี้” หินบอกออกมาสีหน้าเรื่อย ๆ“เดี๋ยวเชิญญาติจ่ายเงินทางด้านนี้ครับ” บุรุษพยาบาลผายมือให้ขิงเดินตามไปที่เคาน์เตอร์ฝ่ายการเงินที่อยู่ใกล้ ๆ“มะม่วง คุณปั๋งไม่ได้กินของผมหมดนะครับ” เขายังมีแรงทวงของกินนึกเปรี้ยวปากมาอีกตงิด ๆ มองปั๋งด้วยตาขวาง“โธ่คุณหิน ผมกินไปคำเดียวคายออกแทบไม่ทันมะม่วงอะไรเปรี้ยวสาด” ปังลาก เสียงต้องตีแขนเขาดังเพี้ยะ“ก็มันจริงนี่น่า กินเข้าไปได้ยังไง” ทั้งยังทำสีหน้าท่าทางแบบเปรี้ยวสุด ๆ“กลับกันได้แล้วค่ะ เผื่อคนเปื่อยต้องการพักผ่อนค่ะ” ขิงหยอกเป็นสามีเน้นคำว่า เปื่อย... แทนคำว่าป่วย“ผมจะแพ้ท้องอีกนานไหมครับ” หินส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความอ่อนใจตอนนี้ยกมือปิดปากทำท่าจะอ้วกออกมาอีก“นอนที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอคะ” ขิงบอกออกมาด้วยความเป็นห่วง“ไม่เอา จะกลับบ้านอยากนอนกอดเมีย นอนที่นี่ก็ไม่ได้นอนกอดขิงอะดิ” ยังไม่วายออดอ้อนเมีย“พี่หินเนี่ย อายเพื่อน ๆ มั่ง” ขิงออกอาการเขิน“ไม่เป็นไร พี่เริ่มจะชิน” ปั๋งแซว
“ครับค่อยยังชั่วได้มะม่วงเข้าไป” เขาหน้ามีสีเลือดขึ้นมาบ้าง เดินก้าวขยับคล้องแขนขิงเข้าไปในโรงพยาบาล โชคดีโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เปิดบริการทุกแผนกจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง“เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเข้าบริการเอาใจคนทำงานนะ” ต้องเอ่ยชม“เอกชนนี่คะ เงินทั้งนั้น” ขิงตอบทำท่านับธนบัตรพนักงานต้อนรับลงทะเบียนแล้วพาทั้งสามคนไปยังฝ่ายสูตินรีแพทย์นั่งไม่นานก็ถึงคิวตรวจ“แล้วพี่หินต้องตรวจที่นี่ด้วยหรือต้อง” ขิงทำหน้าสงสัยถามเพื่อนเพราะต้องเธอเป็นคนจัดการทุกอย่าง“เออน่ะ เดี๋ยวรู้เอง” ต้องยกยิ้มให้ทั้งสองคนนั่งได้สักพักพยาบาลก็พาขิงไปตรวจตามขั้นตอน เมื่อรออีกสักครู่ก็เรียกให้เข้าพบแพทย์ ต้องดันหลังพี่หินที่นั่งหน้าตรงยังมึนหัวอยู่นิด ๆ เข้าไปกับขิงด้วย“สรุปคุณสุกฤษตาท้องนะครับ” ขิงกับหินมองหน้าคุณหมอก่อนจะหันมามองกัน พี่หินเฮขึ้นมาทันที“ท้องแสดงว่าผมจะมีลูกหรือครับ” เขาถามคุณหมอออกไปน้ำเสียงตื่นเต้นเอามาก ๆ“ครับ ท้องครับ” หมอหัวเราะขันในท่าทางของเขาที่แสดงออกมาเขากระโดดตัวโยน จนขิงต้องลุกขึ้นดึงกระตุกแขนเขาเอาไว้“เก็บความดีใจเอาไว้ก่อนครับ วันนี้คุณพ่อคุณแม่อยากเห็นหน้าลูกหรือยัง” คุณหมอทำเสียงหลอกล่อหินเ