“จะเอายังไงคะคุณ เสี่ยทรงพลเขายื่นคำขาดมาแล้ว” ปิ่นรักมองหน้าสามีน้ำตาคลอ เธอยังตกใจไม่หายที่วันนี้มีชายฉกรรจ์สี่ห้าคนมาหาที่บ้าน และก็ยื่นคำขาดให้ ชาญชัย ใช้หนี้พวกเขา
“ต้องขายบ้าน มีทางเดียวแล้ว” คุณชาญชัยนั่งกุมขมับตัวเอง น้ำตาของลูกผู้ชายไหลริน
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ” ปองรักเดินออกมาจากมุมมืด เธอแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองท่านอยู่นานแล้ว
“ยายจิล” แม่มีสีหน้าตกใจไม่น้อย ทั้งสองท่านไม่เคยปริปากว่าตอนนี้ลำบากแค่ไหน แต่เธอรู้ได้จากการที่แม่ลดค่าขนมไปเรียน
“จิลมีเงินฝากค่ะ” เธอนั่งลงใกล้ ๆ แม่ แล้วยื่นบัญชีที่เตรียมเอาไว้ให้คุณพ่อ ใบหน้าของคุณพ่อดูหม่นหมองลงไปมาก เขาผิดเองที่ไว้ใจคนผิด เอาเงินเก็บที่มีและยังไปกู้เสี่ยทรงพลอีกสองล้านห้าเพื่อเอาไปลงทุนในครั้งนี้ นอกจากจะไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรแล้ว ยังแบกภาระหนี้สินเพิ่มมาอีก เกือบล้าน
“แค่สามแสน หนูจิล ลูกเก็บเงินของลูกเอาไว้เรียนต่อนะ พ่อจะพยายามขยับขยายและขอผ่อนผันกับเสี่ยทรงพลอีกที” คุณพ่อลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ แต่เธอรู้ว่า พ่อคงเสียใจมาก ไหล่ของท่านสั่นไหวเหมือนคนร้องไห้ แม่รับบัญชีคืนให้เธอ ก่อนจะรีบตามคุณพ่อขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็ว
“โธ่... แล้วหนูจะทำอะไรให้คุณพ่อได้บ้างคะ”
ปองรักเดินกลับขึ้นห้องนอนของตัวเอง เธอนั่งเปิดดูและอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเฟซบุ๊ก
(สาวจีนประกาศขายพรหมจรรย์ 1 ล้านบาท เพื่อรักษาพี่ชายที่ป่วยเป็นลูคีเมีย)
(สาว 18 ชาวบราซิล ประกาศขายตัวเพื่อนำเงินมารักษาแม่ของเธอที่ป่วย)
“ทำไมพวกเธอกล้าทำ” เธอนั่งถามตัวเอง
“กรี๊ด...” เสียงแม่กรีดร้องดังลั่น แม่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากให้พ่อลงมาจากเก้าอี้ ท่านกำลังจะแขวนคอตาย ปองรักวิ่งอย่างสุดชีวิตเข้าไปในห้องนอนของท่าน แม่ร่ำไห้กอดกันกลมกับพ่อ เธอเห็นแม่ตบหน้าพ่อตั้งหลายครั้ง คุณพ่อทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ร้องไห้ปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด
ภาพที่เห็นตรงหน้าสะเทือนเข้าไปในหัวใจของปองรักมากมาย เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ และทรุดนั่งลงไปกอดพ่อกับแม่เอาไว้แน่น ทั้งสามคนต่างโอบกอดกันแล้วร้องไห้
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เสียงแม่ตะคอกพ่อเสียงดัง ยกมืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับเขา ผู้ชายที่เคยเป็นผู้นำ เป็นเสาหลักของบ้าน แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้พ่ายแพ้หมดรูป แม่กอดรัดพ่อเอาไว้แน่นปล่อยโฮออกมาเสียงดัง จิลร้องไห้เพราะความสงสารพ่ออย่างสุดหัวใจ
พ่อชักกระตุกอยู่ตรงนั้น แม่หวีดร้องดังขึ้นไปอีก ปองรักวิ่งหาสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาใส่ปากท่านเอาไว้ เพื่อไม่ให้พ่อกัดลิ้นของตัวเอง เธอยัดผ้าเช็ดตัวใส่ในปากของพ่อก่อนวิ่งวุ่นลงบ้านไปหาเอาช้อนกินข้าวไปงัดปากพ่อเอาไว้
เธอวิ่งกลับลงมาอีกครั้ง ตะโกนร้องดังอยู่ที่หน้าบ้านขอให้คนช่วย เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างวิ่งกรูกันเข้ามา เธอเล่าพลางร้องไห้พลาง โชคดีที่มีพยาบาลอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองหลัง เธอปฐมพยาบาลพ่อของปองรัก และสั่งให้คนที่มีสติโทรตามรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน
คุณแม่เป็นลมหมดสติพอรู้ว่ารถพยาบาลมาถึง ปองรักเป็นห่วงทั้งพ่อและก็แม่ เธอสั่นกลัวและหวั่นในหัวใจ น้ำตาของปองรักไหลพราก ๆ เธอประคองแม่เอาไว้ เพื่อนบ้านหลายคนต่างช่วยเหลือเป็นอย่างดี
สภาพของพ่อตอนนี้มีสายระโยงระยาง เธอเกาะกระจกมองท่านด้วยแววตาหม่นเศร้า ส่วนผู้เป็นแม่ยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วให้คุ้มครองสามีของเธอ
นายแพทย์เจ้าของไข้เรียกทั้งสองแม่ลูกเข้าไปคุย ท่านบอกว่า พ่อเครียดมาก เลยทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองแตก ตอนนี้ใช้ยาระงับเอาไว้อยู่ต้องดูอาการไปอีกสักระยะหนึ่ง
ฝ่ายการเงินเดินเข้ามาคุย ขอให้ญาติผู้ป่วยวางเงินประกันค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นไว้ที่หนึ่งแสนบาท ปองรักจัดการเอาเงินเก็บของตัวเองออกมาใช้ เพื่อยื้อชีวิตของพ่อให้ยาวนานที่สุด
แม่ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนเธอยื่นคำขาด
“แม่จ๋า ฟังจิลนะ แม่ต้องเป็นเสาหลักให้ลูกได้ยึดเหนี่ยว แม่ไม่ต้องกลัว เราจะเผชิญโลกนี้ไปด้วยกัน พ่อต้องหาย แต่แม่ทำหัวใจให้เข้มแข็ง แม่ต้องเป็นคนดูแลพ่อ จิลจะเป็นคนหาเงินมารักษาพ่อ และจะหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดนี้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จิลจะต้องทำได้”
เธอไม่ร้องไห้อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เธอต้องเข้มแข็งยิ่งกว่าแม่ และต้องพาครอบครัวนี้ให้อยู่รอดไปให้ได้
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณแม่ของปองรักค่อยทำใจกับเหตุการณ์ได้ โดยมีลูกสาว และญาติ ๆ ของแม่ที่คอยมาให้กำลังใจ
ปองรักต้องกลับไปเรียน เพราะอีกแค่เทอมเดียวเธอก็จะจบการศึกษาแล้ว
“เอาละนะทุกคน ได้รับเอกสารที่จะต้องกรอกแล้วนะ เป็นเอกสารส่งตัวเองไปฝึกงาน ที่นี่จะมีรายชื่อบริษัทต่าง ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้รับการอนุเคราะห์รับนักศึกษาในเอกฯ ของเราไปฝึกงานทุกปี อาจารย์ส่งไปในไลน์ของทุกคนแล้ว ให้ทุกคนรีบเลือกและก็ส่งกลับมาให้อาจารย์โดยด่วน บริษัทต่าง ๆ เขารับคนจำนวนจำกัดนะ ใครเลือกก่อนส่งก่อน มีสิทธิ์ก่อน วันนี้พอแค่นี้”
“ขอบคุณค่ะ / ขอบคุณครับ”
เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ทุกคนต่างฮือฮานั่งจับกลุ่มหาบริษัทที่ตัวเองสนใจ
ห้าปีต่อมาเด็กสายสายฟ้าอายุได้ 6 ขวบ เขามีน้องสาวอีกหนึ่งคน ชื่อว่าน้องพรีม หรือว่าเด็กหญิง พีรดา ฟรองซัว ตอนนี้อายุ 4 ขวบแล้วและตอนนี้คุณแม่กำลังมีน้องของทั้งสองคนอยู่ในท้องอีกหนึ่งคน คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องลุ้น ให้คุณหมออัลตร้าซาวด์ไปเลยว่าเป็นลูกสาวหรือลูกชายสรุปได้ผลออกมาแล้วว่าเป็นลูกชาย ฟาเบียนยิ้มแก้มปริเมื่อรู้เรื่อง ปองรักบอกว่าขอท้องอีกท้องนี้ท้องเดียว จะปิดอู่เลย พอรู้ว่าได้ลูกชายคุณพ่อก็ไฟเขียวให้คุณแม่ทำหมันได้หลังจากที่คลอดน้อง“จิลจ๊ะ ถึงไหนกันแล้ว จิรากับเดียว” ฟาเบียนเดินเข้ามาหาภรรยาคนสวย ตอนนี้เธอกำลังจัดการทุกอย่างเพื่อปาร์ตี้เล็กของสองครอบครัวที่นัดกันสามเดือนครั้ง“โทรมาเมื่อสักครู่ คงจะใกล้ถึงแล้ว” เธอหันไปตอบเขา ฟาเบียนเดินมาเลื่อนเก้าอี้ แล้วดันหลังให้เธอนั่งลง“ให้เด็กจัดการเถิดน่า จะคลอดอยู่แล้ว” ฟาเบียนทำเสียงดุ เธอส่งยิ้มให้สามี เขาก้มหน้าลงมาชิดแล้วจุ๊บไปที่ริมฝีปากของเธอเบา ๆ“คุณแม่ขา พี่สายฟ้าแกล้งลูก” เด็กหญิงพรีมพูดเสียงดังฟังชัดเดินเข้ามาฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่ที่นั่งกอดกันอยู่ตรงนั้น“ผมไม่ได้แกล้งนะครับคุณแม่ ยายหนูพรีมขี้ฟ้อง” สายฟ้าทำเสียงดัง ก่อนชักส
“ใครโทรมาจ๊ะ” ฟาเบียนถามปองรัก เขาเดินเปลือยตัวท่อนบน ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เช็ดหลังเดินเข้าไปหาเตียงเล็กของสายฟ้าที่วางอยู่ใกล้ ๆ เตียงใหญ่ของทั้งคู่“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ” เขามองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ยกมือไปแตะที่หน้าผากขยี้เบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาปองรักที่นั่งยิ้มรออยู่บนเตียง“จิราโทรมาค่ะ แจ้งข่าวดีว่าท้องได้สี่เดือนแล้ว” สีหน้ายินดีไปกับเพื่อนรักด้วย“จริงหรือจ๊ะ งั้นคุณฟาจะยอมแพ้ได้ไง จัดสิคืนนี้” ว่าแล้วเขาดึงผ้าเช็ดตัวที่พันกายออกไปให้พ้น แล้วก็รวบกอดเมียรักเขาสู่อ้อมแขน ดันร่างภรรยาคนสวยให้นอนลงไป ทาบร่างหนาใหญ่ขึ้นไปทับร่างกายของปองรักเอาไว้ทั้งตัว“ทำหน้าทำตาหื่นเชียว” เธอยกนิ้วจิ้มไปที่จมูกของเขา“คุณฟาจะเอาลูกสาวนะคืนนี้ จิลจะได้ไม่เหนื่อย วุ่นทั้งวันเหมือนเลี้ยงสายฟ้า เด็กผู้หญิงน่าจะน่ารัก แล้วคงพูดง่ายกว่านี้”“แหนะไปว่าลูก สายฟ้าได้ยินน้อยใจแย่” เธอทำจมูกย่นใส่เขา“ลูกสาวจะได้น่ารักเหมือนแม่” ฟาเบียนพูดต่อ“อ่อ... ที่สายฟ้าเป็นทุกวันเนี่ย คงเหมือนคุณพ่อแน่สินะคะ” เธอได้ทีว่าเข้าให้“หื้อ... หาเรื่องนี่นา แบบนี้ต้องลงโทษ” พูดจบเขาก็ฉกใบหน้าลงไปคลุกวงใน ก่อน
ก๊อก... ก๊อก... เคาะได้สองที นิจิตก็เปิดผลัวะเข้ามา เดินตรงมายังเตียงนอนของคนไข้“จิราเป็นอะไรครับ เป็นอะไร ผมโทรหาใครก็ไม่มีใครรับ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ตรงนี้กันพร้อมหน้า” เขายืนเหนื่อยหอบเอาการอยู่ ก็ไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง วิ่งมาตัวปลิวนิจิตจับมือสุจิราเอาไว้แน่น พอเห็นหน้าซีด ๆ ของเมีย ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากของเธอเหมือนวัดไข้“เมื่อเช้าก็เห็นดี ๆ อยู่” เขาพูดกับเธอคุณแม่ของนิจิตยกมือของท่านวางไว้บนไหล่ของลูกชายที่ตอนนี้หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ภรรยาสุดที่รักที่สุดนิจิตยกหน้าขึ้นไปมองแม่“หมอว่ายังไงครับ” เขายังมีสีหน้าเคร่งเครียด สองคุณแม่มองหน้าลูกชายแล้วส่งยิ้มให้นิจิตถึงกับเหวอ“จิราไม่สบาย คุณแม่ยังยิ้มกันออกอีกหรือครับ ดูสิหน้าซีด ตัวซีดหมดแล้ว” เขาว่าแม่ของเขาแบบงอน หันหน้าไปมองเมียรักที่นอนยิ้มกว้างอยู่เช่นเดียวกัน“หึ... อะไร จิราเป็นอะไร” เขารีบเขย่ามือเธอเพราะอยากรู้“ท้องค่ะ พี่เดียว จิราท้อง” คำบอกของเมียทำให้เขากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ วิ่งไปวิ่งมาในห้องผู้ป่วย ทำสีหน้าว่าดีใจสุด ๆ วิ่งเข้าไปหาคุณพ่อของตัวเอง ก่อนจะกอดท่านเอา
“อะไรกัน พวกแกเป็นใคร” เธอชะงักงันยืนนิ่งอยู่กับที่ตอนนี้ในห้องนอนที่ว่างเปล่าเมื่อกี้เต็มไปด้วยชายฝรั่งฉกรรจ์หน้าตาดี หล่อล่ำกล้ามเป็นมัด ๆ ทาตัวด้วยน้ำมันวาววับ นับได้ตั้งห้าคน ทุกคนกรูกันเขามาจับตัวของทิพย์ดาราเอาไว้ทันที แล้วพูดออกมาเป็นเสียงภาษาอะไรก็ไม่รู้ ที่หญิงสาวไม่เคยได้ยินมาก่อนคนหนึ่งจูบปาก อีกคนล้วงควักท่อนบน อีกคนล้วงจ้วงนิ้วแทรกเข้าไปใต้กระโปรง ทั้งฝ่ามือหนา และริมฝีปากลากไล้ไปทั้งเนื้อทั้งตัวของหญิงสาวหนึ่งในห้าหนุ่มถือกล้องวีดีโอขนาดพอดีมือเอาไว้ด้วยหนุ่มที่จูบปากป้อนยาเม็ดเล็กเข้าไปในปากของเธอ ทิพย์ดาราฝืนกินเข้าไป เพราะเขาไม่ปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระตอนนี้ในหัวสมองของเธอมืดบอดไปหมด ฝ่ามือหนาร้อนที่ระร้ายไปตามลำตัวทำให้เธออารมณ์กระเจิดกระเจิงเพียงหลังขาวเนียนเปลือยเปล่าสัมผัสผ้าปูที่นอน เธอก็หมดอิสรภาพ ร่างหนาใหญ่รุมเร้าทาบทับ และทุกคนต่างกำลังทำให้เธอทรมาน ทิพย์ดาราดิ้นพล่าน ไปด้วยอุปกรณ์ที่บรรดาหนุ่มใช้มันไปบนร่างกายของเธอ และฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ที่เธอถูกบังคับให้กินไปชายหนึ่งยื่นกระบองของเขาอันใหญ่เขื่องหัวมันแผล็บมาตรงหน้า เธอคว้ามันเข้าไปในปากทันทีแล้
“มาแล้วครับ คุณพ่อกลับมาแล้ว” ฟาเบียนทิ้งข้าวของทุกอย่างใส่ในมือของลัดดา รีบเดินลิ่วพร้อมกับส่งเสียงดังเข้าไปในบ้านสายฟ้าแค่ได้ยินเสียง ก็ดิ้นตัวขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นปู่ คุณคาโรรีบปล่อยตัวเด็กชายลง พอทั้งตัวแตะพื้น เด็กน้อยก็กระเด้งตัวขึ้นคลานสี่ขา แล้วมุ่งหน้าไปตามเสียงเรียกของฟาเบียนคุณพ่อหยุดยืนนิ่งมองดูลูกชายที่คลานเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว พอถึงตัวคุณพ่อ เด็กน้อยก็รีบยึดขากางเกงของคุณพ่อเอาไว้แน่น แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ปากก็พูดออกเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา“มา เจ้าหนูน้อย” ฟาเบียนโน้มตัวของเขาลงไปอุ้มสายฟ้าขึ้นมาแนบอก แล้วก็ใช้จมูกซุกไซ้ให้หนูน้อยจั๊กจี้ตามลำตัว เด็กชายหัวเราะเอิ้ก ๆ ออกมาอย่างมีความสุข“ดื้อกับคุณแม่ไหมครับลูกพ่อ” ฟาเบียนชวนคุย พลางอุ้มลูกตรงไปนั่งใกล้ ๆ พ่อของเขา“ซนเอาเรื่องเลยแหละ” ผู้เป็นปู่วิจารณ์หลานตัวเล็กสายฟ้าพอได้ยืนบนตักของคุณพ่อแล้ว ก็กระโดดอย่างสนุกอยู่บนนั้น จึงได้เห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขของผู้เป็นปู่และผู้เป็นพ่อ“ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ คุณพ่อขาคุณแม่รออยู่” ปองรักเดินเข้ามาหาทั้งสามคนคุณคาโรรีบลุกขึ้น เดินไปยังสนามหน้าบ้าน สถานที่จัดงานเลี้ย
(“งานแต่งงานสุดหรูของเดียว นิจิต กับหวานใจ สุจิรา ลูกสาวเจ้าของร้านเพชรชื่อดัง มีเพื่อนฝูงทั้งในและนอกวงการเข้ารวมแสดงความยินดีอย่างมากมาย งานนี้มีความสุขชื่นมื่นกันทั่วหน้า ทีมข่าวหัวเห็ดเก็บภาพมาฝากแฟนคลับของเดียว นิจิต มาให้ดูกันแล้วแต่ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดของงาน ต้องเป็นแขกคนนี้ ฟาเบียน ฟรองซัว ควงแขนภรรยาสาวสวย และลูกชายวัยใกล้ขวบมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยสายข่าวแจ้งมาแล้วจ้าว่า นางสาวปองรัก ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุล ฟรองซัว เป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนฟาเบียนไป งานนี้เล่นเอาสาว ๆ หลายคนต้องหาคนดามอกกันยกใหญ่สุดท้ายก็ต้องกล่าวอวยพรให้คู่บ่าวสาว และคู่รักทุกคู่ มีความสุข และครองรักกันจนมีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมืองค่ะ”)ทิพย์ดารามองมือถือในมือนิ่ง ภาพคู่บ่าวสาว และคู่นอนเก่าของเธอที่โชว์หน้าหรา ยิ้มกว้างด้วยความยินดี เธอมองฝ่ามือหนาที่วางบนไหล่ของภรรยา และสายตาของฟาเบียนที่จ้องมองปองรักด้วยความรัก แล้วเจ็บหนึบในหัวใจ“มีความสุขกันมากจริง ๆ นะคะ” เธอเอ่ยออกมาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะหยันตัวเอง คนอย่างทิพย์ดาราไม่เคยแพ้ใคร เธอจะเอาฟาเบียนกลับมาให้ได้คราวนั้นเธอเขลาไปเองที่ยอมลบ